ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 141 ไม่พิจารณาคุณอาลู่ฉีดูจริง ๆ เหรอครับ ?
แม้เบาะแสที่ลู่ฉีให้จะไม่ถูกต้อง ครั้นในขณะที่ตนเองสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวต้องการความช่วยเหลือนั้น เขาก็คือคนที่ยินยอมช่วยเหลือตนเองเสมอมา
“ได้ค่ะ” นางพยาบาลพยักหน้าจากนั้นก็เดินออกไปทันที
“หม่ามี๊ครับ ไม่พิจารณาคุณอาลู่ฉีดูจริง ๆ เหรอครับ ?”
เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นมาเสียงเบา เมื่อก่อนมีช่วงหนึ่งที่เขาหวังว่าเจ้าคนสารเลวบางคนจะเป็นพ่อเขามากกว่า ครั้นบัดนี้เขาคิดว่าคุณอาลู่ฉีดีที่สุด ทั้งดีกับหม่ามี๊และดีกับเขาด้วย
เธอยื่นมือไปลูบหน้าผากของเขา “ลูกยังเด็ก เรื่องของผู้ใหญ่ลูกไม่เข้าใจหรอก หม่ามี๊ไม่อยากให้คุณอาลู่ฉีของลูกมาเป็นตัวสำรองของแม่ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา”
เมื่อในใจไม่มีเขา ก็ไม่ควรที่จะยืนอยู่ในหัวใจของเขา
ถ้าหากมีพละกำลังเขาจะต้องโต้เถียงเป็นแน่ ครั้นตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะเบ้ปาก ใครบอกว่าเขาไม่เข้าใจ เขาเข้าใจ การที่หม่ามี๊ไม่พิจารณาคุณอาลู่ฉีก็เป็นเพราะในใจของเธอนั้นยังรักไอ้คนสารเลวเฉินเป่ยชวนอยู่ไงเล่า
ลู่ฉีที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามา ขอบตาล่างของเขาดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด แค่เห็นแวบแรกก็รู้ทันทีว่าเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้นอนพักผ่อน
“ขอโทษนะคะ เมื่อวานนี้ฉันยุ่งเหยิงไปหมด เลยลืมบอกคุณว่าเจอจิ่งเหยียนแล้ว”
นัยน์ตาของเฉียวชูเฉี่ยนมีความรู้สึกผิดแวบเข้ามา เมื่อคืนนี้เขาจะต้องเป็นห่วงอย่างมากจนไม่ได้นอนทั้งคืนเป็นแน่
“ไม่เป็นไร ขอแค่จิ่งเหยียนไม่เป็นไรผมก็สบายใจแล้วแหละ จิ่งเหยียนคุณอามาเยี่ยมเธอแล้วนะ นี่คือของเล่นที่อาซื้อมาฝาก”
ลู่ฉีนำของเล่นวางไว้ที่ลิ้นชักหัวเตียงข้าง ๆ แววตาและน้ำเสียงอันอ่อนโยนทำให้เฉียวจิ่งเหยียนรู้สึกเศร้าใจขึ้นมามากกว่าเดิม
คุณอาลู่ฉีครับ ถ้าผมเป็นหม่ามี๊ ผมจะต้องเลือกคุณอา
“เฉี่ยนเฉียน พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกหน่อยสิ”
ลู่ฉีหันหน้ามา แววตาอันอ่อนโยนตกอยู่บนใบหน้าของเธอ ราวกับเป็นแสงอุทัยที่อ่อน ๆ และสบายตา ทำให้ผู้อื่นรู้สึกอบอุ่นกายและอบอุ่นใจ ทำให้ผู้อื่นมีความปรารถนาที่คะนึงหาขึ้นมา
เธอพยักหน้า จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้เจ้าตัวน้อย แล้วค่อยเดินออกไปตามหลังเขา
บนระเบียงทางเดินอันยาวเหยียด ลู่ฉีหยุดเดิน แผ่นหลังอันสูงใหญ่มีความเกร็งเล็กน้อย ราวกับเป็นการปลุกพลังให้กับตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“เฉี่ยนเฉียน ผมยอมแพ้แล้ว”
เขาไม่ได้หันหน้ากลับมา คำพูดเต็มไปด้วยความอู้อี้แปลก ๆ ราวกับกำลังกักเก็บความเจ็บปวดทั้งหมดของตนเองเอาไว้ไม่ให้ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังได้เห็น เขายอมแพ้แล้ว ยอมแพ้แล้วจริง ๆ
“ลู่ฉี……”
“เฉี่ยนเฉียน ผมชอบคุณมาหลายปีมาก หลายปีมากจริง ๆ”
ไม่รอให้เฉียวชูเฉี่ยนได้ปริปาก ลู่ฉีก็พูดตัดบทเธอทันที ศีรษะที่ก้มหน้าอยู่เล็กน้อยทำให้แผ่นหลังอันกว้างของเขามองดูโดดเดี่ยวและโศกเศร้าเพิ่มขึ้นมา เขาชอบเธอมานานหลายปีมาก ทว่าชอบมาเนิ่นนานเพียงนี้ครั้นยังคงไม่ได้รับการตอบสนองจากเธอ
“ฉันรู้ค่ะ ขอโทษนะคะ”
นอกจากคำว่าขอโทษ เธอไม่ทราบจริง ๆ ว่าสามารถพูดอันใดได้อีก ถ้าหากมีวิธีที่จะทำให้เขาไม่ต้องโศกเศร้าถึงเพียงนี้ได้เธอจะต้องทำอย่างแน่นอน ครั้นยกเว้นอยู่อย่างเดียวนั่นก็คือไม่โกหกหัวใจของตัวเองและโกหกความรู้สึกของเขา
“คุณรู้ไหม ฤดูร้อนนั้นที่คุณแต่งงานกับเฉินเป่ยชวน ผมกำลังเตรียมขอคุณแต่งงาน ผมวางแผนไว้มากมาย ทั้งโรแมนติก ทั้งตื่นเต้น ทั้งแบบคลาสสิค ทุกส่วนต่างก็จัดเตรียมไว้สมบูรณ์แบบ นั่นเป็นเพราะผมไม่อยากให้ในความทรงจำคุณรู้สึกว่าตอนที่ผมขอคุณแต่งงานยังมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์แบบอยู่มากมาย ”
จนถึงตอนนี้ลู่ฉีก็ไม่ได้หันหน้ากลับมา ร่างกายที่หันหลังให้เธอนั้นราวกับว่ากำลังยอมรับความเจ็บปวดที่ไม่สามารถสลัดทิ้งได้และไม่สามารถระบายออกได้ ครั้นสุดท้ายหัวไหล่ที่สั่นคลอนเล็กน้อยก็เปิดเผยความโศกเศร้าในเวลานี้ออกมา
การที่มาบอกกับผู้หญิงที่ตนเองหลงรักมาสิบกว่าปี ราวกับเป็นการแบ่งหัวใจออกเป็นสองส่วน จากนั้นก็โยนครึ่งหนึ่งทิ้งไปด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง
นัยน์ตาของเฉียวชูเฉี่ยนมีความตกตะลึงผุดขึ้นมา เธอไม่เคยทราบมาก่อนว่าลู่ฉีเคยเตรียมขอเธอแต่งงานด้วย
“น่าขำเนอะ เมื่อผมเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่มั่นใจว่าการจัดเตรียมทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้วก็ได้ไปบ้านคุณเพื่อขอคุณแต่งงานโดยเฉพาะ แต่คุณลุงคุณป้ากลับบอกผมว่าคุณเป็นภรรยาของคนอื่นเรียบร้อยแล้ว วันนั้น ผมเหมือนกับถูกฟ้าผ่า ถึงขั้นลืมถามไปว่าคุณแต่งงานกับใคร และคืนนั้นก็จองตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศทันที”
ค่ำคืนนั้น เมื่อเขามาคิดดูในตอนนี้แล้วก็ยังไม่ทราบว่าตนเองผ่านมาได้อย่างไร
“ฉันคิดมาตลอดว่าการที่คุณไปต่างประเทศก็เพื่อจะได้รับช่วงต่อจากลู่กรุ๊ปได้ดียิ่งขึ้นซะอีก”
เรื่องราวในอดีตเมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย เธอเพิ่งทราบว่าตอนนั้นที่เขาไปต่างประเทศโดยกะทันหันเป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง
“นอกจากไปต่างประเทศออกจากที่นี่ ผมก็ไม่รู้ว่ายังมีวิธีไหนอีกที่จะทำให้ตัวเองปิดกั้นข่าวสารการแต่งงานของคุณได้อีกแล้ว แต่ว่าช่วงเวลาที่อยู่ต่างประเทศผมกลับตัดใจไม่ได้อยู่ดี เลยกลับประเทศมาล่วงหน้าเพื่อมาถามให้กระจ่างแจ้ง แต่โชคชะตามักเล่นตลก ตอนที่ผมกลับประเทศมาคุณจากไปแล้ว ผมเลยตามหาคุณสุดชีวิต หวังว่าจะได้อยู่ข้างคุณในยามที่คุณต้องการความช่วยเหลือ”
รักมาตั้งนานหลายปี ครั้นมีบางคำพูดที่เขาไม่เคยเอ่ยออกมา บัดนี้ขณะที่เลือกยอมแพ้เขากลับเอ่ยออกมาจนหมด
“ช่วงเวลาที่ฉันเสียใจมากที่สุดเป็นคุณที่อยู่ข้างกายฉันจริง ๆ”
ขอบตาของเฉียวชูเฉี่ยนมีความแดงก่ำเล็กน้อย วันเวลาที่เธอพาจิ่งเหยียนไปอเมริกานั้น เป็นเขาและสือเซี่ยที่ไปเยี่ยมพวกเธอสองแม่ลูกบ่อย ๆ และปรากฏตัวขึ้นมาเบื้องหน้ายามที่พวกเธอต้องการความช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า
“เฉี่ยนเฉียน ผมคิดมาตลอดว่าระหว่างเราสองคนเป็นเพราะโชคชะตาจงใจเคลื่อนย้ายเวลาไป แต่ในที่สุดเมื่อวานนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่าไม่ใช่โชคชะตาเล่นตลก และไม่ใช่เพราะผมไม่มีความกล้าหาญพอ แต่เป็นเพราะคุณไม่เคยรักผมเลยต่างหาก”
เกิดเรื่องขึ้นกับจิ่งเหยียนเธอไปขอความช่วยเหลือจากเหยียนสือเซี่ยและถังอี้ แต่กลับไม่มาขอความช่วยเหลือจากเขา
เธอกลัวว่าตนเองจะติดค้างเขา กลัวว่าไม่รู้จะใช้อะไรในการให้คืนกลับไป
ถ้าหากไม่เป็นเพราะจิ่งเหยียนให้คนที่ลักพาตัวโทรเข้ามา เขาคงไม่ทราบเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
เธอถูกเฉี่ยนเฉียนวาดตัวเขาไปอยู่นอกเส้นเขตแดน ซึ่งเป็นเขตแดนที่รักษาระยะห่างเอาไว้
“ขอโทษค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนก้มหน้าลง ลู่ฉีไม่ได้กล่าวตำหนิเธอ ครั้นมันน่าเศร้าใจยิ่งกว่าตำหนิเธอเสียอีก มีการติดค้างบางอย่างที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ชดใช้คืนไม่ได้
เสียงหัวเราะอันนุ่มนวลดังขึ้นมา การสั่นที่ไหล่ของลู่ฉีจึงเห็นได้ชัดเจนเพิ่มขึ้น “ขอบใจคุณมากที่ไม่ได้บอกผมว่าเห็นผมเป็นเพื่อนมาตลอด อย่างนั้นมันน่าเสียใจมากกว่าอีก”
“……”
“เฉี่ยนเฉียน ผมควรยอมแพ้กับคุณแล้ว ไม่อย่างนั้นผมมีแต่จะเจ็บปวดใจ คุณก็จะเจ็บปวดมากเหมือนกัน ผมไม่อยากให้ผู้หญิงที่ผมรักมาหลายปีไม่มีความสุขเพราะผม และดันเจ็บปวดใจเพราะผม”
“ขอให้คุณมีความสุขนะ”
ประโยคสุดท้ายเขาเอ่ยขึ้นมาอย่างสงบนิ่งที่สุด หวังว่าความสุขของเธอจะสงบมั่นคงไปเรื่อย ๆ ต่อให้คนที่มีความสุขไปพร้อมกับเธอจะไม่ใช่ตนเองก็ตาม
“……”
ลำคอของเธอราวกับถูกอะไรบางอย่างอุดตันไว้ ขอบตาเจ็บแสบขึ้นมาอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าแม้แต่คำว่าขอบคุณเธอก็พูดไม่ออก ทำได้เพียงมองเขาเดินจากไปเงียบ ๆ
ลู่ฉี ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากรักคุณ แต่เรื่องของความรู้สึกไม่ใช่เรื่องที่พูดคำว่าถ้าออกมาหนึ่งคำก็เป็นไปได้ ฉันเคยลองแล้ว ครั้นทำไม่ได้
หลังจากที่เงาร่างอันสูงโปร่งนั่นหายไปจากสุดทางเดิน เธอจึงหันหลังแล้วผลักประตูห้องผู้ป่วยเข้าไป
“คุณอาลู่ฉีล่ะครับ ?”
แม้เฉียวจิ่งเหยียนจะเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ครั้นกลับรอคอยอยู่ตลอด วันนี้ดูเหมือนคุณอาลู่ฉีจะเศร้าใจมาก รู้สึกราวกับจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น
“เขายังมีธุระ เลยกลับไปก่อนแล้วจ้ะ”
เธอเอ่ยข้ออ้างออกไปพลาง ๆ ครั้นถูกเจ้าตัวน้อยจับได้ “คุณแม่ปฏิเสธคุณอาอีกแล้วเหรอครับ ?”
“ความจริงแล้วหม่ามี๊ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคนอื่นเลยนะ”
เธอยื่นมือไปลูบใบหน้าเนียนนุ่มของเขา ความรู้สึกนั้นเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่มีใครที่ปฏิเสธได้และไม่มีใครที่สามารถบังคับได้เช่นกัน
ลู่ฉีเป็นคนดีมาก ครั้นกลับไม่ใช่ผู้ที่สมควรเป็นของเธอ
หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาล ขอบตาของลู่ฉีมีความแฉะเล็กน้อย เมื่อก่อนเธอปฏิเสธเขามานับต่อนับ เขาก็ควรที่จะยอมแพ้ได้แล้ว ครั้นกลับไม่ยอมตัดใจเสียที ถ้าหากไม่เป็นเพราะเรื่องของจิ่งเหยียนเขาอาจจะดื้อรั้นต่อไปเป็นแน่ ครั้นการไล่ตามอย่างเอาแต่ใจเช่นนี้อาจจะทำร้ายเธอได้
การไม่ได้เป็นคนรัก มีระยะห่างมากกว่าเพื่อนหน่อย บางทีอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว