ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 161 รถสีดำนั่นเป็นของคนของเฉินเป่ยชวนหรือเปล่า?
เฉียวชูเฉี่ยนไม่สามารถทนพูดได้จนจบ เมื่อคิดว่าจิ่งเหยียนอาจจะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง เธอก็รู้สึกกลัวมากจนไม่สามารถหายใจต่อไปได้
มีรถสีดำ? ปฏิกิริยาแรกของเหยียนสือเซี่ยนั้นเหมือนกับที่เธอคิด แต่แล้วเธอก็ปฏิเสธความเป็นไปได้นี้ หากเป็นคนไม่ดีที่จ้องมองเป็นเวลานานโดยไม่ขยับ เฉี่ยนเฉียนก็ต้องตระหนักได้
จากนั้นความคิดก็แวบเข้ามาในใจ “โอ๊ย เธออย่าคิดมากสิ ฉันว่าคงจะเป็นรถของผู้ปกครองของเด็กคนอื่น อีกอย่างนะรถมีตั้งหลายรุ่น สีดำก็เป็นที่นิยม เธออย่าทำให้ตัวเองกลัวสิ”
รถสีดำนั่นเป็นของคนของเฉินเป่ยชวนหรือเปล่า?
“งั้นเหรอ? ”
เฉียวชูเฉี่ยนเองก็รู้สึกว่าเธอเองเป็นกระต่ายตื่นตูม แต่ในใจก็ยังรู้สึกระแวงอยู่เล็กน้อย เพราะเกรงว่ามันจะมีอันตรายซ่อนอยู่
“ไม่ต้องกังวล จิ่งเหยียนจะต้องไม่เป็นอะไรอีกแล้ว”
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคำปลอบโยนธรรมดาๆ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเป็นอย่างมาก เธอเงยหน้ามองปฏิทินบนโต๊ะ หลายวันมานี้เธอยุ่งมากจนลืมวันลืมคืนไปเลย
“วันเสาร์นี้ฉันจะพาจิ่งเหยียนไปคฤหาสน์เก่าตระกูลเฉินด้วยกัน ไปเยี่ยมคุณย่าน่ะ”
หลังจากพูดคำว่าคุณย่า ริมฝีปากบางของเฉียวชูเฉี่ยนก็รอยยิ้มขมขื่น เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเฉินเป่ยชวนอีกต่อไป แต่เธอก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนการเรียกคุณย่าได้
“เธอจะไปที่ตระกูลเฉินเหรอ? ”
เหยียนสือเซี่ยยืนขึ้นจากโซฟาอย่างแรง เธอถึงกับสะดุ้ง
“เฉินเป่ยชวนไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว ดังนั้นต่อให้ฉันไปบ้านเขาก็ไม่มีทางที่จะเจอเขาหรอก”
คิดว่าสือเซี่ยกังวลเกี่ยวกับการพบกับเฉินเป่ยชวน เธอจึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ถ้าเฉินเป่ยชวนเดินทางไปทำงานทุกเดือนแบบนี้คงจะดี เธอเองจะได้ไปเยี่ยมคุณย่าบ่อยๆ
“ถ้าเธอคิดดีแล้วก็ตามใจละกัน”
เหยียนสือเซี่ยนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง เธอไม่สามารถพูดมากเกินไปได้ ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น
และวันเสาร์ก็มาถึง… เฉียวจิ่งเหยียนถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าตัวน้อยรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากพลางบ่นพึมพำ
“ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้พวกเราจะไปเยี่ยมย่าทวดกันนะ”
จากนั้นก็เบะปากใส่ “ใครใช้แม่ไม่เตือนผมก่อนนอนล่ะครับ”
เขาตกใจ นึกว่าปลุกเขาขึ้นมาทำอะไร ตอนที่อยู่ตระกูลเฉิน คุณย่าทวดดีกับเขามาก เขาคิดถึงย่าทวดตั้งนานแล้วแต่ก็เป็นห่วงหม่ามี๊ ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่เคยปริปากพูดเลย
“แม่ผิดเอง งั้นพวกเราไปซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อของบำรุงกันเถอะ”
“ครับ ผมใช้เงินของผมได้”
เฉียวจิ่งเหยียนพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ตอนนี้เขาไม่ได้จะไปเอาใจหญิงสาวที่ไหน จึงนำเงินมาใช้ด้วยความกตัญญู
ณ คฤหาสน์เก่าตระกูลเฉิน
ท่านผู้หญิงเฉินเดินไปรอบๆ สนามอย่างไม่หยุด ใบหน้าของเธอเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
“จิ้นถง เธอแน่ใจนะว่าวันนี้วันเสาร์ ทำไมเฉี่ยนเฉียนกับจิ่งเหยียนยังไม่มาอีกล่ะ” แต่ในตอนนี้ยังไม่เห็นมีใครจึงรู้สึกกังวลเล็กๆ
“คุณย่า ไม่ต้องกังวล พวกเขาจะมาแน่นอนครับ”
เฉินจิ้นถงไม่มีความกังวลใด ๆ บนใบหน้าของเขา เฉียวชูเฉี่ยนไม่เคยผิดคำพูด ถ้าเธอรับปากแล้วว่าจะมาเธอต้องมาอย่างแน่นอน
“ไม่ได้ ฉันจะต้องโทรหาหล่อน ดูซิว่าหล่อนอยู่ที่ไหน”
ท่านผู้หญิงยังคงกังวลและต้องการที่จะยืนยันตัวเอง แต่ถูกห้ามดไว้โดยเว่ยชูหรงที่อยู่ด้านข้าง
“คุณแม่ลูกของเฉี่ยวชูเฉี่ยนเรียนชั้นประถมแล้วนะคะ แล้วก็ไม่ได้ปัญญาอ่อน จะหลงทางได้ยังไง จะมาเช้าหรือเร็วพวกเขาก็ไม่ได้อยากพบคนแก่ ถ้าแม่โทรไปก็มีแต่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเปล่าๆ ”
น้ำเสียงแปลก ๆ ของเธอบ่งบอกได้ชัดว่าเฉียวชูเฉี่ยนไม่ได้มาที่ตระกูลเฉินโดยสมัครใจ
“แม่ ไม่ต้องพูดแล้ว”
เฉินจิ้นถงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ มันไม่สำคัญว่าแม่ของเธอจะพูดอย่างจริงใจ แต่เขาไม่ต้องการให้ใครบางคนใช้ความจริงใจนี้
“เจ้าเด็กนี่ ฉันพูดผิดหรือไง?”
“มาแล้ว มาแล้ว! ”
ในขณะที่ท่านผู้หญิงจะหันไปบอกให้หุบปากนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นรถแท็กซี่ขับเข้ามา ความรู้สึกโกรธนั้นแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักในทันใด
เว่ยชูหรงมองตามไป อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากมองบนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเฉียวชูเฉี่ยนคนนี้ทำอะไรให้ท่านผู้หญิงกิน ทำไมถึงได้รักได้หลงถึงขนาดนี้
“คุณย่า”
“คุณย่าทวด! ”
หลังจากทั้งสองลงจากรถ เฉียวชูเฉี่ยนเพิ่งจะทักทาย แต่เจ้าตัวน้อยกลับกระโดดเข้าไปกอดท่านผู้หญิง
“โอ้ เหลนที่รัก คิดถึงย่าทวดไหม มาหอมย่าทวดหน่อยซิ ”
เฉียวจิ่งเหยียนเขย่งเท้าขึ้นและจูบใบหน้าของเธอทันที ทำให้ท่านผู้หญิงหัวเราะอย่างมีความสุขเป็นพิเศษ
“รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”
เฉียวชูเฉี่ยนช่วยพยุงท่านผู้หญิงเข้าไปในคฤหาสน์แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณย่า หนูไปซูเปอร์มาร์เก็ตและซื้อของบำรุงมาให้ ไม่รู้ว่าคุณย่าจะชอบหรือเปล่า”
“อดีตหลานสะใภ้ช่างมีน้ำใจเสียจริง แต่พวกเราตระกูลเฉินไม่ได้ขาดสิ่งของเหล่านี้หรอกนะ”
ก่อนที่ท่านผู้หญิงจะพูดอะไร เว่ยชูหรงกลับพูดแทรกขึ้นมา
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เว่ยชูหรงมักจะไม่พอใจเธอ แต่ครั้งนี้มันมากเกินไป
“อยู่นี่มีธุระอะไร หุบปากไปซะ” สีหน้าของท่านผู้หญิงดูไม่ค่อยดีนัก ใครจะเหมือนเว่ยชูหรงคนนี้ ถ้าจะพูดไม่ดีก็อย่าพูดเลยเสียดีกว่า
“คุณแม่ บอกให้หนูหุบปาก หนูเองก็เป็นสะใภ้ตระกูลเฉินนะ ไม่เหมือนใครบางคนหรอก เป็นแค่เมียเก่า หรือพูดง่ายๆ ว่าประตูของตระกูลเฉินไม่ยินดีต้อนรับคนแบบนี้ ”
ตอนนี้เฉินเป่ยชวนไม่ได้อยู่ในประเทศ และด้วยเรื่องราวของหลินเฟยเอ๋อร์ทำให้ชื่อเสียงของเฉินเป่ยชวนป่นปี้ไม่มีชิ้นดี เวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่จะทับถมเขา ไม่งั้นจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ
“ฉันยังมีชีวิตอยู่ เธอจะพูดแทนฉันได้ยังไง!”
ท่านผู้หญิงรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของเธอ เว่ยชูหรงยังคงมองว่าเธอเป็นท่านผู้หญิงอยู่หรือเปล่า
“หนูรู้ค่ะว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่งั้นหนูจะไม่ให้ผู้หญิงคนนี้เข้าบ้านเด็ดขาด”
ถ้าในสถานการณ์ปกติ เธอคงไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนี้ แต่ตอนนี้เฉินเป่ยชวนไม่อยู่แล้วถ้าท่านผู้หญิงโกรธจนตายไปจริงๆ ละก็นับเป็นเวลาที่เหมาะสม ไม่แน่ว่าเฉินจิ้นถงอาจจะได้รับทรัพย์สมบัติและมรดกทั้งหมดของตระกูลเฉิน
“เธอ! ”
การก้าวเดินของท่านผู้หญิงไม่มั่นคง เฉียวชูเฉี่ยนจับแขนของเธอทันที ใบหน้าของเธอโกรธแต่เว่ยชูรงกลับไม่สนใจเธอ
“กรุณาขอโทษคุณย่าด้วยค่ะ! ”
“ฉันจะขอโทษหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับผู้หญิงสารเลวอย่างเธอ? เธอคิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่ หลินเฟยเอ๋อร์ตายไปแล้ว เธอคิดเหรอว่าจะยั่วยวนเฉินเป่ยชวนได้สำเร็จอีก และกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ตระกูลเฉินอีกครั้ง ฉันจะบอกเธอให้นะว่า…อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย พวกเราตระกูลเฉินไม่ต้องรับผู้หญิงอย่างเธอ”
น้ำเสียงของเว่ยชูหรงดูถูกเหยียดหยาม ตั้งแต่เธอแต่งงาน เธอก็ถูกท่านผู้หญิงบีบบังคับมาตลอด หลังจากสามีของเธอเสียชีวิต เธอก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน
“แกมันเลว แกตั้งใจทำให้ฉันโกรธ!”
ท่านผู้หญิงพยายามระงับอารมณ์ และเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ เธอต้องการที่จะทำให้โกรธจนตาย