ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 128 งานแต่งงานของอดีตสามีเพื่อนรัก
เหยียนสือเซี่ยอยากที่จะหาสักที่แล้วมุดเข้าไปเต็มทน เหตุใดหนึ่งร้อยวันจึงได้ผ่านไปช้าเช่นนี้ เธอรู้สึกใกล้จะทนไม่ไหวจนจะยอมเป็นคนที่ไม่รักษาคำพูดแล้วจริง ๆ
“ตำรวจยุ่งกับการโชว์ความรักไม่ได้หรอกนะ” ถังอี้เอ่ยขึ้นพร้อมยื่นมือไปโอบไหล่ของเธอ และไม่รอให้เธอโต้แย้งกลับก็โอบเธอเดินออกจากโรงพักไปทันที
“เอามือสกปรกของคุณออกไปเดี๋ยวนี้” เมื่อออกจากประตูมาเหยียนสือเซี่ยจึงสะบัดมือของเขาบนไหล่ตัวเองออกอย่างแรง
“แฟนสาวที่ทำกับแฟนตัวเองแบบนี้ไม่ผ่านเลยนะ คุณทนายเหยียน วิธีจัดการการละเมิดสัญญาในวิชาชีพกฎหมายของคุณมีอะไรบ้าง ? อยู่ ๆ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้ดูโทรศัพท์คุณนานแล้ว”
ถังอี้โค้งตัวจากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปเบื้องหน้าเธอ พร้อมยิ้มคิกคักจงใจที่จะเย้าหยอก
“ถังอี้ ไอ้คนต่ำช้า คุณต้องการให้อะไรจากฉันกันแน่ ?”
เมื่อพูดถึงโทรศัพท์ เธอก็ระเบิดทันที ผู้ชายต่ำช้าเอารัดเอาเปรียบเธอหลายครั้งก็ช่าง ครั้นคิดไม่ถึงว่าจะยังเอารูปถ่ายที่อยู่ในโทรศัพท์ตนมาเป็นตัวขู่อีก
“ผมจะต้องการอะไรจากคุณได้ล่ะ ผมไม่ได้ต่ำช้าจนถึงขั้นเป็นคนเลวที่บังคับขู่เข็นให้คนอื่นทำเรื่องบางเรื่องหรอกนะ แม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในวงการกฎหมายเหมือนพวกคุณ แต่ว่าผมก็รู้ว่าการข่มขืนต้องถูกลงโทษนะ”
ราวกับมองไม่เห็นความเกรี้ยวกราดที่อยู่บนใบหน้าของเธอ หลังจากที่เขาเอ่ยหยอกล้อเสร็จแล้ว ค่อยพูดถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้
“วันนี้เป็นวันแต่งงานของเพื่อนรักผม ในฐานะแฟนของผม การออกงานกับผมก็เป็นหน้าที่ที่คุณควรจะทำ”
“ไอ้คนชั่วคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คุณให้ฉันไปร่วมงานแต่งงานเฉินเป่ยชวนคนสารเลวนั่นกับคุณเนี่ยนะ ! คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่า !”
หลังจากเข้าใจความหมายของเขาเรียบร้อยแล้ว เหยียนสือเซี่ยจึงรู้สึกโมโหจนอยากจะฆ่าคน ให้เธอไปร่วมงานแต่งงานคนตายยังจะดีเสียกว่าไปร่วมงานของเฉินเป่ยชวน
“เฮ้อ ผมรู้ว่าสถานะของคุณมันน่าอึดอัด แต่ว่าผมก็อึดอัดเหมือนกันนี่นา ถ้าไม่มีคู่เดินเข้างาน จากนี้ไปผมจะใช้ชีวิตอยู่ที่ซั่นเป่ยได้ยังไง แต่ว่าผมคนนี้มีจริยธรรมขั้นพื้นฐาน แค่ผมมีแฟนผมก็จะไม่นอกใจอะไรแบบนั้น เพราะฉะนั้นเลยทำได้แค่ให้คุณไปร่วมงานเป็นเพื่อนผมเท่านั้น”
ถังอี้กล่าวจบก็จงใจล้วงโทรศัพท์ของเธอออกจากกระเป๋าเสื้อ หางตาข่มขู่ยกขึ้นมา “แฟนสาวที่รักของผม อยากจะไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนรักผม อดีตสามีเพื่อนรักคุณกับผมหรือเปล่า ? ถ้าปฏิเสธ ถ้างั้นผมก็จะเอาโทรศัพท์เครื่องนี้มอบให้กับพวกเขาเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานดีไหมนะ ?”
“ถังอี้ ไอ้คนชั่วช้าน่าไม่อายอันธพาล ฉันไปก็ได้ ! คุณอย่าคิดเสียใจภายหลังก็แล้วกัน !”
เหยียนสือเซี่ยถูกข่มขู่ทำให้โมโหจนกระทืบเท้า ผู้หญิงที่อยู่ในสังคมมีการศึกษาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำหยาบคายออกมา
ณ ชั้น 33 โรงแรมนานาชาติฮั่นไห่ แขกผู้มีเกียรติทยอยกันมาถึงสถานที่จัดงานกันแล้ว ครั้นเฉินเป่ยชวนที่เป็นตัวเอกของวันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
หลินเฟยเอ๋อร์เดินไปเดินมาอยู่ในห้องพักผ่อนอย่างหงุดหงิดใจ เมคอัพอันสวยงามบนใบหน้าปกปิดสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ไว้ ครั้นกลับปกปิดความกระวนกระวายที่อยู่ในแววตาของเธอไว้ไม่ได้
“เป่ยชวนมาหรือยัง ?”
เลขายื่นศีรษะออกไปมองรอบหนึ่งจากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความผะอืดผะอม “คุณเฟยเอ๋อร์คะ ท่านประธานเฉินจะต้องมีธุระยุ่งแน่เลยค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่มาหรอกค่ะ”
“จู้จี้ แน่นอนว่าฉันรู้อยู่แล้ว”
เธอระบายความโกรธใส่เลขา ความรู้สึกกระวนกระวายที่อยู่นัยน์ตาเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีความเป็นไปได้ว่าเฉินเป่ยชวนจะยกเลิกงานแต่งงานจริง ๆ อยู่
และเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
“เธอออกไปก่อนเถอะ ฉันขอพักผ่อนสักครู่ก่อน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉันห้ามให้คนอื่นเข้ามา”
“ค่ะ คุณเฟยเอ๋อร์”
เลขาเดินออกไปทันที หลังจากที่มั่นใจว่าประตูปิดสนิทแล้ว หลินเฟยเอ๋อร์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเซี่ยวเซิง
“เป็นยังไงบ้าง ?”
“คนอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว เตรียมค่าตอบแทนครึ่งหนึ่งไว้เลย”
เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายของเซี่ยวเซิงดังขึ้นมา เธอจึงโล่งอกไปยกใหญ่ “คุณไม่ต้องห่วง หลังจากงานแต่งจบฉันจะโอนให้พวกคุณทันที ก่อนงานแต่งจะจบต้องจัดการเด็กนั่นให้เรียบร้อย”
ไม่เช่นนั้นเธอกลัวว่าเจ้าตัวปัญหานี้จะไม่มีโอกาสในการจัดการครั้งที่สองอีกแล้ว
“งานแต่งงานนี้ของคุณนี่น่าไปชื่นชมจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ผมเสียโอกาสที่จะได้รายงานข่าวไป”
ภายในคำพูดของเซี่ยวเซิงมีคำเหน็บแนมสอดแทรกอยู่ การทำเรื่องย่ำแย่เช่นนี้ในงานแต่งงาน ถ้าหากถูกเปิดโปงขึ้นมาไม่รู้ว่าจะได้หัวข้อพาดหัวข่าวกี่วัน
“ฉันขอเตือนคุณไว้นะ ทำเรื่องนี้เสร็จฉันจะโอนเงินให้คุณทันที หลังจากนี้ไปฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณหรือได้ยินเสียงของคุณอีก”
เซี่ยวเซิงเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ทั้งที่ทราบว่าการที่ให้เขามาช่วยเหลือจัดการธุระให้นั้นไม่น่าไว้วางใจ ครั้นนอกเหนือจากเขาเธอก็ไม่ทราบว่ายังไปหาใครให้ช่วยเหลือได้อีกแล้ว
“ดูคุณสิ พวกเราเป็นคนกันเองแล้วนะ ในเมื่อผมเอาเงินมาแล้วก็จะต้องปิดปากเงียบอย่างเชื่อฟังอยู่แล้วแหละ ไม่ยอมให้เรื่องของคุณแพร่ออกไปหรอกน่า”
“ขอให้แบบนั้นก็แล้วกัน”
หลินเฟยเอ๋อร์กล่าวจบก็ตัดสายทิ้งทันที จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้ง และเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างกำแพง ฤกษ์งานแต่งงานใกล้จะมาถึงแล้ว เหตุใดเป่ยชวนยังไม่โผล่หน้ามาอีก
“คุณเฟยเอ๋อร์ ประธานเฉินมาแล้วค่ะ”
เสียงเท้าและเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากนอกประตู น้ำเสียงของเลขามีความดีอกดีใจ ถ้าหากงานแต่งวันนี้ต้องจบลงทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มต้น จากนี้ไปเธอกลัวว่าคงไม่มีโอกาศที่จะได้โดดเด่นเสียแล้ว
เธอรีบเปิดประตูออก จากนั้นก็มองไปด้านนอกตามสันชาตญาณ จึงพบกับเฉินเป่ยชวนที่กำลังถูกกลุ่มคนล้อมรอบอยู่จริง ๆ มุมริมฝีปากจึงได้ผุดเป็นรอยยิ้มขึ้นมา “อีกสักครู่เมื่อถึงเวลางานแต่งแล้วอย่าลืมทำเรื่องที่ฉันบอกไว้ด้วยล่ะ”
งานแต่งงานของเธอ จะต้องกำจัดระเบิดลูกนั้นทิ้งเสีย และห้ามเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด
“สบายใจได้ค่ะคุณเฟยเอ๋อร์ ฉันจะต้องทำภารกิจสำเร็จแน่นอน”
ภายในห้องโถงจัดงาน เฉินเป่ยชวนที่เป็นฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นมาช้ากว่ากำหนด ครั้นไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิว่าเขาไม่ถูกเลยสักคน ไม่เพียงเท่านี้ยังมาล้อมรอบตัวเขาเพื่อประจบประแจงตีสนิทอีกด้วย
“ท่านประธานเฉินครับ คุณหลินคนสวยเนี่ยเป็นถึงดาราสาวที่สวยที่สุดในวงการบันเทิงเลยนะครับ ท่านประธานเฉินนี่โชคดีจริง ๆ เลยนะครับ”
ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยประจบประแจง ครั้นภายในใจกลับรู้สึกขยะแขยง ผู้หญิงในวงการบันเทิงต่างก็เป็นคนสกปรกกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเคยนอนกับผู้ชายมาแล้วกี่คน ผู้หญิงแบบนี้เล่นสนุกด้วยได้ ครั้นหากจะให้แต่งงานเข้าบ้านเขาไม่เอาด้วยหรอก
“ใช่แล้ว เห็นทีว่าภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ที่เฟิงฉิงลงทุน คุณนายเฉินจะต้องได้เป็นนางเอกเบอร์หนึ่งแน่นอน”
มุมริมฝีปากของเฉินเป่ยชวนยกขึ้นอย่างฝืน ๆ เขาหันหน้าไปมองผู้หญิงที่เดินออกจากห้องพักผ่อนด้วยความอดใจรอไม่ไหว นัยน์ตาไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย งานแต่งงานในวันนี้สำหรับเขาแล้วก็เป็นเพียงงานงานหนึ่งที่ไร้ความหมายเท่านั้น
“เป่ยชวน คุณทำธุระเสร็จแล้วเหรอคะ ?”
หลินเฟยเอ๋อร์คล้องแขนของเขาไว้อย่างสง่างามทันที แม้เมื่อสักครู่นี้เธอจะไม่ได้อยู่ข้างนอก ครั้นก็ทราบได้ว่าคนเหล่านี้ถกเถียงอะไรกัน วันแต่งงานครั้งยิ่งใหญ่เจ้าบ่าวมาช้ากว่าแขกเสียอีก ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่ยินยอมจะแต่งงานกับเธอเลย
“เจ้าสาวตอนเห็นในทีวีก็ว่าสวยแล้วนะ วันนี้เห็นตัวจริงสวยกว่านางฟ้าอีกจริง ๆ ”
ผู้คนยิ้มพร้อมเอ่ยชื่นชม หลินเฟยเอ๋อร์คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมานานมากแล้ว รอยยิ้มอันงดงามและเกรงอกเกรงใจบนใบหน้าก็คือวิธีการตอบที่ดีที่สุด