ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 584 ปลิวว่อน (ปลาย)
“เป็นหน้าเป็นตาให้บิดาของเจ้า!” ไท่ฮูหยินจับมือสวีซื่ออวี้มองซ้ายมองขวา มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยสายตาที่พึงพอใจ
สวีซื่ออวี้ขานรับ “ขอรับ” ด้วยความเคารพ สีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย
ฮูหยินห้าพูดกับสืออีเหนียงที่อยู่ข้างๆ “ต้องฉลอง เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ต้องฉลอง!”
สืออีเหนียงเม้มปากยิ้ม มองไปยังสวีซื่ออวี้
ตนไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะสวีลิ่งอี๋บอกเอาไว้ว่าก็แค่สอบผ่านบัณฑิตซิ่วไฉ ไม่ได้สอบได้จอหงวน หากเอะอะไปทั่ว อาจจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้
นางเข้าใจความกังวลของสวีลิ่งอี๋
อนาคตของสวีซื่ออวี้ยังอีกยาวไกล ดีใจอย่างพอดี ต้องอย่ามากเกินไป หากเข้าสอบเซียงซื่อและฮุ่ยซื่อไม่ผ่าน อาจจะกลายเป็นตัวตลกของคนอื่นเอาได้
สวีซื่ออวี้เป็นคนที่รู้ในสิ่งที่ต้องทำของตัวเองในภายภาคหน้าอย่างชัดเจน นี่เป็นเพียงก้าวแรก ความยากที่แท้จริงอยู่ข้างหน้า ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้ ยืนหยัดจนถึงที่สุดถึงจะมีสิทธิ์หัวเราะ แต่ตอนนี้เขายังไม่มีสิทธิ์นั้น
เมื่อเห็นสืออีเหนียงมองมาที่เขา ก็พยักหน้าให้สืออีเหนียงเบาๆ แล้วพูดกับไท่ฮูหยิน “ท่านย่าขอรับ พูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้มันเร็วเกินไป ไม่สู้รอให้ข้าสอบผ่านบัณฑิตชั้นสูงก่อน เราค่อยเลี้ยงฉลองกันดีกว่า!”
ฮูหยินสองที่นั่งอยู่ข้างไท่ฮูหยินได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ไม่รอให้ไท่ฮูหยินพูดอะไร นางยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่จิตใจสั่นคลอนเพียงเพราะความสำเร็จเพียงเล็กน้อย นี่คือสัญชาตญาณของสุภาพบุรุษ สอบผ่านบัณฑิตซิ่วไฉ ความลำบากที่ผ่านมาของเจ้าไม่ได้สูญเปล่า ผู้ใหญ่อย่างเราเห็นแล้วก็ดีใจแทนเจ้า แต่หากไม่ฉลองให้เจ้า พวกข้าไม่สบายใจ” พูดจบก็ยิ้มแล้วมองไปที่ไท่ฮูหยิน “หรือว่า เราจะเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาทานข้าวที่จวนดีเจ้าคะ? จะได้ถือเป็นการฉลองแล้วยังไม่ประเจิดประเจ้ออีกด้วย”
ไท่ฮูหยินได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะขึ้นมา
“พวกเจ้าตัดสินใจกันเองเถิด” นางพูดแล้วมองไปที่ฮูหยินห้า “เพราะวันเกิดของเซินเกอข้าก็กินและดื่มเต็มที่ไปแล้ว” จากนั้นก็มองไปที่สืออีเหนียง “ตอนนี้อวี้เกอสอบผ่านบัณฑิตซิ่วไฉ ข้าก็ปิติยินดีมากแล้ว” จากนั้นก็พูดกับฮูหยินสอง “อายุเท่าข้าแล้วยังมีเรื่องอะไรเช่นนี้ ก็ถือว่ามีวาสนามากพอแล้ว ข้าขอแค่กินอิ่มนอนหลับก็พอแล้ว!” พูดจบ นางก็ยิ้มแล้วลูบหัวจิ่นเกอที่กำลังเล่นกับเซินเกออย่างสนุกสนานข้างๆ นาง เอ่ยถามจิ่นเกอ “จิ่นเกอ เจ้าคิดว่าย่าพูดถูกหรือไม่”
จิ่นเกอไม่ได้ฟังว่าไท่ฮูหยินพูดอะไร ได้ยินเช่นนี้เขาก็เงยหน้ามองไท่ฮูหยินอย่างงุนงง
ไท่ฮูหยินหัวเราะชอบใจ นางอุ้มจิ่นเกอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแล้วหอมแก้มเขาแรงๆ หนึ่งที
เซินเกอเห็นเช่นนี้ก็เดินเข้าไปในอ้อมแขนของไท่ฮูหยิน กอดคอไท่ฮูหยินด้วยท่าทีออดอ้อน
“ไอ๊หยา!” ไท่ฮูหยินพูด “ย่าแก่แล้ว แบกพวกเจ้าทั้งคู่ไม่ไหว!”
ฮูหยินห้ารีบเดินเข้าไปอุ้มเซินเกอ เซินเกอไม่พอใจ ไท่ฮูหยินจึงนำขนมมาปลอบใจเขา เสียงหัวเราะสนุกสนาน ทำให้บรรยากาศในห้องครึกครื้น
สืออีเหนียงจึงพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ให้ท่านแม่เลือกฤกษ์งามยามดี เราเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาทานข้าวที่จวนกันเถิดเจ้าค่ะ” นางนึกถึงคำพูดที่ฮูหยินสองคัดค้านฮูหยินห้าเมื่อครู่ กลัวว่าฮูหยินห้าจะเสียหน้า จึงหันไปถามฮูหยินห้า “น้องสะใภ้ห้าอยากเชิญใครมาเล่นงิ้วหรือไม่”
ฮูหยินห้าหันไปมองไท่ฮูหยิน
“ได้สิ!” ไท่ฮูหยินยิ้ม “ข้าคิดว่าเชิญโจวเต๋อฮุ่ยของคณะเต๋ออินปานมาขับร้อง ‘ตำนานเพียงพอน’ เถิด”
ทุกคนต่างเห็นด้วย ป้าตู้จึงนำหนังสืออนุปฏิทินมาดูวันที่ สืออีเหนียงและฮูหยินห้าปรึกษากันว่าจะเชิญใครมาบ้าง เตรียมอาหารอะไรบ้าง จัดแสดงงิ้วที่ใด แต่ฮูหยินสองกลับถามถึงเรื่องที่ช่วงนี้สวีซื่ออวี้ไปไปเยี่ยมสหาย สวีซื่อจุนและสวีซื่อเจี้ยพูดคุยกัน ซินเจี่ยเอ๋อร์ก็พูดอยู่ข้างๆ จิ่นเกอและเซินเกอเล่นด้วยกัน บรรยากาศในห้องคึกคักยิ่งกว่าตอนขึ้นปีใหม่เสียอีก
คุณชายสามและฮูหยินสามพาบุตรชายและลูกสะใภ้เข้ามา
“ได้ยินว่าอวี้เกอสอบผ่านบัณฑิตซิ่วไฉ” คุณชายสามพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ฮูหยินสามดูมีท่าทีลำบากใจ “ข้าสั่งสี่สิ่งล้ำค่าแห่งห้องตำราที่ร้านตัวเป่าเก๋อเอาไว้ ถือว่าเป็นของขวัญแสดงความยินดี” พูดจบ สวีซื่อฉินก็ยิ้มแล้วถือกล่องสี่เหลี่ยมที่ห่อด้วยผ้าสีน้ำเงินออกมา
“ยินดีกับน้องสองด้วย!” สายตาของเขาปนความอิจฉาเล็กน้อย
สวีซื่ออวี้รับกล่องมาแล้วเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม
ส่วนสวีซื่อเจี่ยนบอกให้สวีซื่ออวี้เลี้ยงข้าว
“ต้องมีส่วนของเจ้าแน่นอน!” ไท่ฮูหยินเห็นดังนั้นก็ยิ้มขึ้น “วันที่สิบเดือนแปดพวกเจ้าก็มาที่จวนเถิด มาดื่มสุราดูงิ้ว ร่วมยินดีกับพี่สองของเจ้า!”
“เช่นนี้ไม่นับขอรับ” สวีซื่อเจี่ยนพูด “นั่นมันของท่านย่า พี่สองต้องเลี้ยงเองขอรับ!”
“ได้เลย!” สวีซื่ออวี้ยิ้มอย่างใจกว้าง “เจ้าบอกให้ข้าเลี้ยงอะไรข้าก็จะเลี้ยงสิ่งนั้น!”
สวีซื่อเจี่ยนได้ยินแล้วสายตาก็เป็นประกาย
แต่จินซื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับเป็นกังวล นางรีบดึงแขนเสื้อสวีซื่อเจี่ยน
ทุกคนกำลังรอฟังว่าสวีซื่อเจี่ยนจะพูดอะไร แน่นอนว่าทุกคนเลยเห็นพฤติกรรมของนางอย่างชัดเจน
ฮูหยินสามหน้าแดงขึ้นมา เอ่ยตำหนิจินซื่อเบาๆ “เจ้าทำอะไร”
สีหน้าของสวีซื่อเจี่ยนก็เปลี่ยนไป เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วพูดว่า “เจ้ายืนให้ห่างจากข้า!”
จินซื่อรู้สึกผิด นางก้มหน้าลงพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า
ฟังซื่อรีบเดินเข้าไปจับไหล่นาง
จินซื่อเงยหน้าขึ้นมองฟังซื่อด้วยสายตาซาบซึ้ง
ไท่ฮูหยินเห็นเช่นนี้ นางก็ยิ้มมุมปากแล้วกวักมือเรียกจินซื่อ “เด็กดี มาหาท่านย่าเร็วเข้า!”
จินซื่อลังเล แต่ฟังซื่อกลับผลักนางเบาๆ
นางจึงค่อยๆ เดินเข้าไปหาไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินจับมือนางแล้วพูดกับสวีซื่อเจี่ยน “ทำไมกัน ภรรยาของเจ้าดูแลเจ้าไม่ได้เช่นนั้นหรือ หรือว่าเจ้าไปดื่มสุรากับสหายที่เป็นองครักษ์วังหลวง แล้วกลางค่ำกลางคืนไม่กลับบ้านกัน?”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ขอรับ!” สวีซื่อเจี่ยนโบกมือปฏิเสธพัลวัน “สองวันก่อนสหายที่ร่วมงานกันคลอดบุตรชาย ข้าก็แค่ดื่มสุรามากไปหน่อยขอรับ…” จากนั้นเขาก็เหลือบมองจินซื่อ “แต่นางกลับบ่นไม่หยุดสักที!”
จินซื่อก้มหน้าก้มตาด้วยสีหน้าที่น้อยใจ
ไท่ฮูหยินเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วพูดกับจินซื่อ “เช่นนั้นมันคือความผิดของเจ้า สามีไปสังสรรค์ข้างนอก ดื่มสุราเยอะหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา เจ้าต้องคอยรับใช้เขา เหตุใดถึงบ่นไม่หยุดหย่อนเล่า ต่อไปจะทำเช่นนี้ไม่ได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ย่าก็คงไม่ปลื้ม!”
จินซื่อรีบรับปากกับไท่ฮูหยิน “…ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ!”
ไท่ฮูหยินพูดเพียง “อืม” จากนั้นก็หันไปคุยกับฮูหยินสาม “…วันที่สิบห้าเดือนแปดค่อยไปชมพระจันทร์ที่เรือนหลิงฉยงซาน ปีนี้อากาศไม่ค่อยดี ดอกกุ้ยฮวาไม่เยอะเหมือนปีก่อนๆ อี๋เจินเลยไม่ได้หมักสุราดอกกุ้ยฮวา แต่หมักสุราชิงเหมยแทน ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็มาชิมเถิด”
ฮูหยินสามขานรับ “เจ้าค่ะ”
ตั้งแต่สวีซื่อเจี่ยนแต่งงาน นอกจากเทศกาลตรุษจีน เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างและเทศกาลไหว้พระจันทร์ ไท่ฮูหยินไม่เคยเชิญนางมาที่จวน หากเข้ามาก็แค่อยู่ทานอาหารกลางวัน ไม่เคยอยู่ทานอาหารเย็น นางไม่มีโอกาสหาข้ออ้างนอนค้างคืนที่จวนหย่งผิงโหวเลยแม้แต่คืนเดียว
คิดเช่นนี้ นางก็แอบครุ่นคิดในใจต่อไปอีก
ดูเหมือนว่า ไท่ฮูหยินคงอยากจะให้นางแยกออกไปอยู่ข้างนอกจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็เป็นแม่สามีคนเช่นกัน ไม่สู้มาคารวะทุกวันขึ้นหนึ่งค่ำและขึ้นสิบห้าค่ำก็พอแล้ว จะได้ไม่ต้องตื่นเช้า เดินทางมาตรอกเหอฮวาหลี่เช่นนี้ทุกวัน เรื่องที่จวนก็ไม่มีเวลาดูแล บ่าวรับใช้มีอะไรก็ไปรายงานฟังซื่อเสียหมดทุกอย่าง…
ฮูหยินสามตัดสินใจแล้ว นางก็ปรึกษากับคุณชายสามระหว่างเดินทางกลับ
ทันทีที่นางพูดจบ สีหน้าของคุณชายสามก็มืดมนลง “นี่คือคำพูดของคนที่เป็นลูกสะใภ้เช่นนั้นหรือ เจ้าอยากให้ภรรยาของฉินเกอและเจี่ยนเกอทำตามเจ้าหรือ”
คำพูดคำจานั้นทิ่มแทง
ฮูหยินสามสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกผิด “ข้าก็แค่คิดว่าภรรยาของฉินเกอใกล้จะคลอดลูกแล้วเท่านั้น…”
คุณชายสามสีหน้าเปลี่ยน แต่เขาก็ยังพูดตำหนินาง “อย่าพูดแบบนี้อีก!”
ฮูหยินสามรับปาก ลงมาจากรถม้า นางหันกลับไปมอง กลับเห็นบุตรชายคนเล็กของตัวเองยืนคุยกับคนที่อยู่ในรถม้าด้วยสีหน้าเอาอกเอาใจ
นางอดไม่ได้ที่จะโมโห
บุตรชายคนโตไม่เชื่อฟังตน บุตรชายคนเล็กก็เป็นคนที่ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ภายในกลับขี้ขลาดตาขาว เรื่องในจวน ไม่ได้ดั่งใจสักเรื่อง!
นางอดไม่ได้ที่จะตะโกนเรียก “เจี่ยนเกอ!”
สวีซื่อเจี่ยนตกใจ รีบทิ้งจินซื่อแล้วเดินมาหามารดาของตัวเอง
“เจ้ากำลังทำอะไร” ฮูหยินสามสีหน้าซีดเซียว “ภรรยาของเจ้าเล่า เหตุใดถึงยังไม่ลงมา ข้อเท้าพลิกเช่นนั้นหรือ หรือต้องให้ข้าส่งป้ารับใช้ไปอุ้มนางลงมา!”
ขณะที่นางกำลังพูด จินซื่อก็รีบลงมาจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ได้ยินเช่นนี้นางก็มีสีหน้าหวาดกลัว
ฮูหยินสามถอนหายใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในประตูฉุยฮวา
สวีซื่อเจี่ยนมองจินซื่อด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง เขาบ่นพึมพำ “ดูเจ้าสิ ทำให้ท่านแม่โมโหอีกแล้ว!”
จินซื่อรู้สึกผิด
เมื่อครู่นี้หากไม่ใช่เพราะตนดื้อรั้น จะทำให้แม่สามีโมโหและทำให้สามีลำบากใจได้เช่นไร!
คิดเช่นนี้ นางก็พลันตาแดงขึ้นมา “ล้วนแต่เป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะ!”
“ช่างมันเถิด!” สวีซื่อเจี่ยนไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น “ข้าไม่ควรพูดเช่นนั้นกับเจ้าต่อหน้าบรรดาท่านอาสะใภ้เอง!” เขาถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปข้างใน
จินซื่อยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
มีเสียงคนหัวเราะดังขึ้นมา
นางหันกลับไปมองด้วยความตื่นตระหนก ก็เห็นฟังซื่อที่กำลังยิ้มแย้ม
“ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่าปากไม่ตรงกับใจ!” ฟังซื่อพูดหยอกล้อนาง “ข้าเป็นกังวลมาตลอดทาง ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมพวกเจ้า แต่ใครเล่าจะรู้ว่าพวกเจ้านั้นรักกันหวานฉ่ำปานน้ำผึ้งเช่นนี้” พูดจบ นางก็ถอนหายใจ “ที่แท้ก็เป็นข้าเองที่คิดไปเอง กังวลไปเอง!”
“พี่สะใภ้!” จินซื่อกอดแขนฟังซื่อด้วยความเขินอาย “อย่าล้อเลียนข้าเช่นนี้สิ!”
ฟังซื่อยิ้ม จากนั้นนางก็พูดเสียงเบา “น้องหญิงจิน แม่สามีนิสัยแบบนี้ เจ้าอย่าเก็บไปคิดมากเลย” นางพูดปลอบใจจินซื่อ
“ข้ารู้เจ้าค่ะ!” จินซื่อพยักหน้า “พ่อสามีลาออกจากตำแหน่ง แม่สามีไม่สบายใจ ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยแน่นอน” จากนั้นก็ยิ้มแล้วลากฟังซื่อ “เรารีบเข้าไปข้างในกันเถิด ไม่เช่นนั้นประเดี๋ยวแม่สามีจะโมโหอีก!”
ฟังซื่อยิ้มแล้วตอบรับ “อืม” จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับจินซื่อ
*****
สวีลิ่งอี๋มองดูรายชื่อบนกระดาษสีแดงอย่างละเอียด เขาเงยหน้าขึ้น “เจ้าลบชื่อของเจี่ยงอวิ๋นเฟยออกหรือ”
สืออีเหนียงวางเข็มและด้ายในมือลง “นี่คืองานเลี้ยงครอบครัว ข้าเลยคิดว่าไม่ควรเชิญเจี่ยงอวิ๋นเฟย”
สวีลิ่งอี๋พยักหน้า ยื่นกระดาษสีแดงให้สืออีเหนียง “ถ้าอย่างนั้นก็จัดการตามนี้เถิด!”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วขานรับ
สวีลิ่งอี๋ตบหมอนข้างตัวเอง “มานั่งคุยกันเถิด!”
สืออีเหนียงนั่งลงก่อนจะถามขึ้นว่า “ท่านโหวมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”