“อีกไม่นานแกก็จะได้เห็นญาติแล้ว”
“ค่อยยังชั่วที่พวกคุณมา ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมคงถูกถ่วงน้ำตายทั้งเป็นจริง ๆ แน่นอน”
ความรู้สึกที่ซาบซึ้งใจไม่ใช่ว่าใช้เพียงสองสามคำก็แสดงออกชัดเจนได้ ขณะที่เฉียวจิ่งเหยียนกำลังเตรียมที่จะเร่งให้คนพาเขาออกไปนั้น ชายผู้นำก็กล่าวออกคำสั่งอีกครั้ง “ปิดลังให้ดี ๆ แล้วโยนลงไปซะ”
“ค่ะ !”
หญิงสาวร่างสูงผู้หนึ่งปิดผาลังไม้เรียบร้อย จากนั้นก็ช่วยกันยกสองคนแล้วโยนลงไปในน้ำทันที ทำให้เกิดเป็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ ประกอบกับมีฟองลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ เวลาต่อมาก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่ปกติ
เฉียวจิ่งเหยียนขมวดคิ้วแน่น ตนเองได้รับการช่วยเหลือแล้ว ครั้นเหตุใดจึงต้องโยนลังไม้ลงไปด้วย อีกทั้งก้อนหินที่อยู่ข้างในก็ไม่ได้นำออกมา
มีบางจุดที่ไม่ค่อยสัมพันธ์กัน
“พวกคุณเป็นคนของใครครับ ?” อยู่ ๆ เขาก็เงยหน้าพร้อมถามไปยังผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเขาผู้นั้น
“แกคิดว่าพวกเราควรเป็นคนของใครล่ะ ?”
ชายผู้นำอยู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา เผยให้เห็นฟันสีทองหนึ่งเล่มส่องประกายภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ และทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของเฉียวจิ่งเหยียนที่กว่าจะสงบนิ่งขึ้นมาได้เต้นระรัวขึ้นอีกครา
ไม่ถูก คนเหล่านี้ไม่ได้มาเพื่อช่วยเขาแต่ทีแรก !
ครั้นมาเพื่อทำร้ายตนต่างหาก !
“พวก……พวกคุณเป็นใครกันแน่ ?”
เฉียวจิ่งเหยียนคิดอยากจะแสร้งทำเป็นสงบ ครั้นคำพูดที่ติดอ่างของเขาทำให้หลุดความกระวนกระวายขึ้นมาทันควัน นัยน์ตาของเขาก็มีความระแวดระวังและความหวาดกลัวผุดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ผู้นำคนนี้สวมชุดสูททั้งตัว ใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้หน้าตาของเขาจะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ครั้นกลับทำให้ผู้อื่นไม่มีอารมณ์ที่จะเชยชมใบหน้าอันหล่อเหลาที่ว่านี้เลย แลดูเหมือนยมทูตที่อยู่ในหนังสยองขวัญ ผู้ที่ถูกพวกเขาจ้องตาจะต้องตายจากไปเพียงพริบตาเดียว
เหตุใดเขาจึงโชคร้ายเช่นนี้ เมื่อสักครู่นี้เพิ่งหนีจากเสือได้ครั้นเพียงชั่วพริบตาก็มาปะจระเข้เสียนี่
“แกไม่ต้องสนว่าเราเป็นใครหรอก ให้รู้แค่ว่าเป็นเพราะพวกเรา แกเลยได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้เพิ่มสองนาทีก็พอแล้ว”
หลังจากที่ชายหนุ่มกล่าวเสร็จ ก็ทำมือส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ข้าง ๆ เวลาต่อมาก็มีชายร่างกำยำผู้หนึ่งอุ้มเขาขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน ปล่อยให้แขนและขาอันน้อย ๆ เตะตีขัดขืนไป ไม่ให้โอกาสหลบหนีแม้แต่น้อย
“พวกแกเป็นใคร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ พ่อของฉันชื่อเฉินเป่ยชวน เฉินเป่ยชวน พวกแกเคยได้ยินใช่ไหม เขาไม่ใช่คนที่ยั่วยุได้ง่าย ๆ นะ”
เมื่อก่อนหน้านี้ที่รับมือกับคนหน้าเงินสองคนนั้น เขาเพียงแอบอ้างถึงคุณอาลู่ฉีให้สับสนเท่านั้น ครั้นภัยร้ายในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าโหดเหี้ยมและรุนแรงมากกว่าเดิมเสียอีก
“เฉินเป่ยชวนยั่วยุไม่ได้ง่าย ๆ ถ้างั้นฉันก็จะยั่วยุดู ดูซิเทพของซั่นเป่ยจะช่วยเหลือชีวิตน้อย ๆ อย่างแกไปจากน้ำมือฉันได้หรือเปล่า”
เมื่อได้ยินที่ชายหนุ่มกล่าวเสร็จแล้ว เฉียวจิ่งเหยียนก็ตะลึงไป ดูเหมือนว่าเขาจะเคลื่อนย้ายหินมาทุบเท้าตนเองเสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนเลวผู้นี้มีความเคียดแค้นกับเฉินเป่ยชวน
ทันใดนั้นเองภายในใจก็หดหู่ขึ้นมาอย่างรุนแรง พ่อของผู้อื่นล้วนเหมือนเป็นภูเขาขนาดใหญ่ให้ลูกพักพิง ปกป้องดูแล ครั้นเขาดันไร้ประโยชน์ยามเวลาที่สำคัญเช่นนี้ แถมยังทำให้สถานการณ์ของเขาเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมอีก
ขณะที่กำลังจะร้องทุกข์ว่าทำลูกลำบากนั้นภายในหัวอยู่ ๆ ก็สว่างวาบขึ้นมา เขาเงยหน้ามองไปยังผู้ที่เป็นหัวหน้าแล้วเอ่ยว่า “ที่พวกคุณลักพาตัวผมเป็นเพราะเฉินเป่ยชวนใช่ไหม ? ลุงครับผมกับหม่ามี๊ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเฉินเป่ยชวนแล้ว เขาก็เป็นแค่คนสารเลวคนหนึ่งที่น่ารังเกียจที่สุด ลุงปล่อยผมไปเถอะครับ มีความแค้นอะไรก็ไปแก้กับเขา ผมจะสนับสนุนลุงแน่นอน”
ไม่เคยที่จะทำหน้าที่คนเป็นพ่อเลย แถมยังทำให้เขากับหม่ามี๊ต้องเสียใจอีก ตอนนี้ก็ยังกลับหลังมาทำให้พวกเขาต้องได้รับโทษเพราะเขาอีก พ่อที่เป็นแบบนี้ไม่รู้จักกันตลอดไปจะเป็นการดีที่สุด
“เป็นลูกชายของเฉินเป่ยชวนจริง ๆ ด้วย พาตัวไป !”
ภายในน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกนั้นมีอารมณ์อันแปลกประหลาดแฝงอยู่ ผู้ชายที่อุ้มเจ้าตัวน้อยจึงพาเขาออกไปจากท่าเรือทันที
รถยนต์ยี่ห้อมายบัคขับมาอย่างร้อนรนแล้วเข้าจอดอยู่อีกฝั่งของท่าเรือ เฉินเป่ยชวนรีบขึ้นไปยังท่าเรือด้วยความรวดเร็ว ก้อนหินที่อยู่ข้าง ๆ ผูกเรือประมงเอาไว้หนึ่งลำ กำลังกระเพื่อมขึ้นลงไปพร้อมคลื่นทะเลเบา ๆ
นัยน์ตาอันเย็นชาพร้อมความเป็นกังวลใจรีบกวาดมองผิวน้ำเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วมีเพียงระลอกคลื่นที่เกิดจากสายลม อีกทั้งตะปูที่หล่นกระจายอยู่เบื้องล่างเห็นได้ชัดว่านำมาใช้เพื่อตอกลังไม้หรือสิ่งที่คล้าย ๆ กันนี้ เขาใจหายวาบทันที ราวกับถูกสิ่งของอะไรบางอย่างดันอยู่ในทรวงอกอย่างแรง ทำให้ตนหายใจไม่ออกโดยสิ้นเชิง
เขามาช้าไปแล้วหรือ ?
เจ้าตัวเปี๊ยก……
เขาถอดรองเท้าออก ร่างกายอันสูงโปร่งของเขาเตรียมกระโดดลงน้ำ ครั้นขณะที่กำลังจะโน้มตัวนั้นก็หยุดชะงักทันควัน พร้อมทั้งหรี่หางตาลง
ไม่ถูก !
ถ้าหากผู้ร้ายได้ยัดเจ้าตัวเปี๊ยกใส่ลังไม้และถ่วงลงใต้น้ำแล้วจริง ๆ จะต้องตอกตะปูทั้งหมดที่ฝาลังถึงจะถูกต้องเพื่อเป็นการรับประกันไม่ให้เขาดิ้นหนีออกมาได้ และถึงแม้จะถูกผู้อื่นช่วยเหลือไว้ได้ก็ยังสามารถถ่วงเวลาการช่วยเหลือได้อีกด้วย เหตุใดจึงเอาตะปูมาครั้นเหลืออันที่ไร้ประโยชน์ไว้มากมายเพียงนี้ ?
เวลาต่อมาเขาจึงหันหลังไปมองทิศทางตรงกันข้ามกับตนเองด้วยสันชาตญาณ เขามองเห็นรถยนต์อันคุ้นเคย ก็รีบออกจากท่าเรือพร้อมขับรถบึ่งออกไปทันที
ถังอี้พาเฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยบึ่งมายังท่าเรือ เมื่อเฉียวชูเฉี่ยนเห็นตะปูเหล่านั้นสองขาก็อ่อนแรงลงทันที
“จิ่งเหยียน……”
ถังอี้ขมวดคิ้วแน่ “ผมลงไปงมดูก่อน สือเซี่ยบอกให้ตำรวจรีบบึ่งมา”
สิ้นเสียงเขาก็กระโดดลงน้ำไปทันทีโดยไม่สนชุดสูทสุดแพงของตนเอง
น้ำอันขุ่นมัวประกอบกับกลิ่นคาวที่มีโดยเฉพาะของน้ำทะเล ถังอี้ทำได้เพียงหรี่ตาตามหาเท่านั้น เขากลั้นหายใจดำน้ำลงไปเบื้องล่าง สองมือจับมุมข้างหนึ่งของลังไม้เอาไว้หมายจะยกขึ้นจากโคลนตม ครั้นน้ำหนักนี้ประกอบกับออกซิเจนที่น้อยลงเรื่อย ๆ ในช่องอกของเขาทำให้แรงมีไม่ถึง
จึงทำได้เพียงลอยตัวขึ้นโผล่ผิวน้ำแล้วสูดหายใจเอาอากาศเข้าลึก ๆ เสียก่อน
“เป็นยังไงบ้างคะ ?”
เหยียนสือเซี่ยเห็นเขาโผล่หัวขึ้นมา จึงรีบสอบถามด้วยความเป็นกังวลใจทันที พร้อมคาดหวังว่าเขาจะค้นพบอะไรและหวังว่าจะไม่พบอะไรทั้งสิ้น อย่างน้อยเธอจะได้ปลอบใจเฉี่ยนเฉียนได้ว่าจิ่งเหยียนปลอดภัยดี
“ด้านล่างมีลังไม้”
ผมของถังอี้เปียกปอนจนแนบชิดอยู่กับศีรษะแถมยังมีเศษขยะอันสกปรกติดมาด้วย ครั้นเขากลับไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจภาพลักษณ์ของตนเองในเวลานี้แต่อย่างใด มีเพียงนัยน์ตาอันน่าหลงใหลดั่งดอกท้อผุดความเสียใจขึ้นมาแทน
เฉียวชูเฉี่ยนทนไม่ไหวจนต้องลงไปนั่งฟุบลงบนพื้น อยากที่จะกระโดดตามลงไปด้วย ครั้นร่างกายของเธอเอาแต่สั่นคลอน จิ่งเหยียนเป็นเพียงเด็กผู้หนึ่ง เหตุใดต้องโหดร้ายถึงเพียงนี้ เหตุใดต้องทำกับเด็กผู้น่ารักใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่งเช่นนี้ด้วย
“เฉี่ยนเฉียน เธออย่าคิดมากนะ บางทีอาจจะเป็นลังไม้ที่หล่นลงจากเรือก็ได้”
เหยียนสือเซี่ยโอบร่างกายอันสั่นเทาของเธอเอาไว้ จิ่งเหยียนจะต้องไม่เป็นอะไร เพียงแค่พวกเขาคิดมากไปเองเท่านั้น
ถังอี้ดำน้ำขึ้นลงอยู่หลายรอบ ครั้นแรงต้านทานใต้น้ำรุนแรงเกินไป เขาใช้แรงไปเนิ่นนานก็ทำได้เพียงเคลื่อนย้ายลังไม้ออกจากตำแหน่งโคลนเดิมเท่านั้น
“ตำรวจมาแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงข้างบน ถังอี้จึงขึ้นมาจากผิวน้ำด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็มองไปทางเหล่าตำรวจที่สวมชุดเครื่องแบบแล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโมโหเป็นครั้งแรก “พวกคุณยืนอึ้งอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบกระโดดลงมาช่วยเหลือคนอีก !”
น้ำเสียงอันดุดันครั้นก็ปกปิดความโศกเศร้าเสียใจของตนเองไว้ไม่อยู่ ถ้าหากเจ้าตัวน้อยอยู่ด้านในจริง ๆ เกรงว่าตอนนี้คง……
ทันใดนั้นเขาก็หวังว่าข้างในจะไม่มีอะไรเลย มีเพียงเวลาที่ตนเองเสียไปฟรี ๆ เท่านั้น
เสียงกระโดดน้ำดังขึ้นหลายครั้ง ภายในน้ำเริ่มโกลาหลขึ้นมา ผ่านไปไม่กี่นาทีลังไม้ก็ถูกตำรวจหลายนายช่วยยกกันขึ้นมา
ถังอี้งมอยู่เนิ่นนานและใช้แรงไปเยอะมาก ถ้าหากไม่เป็นเพราะเหยียนสือเซี่ยลากเขาขึ้นมา เกรงว่าตัวเขาคงขึ้นฝั่งเองอย่างยากลำบากเป็นแน่
MANGA DISCUSSION