“พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
เฉินจิ้นถงยิ้มพร้อมลุกขึ้นยืน สายตาอ่อนโยนมองทะลุแว่นตาไปยังผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้า และมองการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ หน้าประตูของเธออย่างชัดเจน
ผู้หญิงคนนี้โง่เขลาใช้ได้เลยจริง ๆ เวลานี้แล้วยังสนใจสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อีก
เมื่อได้ยินคำว่าพี่สะใภ้ใหญ่ หลินเฟยเอ๋อร์จึงเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองหน้าผู้ที่มาเยี่ยมเธอด้วยสายตาที่ตกตะลึง “ทำไมถึงเป็นเธอ ?”
เหตุใดจึงเป็นเฉินจิ้นถง ? คนที่เธอต้องการเจอไม่ใช่เฉินจิ้นถง แต่เป็นผู้ชายลึกลับที่ร่วมมือกับเธอผู้นั้นต่างหาก !
“พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดเรื่องขึ้นกับพี่ ในฐานะคนตระกูลเฉินแน่นอนว่าผมจะต้องมาดูพี่สักหน่อยอยู่แล้ว”
“เป่ยชวนติดต่อเธอแล้วใช่ไหม ? เขาให้เธอมาใช่ไหม ? จิ้นถง เธอช่วยพี่สะใภ้ใหญ่ออกไปที พี่ไม่อยากอยู่ที่นี่”
เธอกักเก็บความผิดหวังบนใบหน้าของตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าท่านผู้หญิงในตระกูลเฉินจะไม่ยอมรับตน ครั้นผู้อื่นในตระกูลเฉินกลับไม่เคยแสดงออกว่าไม่ชอบตนเลย ไม่แน่ว่าพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือตนให้ออกไปได้
“พี่ใหญ่ทำธุระอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้ติดต่อผม สำหรับพี่สะใภ้ใหญ่ ผมเองก็อยากช่วยเหลือพี่ให้ออกไปเหมือนกันนะ แต่ว่าความสามารถของผมไม่พอ”
มุมริมฝีปากของเฉินจิ้นถงราวกับถูกความอ่อนโยนหยุดชะงักไว้ ครั้นดวงตาหลังแว่นนั่นกลับมองไม่เห็นกลิ่นอายความอ่อนโยนนุ่มนวลเลยแม้แต่น้อย ราวกับนักล่าที่ยิ้มรอคอยการตายของเหยื่อที่ไม่รู้จักความเกิดแก่เจ็บตายอย่างไรอย่างนั้น
“แล้วเธอมาทำอะไร ?”
หลินเฟยเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ เธอจึงถามไปด้วยน้ำเสียงที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แถมยังแฝงความไม่พอใจอยู่ด้วย
“นี่คือของที่ท่านผู้หญิงให้ผมเอามาครับ หวังว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะเซ็นชื่อให้”
บนใบหน้าของเฉินจิ้นถงไม่มีความโมโหเลยแม้แต่น้อย ยังคงยิ้มพร้อมยื่นใบสำคัญการหย่าที่ทนายหวังคัดลอกมาให้เบื้องหน้าเธอ คำว่าใบสำคัญการหย่าตัวใหญ่ด้านบนนั้นกระตุ้นถึงประสาทที่อ่อนไหวของเธอ
“ไม่ ฉันไม่หย่า ฉันไม่เซ็นชื่อ ฉันคือภรรยาของเฉินเป่ยชวน ฉันไม่ยินยอมการหย่า ไม่มีใครทำให้พวกเราหย่ากันได้ !”
บนใบหน้าที่เกรี้ยวกราดมีความหวาดกลัวและความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากเธอไม่ได้เป็นคุณนายเฉินแล้ว เธอก็ไม่มีทางได้ออกจากที่นี่
“พี่สะใภ้ใหญ่ครับ ใบสำคัญการหย่าไม่ใช่ความต้องการของพี่ใหญ่ก็จริง แต่ว่า พี่อาจจะไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง……”
เมื่อพูดได้ครึ่งหนึ่งอยู่ ๆ เขาก็หยุดลง พร้อมยิ้มอ่อนมองผู้หญิงที่กระวนกระวายเบื้องหน้า
“ฉันไม่รู้อะไร ?”
น้ำเสียงอันสั่นเครือออกจากปากของเธอ สีหน้าได้ซีดเซียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สันชาตญาณในใจบอกเธอว่า เรื่องที่เฉินจิ้นถงต้องการจะบอกเธอย่ำแย่มาก ย่ำแย่มาก
“งานแต่งงานของพี่และพี่ใหญ่ไม่มีผลโดยสิ้นเชิง ใบสำคัญการหย่านี่พี่เซ็นหรือไม่เซ็นก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก”
นิ้วมืออันเรียวยาวกรีดกระดาษด้านบนขึ้นมาอย่างเบามือ ริมฝีปากผุดรอยยิ้มอันดูหมิ่นและเหน็บแนมขึ้นมา “พี่ไม่ใช่ภรรยาอย่างถูกกฎหมายของเฉินเป่ยชวนเลย”
วิธีที่พี่ใหญ่ทำนั้นเขารู้ดีที่สุด ตั้งแต่ที่เฉินเป่ยชวนประกาศว่าจะแต่งงานกับหลินเฟยเอ๋อร์อย่างกะทันหันนั้น เขาก็ใช้ให้คนจับตามองแล้ว
“เธอเหลวไหล พวกเราแต่งงานกันแล้ว ฉันเซ็นชื่อบนใบขอแต่งงานแล้ว ฉันมีทะเบียนสมรสของสำนักกิจการพลเรือนด้วย”
หลิยเฟยเอ๋อร์ส่ายหน้าพร้อมพูดขึ้นเสียงแหลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ เธอกลัวว่าเฉินเป่ยชวนจะทำกลอุบายอะไรอยู่เบื้องหลังที่สุด จึงได้บอกให้เพื่อนที่อยู่สำนักกิจการพลเรือนตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนสมรสโดยเฉพาะ บนทะเบียนสมรสนั้นมีตราประทับของสำนักกิจการพลเรือนด้วย จะเป็นของปลอมได้อย่างไร !
“ผมเหลวไหลเหรอครับ ? ถ้าพี่กับพี่ใหญ่เป็นสามีภรรยากันจริง ถ้างั้นตอนพี่เกิดเรื่องแบบนี้แล้วทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่โผล่หน้ามาล่ะครับ ? พี่น่าจะชัดเจนดีนะว่าบ้านเศรษฐีสนใจเรื่องหน้าตาแค่ไหน การที่นายหญิงน้อยของตระกูลเฉียวกลายเป็นผู้ร้ายฆาตกร พี่ใหญ่ก็จะคิดหาวิธีชำระล้างโทษของพี่เพื่อครอบครัวอยู่ดี แต่ว่าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น”
รอยยิ้มบนมุมปากของเฉินจิ้นถงค่อย ๆ เปลี่ยนไป ริมฝีปากอันบางเรียวเปิดขึ้นอีกครั้ง “หรือว่าพี่จะให้ผมเตือนให้ฟังว่าในวันแต่งงานพี่ใหญ่เขาออกไปตอนไหนหรือเปล่า ?” มุมปากที่ยกขึ้นมาราวกับมีดอันคมเฉียบ ทำให้สติสัมปชัญญะของเธอพังทลายลงทีละนิด
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ? เธอใช้ความคิดไปเยอะมากเพื่อที่จะได้แต่งงานกับเฉินเป่ยชวน ครั้นตอนนี้กลับมาบอกเธอว่าเธอไม่ใช่คุณนายเฉินเลยด้วยซ้ำอย่างนั้นหรือ
“ผมเห็นใจพี่มากนะ เพื่อผู้ชายที่ไม่รักตัวเองเลยทิ้งความเป็นดาราสาว แล้วไปเป็นฆาตกร”
“แกหุบปากนะ แกโกหกฉัน ฉันคือคุณนายเฉิน ฉันคือภรรยาที่เฉินเป่ยชวนแต่งงานด้วย ฉันไม่ต้องการความเห็นใจจากแก”
สองวันที่ถูกกักขังทำให้สติปัญญาของเธอตึงจนใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว อีกทั้งคำพูดเมื่อสักครู่นี้เป็นการทำลายความอดทนจุดสุดท้ายของเธอ หลินเฟยเอ๋อร์ยืนขึ้นมาทันที สีหน้าดุดัน เห็นได้ชัดว่าเป็นความบ้าคลั่งหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องสะเทือนจิตใจอย่างรุนแรง
“นั่งลง”
เจ้าหน้าที่ผู้คุมได้ยินเสียงจึงรีบเข้ามากดไหล่ของเธอลงทันที เฉินจิ้นถงเองก็ช่วยเหลือด้วย นิ้วมือเรียวยาวกดไปยังหัวไหล่อีกข้างของเธอ “พี่สะใภ้ใหญ่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อน คุณย่าให้พี่ออกจากพี่ใหญ่ ผมก็แค่มาบอกต่อคำพูดของท่านก็เท่านั้น และก็พี่ใหญ่ไม่ได้บอกอะไร ผมคิดว่าเขาน่าจะเห็นด้วยเหมือนกัน”
เฉินจิ้นถงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล หลินเฟยเอ๋อร์ดิ้นรนขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง สองมือยังตบโต๊ะไม่หยุด ราวกับต้องการทุบเรื่องที่เป็นความจริงทุกอย่างให้แตกหักไป ทว่าเวลาต่อมาไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยหรือไม่อย่างไร อีกไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ค่อย ๆ สงบลง
เมื่อผู้คุมเห็นเธอสงบลงแล้ว จึงเคลื่อนฝีเท้าไปข้างหลังสองสามเก้า ครั้นไม่ได้ออกไปเหมือนเมื่อสักครู่นี้
“รู้สึกเหนื่อยมาก ไม่มีเรี่ยวแรงเลยใช่ไหม หลินเฟยเอ๋อร์ ยังจำของที่คุณทิ้งในขยะห้องน้ำได้ไหม ?”
เฉินจิ้นถงโน้มตัวมาข้างหน้าอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ยื่นหนังสือสำคัญการหย่าบนโต๊ะให้เธออีกครั้ง ราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมให้เธอเซ็นชื่อโดยไร้เสียงอย่างไรอย่างนั้น ครั้นคำพูดที่เปล่งออกมากลับทำให้ดวงตาที่เลือนรางของเธอค่อย ๆ หดตัวลงทันที จากนั้นก็เบิกตากว้าง
เป็นเขา ! เป็นเขาหรือนี่ ! ผู้ชายลึกลับที่ร่วมมือกับตนคือเฉินจิ้นถงหรือนี่
มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทราบว่าเธอนำเข็มที่บรรจุยาตายทิ้งไว้ที่ถังขยะในห้องน้ำ เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อยบนไหล่ของตนเองเมื่อสักครู่นี้ ดวงตาของเธอจึงเบิกขึ้นอย่างเหนือการควบคุม ต้องการที่จะตะโกนขึ้นเสียงดัง ครั้นกลับพบว่าปากของเธอไร้เรี่ยวแรงที่จะปริออก
ความเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้คือเขาฉีดยาเธอ !
เพื่อกำจัดเด็กคนนั้น เธอจึงทำการตรวจสอบปริมาณการใช้ของยาชนิดนี้ เพียงแค่นิดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ถึงแก่ชีวิตแล้ว !
ไม่นะ ! เธอไม่อยากตาย !
บางทีความหวาดกลัวว่าจะตายทำให้เธอมีแรงขึ้นมาจากไหนไม่รู้ เธอยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของเฉินจิ้นถงมือเดียว จากนั้นก็เบิกตากว้างเต็มไปด้วยความอ้อนวอน เธอจะไม่นำเรื่องเมื่อก่อนมาข่มขู่แล้ว เธอไม่อยากตาย !
เฉินจิ้นถงมองมือน้อย ๆ ที่ควรเนียนนุ่ม ครั้นเวลานี้กลับเป็นมือที่เปิดเผยความจริง ริมฝีปากอันบางเฉียบผุดรอยยิ้มอันแปลกประหลาดขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วง ผมเคยรับปากว่าจะพาคุณออกไป ก็จะต้องพาคุณออกไปให้ได้ แค่คุณออกไปยังไงนั้นผมไม่กล้ารับประกัน”
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลพร้อมดึงมือของเธอออก จากนั้นก็หยิบหนังสือสำคัญการหย่าที่ยังไม่ได้เซ็นชื่อขึ้นมา “พี่สะใภ้ใหญ่ ในเมื่อพี่ไม่ยอมเซ็น ถ้างั้นอีกสองวันผมจะมาใหม่นะ”
หลินเฟยเอ๋อร์มองเขาหันหลังกลับแล้วเดินจากไป ปากอ้าขึ้นมา สติยังคงรักษาความตื่นตัวสุดท้ายเอาไว้ได้อยู่ ครั้นทั้งเนื้อทั้งตัวเธอกลับอ่อนปวกเปียกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่นิดเดียว ทำได้เพียงมองฆาตกรที่ฆ่าตนเองเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
“ไปเถอะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ พร้อมลากแขนของเธอกลับห้องขัง การกระทำที่รุนแรงทำให้เธอล้มฟุบบนพื้นทันที จนทำให้หัวเข่ามีเลือดไหลซึมออกมา จากนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลรินลงมาด้วยความอดกลั้นไม่ไหว ครั้นไม่ว่าปากของเธอจะอ้ากว้างแค่ไหน ใช้แรงที่ลำคอมากเพียงใด ก็พูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
เฉินเป่ยชวน ฉันแค่อยากเป็นภรรยาของคุณ ฉันผิดอะไร ฉันไม่อยากตาย
MANGA DISCUSSION