ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 154 เฉี่ยนเฉียน ในที่สุดเราก็ได้พบกันเสียที
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเลขานุการก็ตอบกลับมา เฉียวชูเฉี่ยนกล่าวขอบคุณหล่อนแล้วก็รู้สึกโล่งอก หากสรุปงานกันได้เรียบร้อยก่อนที่เฉินป่วยชวนจะกลับมาก็คงจะดียิ่งขึ้นไปอีก
ในห้องทำงานของรองผู้อำนวยการบริษัทเฟิงฉิง เฉินจิ้นถงมองโทรศัพท์ที่เขาเพิ่งวางสายก่อนจะเอื้อมมือมาถอดแว่นตากรอบทองออก นัยน์ตาเรียวฉายแววว่ากำลังคิดแผนการบางอย่าง แล้วริมฝีปากบางก็กระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
เฉี่ยนเฉียน ในที่สุดเราก็ได้พบกันเสียที
เช้าวันรุ่งขึ้นเฉียวชูเฉี่ยนตั้งใจเลือกชุดสูทที่เป็นทางการและแต่งหน้าอ่อนๆ เมื่อดูจนแน่ใจว่าตนเองแต่ตัวได้เหมาะสมกับตำแหน่งและหน้าที่แล้วเธอจึงออกจากบ้าน
“วันนี้เธอไปที่บริษัทอื่นเพื่อนัดดูตัวหรือไง”
เหยียนสือเซี่ยที่ขับรถอยู่อดแซวไม่ได้ แค่ไปทำงานทำไมต้องแต่งชุดที่ชวนให้รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจแบบนี้ด้วย
“ขับรถไปเถอะน่า”
ท่าทีของเฉียวชูเฉี่ยนหยุดใจของคนที่อยากรู้อยากเห็นไม่ได้ “เธอก็บอกฉันมาก่อนสิว่าวันนี้จะไปทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องแต่งตัวซะเว่อร์วังอลังการขนาดนี้”
“ที่บริษัทสั่งให้ฉันไปเจรจาเรื่องการทำธุรกิจร่วมกับบริษัทเฟิงฉิง วันนี้ฉันเลยต้องไปที่นั่น”
เมื่อถูกบังคับให้พูดเธอจึงจำเป็นต้องบอกเหยียนสือเซี่ยเกี่ยวกับแผนการของวันนี้ ส่งผลให้รถที่กำลังขับอยู่ดีๆ หยุดลงอย่างกะทันหันจนหน้าผากของเธอเกือบจะกระแทกกระจกหน้ารถ
“จะฆ่ากันรึไงน่ะ”
“เธอโง่รึไงเนี่ย!”
เหยียนสือเซี่ยสบถพลางใส่เกียร์ว่าง เธอจะไปเจรจากับเฟิงฉิงเรื่องการร่วมธุรกิจงั้นหรือ? ในซั่นเป่ยมีบริษัทตั้งมากมายทำไมถึงเจาะจงว่าต้องเป็นเฟิงฉิง แล้วที่บริษัท Q&C มีเลขาตั้งมากมาย ทำไมถึงต้องมอบหน้าที่นี้ให้เฉี่ยนเฉียนด้วย
นี่มันเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์เหมือนในนิยายประโลมโลกชัดๆ!
“มันเป็นคำสั่งจากหัวหน้า ฉันทำอะไรไม่ได้ เว้นแต่ว่าฉันจะไม่อยากทำงานต่อแล้ว”
เธอผายมือออกอย่างช่วยไม่ได้ ใครเป็นคนให้งานเธอทำล่ะ คำสั่งของเจ้านายถือเป็นคำบัญชาจากสวรรค์
“ฉันไม่อยากให้เธอต้องเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้เธอเสียใจ”
ชื่อของเฉินเป่ยชวนหยั่งรากลึกลงภายในใจของเฉี่ยนเฉียนและลบออกไปไม่ได้ง่ายๆ ต่อให้มีเวลาทั้งชีวิตก็ไม่มีทางลบชื่อของชายผู้นี้ออกไปจากใจของเธอได้ การพบกันภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เธอทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการยอมรับมัน
“เฉินเป่ยชวนไม่ได้อยู่ในประเทศจีน คนที่ฉันนัดไว้คือเฉินจิ้นถง เขาเป็นคนน่าคบนะ ถ้าทุกอย่างราบรื่นฉันก็อยากจะเซ็นสัญญาให้เรียบร้อยภายในหนึ่งสัปดาห์ ส่วนการดำเนินการอื่นๆ หลังจากนี้คงไม่ค่อยมีโอกาสที่ฉันจะได้ออกไปพบเจอพวกเขาแล้วละ”
“ดูเหมือนเธอจะคิดทุกอย่างไว้ดีแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ฉันคงทำได้แค่คอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ แต่เธอต้องจำไว้นะว่าถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทน ต่อให้เธอไม่มีงานทำจริงๆ ฉันก็เลี้ยงเธอกับลูกได้”
หลังจากพูดจบเหยียนสือเซี่ยก็เอื้อมมือกอดคอของเธอไว้แถมยังเอาหน้าผากมาชนกัน ทำให้เฉียวชูเฉี่ยนต้องรีบผลักเธอออกอย่างทนไม่ไหว
“รีบไปทำคดีของตัวเองเถอะน่า”
รถขับมาจอดที่หน้าประตูทางเข้าบริษัทเฟิงฉิงอย่างนุ่มนวล ตอนที่เฉียวชูเฉี่ยนลงจากรถ เหยียนสือเซี่ยก็ไม่ลืมกำชับไปว่า “อย่าลืมที่ฉันบอกนะ ฉันไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงเธอกับลูกชายก่อนละ”
เธอจำใจยิ้มให้เพื่อนสาวก่อนจะก้าวเข้าไปในบริษัทเฟิงฉิง
ทันทีที่เดินเข้าไปพนักงานต้อนรับสาวก็กล่าวทักทายเธอ “เลขาเฉียว รองผู้จัดการเฉินรอคุณอยู่ที่ชั้นบนแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนเคยมาที่เฟิงฉิงครั้งหนึ่งเมื่อ 8 ปีก่อน แม้ว่าจะมีการปรับปรุงใหม่แต่ลักษณะโดยรวมของที่นี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักเธอจึงยังจำตำแหน่งของลิฟต์ได้ถูกต้อง เธอกดเลขชั้นที่พนักงานต้อนรับแจ้งไว้แล้วลิฟต์ก็ค่อยๆ เคลื่อนที่ขึ้นไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ”
เสียงที่อ่อนโยนดังลอดประตูออกมา เฉียวชูเฉี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
“มาแล้วเหรอครับพี่สะใภ้”
เฉินจิ้นถงเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร ชื่อที่เขาเรียกขานทำให้เธอเม้มปากริมฝีปากแน่น คำว่าพี่สะใภ้นี่ฟังแล้วช่างน่าอึดอัดจริงๆ
“ขอโทษที ผมชินน่ะ เลขาเฉียว ยินดีจริงๆ ที่คุณมาที่เฟิงฉิงเพื่อหารือเกี่ยวกับการร่วมมือของเรา”
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาเธอ เขายิ้มและยื่นมือออกมา รอยยิ้มที่อบอุ่นและสุภาพของเขาทำให้เฉียวชูเฉี่ยนลดความอึดอัดลงไปมากแล้วยื่นมือไปจับมือใหญ่นั้นตามมารยาท
“หวังว่าการเจรจากับรองประธานเฉินจะเป็นไปอย่างราบรื่นนะคะ”
เมื่อพูดจบเธอจึงถือโอกาสคลายมือออก เฉินจิ้นถงชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มและปล่อยมือ
“วางใจเถอะครับ ตราบใดที่แผนการร่วมมือที่ทางบริษัทคุณเสนอมาน่าสนใจผมก็ไม่เรียกร้องอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลหรอก เอาล่ะ เรามานั่งคุยกันตรงนี้ดีกว่า”
เธอทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาและหยิบเอกสารที่เตรียมไว้ออกมา “นี่เป็นแผนฉบับร่างที่ฉันเขียนไว้เมื่อวานนี้ ด้านในมีรายละเอียดที่ยังตกลงกันได้ค่ะ ถ้ารองประธานเฉินมีข้อเสนอแนะหรือเงื่อนไขเพิ่มเติมก็เสนอมาได้เลยนะคะ ฉันจะได้นำกลับไปแก้ไข”
เนื่องจากมาที่เฟิงฉิงเพื่อเจรจาเรื่องงานเธอจึงใช้คำพูดอย่างเป็นทางการตามปกติ ซึ่งเธอคิดว่าตนเองค่อนข้างเป็นมืออาชีพมากเลยทีเดียว
“งั้นรอสักครู่นะครับ ผมขออ่านดูก่อน”
เฉินจิ้นถงก้มหน้าอ่านแผนงาน
เฉียวชูเฉี่ยนนั่งมองเขาที่กำลังตั้งใจอ่านเอกสารอย่างเงียบๆ โดยไม่รบกวน ประมาณยี่สิบนาทีต่อมาเฉินจิ้นถงจึงดันแว่นตาของเขาให้เข้าที่
“ผมชอบแผนฉบับร่างนี้มากนะ แต่มีบางประเด็นที่ผมคิดว่าเราควรจะหารือกันอีกครั้ง”
ความกังวลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ค่อยคลายลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินที่เขาพูด แม้จะไม่ได้กังวลว่าจะถูกเขาจะกลั่นแกล้งแต่เธอก็ยังกลัวว่าเขาจะจงใจทำอะไรให้เธอลำบาก
“เชิญคุณพูดเลยค่ะ”
“ผมคิดว่าตรงนี้ควรเปลี่ยนวิธีการให้ความร่วมมือของพวกคุณนิดหน่อย…”
นิ้วเรียวชี้ไปที่ประโยคหนึ่งในเอกสาร เขาอธิบายความคิดและข้อเสนอแนะของตนเองโดยที่เฉียวชูเฉี่ยนคอยรับฟังอย่างตั้งใจ ทั้งคู่ปรึกษาหารือกันไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากินเวลาไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว
“ฉันจะนำข้อเสนอแนะและเงื่อนไขของท่านรองเฉินไปปรับแก้โดยเร็วที่สุดค่ะ หวังว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจนะคะ”
เมื่อดูเวลาเฉียวชูเฉี่ยนก็ลุกขึ้นและเตรียมจะเอ่ยลา แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากเฉินจิ้นถงก็ขัดขึ้นมาก่อน
“นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว คุณกลับไปตอนนี้เกรงว่าคงไม่มีอะไรให้กินแล้วละครับ เอาอย่างนี้ไหม ผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ ถือเสียว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการทำธุรกิจร่วมกัน”
“คือ…”
“หรือว่าเลขาเฉียวไม่อยากให้การร่วมธุรกิจของเราราบรื่น?”
ที่พูดมาทั้งหมดก็เพื่อจุดประสงค์นี้ หากปฏิเสธไปเธอคงดูเหมือนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวและทำงานไม่เป็น “งั้นรบกวนท่านรองเฉินด้วยนะคะ”
เฟิงฉิงตั้งอยู่ในละแวกที่เจริญที่สุดในซั่นเป่ย ร้านอาหารแถวนี้ส่วนใหญ่จึงล้วนแล้วแต่เป็นร้านหรูระดับภัตตาคาร เฉียวชูเฉี่ยนเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเข้าไปรับประทานอาหารกลางวันอย่างอึดอัด ทว่าเฉินจิ้นถงกลับไม่ได้เลือกภัตตาคารที่อาจจะทำให้ผู้ที่มาด้วยไม่สบายใจ แต่เลือกร้านอาหารที่เป็นที่นิยมแทน
“คุณก็รู้ว่าผมเพิ่งกลับมาประเทศจีนไม่นาน เงินในกระเป๋าผมเลี้ยงคุณได้แค่นี้ละครับ คุณอย่าถือสาเลยนะ”
คำพูดที่ดูเหมือนจะแซวตัวเองเล่นๆ นั้นทำให้เฉียวชูเฉี่ยนผ่อนคลายลงอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วความอึดอัดบนใบหน้าก็พลันจางหายไป “ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าบรรยากาศที่นี่ดูน่าสบายดีออก”
คงต้องบอกว่าเฉินจิ้นถงคนนี้ทำให้คนหายประหม่าได้
“งั้นก็ดีเลย ถึงผมจะมีเงินในกระเป๋าไม่มาก แต่คุณก็เลือกทานอาหารได้เท่าที่ต้องการได้เลยนะครับ” เขาผายมืออย่างเชื้อเชิญ เฉียวชูเฉี่ยนจึงยิ้มและเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับเขา