ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 618 สืบเสาะ (ต้น)
“กำลังคิดอะไรอยู่ เหม่อลอยเช่นนี้” สวีลิ่งอี๋ยิ้มแล้วถามนาง
สืออีเหนียงเรียบเรียงคำพูด จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นยามบ่ายวันนี้ให้สวีลิ่งอี๋ฟัง “…ตอนนี้ข้าตั้งตารอให้ถึงปีใหม่เร็วๆ มีอะไรก็จะได้ค่อยๆ พูดกับเขา เขาเกิดอะไรขึ้นนิดๆ หน่อยๆ ข้าจะได้ไม่เป็นกังวลเจ้าค่ะ”
ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้!
สวีลิ่งอี๋คิดว่าสืออีเหนียงและไท่ฮูหยินทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่นึกถึงเรื่องที่ไท่ฮูหยินโมโห สืออีเหนียงก็เหนื่อยไปด้วย เขาพูดอย่างอ่อนโยน “ต้องการแต่ความเร็ว ไม่ดูประสิทธิผล จะทำให้ยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย เจ้ายังไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ หากเอาแต่ให้ความสำคัญกับมัน ไม่มีเรื่องอันใดก็อาจจะทำให้มีเรื่องขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น จุนเกอและเจี้ยเกอไม่ใช่เด็กที่ดื้อรั้น เจ้าเกลี้ยกล่อมพวกเขาแล้ว หากพวกเขายังไม่รู้ความ เช่นนั้นหนังสือที่เรียนมาก็คงจะไร้ประโยชน์”
นี่คือคำพูดที่ผู้คนมักพูดว่า ‘ที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง’ ใช่หรือไม่!
สืออีเหนียงถอนหายใจ
ได้พูดออกมาแล้ว นางรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
สวีลิ่งอี๋เห็นรอยยิ้มที่แผ่วเบาบนใบหน้าของนาง เขาก็ยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่อง “จิ่นเกอเล่า เหตุใดถึงไม่เห็นเขา!”
“อยู่ทานข้าวที่เรือนท่านแม่เจ้าค่ะ” พูดถึงจิ่นเกอ สืออีเหนียงก็ยิ้มออกมา “ทานข้าวเสร็จแล้วข้าจะไปรับเขากลับมา!”
“เช่นนั้นเจ้ารีบทานเถิด!” สวีลิ่งอี๋ชี้ไปที่ชามบนโต๊ะเตียงเตา “อาหารเย็นหมดแล้ว” พูดจบ เขาก็เรียกสาวใช้เข้ามา “ยกข้าวร้อนๆ เข้ามาให้ฮูหยินใหม่”
“ไม่เป็นไร!” สืออีเหนียงรีบพูด “ข้าอิ่มแล้ว หากทานอีกตอนกลางคืนคงจะนอนไม่หลับ”
สวีลิ่งอี๋หยิบนาฬิกาพกออกมาดู
ยามซวีแล้ว ประเดี๋ยวก็จะถึงเวลานอนแล้ว ทานมากเกินไปท้องจะอืด เขาจึงไม่พูดอะไรต่อ รอให้สืออีเหนียงทานเสร็จแล้ว พวกเขาสองคนก็ไปที่เรือนของไท่ฮูหยิน
ฮูหยินสองและครอบครัวสวีลิ่งควนก็อยู่ที่เรือนของไท่ฮูหยิน
เห็นสวีลิ่งอี๋สองสามีภรรยาเดินเข้ามา ไท่ฮูหยินก็พูดว่า “เหตุใดอวี้เกอถึงยังไม่กลับมา ประเดี๋ยวก็จะถึงเวลาห้ามออกจากเคหสถานในยามค่ำคืนแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเจอเรื่องอันใดหรือไม่” นางยิ้มอย่างมีความสุข มองไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่ายามบ่ายนางพึ่งจะโมโหไป
“มีคนของฝ่ายรักษาการณ์อยู่กับเขา ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงขอรับ” สวีลิ่งอี๋ยิ้ม “สกุลญาติอาจจะบอกให้เขาอยู่ต่อ จึงทำให้เขากลับมาช้า!”
ไท่ฮูหยินพยักหน้า นางพูดกับสืออีเหนียง “เจ้าคิดว่าเราเชิญสกุลญาติมาวันมะรืน หรือว่าผ่านไปสักสองสามวันแล้วค่อยเชิญดีกว่า”
ตามธรรมเนียมแล้ว หลังจากที่คู่บ่าวสาวแต่งงาน ทั้งสองสกุลต้องจัดงานเลี้ยงหนึ่งครั้ง ปกติงานเลี้ยงของฝ่ายหญิงจะจัดในวันถัดไปของงานเลี้ยงของฝ่ายชาย ต่อจากนั้น งานแต่งก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ เจ้าสาวเริ่มคารวะญาติผู้ใหญ่เช้าเย็น รับใช้แม่สามีและพ่อสามี สกุลญาติก็เริ่มไปมาหาสู่กัน
งานเลี้ยงมักจะจัดหลังวันแต่งงานห้าวัน เก้าวัน หรือสิบสองวัน
“ข้าคิดว่าวันมะรืนดีกว่าเจ้าค่ะ” สืออีเหนียงเลือกวันที่ห้าหลังจากแต่งงาน นางคิดว่าเช่นนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของฝ่ายชาย แล้วก็แสดงให้เห็นถึงความเคารพที่ฝ่ายชายมีต่อฝ่ายหญิง “ท่านแม่คิดเช่นไรบ้างเจ้าคะ”
“เจ้าตัดสินใจเถิด!” ไท่ฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็แค่อยากถามให้แน่ใจ ถึงตอนนั้นจะได้ทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย!” นางหยอกล้อสืออีเหนียง
ทุกคนพากันหัวเราะ
มีสาวใช้เข้ามารายงาน “คุณชายน้อยสองและคุณนายน้อยสองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
“ไอ๊หยา พูดถึงก็มาพอดี” ฮูหยินห้ายิ้ม
ทุกคนหัวเราะกันอีกครั้ง
สวีซื่ออวี้และเซี่ยงซื่อเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ฮูหยินสองยิ้มแล้วพูดกอบกู้สถานการณ์ให้พวกเขา “เอาล่ะ อย่าล้อเด็กๆ เลย!” นางถามพวกเขา “เหตุใดถึงกลับมาสายเช่นนี้ เมื่อครู่ท่านย่าพึ่งจะถามหาพวกเจ้า!”
สวีซื่ออวี้รีบพูด “ท่านลุงกลับมาอย่างกะทันหัน เขากลับมาถึงยามเย็น ข้าเลยนั่งเป็นเพื่อนเขาครู่หนึ่ง จึงกลับมาสายขอรับ”
ฮูหยินสองได้ยินเช่นนี้ก็รีบอธิบายให้ทุกคนฟัง “พี่ชายของพี่สะใภ้ข้าคนนี้คือบัณฑิตชั้นสูงสมัยฮ่องเต้เจี้ยนอู่ เคยเป็นนายอำเภอเขตติ้งเถาหนึ่งปี ต่อมาลาออกจากตำแหน่ง เดินทางไปทั่ว เขาคงได้ยินว่าโหรวเน่อแต่งงาน จึงรีบกลับมา”
สวีซื่ออวี้พยักหน้า “ท่านลุงบอกว่า ตอนที่เขากำลังไปตักน้ำแร่ที่เมืองอู๋ซี ได้ยินข้าหลวงอู๋ซีพูด คืนนั้นจึงเช่าเรือกลับมาเยี่ยนจิงทันที แล้วยังมาสาย พึ่งจะถึงวันนี้ยามเที่ยงขอรับ” เขายิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “แล้วยังมอบน้ำแร่ให้พวกเราเป็นของขวัญอีกด้วย”
“กลับมาก็ดี กลับมาก็ดี!” ไท่ฮูหยินได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ จากนั้นก็ถามถึงเรื่องที่พวกเขากลับสกุลเซี่ยง
สวีซื่ออวี้ยิ้มแล้วตอบคำถาม
รู้ว่านายหญิงเซี่ยงเชิญพี่น้อง บุตรสาวและบุตรเขยมาอยู่เป็นเพื่อนสวีซื่ออวี้ ไท่ฮูหยินก็หัวเราะพลางพยักหน้า “พวกเจ้าคงจะเหนื่อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิด!”
สวีซื่ออวี้โค้งคำนับแล้วขานรับ “ขอรับ”
สืออีเหนียงเห็นเซี่ยงซื่อแอบดึงแขนเสื้อของสวีซื่ออวี้
อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ แล้วยังอยู่ต่อหน้าทุกคน สวีซื่ออวี้เหลือบมองเซี่ยงซื่อ แต่กลับไม่สนใจนาง จากนั้นก็เดินออกไปห้องปีกทางทิศตะวันตก
เซี่ยงซื่อเดินตามไปอย่างเอือมระอา
สืออีเหนียงแปลกใจว่านางอยากพูดอะไร
กลับมาถึงห้อง นางก็ได้คำตอบทันที เซี่ยงซื่อใช้ถ้วยลายครามบรรจุน้ำแร่มาให้นาง
“ถึงแม้ว่าจะชงชาได้ไม่มาก แต่มันคือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้าเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วรับมา จากนั้นก็ถามว่า “นำไปให้ท่านย่า ท่านป้าสองและท่านอาสะใภ้ห้าแล้วหรือ”
เซี่ยงซื่อพูดด้วยความเคารพ “กำลังจะนำไปให้เจ้าค่ะ!”
สืออีเหนียงพยักหน้า บอกให้ชิวอวี่นำขนมดอกพุดตานมามอบให้นางกล่องหนึ่ง “ฮองเฮาทรงมอบให้ข้า ข้าทานแล้วรสชาติไม่เลว เจ้าก็ลองชิมดูเถิด”
เซี่ยงซื่อเอ่ยขอบคุณสืออีเหนียง จากนั้นก็ออกไปที่เรือนของไท่ฮูหยินกับเหวินจู๋
นำน้ำแร่ไปมอบให้ไท่ฮูหยิน ไท่ฮูหยินมอบลูกกวาดรสขิงให้นาง ฮูหยินห้ามอบเครื่องประดับให้นาง มีแค่ฮูหยินสอง อาจจะเป็นเพราะว่านางคือท่านป้า ดังนั้นจึงไม่ได้มอบอะไรให้เซี่ยงซื่อ
กลับมาถึงห้อง ป้ารับใช้ผู้ติดตามของเซี่ยงซื่อเดินเข้ามาขยิบตาให้เซี่ยงซื่อ จากนั้นก็ยิ้มแล้วย่อเข่าคำนับ “คุณนายน้อยสองกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ!”
เซี่ยงซื่อพยักหน้า ป้าเซี่ยงรับใช้นางล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็บอกให้เหวินจู๋ไปพักผ่อน
“มีเรื่องอันใดหรือ” เดินเข้ามาในห้องชำระ เซี่ยงซื่อก็เอ่ยถามป้าเซี่ยงอย่างอ่อนโยน “ทำไมต้องมาแอบพูดด้วย”
ป้าเซียงกระซิบข้างหูนาง เล่าเรื่องที่สืออีเหนียงเฆี่ยนผู้ดูแลวันนี้ให้เซี่ยงซื่อฟัง “คุณนายน้อยสองเจ้าคะ ดูเหมือนว่า ฮูหยินดูใจดี แต่ก็ไม่ธรรมดานะเจ้าคะ” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
เซี่ยงซื่อไม่สนใจ นางยิ้มแล้วพูด “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า แม่สามีของข้าเป็นคนฉลาด บอกให้ข้าเคารพ เชื่อฟังและอดทน ตราบใดที่เราเชื่อฟังแม่สามี แม่สามีก็ไม่มีทางทำให้ข้าลำบากใจโดยไร้เหตุผล ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วง!”
ป้าเซี่ยงยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก เซี่ยงซื่อก็บอกว่า “คุณชายน้อยสองกำลังทำอะไรอยู่หรือ”
“กำลังฝึกเขียนอยู่ที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ!” ป้าเซี่ยงพูด นางยิ้ม เห็นได้ชัดว่านางชื่นชมในความขยันหมั่นเพียรของสวื่ออวี้ “ได้ยินมั่วจู๋บอกว่า เขาต้องฝึกเขียนวันละสามหน้า ตั้งแต่เริ่มฝึก ก็ไม่เคยตกหล่นเลยเจ้าค่ะ”
เซี่ยงซื่อเองก็ทำสีหน้าชื่นชม นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับป้าเซี่ยง “นำโสมอายุร้อยปีที่ท่านแม่มอบให้ข้าออกมาชงชาให้คุณชายน้อยสองเถิด”
ป้าเซี่ยงยิ้มแล้วขานรับ “เจ้าค่ะ” จากนั้นก็เรียกสาวใช้เข้ามารับใช้เซี่ยงซื่อล้างหน้าล้างตา ตัวเองออกไปต้มโสม จากนั้นก็ถือถาดสีแดงไปให้เซี่ยงซื่อ “คุณนายน้อยสองเจ้าคะ!”
เซี่ยงซื่อหน้าแดง เดินไปยังห้องหนังสือของสวีซื่ออวี้
สวีซื่ออวี้พึ่งจะฝึกเขียนเสร็จ เห็นเซี่ยงซื่อยกถ้วยชาเดินเข้ามา เขาก็เดินไปหานางด้วยความรู้สึกผิด “นำของขวัญไปมอบให้ทุกคนแล้วหรือ”
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ!” เซี่ยงซื่อมองสวีซื่ออวี้ด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ท่านพี่เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่ ดื่มชาสักถ้วยเถิด”
สวีซื่ออวี้พูดขอบคุณ ยกถ้วยชาขึ้นมาก็ได้กลิ่นโสมทันที เขาทำสีหน้าตกใจ
เซี่ยงซื่อแอบเสียใจ
ตัวเองบุ่มบ่ามเกินไป
โสมนี้เป็นสินเดิมของนาง ตัวเองนำออกมาใช้โดยที่ไม่ถามเขาสักคำ หากมันทำให้เขาเข้าใจผิด คิดว่าเพราะเขาคือบุตรอนุภรรยาของสกุลสวีจึงไม่มีของดีๆ เช่นนี้ แบบนั้นมันคงจะแย่
“ท่านพี่เจ้าคะ!” เซี่ยงซื่อหน้าแดง “ข้าเห็นว่าดึกขนาดนี้แล้วท่านยังฝึกเขียนหนังสือ…อยากให้ท่านมีชีวิตชีวา แต่ไม่กล้าเอะอะโวยวาย จึงใช้สินเดิมของตัวเองเจ้าค่ะ…”
เห็นภรรยาตัวเองรีบอธิบายเช่นนี้ สวีซื่ออวี้ก็ยิ้มมุมปาก
เหมือนกันกับเมื่อครู่นี้
มีอาหารมีสุรา ก็ให้บิดามารดาทานก่อน
เขามีน้ำแร่ ก็ควรให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ได้ดื่มก่อน
แต่เมื่อคิดว่าน้ำแร่คือของขวัญที่ท่านลุงของภรรยาเป็นคนมอบให้ เขาจึงไม่กล้าตัดสินใจเอง กะว่าจะกลับมาปรึกษากับภรรยาก่อน แต่ใครจะรู้ว่าภรรยากลับตำหนิเขา บอกว่าควรจะแบ่งน้ำแร่ให้ญาติผู้ใหญ่ลองชิมก่อน
“ข้ารู้แล้ว” สวีซื่ออวี้มองเซี่ยงซื่อด้วยสายตาเป็นประกาย “ชานี้มีกลิ่นหอม ข้า…” เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเบา “ข้าชอบ!”
ราวกับว่ามีอะไรพุ่งเข้ามาในหัวใจของเซี่ยงซื่อ ทำให้นางหายใจติดขัด ทำให้นางรู้สึกอึดอัด และก็ทำให้นางรู้สึกดีใจและเขินอาย ทำให้นางอธิบายไม่ได้ ทำให้หัวใจของนางสั่นไหว…
เซี่ยงซื่อหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
แต่จู่ๆ นางกลับกลัวความรู้สึกนี้ขึ้นมา
นางพยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน ราวกับกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง นางพูดอย่างตื่นตระหนก “ทางฝั่งคุณชายน้อยสี่ เราส่งไปให้เขาด้วยดีหรือไม่” พูดจบ นางก็รู้สึกว่าตัวเองพูดผิดทันที
คุณชายน้อยสี่คือซื่อจื่อ ตัวเองพูดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าท่านพี่จะคิดว่าตนกำลังจะประจบสอพลอคุณชายน้อยสี่หรือไม่
นางรีบพูด “แล้วยังมีคุณชายน้อยใหญ่และคุณชายน้อยคนอื่นๆ ส่งไปให้พวกเขาด้วยดีหรือไม่”
สวีซื่ออวี้ไม่ได้คิดอะไร
ภรรยาพึ่งจะแต่งเข้ามา แน่นอนว่านางคงกลัวตัวเองเสียมารยาท
“น้องสี่และน้องห้าอยู่ลานข้างนอก ไม่เหมือนจิ่นเกอที่อยู่กับท่านแม่ หากจะให้น้องสี่ก็ต้องให้น้องห้า” เขาพูดเบาๆ “สำหรับพี่ใหญ่และน้องสาม ตอนนี้พวกเขาย้ายออกไปอยู่ข้างนอก จะให้หรือไม่ให้ก็ได้!”
ขณะที่เขาพูด หัวใจของเซี่ยงซื่อก็ค่อยๆ สงบลง นางขานรับ “เจ้าค่ะ” เบาๆ “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยนำไปมอบให้คุณชายน้อยสี่และคุณชายน้อยห้า”
สวีซื่ออวี้ส่งยิ้มให้นาง “แต่ว่าหากทำเช่นนั้น เราก็จะไม่มีแล้ว!”
เซี่ยงซื่อตกใจ
ตอนนั้นนางก็สังเกตเห็นว่าน้ำแร่มีไม่มาก ถึงไม่ได้นำไปให้คุณชายน้อยสี่…แต่ใครจะรู้ว่า ตัวเองจะพูดเช่นนี้ออกมา…
เซี่ยงซื่อพูดไม่ออก
สวีซื่ออวี้พูดอย่างนิ่งสงบ “โชคดีที่ข้าไม่ใช่คนที่ไม่มีหมึกก็เขียนตัวอักษรไม่ได้ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เจ้านำไปให้น้องสี่และน้องห้าเถิด!”
เซี่ยงซื่อกัดริมฝีปากแล้วขานรับ “เจ้าค่ะ” นางก้มหน้าลงด้วยความหดหู่ คิดในใจว่าพรุ่งนี้ควรส่งป้าเซี่ยงไปขอน้ำแร่มาจากท่านลุงอีกดีหรือไม่ ดังนั้นนางจึงไม่เห็นว่าสวีซื่ออวี้กำลังยิ้มอยู่
*****
สืออีเหนียงกล่อมจิ่นเกอหลับไปแล้ว จากนั้นก็กลับมาห้องข้างใน
“คิดไม่ถึงว่าภรรยาของอวี้เกอจะเป็นคนเฉลียวฉลาด” นางยิ้มแล้วนั่งหน้ากระจก มองดูสวีลิ่งอี๋ที่เอนตัวอ่านหนังสือบนหมอนพิง “อวี้เกอมีนางคอยช่วยเหลือ เราจะได้ไม่เป็นห่วงเจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็หันหน้าไปถอดต่างหูออก
เช่นนี้ ต่อไปหากสวีซื่ออวี้ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็ไม่ต้องเป็นห่วงเขาแล้ว