วันนี้เป็นวันแต่งงานของเฉินเป่ยชวน คนร้ายเองต่างก็จับจ้องการถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้าน ไม่มีเวลาออกมาทำคดี สถานีตำรวจมีความเงียบสงบอย่างผิดปกติ ตำรวจหลายนายต่างก็รวมตัวกันดูการถ่ายทอดสดหน้าคอมพิวเตอร์กัน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนบทสนทนากันไปมาด้วยความคึกคัก
“พวกนายว่าวันนี้ภรรยาเก่าของเฉินเป่ยชวนจะร้องไห้จนเป็นลมอยู่ในห้องน้ำแล้วหรือเปล่านะ”
ตำรวจนายหนึ่งที่อายุน้อยที่สุดในนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างหยอกล้อ คำขึ้นต้นว่าคุณนายเฉินนี้ไม่ใช่คนที่เป็นแม่บ้านธรรมดาแต่อย่างใด
“ไม่แน่นะ ไม่แน่อาจจะมุดชักโครกฆ่าตัวตายแล้วก็ได้” อีกคนหนึ่งพูดต่อจากนั้นก็พากันหัวเราะเสียงดังสนั่น
“ฉันขอแจ้งความค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนวิ่งเข้ามาเสียงหอบ ตำรวจที่ยังหัวเราะเฮฮากันอยู่เมื่อสักครู่นี้ต่างก็ชะงักไป เมื่อมีสติก็สบตากัน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ร้องไห้เป็นลมอยู่ในห้องน้ำ เหตุใดจึงวิ่งมาหาพวกเขาถึงที่นี่ได้ ?
คงไม่ใช่ว่าจะใช้พวกเขาเป็นที่ระบายจากความเคียดแค้นที่ตัวเองถูกทิ้งหรอกใช่ไหม ?
“ฉันขอแจ้งความค่ะ !”
เธอรอไม่ไหวแล้ว ทำได้เพียงเอ่ยขึ้นเป็นครั้งที่สอง เพียงแค่น้ำเสียงดังกว่าเมื่อสักครู่นี้เยอะมาก
“คุณ……คุณผู้หญิง คุณจะแจ้งความอะไรเหรอ ?”
ตอนแรกเกือบจะเอ่ยคำว่าคุณอดีตภรรยาออกไปด้วยความควบคุมปากไม่ได้เสียแล้ว โชคดีที่วินาทีสุดท้ายได้ตาสว่างขึ้นมา จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันควัน
“ลูกชายฉันถูกลักพาตัวไปค่ะ พวกคุณได้โปรดปิดการจราจรแถวนี้ทันทีเพื่อสกัดคนร้ายด้วยค่ะ ”
เฉียวชูเฉี่ยนพูดไปพลางวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คไว้บนโต๊ะ “วันนี้ตอนเช้าฉันส่งลูกชายไปโรงเรียน แต่ว่าเขาไม่ได้ไปโรงเรียน เขาถูกคนร้ายสองคนลักพาตัวไปตอนอยู่หน้าโรงเรียนค่ะ”
“คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพื่อนที่ลูกชายของคุณรู้จักเท่านั้นเองก็ได้นะ อายุของเด็กเท่านี้เริ่มดื้อแล้ว บางทีอาจจะไปเล่นเกมที่ร้านเกมสักแห่งก็ได้นะครับ”
คุณตำรวจดูวิดีโอแล้ว บางทีกล้องวงจรปิดอาจจะมีปัญหา สิ่งที่ถ่ายมาได้แทบจะมองไม่ชัดเลย ทว่าจากรูปการณ์แล้วสามารถเห็นเด็กคนหนึ่งถูกผู้ใหญ่สองคนพาตัวไปจริง ๆ
“ลูกชายฉันไม่มีเพื่อนแบบนี้ อีกอย่างลูกของฉันไม่ได้ดื้อด้วย ! ได้โปรดอย่าใช้การคาดเดาของพวกคุณมาทำให้ลูกชายฉันถูกทำร้ายโดยเอากลับคืนมาไม่ได้ด้วย !”
ความเจ็บปวดและความโกรธเคืองที่เฉียวชูเฉี่ยนกักเก็บไว้ตลอดราวกับเจอจุดอ่อนเข้าทันที จึงทำให้ตนเองระเบิดออกมา ไม่ว่าจะเป็นเฉินเป่ยชวนก็ดี หลินเฟยเอ๋อร์ก็ดี รวมถึงพวกกลุ่มชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านกลุ่มนั้นจะมาทำร้ายเธอได้หมด แต่ในฐานะแม่คน เธอไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายลูกของตัวเองได้เด็ดขาด !
“คุณเฉียวครับ แต่ถ้าตามกฎและข้อบังคับแล้วพวกเราต้องรอให้หายตัวไป 24 ชั่วโมงก่อนถึงจะดำเนินคดีสืบหาได้นะครับ”
กำลังคนของตำรวจอย่างพวกเขานั้นมีขีดจำกัด ถ้าหากมีผู้ใดหาคนในครอบครัวหรือเพื่อนของตัวเองไม่เจอ ต่างก็มาแจ้งความกัน เช่นนั้นพวกเขาคงต้องยุ่งกันหัวหมุนเป็นแน่
“24 ชั่วโมงงั้นเหรอ 24 ชั่วโมงเด็กคนหนึ่งก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ ถ้าคนเป็นอะไรไปแล้วพวกคุณทำคดีสืบสวนมันจะมีประโยชน์อะไร คุณหันหลังไปดูตัวอักษรด้านหลังคุณหน่อยสิ คุณคิดว่าคำพูดของคุณเมื่อสักครู่นี้เหมาะกับคำเหล่านั้น เหมาะกับชุดที่คุณสวมอยู่หรือไง !”
นิ้วมืออันเรียวยาวชี้ไปยังตัวอักษรตัวใหญ่บนผนังที่เขียนว่า ‘ผลประโยชน์ของประชาชนอยู่เหนือสิ่งอื่นใด’ เฉียวชูเฉี่ยนเอ่ยด้วยความรู้สึกโมโหจนตัวสั่นเทา แม้วิดีโอนี้จะมองไม่ชัด ครั้นเธอสามารถตัดสินได้เพียงพริบตาเดียวว่าจิ่งเหยียนถูกคนลักพาตัวไป
จิ่งเหยียนถูกคนอุ้มไป ครั้นตั้งแต่ที่เขาอายุสามขวบแล้วแทบจะไม่เคยให้ผู้อื่นอุ้มเลย จะเป็นไปได้อย่างไรที่อายุ 7 ขวบแล้วยังให้คนอุ้มจากไปเช่นนี้ !
ตำรวจที่นั่งอยู่เหล่านั้นต่างก็ถูกคำพูดของเธอเมื่อสักครู่นี้ทำให้อึ้งไป เมื่อผ่านมาชั่วครู่จึงเรียกสติกลับคืนมาได้ “คุณเฉียว เรื่องนี้พวกเราที่นั่งอยู่ต่างก็เป็นตำรวจผู้น้อย จะต้องไปขออนุญาตคนที่อยู่เบื้องบนก่อน คุณรอก่อนสักครู่นะครับ”
ตำรวจผู้น้อยต่างก็เดินเข้าไปยังระเบียงทางยาว มือของเฉียวชูเฉี่ยนยังสั่นอยู่ไม่หยุด คนเหล่านี้จะหารือกันไปถึงเมื่อไรก็ไม่รู้ หลังจากที่พวกเขาหารือกันเสร็จแล้ว จิ่งเหยียนอาจจะถูกพาออกนอกซั่นเป่ยไปแล้ว
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เธอจึงล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาเหยียนสือเซี่ยทันที สองคนจะต้องดีว่าหนึ่งคนแน่นอน
ตู้ด ตู้ด ตู้ด
โทรศัพท์ที่ต่อสายไม่ติดทำให้ความกระวนกระวายที่อยู่ในแววตาของเธอชัดเจนมากยิ่งขึ้น สือเซี่ย เธอทิ้งโทรศัพท์ตัวเองไว้ไหนแล้ว ?
……
“แขกที่มางานทุกท่าน ขอบคุณทุกท่านมากที่ยินยอมปิดโทรศัพท์ของตัวเองเพื่องานพิธีและคำอวยพรที่ดีสำหรับคู่แต่งงานในวันนี้ ตอนนี้ดิฉันขอประกาศว่างานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
พิธีกรเอ่ยประกาศเสียงดังอยู่บนเวที เหยียนสือเซี่ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แถวหน้าสบถขึ้นมา “เคยเห็นแต่ต้องปิดโทรศัพท์ตอนฝังศพลงหลุม แต่ไม่เคยเห็นงานแต่งงานที่ไม่อนุญาตให้คนอื่นรับโทรศัพท์มาก่อน”
“เห็นทีว่าวันนี้ผมจะให้โอกาสแก้แค้นแทนเพื่อนรักคุณนะเนี่ย”
หลังจากที่ถังอี้ได้ยินคำพูดที่ดูถูกเหยียดหยามของเธอแล้ว ไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือว่าควรร้องไห้ดี วันนี้ผู้หญิงคนนี้ทำให้ตนเองผิดกับคนหลายคนภายในชั่วพริบตาแล้ว
มีผู้หญิงคนไหนที่ทั้งแจกนามบัตรเจ้าของเพื่อการงาน แถมยังแจกนามบัตรกับแขกที่สามีภรรยามาพร้อมกันโดยเฉพาะในงานแต่งงานคนอื่นเช่นนี้
“ฉันเคยเตือนคุณแล้วนะ ถ้าให้ฉันมา คุณอย่าเสียใจภายหลัง”
งานแต่งงานของคนสารเลวแบบนี้ ต่อให้แจกเงินเธอก็ไม่มีวันยอมมาชื่นชมหรอก
“เฉียวชูเฉี่ยนมีเพื่อนรักอย่างเธอนี่น่าจะโชคดีมากเลยเนอะ” จากมุมมองของผู้ชาย ผู้หญิงคนนี้ขาดความออดอ้อนและความเจ้าเสน่ห์ไป ครั้นหากมองจากมุมมองของเพื่อนแล้ว เธอกลับไม่มีส่วนที่ขาดตกบกพร่องเลย อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกอิจฉาริษยาเฉียวชูเฉี่ยนขึ้นมา
“รอให้คุณมีเพื่อนรักแล้ว คุณก็จะเข้าใจความรู้สึกระหว่างเพื่อนรักแล้วแหละ”
เหยียนสือเซี่ยตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ครุมเครือ การที่เป็นผู้ชายซื่อบื้อนานเกินไป ความมีชีวิตชีวาสูญหายไป จะทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ยาก อีกทั้งผู้ชายที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้นั้นก็อาจจะเบี่ยงเบนทางเพศไปโดยปริยาย
“……”
มีความเย็นยะเยือกผุดขึ้นมาจากในใจของถังอี้ ความรู้สึกของเพื่อนรักไม่เอาด้วยหรอก
“จริงสิ เฉียวชูเฉี่ยนสบายดีไหม ?” เดิมทีไม่อยากแสดงออกว่าเป็นยายป้าแก่มากไป ครั้นยังคงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอยู่ดี ไม่ว่าตอนนี้เป่ยชวนจะกำลังแต่งงานกับใคร ครั้นคนที่อยู่ในใจของเขาจะต้องเป็นเฉียวชูเฉี่ยนอย่างไม่ต้องสงสัย
เฮ้อ สองคนนี้ก็นะ ทำให้คนเป็นห่วงจริง ๆ
“สบายดีจะตายไป ออกจากผู้ชายชั่วได้ จะมีแต่ได้ใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ”
เหยียนสือเซี่ยกล่าวจบก็ยังไม่ลืมพยักหน้ากับตัวเอง เฉี่ยนเฉียนควรค่ากับผู้ชายที่ดีกว่านี้
……
สิบกว่านาทีผ่านไป บริเวณระเบียงทางเดินไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ไม่ทราบว่าตำรวจเหล่านั้นไปหาหัวหน้าถึงที่ไหนแล้ว
ความกระวนกระวายในใจของเฉียวชูเฉี่ยนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอโทรหาเหยียนสือเซี่ยอีกครั้ง ครั้นยังคงต่อสายไม่ติดเหมือนเดิม เธอหาเบอร์โทรสำรองของสำนักงาน คราวนี้ต่อสายติดอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่ะ ที่นี่คือสำนักงานกฎหมายเหอช่วงค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ขอสายเหยียนสือเซี่ยหน่อยค่ะ”
น้ำเสียงอันร้อนรนใจของเฉียวชูเฉี่ยนมีความแหบแห้งเล็กน้อย ครั้นคนที่อยู่ปลายสายยังคงจำเสียงของเธอได้อยู่ดี “คุณเฉียวใช่ไหมคะ สือเซี่ยถูกถังอี้พาตัวไปตั้งนานแล้วค่ะ”
“ถังอี้เหรอ ?”
วันนี้เป็นวันแต่งงานของเฉินเป่ยชวน ไม่มีทางที่ถังอี้จะไม่ไปร่วมงาน หรือว่าเขาพาเหยียนสือเซี่ยไปงานแต่งของเฉินเป่ยชวนที่โรงแรมนานาชาติฮั่นไห่ ?
เธอวางสายไป นั่งอยู่บนเก้าอี้อันเย็นเฉียบนานสองนาน ครั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่รู้ว่าจะพึ่งพาได้อีกนานเท่าไร ถ้าหากไปขอความช่วยเหลือจากถังอี้ บางทีอาจจะเร็วกว่าหน่อย
เธอไม่คิดให้ลึกกว่าเดิม รีบตัดสินใจในความคิดนี้ทันที ถ้าหากเธอไปขอความช่วยเหลือจากถังอี้ เฉินเป่ยชวนอาจจะทราบ
ครั้นเมื่อคิดถึงว่าไม่รู้ว่าตอนนี้จิ่งเหยียนถูกพาตัวไปที่ไหนแล้ว และจะถูกทำร้ายเช่นไร เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจไปพิจารณาเรื่องของเฉินเป่ยชวนแล้ว
เธอโทรหาเบอร์ถังอี้อย่างรวดเร็ว ครั้นปลายสายมีเสียงตู้ด ตู้ด ตู้ด ดังขึ้นมา ทำให้สีหน้าของเธอซีดเซียวลงทันที เหตุใดแม้แต่โทรศัพท์ของถังอี้ก็โทรไม่ติด
เธอควรทำอย่างไรดี ?
ความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจของเธอวนเวียนอยู่จากนั้นก็ถูกกดดันจนเกือบจะหัวใจวาย ครั้นเพื่อลูกของตัวเอง สุดท้ายเธอได้ทำการตัดสินใจทันที
MANGA DISCUSSION