ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 145 ฉีดยางั้นเหรอ ?
เฉียวจิ่งเหยียนยังไม่ลืมเสี่ยวหลงเปา เกี๊ยวกุ้งและหุนตุ้นที่ตนเองอยากรับประทาน เมื่อเห็นสองมือที่ว่างเปล่าของเธอ มุมปากจึงยกสูงขึ้นทันที
“เมื่อกี้หม่ามี๊ลืมเอาเงินไปน่ะ”
เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ตนเองวิ่งผลีผลามเข้ามา ทำได้เพียงหาข้ออ้างส่งเดชไป ตนเองตกใจจนระแวงไปหมดแล้วจึงได้คิดมากเองเช่นนี้
“หม่ามี๊ครับ กลับมาพอดีเลย คุยกับคุณน้าพยาบาลให้หน่อยสิครับ อย่าฉีดยาให้ผมเลย”
เขารีบดึงกางเกงของตนเองขึ้นมาทันทีเพื่อปกปิดก้นที่ขาวและนุ่มของตนเอง เมื่อนึกถึงปลายเข็มอันเย็นเฉียบจะทิ่มแทงเข้าไปในก้นของเขาก็ทำให้ทั้งเนื้อทั้งตัวอึดอัดแทบแย่
“ฉีดยางั้นเหรอ ? คุณพยาบาลคะ ทำไมต้องฉีดยาด้วยคะ ?”
เมื่อเฉียวชูเฉี่ยนได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปทันที คุณหมอไม่ได้บอกว่าจิ่งเหยียนต้องฉีดยานี่นา
“คุณเฉียวคะ หัวหน้าบอกว่าการทานยาจะหายช้ากว่าการฉีดยาเล็กน้อย แต่ในเมื่อหนูน้อยกลัว ถ้างั้นเดี๋ยวฉันกลับไปบอกหัวหน้าเองว่าให้ทานยาเมื่อก่อนต่อก็แล้วกันค่ะ”
เธอจงใจกดเสียงให้ต่ำลง จากนั้นหลินเฟยเอ๋อร์ก็ออกไปจากห้องผู้ป่วยโดยเร็วที่สุดโดยไม่อยากให้เสียเวลาไปแม้แต่หนึ่งวินาที อันตรายเกินไปแล้ว หากอยู่นานกว่านี้อีกนิดเดียวตนคงต้องถูกจับได้ตรงนั้นเป็นแน่
“ในที่สุดก็ไม่ต้องฉีดยาแล้ว”
หลังจากที่เห็นนางพยาบาลเดินจากไปแล้ว เฉียวจิ่งเหยียนจึงกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างดีอกดีใจ เฉียวชูเฉี่ยนกลับขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา
ขณะที่อาการป่วยของจิ่งเหยียนย่ำแย่ที่สุด คุณหมอเจ้าของไข้ยังบอกว่าแนะนำให้ทานยา เหตุใดอยู่ ๆ จึงได้เปลี่ยนเป็นฉีดยาเสียแล้ว และก็นางพยาบาลคนเมื่อสักครู่นี้ เหตุใดจึงรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนั้น
“หม่ามี๊ คิดอะไรอยู่เหรอครับ ?”
ความคิดที่ยุ่งเหยิงของเธอถูกดึงกลับมา จากนั้นก็สบตาแววตาที่เป็นกังวลของลูกชาย มุมปากของเธอจึงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง “หม่ามี๊กำลังคิดว่าจะซื้อของอร่อย ๆ มาให้จิ่งเหยียนเยอะ ๆ หนูจะได้กล้ากว่านี้หน่อย”
“……”
เจ้าตัวน้อยใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา การกลัวเข็มฉีดยาเป็นความผิดของเขางั้นหรือ กลัวเข็มฉีดยาก็หมายความว่าเขาไม่กล้าหาญแล้วอย่างนั้นหรือ ? เขาแค่ไม่ชอบให้ผู้อื่นใช้สิ่งนั้นแทงก้นของตนเท่านั้น
ในเมื่อบอกว่าตนเองลืมหยิบเงินไป เธอจึงได้หยิบธนบัตรออกจากกระเป๋าอีกครั้ง “จิ่งเหยียน ตอนที่หม่ามี๊ไม่อยู่ในห้องผู้ป่วยหนูล็อกประตูไว้เข้าใจไหมคะ ?”
แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ตกใจไปเองครั้นเธอยังคงรู้สึกว่าความรู้สึกนี้มันน่าสงสัยมากเกินไป
“หม่ามี๊เป็นอะไรไปครับ ? ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่นี่มีคุณน้าพยาบาลเยอะขนาดนี้แถมยังมีคุณลุงหมออีก แค่ผมตะโกนเสียงดังขึ้นมา ไม่มีคนร้ายสามารถมาจับตัวผมไปได้หรอกครับ”
เฉียวจิ่งเหยียนนึกว่าเป็นอาการแทรกซ้อนหลังจากผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญของเธอ จึงรีบฉีกยิ้มขึ้นให้เธอสบายใจ
“จิ่งเหยียนฉลาดที่สุดเลย แต่ว่าต้องเชื่อฟังหม่ามี๊ ตอนหม่ามี๊ออกไปแล้วหนูมาล็อกประตูห้องไว้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอหรือนางพยาบาลห้ามเปิดประตูทั้งนั้นเข้าใจไหมคะ ?”
เฉียวชูเฉี่ยนกำชับอีกครั้งด้วยความไม่สบายใจ ต่อให้มีคนต้องการที่จะทำร้ายจิ่งเหยียนอีก ก็คงไม่มีทางพังประตูเข้ามาท่ามกลางผู้คนมากมายหรอก
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นหม่ามี๊จะต้องซื้อฮอตดอกมาให้ผมอีกหนึ่งไม้นะ”
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กำลังมีประโยชน์ต่อเขา เฉียวจิ่งเหยียนจึงเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปใหม่อีก แววตาอันฉลาดหลักแหลมปรากฏความต้องการฮอตดอกขึ้นมา
“ถ้างั้นก็เพิ่มได้แค่ฮอตดอกหนึ่งไม้เท่านั้นนะคะ”
“ตกลงครับ”
การวิ่งตั้งแต่ชั้นหนึ่งขึ้นมาถึงชั้นสิบห้า เมื่อสองขาก้าวออกไปก็รู้สึกอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด เธอต้องการที่จะใช้ลิฟต์ลงไป ครั้นยังซ่อมไม่เสร็จ คิดไปคิดมาจึงนึกขึ้นได้ว่าอีกทางหนึ่งมีลิฟต์ขนส่งของโรงพยาบาลที่ใช้งานได้อยู่ เธอจึงเดินไปทางนั้นทันที
“ผู้หญิงสะเพร่าคนไหนกันแน่นะที่ทิ้งชุดพยาบาลเอาไว้ในห้องน้ำ”
เธอเพิ่งเดินผ่านมาจึงเห็นคุณป้าแม่บ้านหยิบชุดนางพยาบาลใหม่เอี่ยมออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเฉียวชูเฉี่ยนหล่นไปอยู่บนชุดนางพยาบาลชุดนั้น จากนั้นรูม่านตาก็หดตัวทันที
ภายในหัวสมองปรากฏเป็นภาพนางพยาบาลในห้องผู้ป่วยเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมา แม้จะเห็นหน้าตาของเขาไม่ชัดเจนนัก ครั้นน้ำเสียงที่เปล่งออกมาได้ยินชัดว่าไม่ใช่นางพยาบาลสาวที่รับผิดชอบดูแลเฉียวจิ่งเหยียนเมื่อสองสามวันนี้แต่อย่างใด
แย่แล้ว !
ลิฟต์ขนส่งขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ครั้นเธอกลับเดินมุ่งไปยังห้องทำงานของหัวหน้าแพทย์อย่างรวดเร็ว
“คุณเฉียวครับ จิ่งเหยียนไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ ?”
หัวหน้าแพทย์ที่รับผิดชอบเจ้าตัวน้อยเห็นเธอบุ่มบ่ามเข้ามาในห้องทำงาน บนใบหน้าจึงรักษารอยยิ้มที่พึงมีเอาไว้เช่นเคย
“ขอโทษด้วยนะคะหัวหน้าเฉินที่เข้ามารบกวนคุณ ฉันอยากถามหน่อยค่ะว่าคุณต้องการที่จะเปลี่ยนจากทานยาเป็นฉีดยาให้จิ่งเหยียนหรือเปล่าคะ ?”
“ฉีดยาอะไรกัน ?”
หัวหน้าเฉินสีหน้างงงวย เจ้าตัวน้อยฟื้นฟูร่างกายได้ดีเยี่ยม อีกสองสามวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว อีกอย่างผิวหนังถูกทำลายจากความเย็นจัดจะฉีดยาทำไมกัน
“คุณไม่ได้ให้นางพยาบาลมาฉีดยาให้จิ่งเหยียนเหรอคะ ?”
เฉียวชูเฉี่ยนเห็นสีหน้าของเขา ภายในใจก็มีคำตอบแล้ว นางพยาบาลคนเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่พยาบาลของโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นหลินเฟยเอ๋อร์ปลอมตัวมา
หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับจะเต้นออกจากหน้าอก เมื่อสักครู่นี้ถ้าหากตนผลักเปิดประตูไม่ทันเวลา หลินเฟยเอ๋อร์คงลงมือกับจิ่งเหยียนแล้วใช่หรือไม่
“คุณเฉียวครับ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ คุณโอเคหรือเปล่า ?”
คุณหมอเฉินสอบถามอย่างระมัดระวัง ผู้หญิงคนนี้คงไม่ใช่ว่าได้รับเรื่องสะเทือนใจ จึงส่งผลให้สติไม่ปกติหรือไม่นะ
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะหมอ”
เฉียวชูเฉี่ยนออกจากห้องทำงานมา จากนั้นก็เดินอย่างรวดเร็วไปตรวจสอบหน้าห้องผู้ป่วยอีกรอบ เมื่อมั่นใจแล้วว่าประตูกำลังล็อกอยู่จริง ๆ เธอจึงสบายใจ
เมื่อสักครู่นี้จิ่งเหยียนบอกว่าหลินเฟยเอ๋อร์ต้องการที่จะฉีดยาให้เขา ทันใดนั้นเองเธอก็ราวกับคิดอะไรออก รีบวิ่งกลับไปทางลิฟต์ขนส่งทันที
“ป้าคะ ฉันจะไปเคาน์เตอร์พยาบาลพอดีเลยค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยป้าเอาชุดไปถามให้ว่าใครลืมเอาไว้นะคะ”
“ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นขอบใจหนูมากนะ สาว ๆ สมัยนี้นี่จริง ๆ เลย ทำงานนี้แท้ ๆ แม้แต่ชุดทำงานก็ลืมไว้ในห้องน้ำได้”
คุณป้าแม่บ้านบ่นไปพลางส่งชุดพยาบาลในมือให้เธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ถึงยังไงก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ป้าคะ ฉันไม่สบายท้องนิดหน่อยขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมคะ”
เฉียวชูเฉี่ยนกุมท้องเอาไว้ จากนั้นคุณป้าแม่บ้านก็ถอยทางให้เธอเดินเข้าไป “ป้ากำลังจะทำความสะอาดพอดีเลย งั้นหนูเข้าไปก่อนเถอะ เสร็จแล้วป้าค่อยเข้าไปทำความสะอาด”
“ขอบคุณนะคะ”
เธอกุมท้องเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ห้องน้ำทางลิฟต์ขนส่งนั้นค่อนข้างเล็ก มีเพียงสองห้องเท่านั้น เธอเดินเข้าไปในสักห้องที่อยู่ในนั้นจากนั้นก็ปิดประตูพร้อมทั้งนั่งยองยองลงหน้าถังขยะ
เธอเห็นเข็มฉีดยาที่ถูกโยนทิ้งอยู่ในถุงพลาสติกสีดำอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ข้างในยังมีตัวยาที่ยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อย
เธอใช้ชุดพยาบาลที่อยู่ในมือหยิบเข็มขึ้นมา จากนั้นก็กักเก็บหัวใจที่เต้นแรงไม่หยุดเอาไว้ พร้อมทั้งกดชักโครก แล้วเดินออกมา
“เสร็จแล้วเหรอ ?”
“ค่ะ รบกวนคุณป้าแล้วนะคะ” เฉียวชูเฉี่ยนกล่าวจบก็หันหลังพร้อมเดินไปทางเคาน์เตอร์พยาบาลทันที
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาเบอร์ของถังอี้ทันที “ฮัลโหลถังอี้ ฉันมีเรื่องรบกวนให้คุณช่วยหน่อยค่ะ”
“ค่ะ ถ้างั้นอีกสักครู่เจอกันนะคะ”
หลังจากที่นัดเวลาเสร็จสรรพ เฉียวชูเฉี่ยนจึงหาถุงพลาสติกมาใส่ชุดพยาบาลและเข็มที่เอาออกจากถังขยะไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยเดินลงตึกไปซื้อของกินให้จิ่งเหยียน
ภายในห้องผู้ป่วยชั้นล่าง เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วราวกับไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาอันเย็นชานั้นมองถังอี้ที่นั่งข้าง ๆ ด้วยความเย็นยะเยือก
“นายอย่าใช้สายตาหึงหวงมองฉันจะได้ไหม ? ฉันไม่ได้โทรหาเธอเองนะ เธอโทรหาฉันก่อนต่างหาก”
เขาอธิบายแก้ต่างให้ตนเองอย่างน้อยอกน้อยใจ หมอนี่ที่อยู่ต่อหน้าไม่ใช่เฉินเป่ยชวนที่ตนเองรู้จักแล้ว เหตุใดจึงได้ขี้หึงเช่นนี้นะ
เมื่อมาเกี่ยวข้องกับเรื่องของเฉียวชูเฉี่ยนแล้ว ไม่ว่าเขาจะแก้ต่างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว
“ฉันว่าอะไรหรือยัง ?”
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกราวกับออกจากร่องฟันอย่างไรอย่างนั้น เขาประเมินผู้หญิงคนนั้นต่ำไปแล้วจริง ๆ เมื่อก่อนขอความช่วยเหลือจากลู่ฉี่ ตอนนี้แม้แต่ถังอี้ก็อยู่ในขอบเขตความช่วยเหลือของเธอด้วยหรือนี่
“โธ่เอ๊ย ฉันยอมนายจริง ๆ เลย”
เมื่อหาคำพูดอธิบายที่ฟังขึ้นไม่ออก เขาจึงทำได้เพียงทำหน้านับถือแล้วหันหลังเดินออกจากห้องผู้ป่วยพิเศษทันที
เหตุใดเขาจึงได้โชคร้ายเช่นนี้ ที่ได้ไปข้องเกี่ยวกับเพื่อนรักที่เย็นชาเย่อหยิ่งแถมยังชอบหึงหวงแบบนี้