ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 108 แฟน100วัน
"เหลวไหล! 100 วันใช่ไหม ฉันจะเป็นแฟนคุณ 100 วัน! "
ในเวลานี้ต่อให้เป็นใครก็ต้องโกรธ เหยียนสือเซี่ยจ้องมองเขาอย่างเกลียดชัง เธออยากจะบอกคนเฮงซวยแบบนี้ว่า ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะตาบอดและชอบผู้ชายเฮงซวยแบบนี้
"คุณเป็นแฟนของแรกของฉันที่ปากร้อยต่อหน้าฉันแบบนี้ ฉันชอบนะ วันนี้เป็นวันแรกที่คบกันนะแฟนที่รัก"
ถังอี้กล่าวพลางทำท่าจะโอบไหล่ แต่เหยียนสือเซี่ยเตือนด้วยการยกเท้าขึ้นด้วยส้นเท้า
"เป็นตัวของตัวเอง ฉันชอบ"
เป็นตัวของตัวเองบ้าอะไรล่ะ! เธอสาปแช่งในใจ เธอรีบเข้าไปในรถ เฉี่ยนเฉียนกลับไปเก็บกระเป๋าของเธอ เธอต้องรีบกลับไปรับเขา
"นายขึ้นมาทำไม? "
ขณะที่เธอกำลังจะออกรถ ถังอี้กลับขึ้นมานั่งเบาะข้างคนขับ
“ตอนนี้เราเป็นแฟนกัน ฉันจะต้องรีบไปเดทกับคุณสิ อ้อ…จริงสิ บ้านของคุณอยู่ที่ไหน ฉันอยากจะไปทำความคุ้นเคยสักหน่อย”
"… "
ไม่สามารถถีบคนออกจากรถได้อีกต่อไป เหยียนสือเซี่ยเหยียบคันเร่งขณะที่รถเริ่มออกตัวไป
ในคฤหาสน์เฉียว เฉียวชูเฉี่ยนเก็บสัมภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอและผู้สื่อข่าวด้านล่างคาดว่าพวกเขาไปทานอาหารกันหมดแล้วเลยก็ดูเงียบเป็นพิเศษ
อยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่นิ้วอย่างกะทันหัน เธอก้มไปดูสิ่งที่ทิ่มมือเธอ จากนั้นจึงขมวดคิ้วแน่น
มันเป็นกระสุนที่เธอหยิบออกมาจากด้านหลังของเฉินเป่ยชวน
คราบเลือดบนมันได้ถูกทำความสะอาดโดยเธอเมื่อนานมาแล้ว กระสุนแวววาวก็เปล่งแสงออกมา เมื่อเธอคิดว่าเธอกำลังจะตายด้วยน้ำมือของพ่อค้ายาเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยเธอโดยไม่ลังเล
เธอแอบเก็บลูกกระสุนไว้อย่างเงียบๆ ตั้งใจจะเก็บเอาไว้ตลอดไป
น้ำตารื้นขึ้นที่หางตาอย่างควบคุมไม่ได้ เฉินเป่ยชวน…คุณเป็นคนยังไงกันแน่ ถ้าคุณเป็นคนทำเรื่องตระกูลเฉียวทั้งหมดด้วยตนเอง แล้วทำไมถึงต้องช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การชดใช้งั้นเหรอ?
ด้านนอกมีเสียงเดินดังขึ้น เธอรีบเก็บกระสุนวางไว้ที่เดิมในทันที
“แล้วเรื่องของนักข่าวจัดการแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นชายคนนั้นด้านหลังของเหยียนสือเซี่ย แสงแห่งความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉียวชูเฉี่ยน ทำไมถังอี้ถึงมาที่นี่?
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มาหาคุณ ฉันมาเดทกับแฟนของฉันต่างหาก”
ถังอี้กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มและไม่ลืมที่จะอธิบายว่าตอนนี้เขาเป็นใคร
แฟน? ดวงตาที่ตั้งคำถามตกอยู่ที่แฟนสาวของเขา เธอไปที่สถานีตำรวจเพื่อจัดการกับคดีนของนักข่าวไม่ใช่เหรอ แล้วอยู่ดีๆ เธอจะเป็นแฟนของถังอี้ได้อย่างไร?
“ถ้านายไม่พูดก็ไม่มีใครว่านายเป็นใบ้หรอก อย่าลืมนะ ยังมีกำหนดเวลา!”
เหยียนสือเซี่ยลดเสียงลงและมองเขาด้วยความอึดอัด "เธอทำเหมือนเขาเป็นอากาศเถอะ เก็บของเสร็จหรือยัง พวกเราไปรับเจ้าเด็กน้อยกัน"
“อืม เสร็จแล้ว”
เธอระงับความอยากรู้อยากเห็นในใจ แม้ว่าถังอี้จะเป็นคนขี้เหวี่ยง แต่เขาก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ แต่เฉียวจิ่งเหยียน เขาอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เมื่อวานนี้ กังวลจริงๆ ว่ามันจะมีผลกระทบกับการเจริญเติบโตของเขา
……
ในชั้นเรียนการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองคาบสุดท้ายในโรงเรียนประถมซั่นเป่ย คุณครูเดินออกจากห้องเรียนอย่างเชื่องช้าด้วยความขี้เกียจ และทันใดนั้นเองห้องเรียนก็ระเบิดทันทีด้วยเสียงดังสนั่น
"เฉียวจิ่งเหยียน นามสกุลของนายคือเฉียวไม่ใช่เฉิน เพราะว่าพ่อกับแม่นายหย่ากันแล้วใช่เหรอ! "
ชายร่างอ้วนตัวเล็กที่เคยมีเรื่องกับเขามาก่อนกล่าวอย่างหยิ่งยโส เมื่อวานแม่ของเขาบอกไว้แล้วว่าต่าไปนี้ไม่ต้องกลัวเฉียวจิ่งเหยียนอีกต่อไป
“นายพูดว่าใครไม่มีพ่อ?” เฉียวจิ่งเหยียนลุกขึ้นจากที่นั่ง ใบหน้าที่เศร้าหมองของเขาเกือบจะเหมือนกับตอนที่เฉินเป่ยฉวนโกรธ แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่ออร่าของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
เจ้าอ้วนตัวเล็กสะดุ้ง แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อแม่พูดเขาก็เริ่มมั่นใจขึ้นทันที “นายมันไม่มีพ่อ แม่ก็ไม่ต้องการ นายมันไม่มีใครเอา”
คำพูดเด็กๆ แต่กลับมีพลังทำลายล้างสูงทำให้คนรอบข้างยิ้มเยาะ เด็กไม่มีพ่อนี่ช่างน่าอายเสียจริง
เฉียวจิ่งเหยียนกำหมัดแน่น สายตาดุร้ายไม่สมวัย “นายบอกว่าใครไม่มีพ่อ!”
“พ่อแม่นายหย่ากันตั้งนานแล้ว แม่ของฉันบอกว่าตอนที่นายเกิดมาก็เป็นเด็กไม่มีพ่อ แล้วแม่ของนายก็ชอบแต่งงานกับคนรวย คนอื่นไม่เอาแล้วก็ยังไม่ยอมจากไป” เจ้าเด็กอ้วนเห็นเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ หัวเราะจึงมีรอยยิ้มหยิ่งผยองบนใบหน้าของเขา
"นายหาเรื่องนี่นา! "
พูดจบ จิ่งเหยียนสวนหมัดเล็กๆ ลงไปบนหน้าเด็กอ้วนอย่างแรง
"โอ๊ย…"
เจ้าเด็กอ้วนร้องโอดโอยอย่าเจ็บปวด
ครูที่ต้องการพักผ่อนอย่างเกียจคร้าน สักพักได้ยินเสียงก็รีบวิ่งออกมาจากห้องทำงานวิ่งเข้าห้องเรียนไปเห็นจิ่งเหยียนกำลังคร่อมเจ้าเด็กอ้วนที่นอนอยู่บนพื้น และจิ่งเหยียนกำลังต่อยใส่คนด้านล่างอย่างรัวๆ
พระเจ้า เกิดอะไรขึ้น?
หลังจากที่ถูกครูบังคับให้ดึงออกไปจากเจ้าเด็กอ้วน เขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับจมูกที่บวมเขาร้องไห้และบ่นกับครูว่า "ครูครับ เฉียวจิ่งเหยียนต่อยผม"
เฉียวจิงเหยียนมีดวงตาแดงก่ำ และดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเขาดูเหมือนจะแผดเผาทุกอย่างแม้แต่อาจารย์ประจำชั้นก็ยังตกใจกับสายตานั้น
"เฉียวจิ่งเหยียน บอกครูได้ไหมว่าทำไมต้องทำร้ายร่างกายเพื่อนด้วย"
ข่าวในสองวันที่ผ่านมาคือเรื่องของเฉินเป่ยชวนและเฉียวชูเฉี่ยน แม้ว่าจะไม่ถามก็คาดเดาได้ว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร
“ไม่มีเหตุผล ก็แค่รู้สึกว่าปากเขาน่าต่อย!”
คำตอบที่ตรงไปตรงมา ทำให้ครูลำบากใจเล็กน้อย
นอกโรงเรียน เฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยที่มารอรับ ถูกผู้สื่อข่าววนเวียนอยู่ในรถเบนซ์ที่จอดอยู่ข้างๆ ถังอี้ยกขาขึ้นไปที่แผงควบคุมด้านหน้าอย่างสบาย ๆ
ครั้งนี้เป่ยชวนรู้สึกโกรธผู้หญิงคนนี้จริงๆ ไม่อย่างนั้นก้คงไม่อนุญาตให้หลินเฟยเอ๋อร์ทำแบบนี้
ตอนนี้ผู้สื่อข่าวเหล่านี้กำลังขุดคุ้ยหาข่าว แต่คนที่โพล่งออกมาในตอนแรกต้องเป็นหลินเฟยเอ๋อร์แกล้งทำข่าวหลุดโดยเจตนาอย่างแน่นอน
"เฮ้อ ฉันตั้งใจออกมาหาสาวๆ อย่างเดียวนะ"
หลังจากพูดคุยกับตัวเองแล้วเขายังคงฮัมเพลงตามจังหวะโดยไม่กังวลว่าหญิงสาวที่เขาต้องการเลือกจะต้องทนทุกข์ทรมาน
"คุณเฉียว คุณมารับลูกใช่ไหมคะ ขอถามหน่อยค่ะคุณแบ่งสิทธิ์การดูแลลูกกับประธานเฉินอย่างไรคะ? "
“คุณเฉียว คุณได้รับค่าเลี้ยงดูเท่าไหร่คะ เมื่อคุณคลอดออกมาแล้วคุณสะดวกที่จะเปิดเผยตัวเลขคร่าวๆ หรือไม่?”
ไมโครโฟนและคำถามของนักข่าวเกือบจะทำให้เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกอึดอัดเหมือนจะจมน้ำเธอขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เฉียวจิ่งเหยียนเป็นลูกของเธอ ไม่ใช่ค่าเลี้ยงดู นอกจากนี้พวกเขาหย่ากันเมื่อ 7 ปีก่อนและเธอไม่ได้ขอเงินเลย
"ขอทางหน่อยค่ะ"
ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอรู้ดีว่าคนที่ทำขาวให้เป็นดำได้มีอยู่เยอะ แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีเยอะมากมายถึงขนาดนี้
"ถ้าคุณไม่หลีกทาง ฉันจะโทรเรียกตำรวจ"
เหยียนสือเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจากด้านข้าง พวกเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
“คุณเฉียว ฉันขอถามได้ไหมว่านั่นคือลูกของคุณหรือเปล่า”
จู่ๆ ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งก็เล็งกล้องไปที่ร่างเล็กที่เดินออกมาจากโรงเรียนโดยมีครูประจำชั้นอยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นเฉียวจิ่งเหยียนก้มหน้าเดิน แขนทั้งสองข้างปล่อยอย่างหมดแรง เธอจึงมองด้วยสายตากังวลใจ เหมือนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแขนของเขาเลย