น้ำตาในดวงตาที่เอ่อล้นของท่านผู้หญิงค่อยๆ ไหลรินออกมาที่หางตาเหี่ยวย่น เธอใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะพาทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกัน เพียงไม่กี่วันก็กลายเป็นเช่นนี้
“คุณย่า ขอบคุณที่ดีกับหนูมาตลอดนะคะ ต่อไปถ้าคิดถึงหนูก็โทรหาได้เลยนะคะ”
เฉียวชูเฉี่ยนสูดหายใจเข้าควบคุมไม่ให้น้ำตาไหล "จิ่งเหยียน บอกลาย่าทวดสิจ๊ะ"
“คุณย่าทวด ผมจะคิดถึงย่าทวดนะครับ”
เจ้าตัวน้อยปล่อยมือพลางหันไปมองเฉินเป่ยชวนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา คนเลว ทั้งหมดเป็นเพราะเขาคนนี้!
เสียงกัดดังขึ้น เฉินเป่ยชวนถอนหายใจแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
"เป่ยชวน มือของคุณมีเลือดออก"
หลินเฟยเอ๋อร์รู้สึกตกใจกับการกระทำที่กะทันหันนี้ เมื่อครู่อยู่ๆ เจ้าตัวเล็กก็วิ่งเข้ามา ผ่านไปไม่ถึงสองวินาที เขาก็กัดเข้าไปที่มือของเฉินเป่ยชวนเต็มๆ โดยที่เธอยังไม่ทันได้เข้าไปช่วยเหลือ
รอยฟันเป็นวงกลมที่เห็นได้ชัดทะลุเข้าไปในเนื้อและเลือดปรากฏขึ้นในทันที แสดงให้เห็นว่าการกัดนั้นโหดร้ายเพียงใด
“จิ่งเหยียน”
เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดว่าเขาจะกัดคนอื่นอย่างกะทันหันแบบนี้ แต่กลับไม่ได้ตำหนิอะไรเขา ถึงแม้ว่าลูกชายเธอยังเด็ก แต่เขากลับทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเธอ กลับกลายเป็นแม่คนนี้เสียมากกว่าที่ไม่มีประโยชน์
"หม่ามี๊ นี่ยังเบาไปสำหรับคนเลวๆ แบบนี้ พวกเราไปกันเถอะ! "
เฉียวจิ่งเหยียนเช็ดเลือดออกจากฟันด้วยความรังเกียจ จากนั้นจึงดึงแม่ของตัวเองขึ้นไปชั้นบน
เพียงไม่นาน แม่และลูกชายก็เดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับกระเป๋าที่เก็บไว้เมื่อคืน
ท่านผู้หญิงร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ "ยายหนู จะไปจริงๆ เหรอ" ครอบครัวสามคนจะแยกจากกันครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไร
“คุณย่า ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”
เฉียวชูเฉี่ยนต้องการกอด แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ทำอะไร เธอกลัวว่าจะควบคุมน้ำตาไม่ได้และเธอกลัวว่าศักดิ์ศรีสุดท้ายของเธอจะไม่มีเหลือ
เธอเดินผ่านไปอีกครั้งอย่างเงียบๆ แต่เมื่อเธอเดินไปถึงประตูของคฤหาสน์ เฉินเป่ยชวนก็รั้งเธอเอาไว้
"หยุด"
เธอตัวแข็งทื่อที่ประตู "มีอะไรอีก? "
“คุณไม่มีสิทธิ์เอาสิ่งของของตระกูลเฉินออกไป”
สายตาของเฉียวชูเฉี่ยนเริ่มรำคาญมากขึ้นและหันหลังให้ร่างของเขา “เฉินเป่ยชวน คุณอยากจะตรวจดูสัมภาระของฉันไหม? คุณสามารถตรวจสอบได้เลยตามใจ ดูว่าฉันได้เอาสิ่งของของตระกูลเฉินไปหรือเปล่า แต่ถ้าไม่มีละก็คุณต้องมานั่งคุกเข่าขอโทษต่อหน้าฉันและจิ่งเหยียน เพราะฉันไม่อนุญาตให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพวกเราได้อีกต่อไป”
เขาเป็นคนไร้ความปรานีและสามารถใช้เธอได้ แต่เขาไม่สามารถเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอด้วยวิธีนี้
“สารเลว! ฉันคิดว่าแกแค่อยากจะทำให้ฉันโมโห!”
ท่านผู้หญิงหน้าแดงด้วยความโกรธโยนไม้ค้ำยันทิ้งและตบหน้าเฉินเป่ยชวน
"มันเป็นเวรกรรม ยายหนู เธอไปซะเถอะ ไอ้สารเลวนี่ไม่คู่ควรกับเธอ เธอควรจะได้เจอกับผู้ชายที่ดีกว่านี้"
หลังจากซับน้ำตาเสร็จท่านผู้หญิงก็เดินกลับไปที่ห้องของเธอละในที่สุดบ้านที่เคยอบอุ่นก็เริ่มร้างอีกครั้ง
"หม่ามี๊ พวกเราไปหาลุงลู่กันเถอะ"
เฉียวจิ่งเหยียนจงใจพูดดัง ๆ และจูงมือเฉียวชูเฉี่ยนเดินออกไปข้างนอก
มือของเฉินเป่ยชวนที่โอบเอวหลินเฟยเอ๋อร์กระชับแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกเจ็บ แต่เธอก็ไม่พูดอะไร ต่อให้เจ็บมากกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ไล่เฉียวชูเฉี่ยนออกจากตระกูลเฉินไป!
"คุณไปได้แล้ว"
หลังจากเงียบไปนานริมฝีปากบางของเขาก็ขยับและไม่มีความอ่อนโยนใดๆ บนใบหน้าที่บูดบึ้งและเย็นชาของเขา
นังสารเลวนั่นไปแล้ว! แย่งชิงสิ่งที่สำคัญที่สุดไปจากตระกูลเฉินอีกครั้ง!
วันรุ่งขึ้นพาดหัวข่าวบันเทิงถูกจับตามองอีกครั้ง โดยใช้ชื่อสองชื่อเฉินเป่ยชวน ประธาน บริษัทเฟิงฉิงจะหมั้นหมายกับหลินเฟยเอ๋อร์นักแสดงหญิงยอดนิยมในอีกสองวันต่อมา
หลังจากที่สื่อประกาศข่าวออกไป ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจทันที
"เฉินเป่ยชวน ไอ้สารเลว! "
ในคฤหาสน์เฉียว เหยียนสือเซี่ยปิดทีวีแล้วโยนรีโมทคอนโทรลลงถังขยะ
การหมั้นหมายจะเกิดขึ้นในอีกสองวัน เขาหมายถึงอะไร เฉินเป่ยชวน หรือนี่เป็นเพียงการจงใจผลักเฉี่ยนเฉียนไปสู่จุดสูงสุดของพายุ
“เธอจะโมโหขนาดนี้ทำไม”
เฉียวชูเฉี่ยนนอนอยู่บนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด แต่การแสดงออกของเธอสงบลงมาก เธอคิดว่าตัวเองจะเสียใจและร้องไห้ไม่กี่วันเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่ไม่…ชีวิตของเธอต้องดำเนินต่อไป และการอยู่เพื่อเผชิญหน้ากับเธอนั้นยากกว่าการหลีกเลี่ยง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น
เธอต้องการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฉียวในตอนนั้น หากอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้น ไม่ว่าฆาตกรจะเป็นใคร เธอจะต้องให้อีกฝ่ายชดใช้ด้วยชีวิต!
“เขาทำกับเธอขนาดนี้ ฉันให้ฉันไม่โกรธได้ยังไง? ฉันคิดมาตลอดว่าเจ็ดปีที่ผ่านเขายังไม่ลืมเธอ …”
เหยียนสือเซี่ยหยุดพูดกลางคัน ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกพวกค้ายาลักพาตัวไปและเฉินเป่ยชวนก็ไปช่วยโดยไม่คำนึงถึงชีวิต เธอเชื่อจริงๆ ว่าเขาจะทำให้เฉี่ยนเฉียนมีความสุขไปตลอดชีวิต แต่เขาก็ทำไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่า … แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป ขยะก็คือขยะ คงไม่มีวันมีประโยชน์ได้หรอก
"ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายใจ อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยนะ"
เฉี่ยนเฉียนต้องรู้สึกอึดอัดในใจอย่างมาก เธออยากจะร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนมากกว่าที่จะเฝ้าดูเธอฝืนทนแบบนี้
"การร้องไห้มีประโยชน์เหรอ สือเซี่ย เธอช่วยอะไรฉันหน่อยสิ ช่วยหาทนายให้ฉันคนหนึ่ง"
"ถูกต้อง แม้ว่าพวกเธอจะหย่าร้างกันเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่ถ้าตอนนี้เธอขอให้เฉินเป่ยชวน ชดใช้ตามความเหมาะสม ศาลจะยอมรับตามดุลยพินิจของศาลแน่นอน"
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอจะชี้ไปที่ศีรษะของเหยียนสือเซี่ยอย่างแน่นอนและถามว่ามีอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เธอแค่ยกมุมปากอย่างเหนื่อยล้า "ฉันไม่ต้องการค่าชดใช้ ฉันต้องการทนายความที่สามารถยื่นเรื่องคดีความได้”
แม้ว่าไฟที่โรงงานตระกูลเฉียวจะสามารถเผาอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ของโรงงานได้ แต่ก็ไม่สามารถลากตระกูลเฉียวดิ่งลงเหวได้ในเพียงครั้งเดียว
เธอต้องการทนายความที่ดีเพื่อช่วยรวบรวมหลักฐานเมื่อเจ็ดปีที่แล้วและได้สิ่งที่ควรเป็นของเธอกลับคืนมา
“เธอกำลังพยายามตรวจสอบสถานการณ์เมื่อเจ็ดปีก่อนใช่ไหม?”
เหยียนสือเซี่ยเข้าใจทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร เมื่อเจ็ดปีที่แล้วเธอเป็นนักเรียนที่เพิ่งเข้าสู่สังคม ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นโดยไม่ได้เตรียมตัวเหมือนเฉี่ยนเฉียน และเธอรู้สึกเสียใจในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“ฉันไม่สามารถปล่อยให้ความพยายามทั้งชีวิตของแม่และพ่อกลายเป็นของคนอื่นได้” เฉียวชูเฉี่ยนเงยหน้าขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่วันเธอน้ำหนักลดลง คางเล็ก ๆ เดิมก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเนื่องจาก การเคลื่อนไหวของการเงยหน้าขึ้นดวงตาเรียวและแดงก่ำของเธอมีความมุ่งมั่นมากขึ้น เธอกลับมาประเทศจีนเพื่อตระกูลเฉียว ตอนนี้เธอต้องคิดให้ได้ว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของพ่อแม่ของเธอเป็นอุบัติเหตุหรือเป็นสถานการณ์ที่มีคนจงใจสร้างขึ้น
เหยียนสือเซี่ยสัมผัสได้ถึงความทุกข์ฉายในดวงตาเธอ “ไม่ต้องห่วง ฉันจะหาทนายที่ดีที่สุดให้เธอ ตอนนี้ฉันจะไปกินข้าวก่อน ฉันจะได้มีแรงทำอะไรต่อไป "
เมื่อก้าวออกมาจากคฤหาสน์ เสียงถ่ายรูปก็ดังขึ้นอย่าต่อเนื่อง!
"พวกคุณกำลังทำอะไรน่ะ? "
MANGA DISCUSSION