ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 151 เด็กคือลูกของบอส
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงเกิดขึ้นระหว่างบอสกับคุณเฉียว ในเมื่อเด็กคือลูกของบอสก็เป็นเรื่องง่ายแล้วที่จะแก้ไขความเข้าใจผิด
“ไม่ต้อง”
เฉินเป่ยชวนปฏิเสธข้อเสนอนี้ด้วยความคาดไม่ถึง คิ้วของเขาขมวดกันยุ่งเหยิง พระเจ้ารู้ดีว่าตอนนี้เขาอยากจะไปหาผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน อยากจะถามว่าทำไมเธอถึงไม่อธิบายว่าเด็กเป็นลูกของเขา ทำไมเมื่อเจ็ดปีก่อนเธอถึงยอมเซ็นต์ใบหย่า แถมตอนนี้ก็ยังคงมองข้ามและไม่ยอมอธิบาย
แต่เขาทำอะไรมากไม่ได้เพราะยังมีพวกที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวจิ่งเหยียนซึ่งพวกมันพุ่งเป้ามาที่เขา การแก้ไขความเข้าใจผิดในตอนนี้มีแต่จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
“บอสเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเขาใช่ไหมครับ”
เป็นเพราะว่าอยู่กับเขามาหลายปีหลินผิงจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งก็จริง ตอนนี้คงไม่ใช่จังหวะที่ดีนักที่จะแก้ไขความเข้าใจผิด
“หาคนมาคอยดูแลความปลอดภัยของพวกเขา แต่อย่าให้พวกเขารู้ตัวเด็ดขาด”
ความกังวลเรื่องความปลอดภัยก็เรื่องหนึ่ง และในทางกลับกันเขาก็ยังห่วงว่าความเข้าใจผิดระหว่างเขากับเฉียวชูเฉี่ยนนั้นคงจะแก้ไขไม่ได้ง่ายๆ แต่เมื่อก้มลงมองรายงานผลการตรวจเลือดที่อยู่ในมือริมฝีปากที่เม้มตึงของเขาค่อยๆ คลายยิ้มออก โชคดีที่วันนั้นเขาช่วยชีวิตเจ้าตัวเปี๊ยกไว้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดไปชั่วชีวิต
ที่ปลายนิ้วมีสัมผัสของความรักความผูกพันอันอ่อนโยนเอ่อขึ้นมา แท้จริงแล้วพวกเขามีลูกด้วยกันจริงๆ
“บอสไม่ต้องห่วงครับ ผมจะสั่งให้ลูกน้องคอยดูแลความปลอดภัยของคุณเฉียวกับลูกเป็นอย่างดี”
หลังจากหลินผิงพูดจบและพยักหน้ารับโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น พอมองหมายเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น “คนของเราที่อยู่ที่สถานีตำรวจโทรมาครับบอส”
หลินเฟยเอ๋อร์?
คิ้วคมของเฉินเป่ยชวนเลิกสูงขึ้น มันถึงเวลาแล้วจริงๆ ในเมื่อเธอชอบใช้อุบายต่ำๆ แบบนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้หลุดออกมาจากคุกอีกเลยตลอดชีวิต
เขาจะทำให้เธอรู้ซึ้งถึงคำว่าตายทั้งเป็น!
หลินผิงกดรับสายทันทีหลังจากนั้น แล้วน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “นายว่ายังไงนะ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“โอเค ฉันเข้าใจละ พวกนายอยู่ที่นั่นก่อน อย่าให้พลาดเบาะแสที่น่าสงสัยแม้แต่อย่างเดียว”
หลินผิงกดวางสายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หลินเฟยเอ๋อร์ตายแล้วครับบอส”
เมื่อครู่นี้ลูกน้องของเขาโทรมาและบอกว่าหลินเฟยเอ๋อร์ถูกพบว่าเสียชีวิตอยู่ในสถานกักกัน
เฉินเป่ยชวนชะงัก “เกิดอะไรขึ้น ใครไปที่สถานกักกัน?”
จากที่เขารู้จักหลินเฟยเอ๋อร์มาเธอไม่มีทางฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเธอถูกฆ่า และคนที่ไปที่สถานกักกันก็คือผู้ต้องสงสัย
“มีแค่เฉินจิ้นถงที่ไปที่นั่นครับ แต่ผู้คุมบอกว่าเฉินจิ้นถงเพียงแค่นำใบหย่าไปให้หลินเฟยเอ๋อร์ ซึ่งนั่นเป็นความตั้งใจของท่านผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้นเวลาที่หลินเฟยเอ๋อร์เสียชีวิตกับเวลาที่เฉินจิ้นถงไปที่สถานกักกันยังไม่ตรงกันด้วย”
“การวินิจฉัยเบื้องต้นตอนนี้ระบุว่าหลินเฟยเอ๋อร์เสียชีวิตเพราะสารอะฟลาทอกซินชนิดร้ายแรงประเภทเดียวกับที่เธอตั้งใจจะใช่กับเฉียวจิ่งเหยียนก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้ตำรวจสันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่าเธออาจจะเลือกฆ่าตัวตายเพราะทนความกดดันไม่ได้”
“เป็นไปไม่ได้ ส่งคนไปสังเกตการณ์ที่สถานกักกันที”
แม้จะเหลือความหวังแค่เพียงเล็กน้อยแต่หลินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่มีที่จะทางเลือกความตาย
“แต่ว่าก่อนหน้านี้หลินเฟยเอ๋อร์ขอให้สถานกักกันถอดกล้องวงจรปิดภายในห้องของเธอออกทั้งหมดเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัว ผมเกรงว่าคงจะตรวจสอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น”
ตำรวจพวกนั้นมักจะชอบทำอะไรแบบเหลือทางรอดไว้ให้ตนเอง ดังนั้นเมื่อหลินเฟยเอ๋อร์ข่มขู่ “ถ้าอย่างนั้นตรวจสอบวิดีโอในห้องรับรอง เฉินจิ้นถงไม่มีทางปรากฏตัวที่นั่นโดยบังเอิญแน่”
เฉินเป่ยชวนเอ่ยอย่างมั่นใจ เฉินจิ้นถงไม่ได้ไปที่นั่นเพียงแค่เพื่อนำเอกสารการหย่าไปให้อย่างแน่นอน
“ใช่ครับ ถ้าอย่างนั้นท่านผู้หญิง…”
ท่านผู้หญิงเองก็ใจร้อนเหมือนกัน น่าเสียดายที่ท่านไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วบอสไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับหลินเฟยเอ๋อร์ และพีธีแต่งงานครั้งนั้นก็เป็นเพียงแค่การจัดฉากเพื่อเล่นละครต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น
“ตอนนี้ยังไม่ต้องห่วงคุณย่า”
เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ถ้าเขาเดาไม่ผิดเป็นไปได้ว่าคุณย่าน่าจะถูกใครบางคนใช้เป็นเครื่องมือ
ซึ่งดูเหมือนว่าใครบางคนจะรอไม่ไหวแล้ว
มีการรายงานข่าวการเสียชีวิตของหลินเฟยเอ๋อร์ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งผลสรุปออกมาว่าเป็นการฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด เธอเป็นนักแสดงหญิงยอดนิยมและประสบความสำเร็จในการแต่งงานกับเฉินเป่ยชวน มองอย่างไรเธอก็เป็นคนที่น่าอิจฉา แต่นึกไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันเธอจะกลายเป็นนักโทษที่ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด
ณ คฤหาสน์เก่าตระกูลเฉิน
ท่านผู้หญิงเฉินตกใจจนระงับสีหน้าไว้ไม่อยู่ “แค่ฉันขอให้เซ็นต์ใบหย่าแค่นี้เธอถึงกับฆ่าตัวตายเลยหรือ?”
แม้ว่าจะไม่เคยชอบผู้หญิงคนนี้เลยแต่ท่านก็ไม่เคยคิดอยากให้เธอตาย
“อ๊ะ คุณแม่เข้าใจหรือยังคะว่าถ้าไม่ได้อยู่ในฐานะคุณนายเฉิน เธอก็จะไม่มีหนทางที่จะทำให้พลิกกลับมาได้ ถ้าต้องอยู่ในคุกไปตลอดชีวิตสู้ยอมตายเสียยังจะดีกว่า ที่คุณแม่ทำแบบนี้มันเป็นการช่วยเธอนะคะ”
เว่ยชูหรงพยายามอดกลั้นอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ตนเองหลุดหัวเราะออกมา ในใจรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก ในเมื่อหลินเฟยเอ๋อร์ตายไปแล้ว ชื่อเสียงของเฉินเป่ยชวนคงจะเสียหายไม่มากก็น้อย เพียงแค่เขาเป็นทุกข์เธอก็มีความสุขแล้ว
“เธอกำลังพูดว่าฉันเป็นคนทำให้เขาตายงั้นหรือ?”
เดิมทีท่านผู้หญิงก็ยุ่งยากใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรอยู่แล้ว พอมีคนพูดแบบนี้ท่านเลยยิ่งไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก ท่านเพียงแค่ไม่อยากให้เฉินเป่ยชวนคบกับผู้หญิงแบบนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านเกลียดหลินเฟยเอ๋อร์ถึงขั้นว่าอยากจะให้เธอตาย
“หนูไม่ได้พูดแบบนั้นค่ะ การที่เธอฆ่าตัวตายนั่นคือฟางเส้นสุดท้าย คุณแม่อย่าเข้าใจหนูผิดสิคะ”
เว่ยชูหรงเล่นละครตบตาเพื่อหาเหตุผลให้ตัวเองและเปลี่ยนโทรทัศน์ไปดูช่องอื่น ยายแก่ตายยากเอ๊ย ในที่สุดตั้งแต่คืนนี้ไปแกก็จะเริ่มมีฝันร้ายมาคอยเกาะกวนใจทุกค่ำคืน รีบๆ ตายไปซะเถอะ
“คุณย่าอย่าโกรธเลยนะครับ คุณแม่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นแน่นอน ผมคิดว่าหลินเฟยเอ๋อร์คงจะรู้สึกว่าตัวเองคงหนีความผิดไม่พ้นแล้วแน่ๆ และก็คงยอมรับความจริงไม่ได้ว่าดาราดังอย่างเธอจะกลายเป็นนักโทษ ก็เลยเลือกที่จะฆ่าตัวตาย”
เฉินจิ้นถงขยับแว่นตาที่สันจมูกพลางพูดด้วยสีหน้าที่ปลอบโยน
“จิ้นถง ย่าไม่ได้คิดจะให้มันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ ย่าแค่หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะหย่ากับพี่ชายของเธอก็เท่านั้น”
ท่านผู้หญิงรู้สึกอึดอัดใจ การส่งใบหย่าไปให้มันเป็นเพียงวิธีที่คนเป็นย่าอย่างท่านพอจะทำได้เพื่อปกป้องหลานชายของตัวเอง แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
“ผมเข้าใจครับคุณย่า”
เขาปลอบอย่างอ่อนโยนพลางใช้มือลูบหลังท่านผู้หญิงเบาๆ ซึ่งมองอย่างไรก็ดูเป็นภาพที่งดงาม
“อืม ย่ารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ขอกลับไปพักที่ห้องก่อนดีกว่า”
ท่านผู้หญิงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะใช้ไม้เท้ายันตัวให้ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่ห้อง
เมื่อมองมือข้างที่ว่างเปล่าของตนเอง แววตาของเฉินจิ้นถงที่อยู่หลังกรอบแว่นก็ดูเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะจัดการกับผู้หญิงอย่างหลินเฟยเอ๋อร์ เพียงแค่ทำให้เธอรู้ว่าแผนการทุกอย่างที่เขาวางไว้นั้นเธอจะไม่ได้อะไรเลยตั้งแต่แรก แค่นี้ก็กระตุ้นให้ความตึงเครียดของเธอไปถึงจุดที่หมดอาลัยตายอยากถึงขีดสุดได้ภายเวลาในไม่กี่นาที
แม้ว่าเข็มฉีดยาที่เขาเตรียมไว้จะบรรจุยาได้เพียงเล็กน้อย แต่มันมากพอจะทำให้ถึงแก่ความตายได้
มุมปากของเขากระตุกขึ้น หลินเฟยเอ๋อร์… เธอจะโทษฉันไม่ได้ที่เธอต้องตาย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเธอเอง ถ้าเธอไม่โทรมาหาฉัน บางทีฉันอาจจะไม่ทำให้เธอต้องกลายเป็นเบี้ยที่ไม่มีวันเปิดปากได้อีกตลอดกาลแบบนี้
“จิ้นถง?”
เว่ยชูหรงมองดูลูกชายของตัวเองพลางคิดอยู่ตลอดว่าตั้งแต่กลับมาประเทศจีนคราวนี้เขาดูแปลกไปอย่างบอกไม่ถูก