ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 147 จับกุมคุณ
ถังอี้รีบเอ่ยห้ามทันที การลักพาตัวครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าหลินเฟยเอ๋อร์เองก็ร่วมอยู่ในนั้นด้วย ครั้นจะต้องไม่ใช่มีเพียงเธอผู้เดียวอย่างง่ายดายเช่นนี้แน่นอน เห็นได้ชัดว่าเฉินเป่ยชวนใส่ใจเฉียวชูเฉี่ยนสองแม่ลูกเป็นอย่างมากจนกลายเป็นจุดอ่อนของเขาไปแล้ว ถ้าหากเป่ยชวนลงมือในเรื่องนี้ เกรงว่าในอนาคตสองแม่ลูกจะต้องยังมีเรื่องที่ยุ่งยากรอพวกเขาอยู่อีกมากเป็นแน่
หางตาของเฉินเป่ยชวนหรี่ลงอย่างอันตราย หลังจากผ่านมาหนึ่งนาทีเขาค่อยปริปากขึ้นอีกครั้ง “ฉันต้องได้เห็นกฎหมายที่รุนแรงที่สุด”
“นายไม่ต้องห่วงนะ ฉันรู้ว่าควรทำยังไง ฉันนัดแนะกับทางโรงพักไว้เรียบร้อยแล้ว”
หลังจากที่ถังอี้เอ่ยจบ ก็ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเสียดาย เป็นดาราสาวดี ๆ ไม่เป็น ดันอยากไปเป็นคุณนายเฉินอะไรนั่น ตอนนี้งามหน้าไหมล่ะ คุณนายเฉินก็ไม่ได้เป็น จากนี้ไปเกรงว่าคงไม่มีแม้แต่อิสระ
……
“พวกคุณทำอะไรน่ะ พวกคุณมาจับฉันได้ยังไง ฉันเป็นคุณนายเฉินเชียวนะ !”
หลินเฟยเอ๋อร์ตะโกนเสียงดังลั่น ภายในน้ำเสียงมีความตกใจกลัวอย่างเห็นได้ชัด สองวันมานี้เธอได้แต่รอคอยผู้ชายคนนั้นช่วยเหลือเธอชำระความสงสัยให้ ครั้นคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่รอคอยมาจะเป็นตำรวจที่มาจับเธอเช่นนี้
“หลินเฟยเอ๋อร์ คุณถูกสงสัยว่าจ้างวานฆ่าและฆาตกรรม ตอนนี้พวกเราขอจับกุมคุณอย่างเป็นทางการ กรุณาให้ความร่วมมือด้วย”
คุณตำรวจที่สวมชุดเครื่องแบบเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าดุดัน ขณะที่พวกเขาได้รับประกาศว่าให้มาจับกุมดาราสาวชื่อดัง แถมยังเป็นคุณนายเฉินที่เพิ่งแต่งงานเข้าบ้านเศรษฐีใหม่อีกต่างหาก ทุกคนในตอนนั้นตกตะลึงกันถ้วนหน้า ทว่าคำพูดจากเบื้องบนชัดเจนเป็นอย่างมาก นั่นคือลงโทษอย่างรุนแรงถึงที่สุด !
“ไม่ ทำไมฉันต้องให้ความร่วมมือพวกคุณด้วย ฉันจะเรียกทนาย พวกคุณจะพาฉันไปแบบนี้ไม่ได้นะ”
สองมือของหลินเฟยเอ๋อร์จับที่วางแขนเก้าอี้ข้าง ๆ ไว้แน่น ครั้นก็ถูกตำรวจสองนายข้าง ๆ ลากเธอออกทันที
“ในเมื่อไม่ให้ความร่วมมือ พวกเราเองก็ทำได้แค่ทำตามกฎและข้อบังคับเท่านั้น พาตัวไป !”
ตำรวจหัวหน้ากล่าวจบ ตำรวจที่ลากเธอสองนายจึงได้โยนเธอเข้าไปในรถตำรวจทันที
เสียงไซเรนที่โหยหวนจึงได้ดังขึ้นจากนั้นก็จากไปจากสถานที่จับกุม ผ่านไปได้ไม่นานบนอินเตอร์เน็ตก็กระจายข่าวกันสนั่น ดาราสาวชื่อดัง นายหญิงน้อยที่เพิ่งแต่งงานเข้าบ้านตระกูลเฉินใหม่ถูกตำรวจเข้าจับกุมถึงที่ ทำให้ผู้ดูผู้ชมที่ได้ทราบข่าวทั้งหลายไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง
แวดวงนี้ช่างวุ่นวายเสียจริง
เฉียวชูเฉี่ยนกำลังจัดเก็บกระเป๋าเดินทางสำหรับออกโรงพยาบาลให้เฉียวจิ่งเหยียนอยู่ในห้องผู้ป่วย โทรทัศน์ในห้องผู้ป่วยเริ่มมีข่าวเกี่ยวกับหลินเฟยเอ๋อร์ถ่ายทอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหยียนสือเซี่ยจึงสบถขึ้นมาอย่างโล่งใจ
“สมน้ำหน้า ! จะให้ดีนะถูกประหารชีวิตไปเลย”
คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่จิ่งเหยียนถูกลักพาตัวนั้นจะเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนั้น
“เมื่อสักครู่นี้ทางตำรวจเพิ่งพบศพผู้ชายสองคนในโคลนทรายที่อยู่แถวบริเวณท่าเรือ เหยื่อสองรายเสียชีวิตเนื่องจากถูกยิง ทางตำรวจได้ยืนยันตัวตนของศพเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะได้ประกาศให้ผู้ชมทุกท่านได้รู้ทั่วกัน และหวังว่าครอบครัวที่มีสมาชิกผู้ชายหายตัวไปจะให้ความร่วมมือยืนยันกับทางตำรวจเต็มที่ด้วยนะครับ”
พิธีกรที่อยู่ในโทรทัศน์กล่าวจบหน้าจอก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพที่กำลังเคลื่อนย้ายอยู่ เฉียวจิ่งเหยียนมองดูจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที
“หม่ามี๊ ใช่พวกเขาครับ !”
“ใครคะ ?” เฉียวชูเฉี่ยนตกใจยกใหญ่ หรือว่าจิ่งเหยียนจะรู้จักศพสองร่างนั้น ?
“สองคนนี้ก็คือสองคนแรกที่ลักพาตัวผมครับ ผมจำโทรศัพท์เครื่องนั้นได้ น้องชายคนที่ลักพาตัวเอาแต่เล่นเกม โทรศัพท์ของเขาเก่ามาก ผมจำไม่ผิดแน่นอนครับ”
เขายังพูดว่าเมื่อได้เงินมาแล้วจะเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์ไอโฟนด้วย
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้หลินเฟยเอ๋อร์คงหนีไม่พ้นความผิดจ้างฆาตกรรมหรอก เพิ่มพยายามฆ่า และฆาตกรรมไปอีก โทษนี้ต่อให้ไม่ได้รับโทษประหารชีวิตก็จะถูกขังคุกตลอดชีวิต”
เหยียนสือเซี่ยเอ่ยขึ้นทันที แม้ว่าเธอจะช่วยในเรื่องของกฎหมายแต่งงาน ครั้นสำหรับกฎหมายอื่น ๆ เธอก็ทราบไม่น้อย
“ฉันแค่ต้องการให้เธอชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป”
เฉียวชูเฉี่ยนมองศพสองร่างที่กำลังถูกนำใส่บนรถตำรวจในโทรทัศน์ ถ้าหากไม่เป็นเพราะดวงของจิ่งเหยียนแข็ง ไม่เป็นเพราะเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที ไม่แน่ว่าคงเหมือนกับสองคนนั้น กลายเป็นศพที่กลายเป็นน้ำแข็งเหมือนกันเป็นแน่
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด คนที่ทำร้ายลูกของเธอ เธอจะต้องทำตามกฎหมายเรียกร้องความยุติธรรมมาให้ได้
“ไม่ต้องห่วงนะ ต่อให้ครั้งนี้มีเทพปรากฏออกมาก็ช่วยหล่อนไม่ได้หรอก”
ถ้าหากการฟ้องร้องมีความลำเอียง พวกเธอก็จะฟ้องร้อง ไม่มีทางยอมปล่อยเธอไปแน่นอน
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ จริงสิ จิ่งเหยียนจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันอยากให้เธอช่วยนัดถังอี้มาให้หน่อย ฉันอยากขอบคุณบุญคุณที่เขาช่วยชีวิตจิ่งเหยียนเอาไว้น่ะ”
เธอชักสายตาออกจากโทรทัศน์ ถังอี้ช่วยเหลือเรื่องของหลินเฟยเอ๋อร์ไม่น้อยเลย ควรต้องขอบคุณให้ดี ๆ ถึงจะถูกต้อง
“เอาเถอะ ในเมื่อเธออยากขอบคุณเขาให้ได้ ฉันก็จะฝืนใจช่วยเธอนัดเขามาก็แล้วกัน”
เหยียนสือเซี่ยเบ้ปากอย่างไม่เต็มใจนัก ครั้นติ่งหูกลับแดงก่ำขึ้นมาประปราย
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ไอ้คนชั่วจับกดกำแพงครั้งที่แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะอยากเตะอัดเข้าไปอีก เมื่อเตะจนพิการแล้วจากนี้ไปเขาจะได้ไม่ต้องไปเล่นกับความรู้สึกผู้หญิงเช่นนี้อีก
“ถ้างั้นเธอเฝ้าจิ่งเหยียนไว้หน่อยนะ ฉันออกไปทำขั้นตอนการออกโรงพยาบาลก่อน”
“ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นผีวัวปีศาจงูก็อย่าคิดเข้าใกล้ลูกบุญธรรมของฉัน”
เฉียวชูเฉี่ยนหยิบบัตรเอทีเอ็มและเอกสารใบเสร็จ จากนั้นก็ลงไปชั้นล่าง เมื่อเข้ามาในลิฟต์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะสูดจมูก จากนั้นนัยน์ตาก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา เมื่อสักครู่นี้ตนเองเพิ่งจะเป็นบ้าเกือบตาย คิดไม่ถึงว่าตนจะรู้สึกว่าภายในลิฟต์มีกลิ่นอันคุ้นเคยอยู่ด้วย
เธอจึงสะบัดความคิดเหล่านั้นในหัวสมองออก เมื่อลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงเดินออกจากข้างในด้วยความรวดเร็ว หลินผิงจึงโล่งอกไป จากนั้นก็หันหน้ามาจากการหันหลังอยู่เมื่อสักครู่นี้ อันตรายมาก อีกนิดเดียวเธอก็จะเจอกับบอสในลิฟต์แล้ว
“รบกวนช่วยฉันทำขั้นตอนออกโรงพยาบาลหน่อยค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนยื่นของที่ถือไว้ในมือให้พนักงานบริการ จากนั้นหางตาก็เหลือบไปเห็นใบเสร็จที่ปริ้นออกจากเครื่องปริ้นข้าง ๆ ดวงตาของเธอจึงหรี่ลงด้วยสันชาตญาณ ขณะที่ต้องการมองชื่อบนนั้นให้ชัด ๆ ใบเสร็จนั้นกลับถูกคนหยิบออกไปแล้ว
เมื่อสักครู่นี้เหมือนว่าเธอจะเห็นชื่อของเฉินเป่ยชวน
เธอลูบท้ายทอยที่ตึงของตนเอง จะต้องมองผิดไปแล้วแน่ ๆ เฉินเป่ยชวนไปทำงานต่างประเทศหลังจากที่แต่งงานแล้ว จะมาอยู่ในโรงพยาบาลได้อย่างไร
“เฉียวชูเฉี่ยน เธอเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ทำไมถึงยังมีความคิดแบบนี้อยู่อีก”
ครั้นเมื่อนึกถึงข่าวที่ถูกแพร่ออกมาเมื่อสักครู่นี้ บัดนี้เฉินเป่ยชวนและหลินเฟยเอ๋อร์เป็นสามีภรรยากัน การที่ฝ่ายหญิงเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ในฐานะสามีเขาก็น่าจะกลับมาสิ
มุมริมฝีปากผุดรอยยิ้มอันเยาะเย้ยขึ้นมา เฉินเป่ยชวนจะกลับมาหรือไม่กลับมาก็ไม่เกี่ยวข้องกับตนแม้แต่น้อย เธอจะจำแววตาที่เย็นชาคู่นั้นรวมถึงท่าทางอันเย่อหยิ่งนั่นของเขาที่มีต่อเธอในยามที่ตนอับจนหนทางและต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดไปทั้งชาตินี้
ชีวิตของเธอ ต่อให้เมื่อก่อนจะเคยสลักตำแหน่งเฉพาะของเขาไว้ ครั้นจากนี้ไปก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้อีกแล้ว
การทำขั้นตอนออกจากโรงพยาบาลเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อกลับมายังห้องผู้ป่วย เฉียวจิ่งเหยียนได้เปลี่ยนชุดที่ตนเองชอบมากที่สุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวออกจากโรงพยาบาลอย่างกล้าหาญแล้ว
“จะได้ออกโรงพยาบาลแล้วดีใจขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“แน่นอนสิครับ อากาศที่นี่จะทำให้ผมอึดอัดตายอยู่แล้ว และก็อาหารที่นี่ก็ไม่อร่อยจนทำให้เจ็บกระเพาะด้วย ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่นาทีเดียวเลย”
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ให้คนอยู่จริง ๆ
“หนูนะ ทั้งที่หลายวันมานี้แม่เห็นหนูกินแต่ของอร่อย ๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
เหยียนสือเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขัดขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวน้อยบ่นขึ้นมายกใหญ่
หลังจากที่เรียกรถแท็กซี่หลับคอนโดของเหยียนสือเซี่ย เฉียวชูเฉี่ยนกลับไม่มีความรู้สึกที่โล่งใจแต่อย่างใด ตราบใดที่เรื่องของหลินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ตัดสินใจอย่างชัดเจน เธอก็ไม่สามารถสบายใจลงได้เลย
ก็อย่างเช่นในทุกค่ำคืน เธอมักจะฝันว่ามีคนต้องการมาทำร้ายจิ่งเหยียน