ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 577 ข้อพิพาท (กลาง)
จิ่นเกอส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับจ้องมองซินเจี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของไท่ฮูหยินด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “มันเป็นของข้า!”
สวีซื่ออวี้ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่เหมาะสม จึงกลั้นเสียงหัวเราะนั้นไว้ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงค่อยพูดจา
“เช่นนั้นเราไปชิงมันกลับมาดีหรือไม่” น้ำเสียงของเขาค่อนข้างแผ่วเบา แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
จิ่นเกอได้ยินแล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ดีเลย ดีเลย!” ใบหน้าเล็กๆ ดูเปล่งประกายขึ้นมาทันที
สวีซื่ออวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กำชับจิ่นเกอเสียงเบาว่า “ประเดี๋ยวตอนที่ซินเจี่ยเอ๋อร์วิ่งมาหาข้า เจ้าก็รีบวิ่งไปทันที เข้าใจหรือไม่”
จิ่นเกอรีบพยักหน้าทันควัน
สวีซื่ออวี้วางจิ่นเกอลงไปยืนที่พื้น จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่างลายฉลุพร้อมกับเบิกตากว้าง “หืม?” เขาหันกลับมาหาสวีซื่อเจี่ยนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ไท่ฮูหยินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ฤดูกาลนี้มีดอกบัวด้วยหรือ…เช่นนั้นก็คงจะมีฝักบัวอยู่ด้วย เราลองพายเรือไปดูดีหรือไม่!”
สวีซื่อเจี่ยนที่กำลังกังวลใจเรื่องพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขา ที่นานๆ ทีจะได้ออกมาพายเรือพักผ่อนหย่อนใจเสียหน่อย แต่กลับต้องพายเรือภายใต้กฎระเบียบที่เคร่งครัด ไม่สามารถเล่นได้อย่างเต็มที่ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ แต่เมื่อได้ยินพี่ชายพูดมาเช่นนี้ เขาจะนั่งติดได้อย่างไรกัน รีบเดินเข้าไปยืนข้างๆ พี่ชายทันที “ดอกบัวอยู่ที่ไหนหรือ”
ตอนที่พายเรือ จินซื่อเอาแต่จับเสื้อของสวีซื่อเจี่ยนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สวีซื่ออวี้ก็นึกขึ้นได้ว่านางอาศัยอยู่ที่ตรอกซานจิ่งเสียส่วนใหญ่ บนเรือของสืออีเหนียงก็มีแต่สตรีและไม่ก็เด็กเล็กที่ยังไม่รู้ความ ก็เลยไปขอสลับที่นั่งกับจินซื่อเอง สวีซื่อเจี่ยนจึงรู้สึกบีบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก และเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน สวีซื่ออวี้จึงคอยเฝ้าดูแลคนบนเรืออย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังคอยสังเกตสภาพการณ์โดยรอบอย่างละเอียด ศาลาริมน้ำ ต้นไม้และใบหญ้าล้วนอยู่ภายใต้การมองเห็นของเขาทั้งสิ้น
สวีซื่ออวี้ชี้ไปยังสระบัวเล็กฝั่งทิศตะวันออกของศาลาริมน้ำ “มองเห็นหรือไม่ ทางนั้น!”
ดอกบัวเดือนเจ็ดถือเป็นปลายฤดูของดอกบัวแล้ว เป็นช่วงที่มีฝักบัวพอดี
“มีดอกบัวจริงๆ เสียด้วย!” สวีซื่อเจี่ยนร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น พลอยทำให้จินซื่อที่นั่งอยู่ข้างไท่ฮูหยินอดไม่ได้ที่จะชะเง้อคอมองตาม
ซินเจี่ยเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย จึงผละออกจากอ้อมแขนของไท่ฮูหยินทันที “พี่สอง พี่สอง ฝักบัวอยู่ตรงไหนหรือเจ้าคะ”
สวีซื่ออวี้หันกลับมา สายตาจับจ้องไปยังจิ่นเกอทันที
จิ่นเกอฉลาดหลักแหลมกว่าที่เขาคิดไว้มาก แทนที่จะโผเข้าไปในอ้อมกอดของไท่ฮูหยิน…เขากลับเลือกที่จะวิ่งเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ ไท่ฮูหยินแทน…อีกทั้งยังรีบคว้าใบจอกแหนที่ซินเจี่ยเอ๋อร์เอามาอวดให้ไท่ฮูหยินดูเมื่อครู่นี้
สวีซื่ออวี้อึ้งไปชั่วขณะ
จากนั้นจิ่นเกอก็หันไปยิ้มให้กับเขาด้วยรอยยิ้มที่เฉิดฉายราวกับดวงอาทิตย์ก็ไม่ปาน
ตอนที่พายเรือกันอยู่นั้น สืออีเหนียงเห็นจอกแหนที่ลอยอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบ ก็เลยเอื้อมมือไปเอาขึ้นมาให้จิ่นเกอดู ซินเจี่ยเอ๋อร์เห็นแล้วก็ชอบเป็นอย่างมาก สืออีเหนียงก็เลยมอบมันให้กับซินเจี่ยเอ๋อร์แทน
นึกไม่ถึงเลยว่าของที่เขาอยากได้คือสิ่งนี้
สวีซื่ออวี้เองก็ยิ้มตอบเขา
รอยยิ้มที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งลุ่มลึก ปรากฏขึ้นบนแววตา ฝังลึกไปที่หัวใจ
เขายืนตรงอยู่ที่เดิมราวกับพู่กันก็ไม่ปาน แสงแดดของดวงอาทิตย์สาดส่องไปยังแผ่นหลังของเขา ราวกับว่ามีผงสีทองฟุ้งกระจายรอบๆ เงาของเขา พลอยทำให้ใบหน้าของเขาเลือนรางไม่ชัดเจน
ซินเจี่ยเอ๋อร์สะบัดมือของสวีซื่ออวี้ไปมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่สอง พี่สองเจ้าคะ…”
สวีซื่ออวี้จึงค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา
เขาเดินเข้าไปอุ้มซินเจี่ยเอ๋อร์ขึ้นมา
แสงแดดที่สาดส่องบนร่างกายของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย หว่างคิ้วที่ผ่อนคลาย พลอยทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าดูสิ!” เขาชี้ไปยังนอกหน้าต่าง “ทางโน้น! ใช่ดอกบัวหรือไม่”
ซินเจี่ยเอ๋อร์ก็พยายามดิ้นเพื่อที่จะออกจากอ้อมแขนของเขา ตึงๆๆ…เสียงฝีเท้าของนางที่กำลังวิ่งไปหาฮูหยินห้า “ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าอยากไปเด็ดฝักบัวเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินห้ายังไม่ทันจะได้ตอบ ไท่ฮูหยินก็พูดขึ้นว่า “เด็ดฝักบัวอะไรกัน ผิวน้ำของทะเลสาบร้อนระอุขนาดนั้น” จากนั้นก็กวักมือเรียกซินเจี่ยเอ๋อร์ “มานี่มา มาเล่นไพ่กับย่าเร็ว!” แล้วหันไปสั่งกับป้าตู้ว่า “ไปเอาไพ่หยกเขียวมาหน่อย ฟังเสียงไพ่กระทบกันติงตัง ไพเราะเสนาะหูไม่น้อย!”
คงอยากจะทำให้เด็กๆ อารมณ์ดีกระมัง
ป้าตู้ขานรับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ออกไปนำไพ่หยกเขียวมา
ซินเจี่ยเอ๋อร์กลับไม่คล้อยตาม หันไปดึงชายแขนเสื้อของมารดาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนว่า “ข้าไม่อยากเล่นไพ่ ข้าจะไปเด็ดฝักบัว ข้าจะไปเด็ดฝักบัว!”
“ไม่ดื้อนะคนดี!” ฮูหยินห้าเกลี้ยกล่อมซินเจี่ยเอ๋อร์ “ผิวน้ำของทะเลสาบร้อนเกินไป!”
ซินเจี่ยเอ๋อร์เบะปาก “ข้าจะไปเด็ดฝักบัว ข้าจะไปเด็ดฝักบัว…”
คิ้วของฮูหยินห้าก็ขมวดขึ้นมาทันที
เด็กคนนี้นี่ ดื้อไม่ดูสถานการณ์เลยจริงๆ!
ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นางกลับดื้อขนาดนี้ คนอื่นเขาจะคิดอย่างไร
หากเป็นคนที่ใจกว้างและมีจิตใจที่โอบอ้อมอารี ก็จะรู้สึกว่าเด็กยังเล็กจึงไม่รู้ความ แต่หากเป็นคนที่เข้มงวดและเคร่งครัด เกรงว่าคงจะกล่าวโทษการเลี้ยงดูของนาง ว่านางไม่ได้อบรมสอนสั่งบุตรสาวให้ดีเท่าที่ควร
เมื่อนึกเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองฮูหยินสอง
ฮูหยินสองและไท่ฮูหยินกำลังคุยกันอยู่ ดูเหมือนว่าทั้งสองจะไม่ทันสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา จากนั้นก็หันไปมองสืออีเหนียง
จิ่นเกอกำลังนั่งอยู่บนตักของสืออีเหนียง มือที่ขาวและอวบของเขากำลังแบมือให้สืออีเหนียงดูพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง สืออีเหนียงเอียงศีรษะมายิ้มให้กับจิ่นเกอ จิ่นเกอพูดขึ้นหนึ่งคำ สืออีเหนียงก็พยักหน้าตอบหนึ่งครั้ง…ทั้งสองดูสนุกสนานเป็นอย่างมาก
ฮูหยินห้าเห็นแล้วก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
“เหตุใดเจ้าถึงได้ดื้อขนาดนี้!” ฮูหยินห้าดุซินเจี่ยเอ๋อร์เสียงเบา “เจ้าดูจิ่นเกอ อายุน้อยกว่าเจ้าตั้งเยอะ แต่ไม่เห็นจะดื้อรั้นเหมือนเจ้าเลย…” นางจ้องมองซินเจี่ยเอ๋อร์ด้วยสีหน้าและแววตาที่ดุและเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
ซินเจี่ยเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาทันที
จินซื่อที่นั่งดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆ อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าฮูหยินห้ากำลังโมโห นางก็รีบลุกขึ้นเดินไปอุ้มซินเจี่ยเอ๋อร์พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ท่านอาสะใภ้ห้า ข้าพาน้องหญิงสองออกไปเล่นเด็ดดอกไม้ข้างนอกนะเจ้าคะ”
ฮูหยินห้าที่กำลังทำตัวไม่ถูก เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มพร้อมกับรีบตอบกลับไปว่า “เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าแล้ว!”
“ไม่รบกวนเลยเจ้าค่ะ!” จินซื่อยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง
แต่จู่ๆ ซินเจี่ยนเอ๋อร์กลับดีดตัวดิ้นไปมาในอ้อมแขนของนาง “ข้าไม่ไปเด็ดดอกไม้ ข้าจะไปเด็ดฝักบัว!”
จินซื่ออุ้มนางไม่ไหว เกือบทำนางตกพื้นเสียด้วยซ้ำ
สีหน้าของฮูหยินห้าก็เปลี่ยนไปทันที นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กำลังจะเข้าไปดุบุตรสาวของนาง เวลานั้นเอง ก็ได้ยินเสียงที่ใจเย็นของไท่ฮูหยินดังขึ้น “สะใภ้เจี่ยนเกอ มานี่มา อุ้มซินเจี่ยนเอ๋อร์มาหาข้า!”
จินซื่อนึกถึงตอนที่ซินเจี่ยเอ๋อร์ดื้อจนนางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อดี คำพูดของไท่ฮูหยินก็ดังขึ้นประดุจวาจาของพระพุทธเจ้าก็ไม่ปาน พลอยทำให้นางรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที จึงรีบขานรับด้วยความดีใจ จากนั้นก็รีบอุ้มซินเจี่ยเอ๋อร์ไปนั่งข้างๆ ไท่ฮูหยิน
“พอแล้ว พอแล้ว เหตุใดถึงได้ร้องไห้กับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้!” ไท่ฮูหยินปลอบใจซินเจี่ยเอ๋อร์ “ตอนนี้แดดค่อนข้างแรง รอตอนเย็นๆ ไม่มีแดดแล้ว เราค่อยไปเก็บดีกว่า ฝักบัวนั่นอยู่ในทะเลสาบของจวนเราเอง มันคงไม่งอกขาวิ่งหนีไปไหนหรอก!” พูดจบก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับซินเจี่ยเอ๋อร์
ซินเจี่ยเอ๋อร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สะอึกสะอื้นว่า “ประเดี๋ยวคนอื่นจะแอบไปเด็ดก่อน…”
“ไม่หรอก ไม่หรอก” ไท่ฮูหยินยิ้มกว้าง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสั่งกับป้าตู้ว่า “ประกาศคำสั่งข้าออกไป ไม่ว่าใครก็ห้ามไปเด็ดฝักบัวในทะเลสาบเด็ดขาด” จากนั้นก็ก้มหน้าลงส่งยิ้มให้กับซินเจี่ยเอ๋อร์ “เช่นนี้ เจ้าว่าดีหรือไม่”
ซินเจี่ยเอ๋อร์จึงหยุดร้องไห้และค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา
ไท่ฮูหยินกอดซินเจี่ยเอ๋อร์ไว้ “เช่นนี้ถึงจะถูก ร้องไห้กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่นิสัยใจคอของคนสกุลสวี” พูดจบก็เงยหน้าขึ้นมาสั่งกับอวี้ป่านว่า “เอาไพ่ไปจัดเรียงบนโต๊ะ เรามาเล่นไพ่กัน!”
เหล่าบรรดาสาวใช้และป้ารับใช้ต่างก็พากันหัวเราะด้วยความเบิกบานใจขึ้นมา
บรรยากาศในเรือนเต็มไปด้วยความชื่นมื่นอีกครั้ง
*****
ไพ่หยกเขียวเสียงใสกังวานน่าฟัง ราวกับเสียงสายน้ำที่ไหลผ่านขุนเขาก็ไม่ปาน ท่ามกลางบรรยากาศช่วงบ่ายของฤดูร้อนนี้ พลอยทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกจิตใจสงบและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ฟังซื่ออาศัยโอกาสตอนล้างไพ่เงยหน้าขึ้นมาดูสวีซื่ออวี้ที่กำลังพูดคุยอยู่กับสวีซื่อฉิน สีหน้าของนางก็ปรากฏแววตาที่ชื่นชมออกมา
ถึงแม้ว่าสามีของนางจะไม่มีพรสวรรค์ในด้านการเรียน แต่จิตใจของเขากลับเต็มไปด้วยคุณธรรม สกุลสวีได้ปูทางไว้ให้กับสวีซื่ออวี้ไว้แล้ว และสวีซื่ออวี้เองก็กำลังเดินบนทางเส้นนั้นอยู่ การที่สามีสนิทสนมกับสวีซื่ออวี้และได้รับอิทธิพลมาจากสวีซื่ออวี้นั้น มีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย
นางอดไม่ได้ที่จะลูบหน้าท้องที่นูนสูงเบาๆ
พี่ชายพูดถูก นางไม่สามารถสอนสั่งสามีได้ แต่นางสามารถสอนสั่งบุตรชายได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็ยิ้มขึ้นมาอย่างมีความหวัง ค่อยๆ เปิดไพ่ ’เก้าบ่วง’ ขึ้นมาอย่างช้าๆ
จืออวี้ที่นั่งอยู่ข้างไท่ฮูหยินก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ผ่อง!”
ไพ่ในมือไท่ฮูหยินมีไพ่ ’บ่วง’ ทั้งหมดสามใบ
ฮูหยินห้าก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “สรุปแล้วเจ้าเล่นเป็นหรือไม่” ถามเสร็จก็ทิ้ง ’ไพ่ท้ง’ ลงไปหนึ่งใบ จากนั้นก็หันไปพูดกับสืออีเหนียงที่กำลังเล่นไพ่กับเด็กๆ ว่า “คนให้เงินออกไปแล้วหนึ่งคน ตอนนี้ได้คนเงินหนามาใหม่อีกหนึ่งคน”
ฟังซื่อก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
สืออีเหนียงไม่คิดเช่นนั้น นางหยิบไพ่จีนในมือทิ้งลงไปหนึ่งใบ จากนั้นก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “มีเงินให้เก็บก็พอแล้ว เหตุใดถึงต้องไปสนใจว่าเป็นเงินของผู้ใดด้วยเล่า!”
นางพึ่งจะพูดจบ ฮูหยินสองก็หงายไพ่ทั้งหมด “ชนะแล้ว! มังกรเรียงแถว!”
ฮูหยินห้าดีดตัวลุกขึ้นมาทันที “จะปล่อยมังกรเรียงแถวได้อย่างไรกัน ข้ายังไม่ทันได้ทิ้งไพ่สักใบเลย!”
ฮูหยินสองพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า “ยังไม่ได้ทิ้งไพ่ ไม่สามารถปล่อยไพ่มังกรเรียงแถวหรือ”
“ไม่ได้ ไม่ได้ ข้าขอเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทน!” ฮูหยินห้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เง้างอด เพื่อหยอกล้อให้ไท่ฮูหยินอารมณ์ดี
ไท่ฮูหยินก็หัวเราะขึ้นมาทันที “สืออีเหนียงเจ้าว่าไม่ได้ สะใภ้ฉินเกอเจ้าก็ว่าไม่ไหว ข้าจะดูว่าเจ้าจะเปลี่ยนใครมาแทน”
ฮูหยินห้ากวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็ชี้ไปยังจินซื่อที่กำลังนั่งเล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ กับสืออีเหนียงอยู่ “เปลี่ยนเป็นจินซื่อก็แล้วกัน!”
“ข้าหรือ!” จินซื่ออึ้งจนตาค้าง รีบโบกไม้โบกมือขึ้นมาทันที “ข้าเล่นไม่เป็นจริงๆ เจ้าค่ะ!” จากนั้นก็หันไปพูดกับฟังซื่อว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเองก็รู้ว่าข้าเล่นไพ่ไม่เป็น…”
ไท่ฮูหยินพยักหน้าเบาๆ หันไปพูดกับฮูหยินห้าว่า “สรุปแล้วจะเปลี่ยนคนหรือไม่”
ฮูหยินห้าถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ จากนั้นก็อธิบายกับฟังซื่อว่า “‘ชุดเสาะ’ มีทั้งหมดเก้าใบ ‘ชุดบ่วง’ มีทั้งหมดเก้าใบ ‘ชุดท้ง’ มีทั้งหมดเก้าใบ…เวลาที่เจ้าเล่นไพ่เจ้าก็จะต้องคำนวณในใจ…ผู้อื่นทิ้งไพ่อะไรมา ก็ต้องคิดไตร่ตรองดีๆ ว่าเป็น ‘มังกรเรียงแถว’ หรือว่าเป็น ‘การผ่อง’…”
ฟังซื่อก็รีบพยักหน้าทันที
สืออีเหนียงเห็นแล้วก็ยิ้มขึ้น จากนั้นก็หันไปตั้งใจเล่นกับเด็กๆ ต่อ
“ไพ่สามบ่วง!”
จิ่นเกอมองไพ่ในมือของตน จากนั้นก็มอง ‘ไพ่สามบ่วง’ ที่สืออีเหนียงทิ้งลงบนโต๊ะ สีหน้าของเขาดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็ตัดสินใจทิ้ง ‘ไพ่สี่ท้ง’ ด้วยความลังเล
สืออีเหนียงก็หอมแก้มของจิ่นเกอพร้อมกับพูดขึ้นว่า “จิ่นเกอของเราฉลาดที่สุด รู้ด้วยว่าไพ่สี่ใหญ่กว่าไพ่สาม!”
จิ่นเกอยิ้มกว้างขึ้นมาทันที
ดวงตาของเขาค่อยๆ หรี่เล็กและโค้งงอ ราวกับพระจันทร์เสี้ยว
จากนั้นก็หยิบ ‘ไพ่สี่บ่วง’ ออกมาอีกหนึ่งใบ หันไปจ้องมองสืออีเหนียงด้วยดวงตาที่กลมโต
สืออีเหนียงก็หอมแก้มของจิ่นเกอไปหนึ่งฟอด “นี่ก็เป็นไพ่สี่เกทับไพ่สาม!”
จิ่นเกอยิ้มแป้นทันที
ซินเจี่ยเอ๋อร์เห็นแล้วก็รีบดึง ‘ไพ่สี่บ่วง’ ทิ้งลงบนโต๊ะ “ท่านป้าสะใภ้สี่ ของข้า ของข้าเจ้าค่ะ!”
สืออีเหนียงก็หอมแก้มของซินเจี่ยเอ๋อร์ไปหนึ่งที “ซินเจี่ยเอ๋อร์ของเราฉลาดที่สุด”
ซินเจี่ยเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็หันไปจ้องมองจิ่นเกอด้วยสีหน้าท่าทีที่ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
จินซื่อเห็นแล้วก็รู้สึกตลก จึงหัวเราะด้วยความขำขัน
สวีซื่อเจี่ยนที่กำลังตกปลากับสวีซื่อจุนและสวีซื่อเจี้ยที่ศาลาริมน้ำอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยดังขึ้น เขาจึงชะเง้อคอหันไปมอง ก็เห็นจินซื่อที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ สืออีเหนียงอย่างสงบเสงี่ยม จากนั้นเขาก็หันกลับไปตกปลาต่อ
ชิวอวี่เดินไปยืนข้างๆ สืออีเหนียงอย่างเบามือเบาเท้า “ฮูหยิน ท่านโหวให้ท่านไปพบประเดี๋ยวเดียวเจ้าค่ะ!”