ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 129 โจโฉมาแล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบตาของเฉินเป่ยชวนมองไปยังประตูที่อยู่ไม่ไกล "ถังอี้ยังไม่มาอีกเหรอ? "
“โจโฉมาแล้ว”
ราวกับเขาได้ยินเสียงนั้น เสียงของถังอี้ดังขึ้นจากหน้าประตู เขาเดินเข้ามาพร้อมกับกอดเอวเหยียนสือเซี่ยไว้
ทุกคนตกตะลึง ทุกคนในแวดวงต่างรู้เป็นอย่างดี รอบกายล้วนแต่เป็นหญิงงามผู้หญิงที่ควรจะออกงานกับควรควรจะเป็นฆญิงสาวเซ็กซี่อกโต แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างกายของในตอนนี้นั้นเป็นหญิงสาวสวมชุดทำงานสีดำ เส้นผมถูกมัดไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย หากจะสรรหาคำใดมาเปรียบก็คือคำว่ามีความสามารถ
เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วแน่นเมื่อเขาเห็นเหยียนสือเซี่ย " ฉันหวังว่านายแค่อยากเปลี่ยนรสชาติชั่วคราวนะ"
“นั่นก็ไม่แน่นะ”
ถังอี้เหล่ตาและมองไปที่ใบหน้าของเธอ บางทีอาจไม่อยากเปลี่ยนรสชาติเมื่อเขาคุ้นเคยกับมันแล้ว
เหยียนสือเซี่ยจ้องมองกลับไปด้วยสายตาเยือกเย็น ผู้ชายเฮงซวยแบบนี้มองว่าผู้หญิงเป็นแค่อาหารจานหนึ่ง สายตาของเธอเหลือบไปเห็นใบหน้าเขินอายของหลินเฟยเอ๋อร์ เธอยิ้มอย่างสดใส
เธอหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้ "คุณนายเฉิน ดิฉันชื่อเหยียนสือเซี่ยเป็นทนายความมืออาชีพ ที่เชี่ยวชาญในการจัดการคดีหย่าร้าง หากในอนาคตคุณต้องการกรุณาติดต่อฉันนะคะคุณชายเฉินเป็นลูกค้าประจำของฉัน เอาไว้ฉันจะลดราคาให้พวกคุณสองคนหรือไม่ก็อาจจะเพิ่มค่าเลี้ยงดูให้กับคุณ "
หลินเฟยเอ๋อร์ไม่ามารถฝืนรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ได้ และผู้ชมที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกหายใจไม่ออก หญิงสาวที่ถังอี้พามาโคตรจะบ้าเลย วันนี้เป็นวันดีมีพิธีแต่งงาน การขึ้นมาบนเวทีเพื่อพูดเรื่องคดีหย่าร้างก็ไม่ค่อยจะเป็นมงคลสักเท่าไร
"คุณเหยียน จากสิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับคุณ ดูเหมือนว่าความสามารถของคุณจะไม่สามารถเพิ่มค่าเลี้ยงดูให้ลูกค้าได้นะ"
น้ำเสียงเย็นชาของเฉินเป่ยชวนหมายถึงอะไรบางอย่างและรอยยิ้มที่มุมริมฝีปากของเหยียนสือเซี่ยก็หุบลงทันที นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ให้ค่าเลี้ยงดูแม้แต่น้อยเมื่อเขาหย่ากับเฉี่ยนเฉียน
“เมื่อคุณเฉินและกับคุณนายเฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ ฉันก็อยากจะให้พวกคุณมีแต่ความอับอาย …”
"ที่รัก พรของคุณแปลกเกินไป ดังนั้นอย่าพูดเลย"
ก่อนที่เธอจะพูดจบถังอี้ก็ปิดปากของเธอ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นหมายถึงอะไร ด้วยความเสียใจถ้าเขาไม่หยุด เขาจะต้องอยู่กับพวกเขาตลอดไป
หลินเฟยเอ๋อร์รอยยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มใจ แต่ในใจกลับอยากขับไล่เธอออกไป ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็คือเพื่อนสนิทของเเฉียวชูเฉี่ยน และยังกล้ามาสาปแช่งเธอในพิธีแต่งงานอีก
"ถังอี้ แฟนของคุณไม่เหมือนใครจริงๆ "
เพื่อระงับความโกรธของเธอ ไม่ว่าเธอจะโกรธผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน แต่ก็ต้องให้เกียรติถังอี้
"แน่นอน ฉันถังอี้ไม่ชอบคนที่หยาบคาย"
เขากล่าวพลางคนคนนั้นไว้ในอ้อมแขนและไม่ลืมที่จะขยิบตาให้เฉินเป่ยชวน แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าเฉียวชูเฉี่ยนเป็นคนดี แต่หลินเฟยเอ๋อร์กลับดูหยาบคายมากกว่าเมื่อเทียบกับเธอ
เดิมทีเพียงต้องการทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน แต่เมื่อได้ยินว่าเขาปกป้องตัวเองและเฉี่ยนเฉียนอย่างเห็นได้ชัด จึงล้มเลิกที่จะลงมือ
"ฉันก็ไม่ชอบคนหยาบคายเหมือนกัน"
เมื่อทุกคนกำลังคิดว่าเฉินเป่ยชวนจะปกป้องเจ้าสาวของเขาอย่างไร เขากลับตอบอย่างคลุมเครือ
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ทุกคนก็รู้สึกว่านี่เป็นการปกป้องหลินเฟยเอ๋อร์ แต่เล็บของเธอกำลังจิกกระโปรงแทบจะขาด คำพูดที่ไม่ชัดเจนของเฉินเป่ยชวนไม่ได้หักล้าง ถังอี้เลย แต่เป็นการบอกว่าเขาไม่ชอบตนเองเลยแม้แต่น้อย!
"ประธานเฉิน งานแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้น"
เมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มพิธี พิธีกรจึงเดินมาเตือน หลินเฟยเอ๋อร์รู้สึกโล่งใจ สีหน้าก็ค่อยๆ ดีขึ้น เขาจะรักหรือไม่รักเธอแล้วทำไม พิธีแต่งงานในวันนี้จะเป็นเครื่องผู้มัดเขาทั้งสองไว้ด้วยกันอยู่ดี
“งั้นมาเริ่มกันเลย”
…..
บริษัท Q&C
การถ่ายทอดสดงานแต่งงานได้เริ่มขึ้นแล้ว เสียงพูดคุยกันทำให้เฉี่ยนเฉียนขมวดคิ้ว เธอคิดว่าควรจะฟังสิ่งที่สือเซี่ยบอกให้อยู่บ้านและพักผ่อนสักวัน
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในฝั่งของจิ่งเหยียน มันจะเต็มไปด้วยคำนินทาและความเจ็บปวดเหมือนกับโลกของผู้ใหญ่หรือไม่
เมื่อมองไปที่เวลา เธอรู้สึกร้อนใจจึงโทรออกไปยังหมายเลขของครูเฉิน "สวัสดีค่ะ คุณครูเฉิน ฉันเป็นแม่ของเฉียวจิ่งเหยียน ฉันอยากจะ … "
"คุณจะให้จิ่งเหยียนลาหยุดใช่ไหมคะ ฉันกำลังจะโทรหาคุณอยู่พอดี"
ก่อนที่เธอจะพูดจบเสียงของครูเฉินก็ดังขึ้น ซึ่งทำให้เธอตกใจเล็กน้อย "ลาหยุดอะไรเหรอคะ เฉียวจิ่งเหยียนไม่สบายเหรอคะ? "
หรือว่าความกังวลของเธอกลายเป็นเรื่องจริง จิ่งเหยียนจะโดนเพื่อนร่วมชั้นรังแกจริงๆ?
"คุณแม่จิ่งเหยียน จิ่งเหยียนไม่มาโรงเรียนเมื่อเช้านี้ คุณไม่ได้โทรมาเพื่อลาหยุดให้เขาเหรอคะ? "
"ไม่ได้ไปโรงเรียน เป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นคนส่งเขาไปโรงเรียนเมื่อเช้านี้"
เฉียวชูเฉี่ยนลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานขณะพูดคุย เธอกับสือเซี่ยเป็นคนไปส่งด้วยตัวเอง ไม่น่าเกิดความผิดพลาดได้ และจิ่งเหยียนเองก็ไม่ใช่เด็กที่จะโดเรียนอีกด้วย
“แต่วันนี้เรายังไม่เห็นเขามาโรงเรียนเลยนะคะ เป็นไปได้ไหมที่เขาโดนเรียนไปที่ไหนสักแห่ง”
วันนี้เป็นวันที่อ่อนไหวจริงๆ สินะ
"เป็นไปไม่ได้ค่ะ ครูเฉิน รบกวนคุณช่วยดูกล้องวงจรปิดที่หน้าประตูโรงเรียนหน่อยได้ไหมคะ ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้ เป็นยังไงช่วยโทรบอกฉันเป็นคนแรกนะคะ"
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เธอก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกที่ไม่อาจบรรยายได้ในใจและลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนั้นทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
เมื่อไม่มีเวลาสนใจสายตาของคนอื่น เธอก็ออกมาจากบริษัท Q&Cอย่างรวดเร็ว "ขอโทษค่ะ ฉันรีบขอไปก่อนได้ไหมคะ"
มีใครบางคนอยู่ข้างถนนกำลังเรียกแท็กซี่และเธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงเข้าไปโดยตรง
"ไปโรงเรียนอนุบาลเขตหนึ่งค่ะ รบกวนช่วยขับเร็วๆ ด้วยค่ะ
คนขับเพียงแค่เม้มริมฝีปาก ทุกคนก็ต้องหาเงินใช่ไหมล่ะ เขาจึงออกรถมุ่งตรงไปยังโรงเรียนอนุบาลเขตหนึ่งทันที
"คุณครูเฉิน เป็นยังไงบ้างคะ มีการถ่ายภาพเบาะแสของจิ่งเหยียนหรือไม่"
เมื่อลงจากรถแท็กซี่จากทางเข้าโรงเรียนเธอวิ่งเข้าไปในห้องทำงานของครูประจำชั้น เธอท่องมาตลอดทางว่าจิ่งเหยียนจะต้องไม่เป็นอะไร
"คุณแม่จิ่งเหยียน าพกล้องวงจรปิดด้านนอกไม่ชัดเจน แต่จิ่งเหยียนดูเหมือนจะถูกผู้ใหญ่สองคนพาตัวไปที่ประตู"
ครูเฉินพูดอย่างระมัดระวัง หากเด็กไม่เข้าโรงเรียนพวกเขาจะไม่รับผิดชอบ แต่ถ้าหากถูกลักพาตัวไปจากหน้าประตูโรงเรียนละก็พวกเขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับผิดชอบ
"โดนผู้ใหญ่สองคนอุ้มไปเหรอ"
เสียงของเฉียวชูเฉี่ยนเปลี่ยนไปทันทีที่เธอได้ยิน เธอมองภาพกล้องวงจรปิดโดยไม่กะพริบตา กางเกงออกกำลังกายของจิ่งเหยียน…เธอเป็นคนให้เขาเป็นของขวัญเมื่อปีก่อน
ร่างกายของเธอดูเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงในทันใด แต่เธอก็ทนไว้เพื่อไม่ให้ขาของเธอทรุดลงและนั่งลงบนพื้น ใครพาจิ่งเหยียนไปหรือเป็นการลักพาตัว?
“คุณแม่จิ่งเหยียน?”
“คุณครูเฉิน ดิฉันขอน้ำหนึ่งแก้วก่อนได้ไหมคะ?”
จิตใจของเธอยุ่งเหยิง แต่งเธอก็ยังคงมีสติแม้ว่าเธอจะตื่นตระหนกแค่ไหนก็ตาม
"ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ"
คุณครูเฉินรู้สึกกลัวใบหน้าซีดเซียวของเธอ จึงรีบไปนำน้ำอุ่นหนึ่งแก้วมาให้ เฉียวชูเฉี่ยนรับไปดื่มอย่างรวดเร็วจนสำลักและไอออกมา
"แจ้งความ…ภาพกล้องวงจรปิดช่วงนี้ฉันขอเอาไปใช้หน่อยนะคะ"
หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบโน้ตบุ๊กบนโต๊ะขึ้นมาแล้วรีบออกไป