เมื่อเริ่มต้นยังไม่ทันได้สติ ครั้นเมื่อเวลาต่อมาน้ำเสียงที่อยู่ในสายโทรศัพท์ก็มีความร้อนรนใจขึ้นมา “พวกแกอย่าทำร้ายเขานะ สองล้านหยวนใช่ไหม ฉันจะเตรียมเงินให้พวกแกเดี๋ยวนี้แหละ พวกแกห้ามทำร้ายลูกฉันเด็ดขาด !”
“คุณพ่อครับรีบมาช่วยผมนะครับ” เฉียวจิ่งเหยียนตะโกนขึ้นเสียงดัง
“ฉันอยากคุยกับลูกชายฉันหน่อย”
เมื่อได้ยินเขาเรียกตนว่าคุณพ่อขึ้นมา ภายในใจของลู่ฉีก็มีความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกผุดขึ้นมา เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำว่าคุณพ่อนี้จะเป็นเรื่องจริง
“พี่ครับให้พวกมันคุยกันสองสามคำ เด็กแสบคนหนึ่งจะพูดอะไรได้กัน ?”
โทรศัพท์ถูกชูขึ้นมา เฉียวจิ่งเหยียนจึงออกแรงขยับร่างกายตนเองเข้าไปใกล้ เพื่อรับประกันว่าเสียงของตนเองจะสามารถส่งต่อไปได้
“คุณพ่อครับ จิ่งเหยียนคิดถึงคุณพ่อมาก เมื่อคืนนี้จิ่งเหยียนฝัน ฝันว่าทั้งสี่ทิศเป็นน้ำ ผมหายใจไม่ออกด้วย ผมนึกว่าตัวเองจะตายไปแล้วซะอีก”
“จิ่งเหยียนเด็กดี คุณพ่อไม่ยอมให้ลูกเป็นอะไรหรอก”
แม้ว่าจะไม่ใช่พ่อลูกกันจริง ๆ ครั้นพวกเขาอยู่ด้วยกันมาหลายปีเช่นนี้แล้วก็ถือว่ามีความสนิทสนมกันอยู่พอสมควร ข้อความที่อยู่ภายในคำพูดนี้ลู่ฉีสามารถเข้าใจได้ชั่วพริบตาเดียว
“อืม ผมเชื่อพ่อ ผมก็คิดถึงคุณแม่เหมือนกันครับ”
หลายคนมีพลัง ข้อความจะต้องสื่อสารให้ถึงกันถึงจะถูกต้อง
“เอาล่ะพูดพอใจแล้วใช่ไหม รีบเตรียมเงินค่าไถ่สองล้านหยวนมาซะ ขาดไปหนึ่งหยวนก็ไม่ได้ พรุ่งนี้เข้ามา……มาเอาเงินแลกตัวประกันที่หน้าโรงเรียนอนุบาลเขตหนึ่ง”
สิ้นเสียงชายหนุ่มก็วางสายไปทันที จากนั้นก็หันหน้าไปพูดกับเจ้าตัวน้อยที่น้ำตาคลอเบ้าข้างหลัง “แกทำตัวดี ๆ รอพ่อแกให้เงินค่าไถ่มา พวกเราก็จะปล่อยแกไป”
“ผมจะทำตัวดี ๆ ครับ”
เฉียวจิ่งเหยียนกล่าวจบก็ขดตัวทันที พวกเห็นแก่เงินสองคนนั้นต้องการที่จะฮุบเอาเงินมาทั้งสองทางอย่างเห็นได้ชัด จะปล่อยตนไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร
หม่ามี๊ผมคิดถึงหม่ามี๊จริง ๆ รีบมาช่วยจิ่งเหยียนเถอะครับ
ถังอี้ส่งคนออกไปตามหาข่าวคราวที่มีประโยชน์ เฉียวชูเฉี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ อย่างเงียบงัน นอกจากแจ้งความและไปขอร้องให้ถังอี้ช่วยเหลือแล้ว เธอก็ไม่ทราบว่าตนเองสามารถทำอะไรได้อีก
“เฉี่ยนเฉียน เธอไม่ต้องห่วงนะ จิ่งเหยียนฉลาดขนาดนั้นจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน”
เหยียนสือเซี่ยเห็นว่าใบหน้าของเธอมีความซีดเซียว จึงทำได้เพียงกล่าวปลอบประโยนอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น ครั้นภายในใจตนเองก็กระวนกระวายอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน ใครกันที่มันใจร้ายใจดำกล้าทำร้ายเด็กน้อยอายุเจ็ดขวบได้ลงคอ
“เธอว่าจิ่งเหยียนถูกจับตัวออกจากซั่นเป่ยไปแล้วหรือเปล่า ?”
เฉียวชูเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นมา พยายามระงับน้ำตาภายในดวงตาเอาไว้ เธอกลัวมากว่าตนเองจะไปช้าเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น
“ไม่มีทางหรอก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระงับและตรวจสอบการจราจรเรียบร้อยแล้ว”
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เธอรับโทรศัพท์ทันทีโดยไม่มองหน้าจอด้วยซ้ำ “ฮัลโหล มีข่าวเรื่องลูกชายฉันแล้วหรือเปล่าคะ ?”
“เฉี่ยนเฉียน ผมเอง”
เมื่อได้ยินเสียงของลู่ฉี เธอจึงระงับดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อล้นของเธอเอาไว้ พยายามทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลงมา “คุณโทรหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ?”
เรื่องนี้ลู่ฉีไม่ต้องเข้ามาช่วยเหลือจะดีที่สุด
“เมื่อกี้นี้จิ่งเหยียนโทรมาหาผม เขาถูกสองคนลักพาตัวไป สองคนนั้นน่าจะต้องการพาเขาไปที่ที่มีน้ำ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต”
“คุณว่าอะไรนะคะ ? จิ่งเหยียนโทรหาคุณงั้นเหรอ เขาว่ายังไงบ้างคะ ?”
อารมณ์ที่ยังไม่ได้สงบลงนั้นกระตือรือร้นขึ้นทันที จิ่งเหยียนโทรมาหาแล้ว ก็แสดงว่าตอนนี้เขายังสบายดีอยู่
“เขาบอกว่าฝันถึงรอบสี่ทิศมีแต่น้ำ หายใจไม่ออก นึกว่าจะตายแล้ว”
ภายในสายทบทวนคำพูดของเจ้าตัวน้อยอีกรอบ เห็นได้ชัดมากว่าความหมายในคำพูดนั้นน่าจะเป็นสถานที่สุดท้ายที่คนร้ายลักพาตัวจะลงมือจัดการจิ่งเหยียน
“หรือว่าจะเป็นท่าเรือข้ามฟาก ?”
ถังอี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นจึงรีบพูดการคาดเดาของตนเองขึ้นมาทันที ตอนนี้ยังไม่ได้รับข่าวสารการสืบสวนที่น่าสงสัย ก็แสดงว่าเด็กคนนั้นยังอยู่ในเมืองซั่นเป่ยอยู่ อีกทั้งสถานที่ที่มีน้ำของซั่นเป่ยมีน้อยมาก มีเพียงท่าเรือข้ามฟากเท่านั้น
“พวกคนร้ายลักพาตัวคงไม่ใช่จะจับจิ่งเหยียนถ่วงน้ำหรอกใช่ไหม ?”
เหยียนสือเซี่ยคิดตามความคิดเห็นของถังอี้ จากนั้นก็อดไม่ได้จนต้องเอ่ยขึ้นมา เด็กที่ยังอายุยังน้อยขนาดนี้ เหตุใดพวกเขาจึงลงมือทำได้ลงคอ
“พวกเราจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
เฉียวชูเฉี่ยนยืนขึ้นมาจากเก้าอี้ จากนั้นก็เดินไปข้างนอกด้วยร่างกายโซเซเล็กน้อย
ในขณะเดียวกันนี้ รถยนต์ยี่ห้อมายบัคก็กำลังบึ่งไปยังท่าเรือข้ามฟากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “นายแน่ใจนะว่าไปทางท่าเรือข้ามฟาก ?”
เฉินเป่ยชวนสวมหูฟังบลูทูธที่หูทำให้ใบหน้าด้านข้างอันสมบูรณ์แบบของเขามีความเท่มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้รับข่าวสารที่มั่นใจแล้วนั้นจึงออกแรงเหยียบคันเร่งแรงมากขึ้น
เจ้าตัวเปี๊ยก ถ้าเธอเป็นอะไรไปก่อนที่ฉันจะถึง ฉันจะตีก้นเธอให้ลายเลยคอยดู
……
เฉียวจิ่งเหยียนมองท่าเรือข้ามฟากที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ใบหน้าน้อย ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะซีดเซียวลง “คุณลุงนัดคุณพ่อไว้ที่หน้าประตูโรงเรียนไม่ใช่เหรอครับ ?”
เห็นแก่เงินที่จะได้รับก็ควรที่จะให้เขาได้มีชีวิตนาน ๆ กว่านี้หน่อยไม่ใช่หรือ
“หนูไม่ต้องห่วงนะ วันพรุ่งนี้เราจะไปเจอพ่อหนูแน่นอน”
เพียงแค่เมื่อได้รับเงินมาก็จะชิ่งหนีทันที สำหรับตัวประกันนั้นได้ฆ่าทิ้งไปตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นหากนำภาระตัวน้อยไปด้วย จะวิ่งหนีอย่างไรสะดวก
“ถ้างั้นผมก็สบายใจแล้ว”
เขาพยายามที่จะฉีกยิ้มขึ้นมา เฉียวจิ่งเหยียนมองไปรอบด้าน ดูเหมือนว่าท่าเรือข้ามฟากนี้จะเก่าและอยู่มานานแล้ว มีเพียงซากเรือประมงเล็ก ๆ น้อย ๆ น่าจะเป็นสถานที่ที่เอาไว้หาปลาเท่านั้น
ทว่าวันนี้อากาศไม่ดีนัก ชาวประมงสักคนก็ไม่มีเลย เขาอยากจะขอความช่วยเหลือก็ไร้ซึ่งโอกาสเสียแล้ว
ช่างเป็นอะไรที่เมื่อมีสิ่งหนึ่งไม่ดีเกิดขึ้น อย่างอื่นก็จะย่ำแย่ตามจริง ๆ เขาเองก็พยายามเต็มที่แล้ว
ถ้าหากตนเองถูกโยนลงน้ำไป เขาผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็นเกรงว่าแม้แต่ว่ายท่าสุนัขสองครั้งก็คงทนไม่ไหว
เมื่อคิดถึงว่าร่างกายของตนเองที่ถูกคลำขึ้นมาได้เริ่มเน่าเปื่อยแล้ว เขาก็รู้สึกว่ากระเพาะปัสสาวะเกร็งอยู่ไม่หยุด
ทำอย่างไรดี คุณอาลู่ฉี หม่ามี๊ คนสารเลวเฉินเป่ยชวน พวกคุณมาช่วยผมทีสิ
“พี่ ลงมือเถอะ ผมหิวแล้ว”
ผู้ชายที่เล่นโทรศัพท์ลูบท้องตนเอง พวกเขาทำงานหนักมาตั้งนานยังไม่ได้ทานข้าวเลย
“อืม ไปหยิบของมา”
เฉียวจิ่งเหยียนมองไปยังลังไม้ที่ถูกยกเข้ามา ภายในนั้นบรรจุก้อนหินขนาดใหญ่อยู่เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ลังไม้ที่มีก้อนหินถูกโยนลงน้ำ จะต้องดิ่งจมลงจนถึงพื้นแน่นอน ถึงเวลานั้นตนจะต้องตายแหงแก๋โดยไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว
“เจ้าตัวน้อย พูดได้แค่ว่าหนูโชคร้าย พระเจ้าไม่เอาหนูแล้ว แต่ว่าหนูไม่ต้องห่วงนะ พวกเราสองพี่น้องเป็นคนดี จะให้หนูตายอย่างสบาย ๆ หน่อยก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงก็ยื่นมือไปลากเขามา
“พวกแกปล่อยฉันจะ ฉันยังไม่อยากตาย !”
เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีในการดิ้นรนขัดขืน ครั้นเห็นได้ชัดว่าแรงตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายสองคนนั้นเลย จึงทำได้เพียงยอมให้ตัวเองถูกยัดใส่ในลังไม้ขนาดใหญ่อยู่อย่างนั้น
“ลังไม้นี่ใหญ่มาก อยู่ข้างในก็คงไม่อึดอัดเท่าไหร่หรอก”
แขนของเจ้าตัวน้อยกระทบเข้ากับหินก้อนใหญ่นั่น จึงรู้สึกเย็นยะเยือกจนเข้ากระดูก ใบหน้าน้อย ๆ ซีดเซียวลงฉับพลัน
“ปิดฝาแล้วโยนลงไปซะ”
“ไอ้พวกสารเลว ถ้าฉันตายไปจะไม่มีวันปล่อยพวกแกไปแน่”
เฉียวจิ่งเหยียนขบฟันขาวเล็ก ๆ ของตนเอง เวลานี้ความหวาดกลัวบนใบหน้าเห็นได้อย่างชัดเจน เขาไม่อยากตาย
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปัง ๆ ดังขึ้นมาสองครั้ง ผู้ชายที่กำลังจะปิดฝาลังไม้ก็ร่วงลงไปกองบนพื้นพร้อมเสียงนั่นทันที เฉียวจิ่งเหยียนมองดูกลุ่มคนที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน จากนั้นบนใบหน้าก็ฉีกยิ้มขึ้นมาเฉกเช่นดอกไม้บานทันควัน
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีคนมาช่วยฉันแน่นอน”
“อุ้มเด็กออกมา”
ชายที่เป็นผู้นำกล่าวจบ ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ก็เข้ามาอุ้มเฉียวจิ่งเหยียนออกจากลังไม้ที่มีความสูงหนึ่งเมตรกว่า
เมื่อไม่มีก้อนหินอันเย็นเฉียบแล้ว และจะไม่ถูกโยนลงไปในน้ำจนจมน้ำตายแล้ว ทันใดนั้นเข้าก็คิดว่าโลกนี้ช่างงดงามเสียจริง
“ขอบคุณที่พวกคุณมาช่วยเหลือผม หม่ามี๊ผมล่ะ ?”
หลังจากที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ แล้ว เฉียวจิ่งเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
MANGA DISCUSSION