ปกติแล้วไม่เคยเห็นหลินผิงขายหน้า ถังอี้จึงรู้สึกมีความสุขที่เห็นความทุกข์ของผู้อื่นไปโดยปริยาย เขารู้สึกที่มีความสุขจนใกล้จะลอยขึ้นมา ราวกับมองไม่เห็นตาขาวที่กลอกมาใส่ตน
“ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละครับ”
หลินผิงออกจากห้องผู้ป่วยไปทำขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาล เฉินเป่ยชวนจึงกวาดสายตามองเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ “นายไปเจอกับเรื่องมีความสุขอะไรมา ระวังจะยิ้มจนคนอื่นคิดว่าเป็นบ้าก็แล้วกันนะ”
“ว่าใครบ้าน่ะ อนุญาตให้นายมีความรักแสดงความน่าอ้วกได้อย่างเดียว ไม่อนุญาตให้ฉันมีความสุขสักหน่อยเลยหรือไง”
เมื่อถูกว่าเป็นคนโง่ ถังอี้จึงต้องขลึงตาใส่อย่างไม่ชอบใจทันที ครั้นมุมริมฝีปากกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย เขาใช้ความลับของเพื่อนในการแลกเปลี่ยนจูบแรกของผู้หญิงคนหนึ่งมาเชียว การแลกเปลี่ยนนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ได้ผลประโยชน์เห็น ๆ
“ชอบคอเหยียนสือเซี่ยแล้วงั้นเหรอ ?”
เฉินเป่ยชวนมองออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นทันที พักนี้ข้างกายของเขาแทบจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นเลย ไม่เหมือนนิสัยที่หมกมุ่นอยู่กับผับจมกองเหล้าเหมือนปกติเลย
“นี่มันน้ำเสียงอะไรของคุณ เหยียนสือเซี่ยเป็นอะไร ฉันว่านะดีกว่าเฉียวชูเฉี่ยนเยอะเลย อย่างน้อยคารมก็ดีกว่า”
หากพูดถึงคารม ไม่ว่าอย่างไรผู้ที่เป็นทนายความเมื่อเทียบกันก็ต้องดีกว่าหน่อยอยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าเขาปริปากพูดขึ้นมาก็เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังปกป้องอยู่ เฉินเป่ยชวนจึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ถ้านายจริงจังฉันไม่คัดค้านอะไรหรอกนะ แต่ถ้าเป็นแค่ความสดใหม่ตอนแรก ๆ ก็อยู่ห่างเหยียนสือเซี่ยไว้ไกล ๆ หน่อยจะดีที่สุด”
พวกเขาเป็นเพื่อนกัน เหยียนสือเซี่ยและเฉียวชูเฉี่ยนเป็นเพื่อนรักกัน หากถังอี้จะเล่นสนุกกับความรู้สึกเฉย ๆ เขาคงยุ่งด้วยไม่ได้ ครั้นถ้าหากคนผู้นี้เป็นเพื่อนของผู้หญิงคนนั้น เขาก็ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยได้
“นายดูนายสิ ตอนนี้นายเป็นสามีเก่านะ นายคิดว่านายมีสิทธิ์มาว่าฉันงั้นเหรอ ?”
อะไรคือความสดใหม่ตอนแรก ๆ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสดใหม่กับผู้หญิงคนนี้ได้นานเช่นนี้
“……”
เมื่อถูกโมโหกลับคืนมา มุมปากของเฉินเป่ยชวนจึงเกร็งขึ้น ไม่ว่าเขาจะเป็นอดีตสามีหรือไม่ ตราบใดที่เป็นเรื่องของเฉียวชูเฉี่ยนเขาก็มีสิทธิ์ เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงของเขา เป็นแม่ของลูกเขา !
ขอเพียงเขาต้องการ ทั้งชาตินี้เธออย่าได้คิดเข้าสู่อ้อมกอดของชายคนที่สองอีกเลย
เครื่องบินลำหนึ่งของซั่นเป่ยทยานขึ้นฟ้า ส่วนสนามบินที่อยู่ใกล้จากสถานที่ถ่ายทำที่สุด ซึ่งเป็นเครื่องบินที่เฉียวชูเฉี่ยนโดยสารอยู่ได้ลงสู่พื้นดินอย่างราบรื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พี่โอเคไหมครับ ?” เฉินจิ้นถงลากกระเป๋าเดินทางแทนเธอ พร้อมมองใบหน้าอันซีดเซียวเล็กน้องของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวก็ดีแล้ว ฉันนั่งเครื่องบินทุกครั้งก็จะเมาเครื่องบินทุกครั้ง”
ภายในกระเพาะอาหารมีน้ำเปรี้ยว ๆ ดันขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ถ้าหากไม่เป็นเพราะมั่นใจว่าตนเองไม่มีทางที่จะตั้งครรภ์ เธอคงคิดว่านี่คือสัญญาณของการมีลูกคนที่สอง
“ทำไมพี่ไม่บอกให้เร็วกว่านี้ครับ ถ้ารู้ว่าพี่เมาเครื่องบิน ผมคงให้เลขาจองตั๋วรถไฟแล้ว”
ภายในใจของเฉินจิ้นถงมีความหงุดหงิดเล็กน้อย เหตุใดเขาจึงไม่ทราบว่าเธอเมาเครื่องบิน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ”
สิ้นเสียงจึงได้สาวเท้ายาว ๆ จากนั้นก็อ้าปาก นำสิ่งที่กระอักกระอวนอยู่ในกระเพาะอ้วกออกมาให้หมดเร็ว ๆ เวลาต่อมาก็รู้สึกสบายขึ้นชั่วพริบตา
เธอใช้น้ำเปล่าบ้วนปาก บนใบหน้าของเธอค่อย ๆ มีสีสันที่ควรมีขึ้นมาทีละน้อยแล้ว หลังจากที่มั่นใจว่าตนเองดูโอเคแล้วจึงเดินออกจากห้องน้ำมา
“เดี๋ยวฉันลากกระเป๋าเดินทางเองดีกว่า”
เฉินจิ้นถงหลบมือที่เธอยื่นเข้ามา พร้อมนำกระเป๋าเดินทางลากเข้ามาอยู่ในมือ “ไม่สบายก็อย่าอวดเก่งเลยครับ อย่างน้อยผมก็เป็นผู้ชายของพวกนี้ยกให้เป็นหน้าที่ผมก็แล้วกัน”
เฉียวชูเฉี่ยนยิ้มขึ้นเป็นการขอบคุณ จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตามกันออกจากสนามบินไป ผู้ที่รับผิดชอบมารับที่สนามบินมาถึงตั้งนานแล้ว พวกเขาเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างทาง เธอลดหน้าต่างลงมา ความไม่สบายสุดท้ายที่กระเพาะอาหารทิ้งไว้ก็ได้ออกไปแล้ว
“กว่าจะถึงโรงแรมยังต้องเดินทางสักครู่หนึ่ง พี่งีบก่อนได้นะ ถึงแล้วผมจะปลุกพี่เอง”
น้ำเสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นข้างหูของเธอ ทำให้สติของเฉียวชูเฉี่ยนดึงกลับมาทันควัน
บังเอิญจัง เธอกำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าไม่พูดกันตลอดทางจะดูอึดอัดเกินไปหรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าเขาจะหาข้ออ้างให้ตนเองแล้วเช่นนี้
“ถ้างั้นถึงโรงแรมแล้วเธอเรียกฉันด้วยนะ”
หลังจากที่หาข้ออ้างได้แล้วเธอจึงเอนที่นั่งไปด้านหลัง ครั้นกลับถูกเฉินจิ้นถงตะโกนห้ามไว้
“รอเดี๋ยวครับ พิงอันนี้พี่จะได้นอนสบาย ๆ หน่อย”
ด้านหลังลำคอจึงถูกสิ่งที่นุ่มนิ่มยัดเข้ามา ราวกับเป็นฝ่ามืออันใหญ่กำลังรองท้ายทอยของเธออยู่ สามารถทำให้การกระแทกระหว่างทางลดลงต่ำที่สุด ต้นคอก็ไม่ต้องขดจนไม่สบายแล้ว
“คิดไม่ถึงเลยว่าเธอยังเป็นคนชอบพกของวิเศษมาด้วย” คิดมาตลอดว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ผู้หญิงชอบทำ ปกติผู้ชายมักจะทำหยาบ ๆ ลวก ๆ จะไม่ให้ความสนใจกับเรื่องแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าเฉินจิ้นถงจะพกของแบบนี้มาด้วย
“เห็นมันน่าสนใจดีก็เลยซื้อมาน่ะครับ” เขายิ้มขึ้นพร้อมอธิบายไป ทั้งที่เป็นสิ่งที่ซื้อมาให้เธอโดยเฉพาะ ทว่ากลับบีบขอบเขตได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพึ่งของวิเศษนี่แล้วสบายมากเกินไป หรือว่าการนั่งเครื่องบินทำให้สูญเสียพลังงานไปมาก เฉียวชูเฉี่ยนผล็อยหลับไปจริง ๆ อีกทั้งยังนอนหลับอย่างหอมหวานอีกด้วย
เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมานั้นก็เป็นเวลาช่วงบ่ายเรียบร้อยแล้ว แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างรถยนต์สวยงามอย่างถึงที่สุด เธอจึงนั่งหลังตรงขึ้นทันที จากนั้นก็มองไปยังผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความรู้สึกผิด “ถึงนานแล้วหรือเปล่าเนี่ย ทำไมเธอไม่ปลุกฉันล่ะ ?”
ทั้งที่พวกเขาน่าจะถึงโรงแรมตอนเวลาบ่ายหนึ่งบ่ายสองแล้ว ครั้นตอนนี้อย่างน้อยคงห้าโมงโดยประมาณได้
“เห็นพี่นอนหลับปุ๋ย ก็เลยไม่กล้าปลุกพี่น่ะ อีกอย่างแค่ครึ่งวันไม่เห็นเป็นอะไรเลย ผมจะได้มองพระอาทิตย์ตกเงียบ ๆ พอดี”
เฉินจิ้นถงยิ้มอย่างอบอุ่นราวกับสามารถทำให้น้ำแข็งละลายได้อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็ลดกระจกหน้าต่างลง แสดงพระอาทิตย์ตกพร่างพราวสวยงามที่เส้นขอบฟ้าทำให้สดชื่นขึ้นมายิ่งขึ้น
“เป็นพระอาทิตย์ตกที่สวยจริง ๆ ด้วยเนอะ”
เฉียวชูเฉี่ยนมองวิวทิวทัศน์อันงดงามที่ขอบฟ้า ภายในใจกลับคิดถึงสำนวนหนึ่งขึ้นมา แสดงอาทิตย์ตกแดงเฉกเช่นเลือด ความคิดทางศิลปะที่ไม่สมบูรณ์แบบทำให้วิวทิวทัศน์ที่งดงามสูญเสียความสวยงามที่ควรมีไปชั่วพริบตา
“ยิ่งคนเรามีความไขว่คว้ามากเท่าไหร่ สิ่งที่สูญเสียก็เยอะเท่านั้น ไม่สู้มานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกอย่างเงียบ ๆ แบบนี้ พี่ว่าไง ?”
ทันใดนั้นเฉินจิ้นถงก็จ้องตามา ดวงตาที่อยู่หลังแว่นตากรอบทองนั้นราวกับเป็นน้ำในมหาสมุทรที่กำลังซัดเข้ามา ทำให้คนมองไม่ออกถึงความลึกตื้น และมองไม่ออกว่าเป็นคลื้นใต้น้ำหรือไม่
เฉียวชูเฉี่ยนยกมุมปากขึ้น “ถูกต้อง ยิ่งคนเราใช้ชีวิตเรียบง่ายเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
ชีวิตที่ซับซ้อนเกินไปก็จะไม่รู้สึกถึงความประสบความสำเร็จเท่าไรนัก ตรงกันข้ามจะทำให้รู้สึกเหนื่อยเกินไปมากกว่า
“อืม เอาล่ะ ฝันหวานเรียบร้อยแล้ว ชื่นชมพระอาทิตย์ตกเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน พวกเราไปโรงแรมกันเถอะ เช็กอินเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ถ้าพี่ยังอยากนอนต่อ ไปนอนที่เตียงใหญ่ ๆ นุ่ม ๆ ได้นะครับ”
เขาลากประตูรถเปิดออก จากนั้นก็ลงจากรถ เฉียวชูเฉี่ยนเตรียมลงรถตามเขาไป ครั้นกลับพบว่าขาอยู่แต่ท่าเดิมนานเกินไป จึงทำให้ชาเล็กน้อย
“ให้ผมประคองนะครับ”
เมื่อเห็นมือที่เข้ามาประคอง เธออยากจะปฏิเสธ ครั้นเขาเป็นคนที่สุภาพบุรุษ การที่ตนเองปฏิเสธไปจะดูเหมือนหวาดกลัวเหมือนเห็นผี ทำได้เพียงให้เขาประคองตนเท่านั้น
เมื่อเข้าห้องมา เฉียวชูเฉี่ยนกวาดสายตามองรอบทิศ ไม่ใช่ห้องพักแบบ Presidential Suite ที่ฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด ครั้นเป็นเพียงห้องธุรกิจธรรมดาเท่านั้น สิ่งที่ต้องการใช้สำหรับธุรกิจมีหมด จุดนี้ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
การมาที่นี่สำหรับเธอนั้นก็คือการมาทำงาน
“นี่คือคีย์การ์ดห้องของพี่ครับ ผมอยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้ามีเรื่องอะไรพี่โทรหาผมได้เลย หรือโทรเบอร์ห้องมาเลยก็ได้ครับ”
เฉินจิ้นถงยื่นคีย์การ์ดห้องให้เธออย่างสุภาพบุรุษ เฉียวชูเฉี่ยนยิ้มพร้อมรับมา “อีกสักครู่พวกเราไปทานข้าวเย็นที่ไหนเหรอ ?”
MANGA DISCUSSION