ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 573 เข้าใจผิด (ต้น)
เรื่องที่นายอำเภอฟังลาออกจากตำแหน่ง สืออีเหนียงได้ยินแล้ว แต่เรื่องที่ฟังฮูหยินพาบุตรชายมาหาฟังซื่อนางพึ่งจะได้ยิน ได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ “กำหนดคลอดของคุณนายน้อยใหญ่คือปลายเดือนเก้าไม่ก็ต้นเดือนสิบ เหตุใดฟังฮูหยินถึงมาตอนนี้ อากาศร้อนขนาดนี้ หากเป็นลมแดดไปนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!”
ฮูหยินห้าเม้มปากยิ้ม “ตอนนี้พี่สะใภ้สามเป็นคนดูแลตรอกซานจิ่ง ตอนนี้คุณนายน้อยใหญ่เอาแต่ดูแลครรภ์ที่เรือน เดือนห้าสกุลกานแต่งลูกสะใภ้ ได้ยินมาว่าฮูหยินสามส่งม่านกันลมกระจกไปเป็นของขวัญแต่งงาน มีคนเห็นว่ามันคล้ายสินเดิมของคุณนายน้อยใหญ่ ข้านับวันดูแล้ว ข่าวนี้น่าจะแพร่กระจายไปถึงหูโจวแล้ว ฟังฮูหยินมาได้ถูกเวลาพอดี!”
สืออีเหนียงขมวดคิ้ว “ไม่ว่าพี่สะใภ้สามจะไม่รู้ความแค่ไหน แต่นางก็ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ใครเป็นคนพูดเช่นนี้”
“ไม่ว่าใครเป็นคนพูด แต่คุณนายน้อยใหญ่ของเราแต่งมาอยู่ที่เยี่ยนจิงสองปีแล้ว คนสกุลเดิมเป็นห่วง มาเยี่ยมนางมันก็เป็นเรื่องธรรมดา” ดูจากพฤติกรรมเรื่องข่าวลือที่ฟังซื่อมีดวงพิฆาตสามีของสกุลฟัง ฮูหยินห้ารู้สึกว่าการมาของฟังฮูหยินคงจะทำให้ตรอกซานจิ่งวุ่นวายอยู่สักพักหนึ่ง “ข้าแค่เป็นห่วงป้าเถียน ไม่รู้ว่าจะกลับมาทันกำหนดคลอดของข้าหรือไม่”
ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้
กำหนดคลอดของฮูหยินห้าและฟังซื่อห่างกันแค่สองสามเดือน ช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์สำคัญที่สุด หากอยากให้ป้าเถียนกลับมานั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ในเมื่อส่งนางไปดูแลฟังซื่อแล้ว ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เรียกกลับมา คงดูไม่เหมาะสมสักเท่าไร แต่ว่าคนคนนี้สืออีเหนียงเป็นคนส่งไป หากฮูหยินห้าอยากให้นางกลับมา แน่นอนว่านางต้องมาถามสืออีเหนียง
“เจ้าคิดว่าสะใภ้สามครอบครัววั่นของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” สืออีเหนียงพูดอย่างอ่อนโยน “นางเป็นลูกสะใภ้ของป้าวั่น ดูแลเด็กทารกเก่งมาก เจ้าดูจิ่นเกอของข้าก็รู้แล้ว!” นางพูดต่อไป “เรื่องของตรอกซานจิ่งน้องสะใภ้ห้ารู้ดีกว่าข้า แล้วเจ้าก็ยังเป็นคนฉลาด เจ้ารู้ว่าท่านแม่ส่งป้าเถียนไปทำไม ไม่เช่นนั้น ท่านแม่ไม่มีทางเห็นด้วยที่ส่งป้าเถียนไปแน่นอน ในเมื่อท่านแม่อยากจะปกป้องคุณนายน้อยใหญ่ คงต้องรอให้บุตรของนางอายุครบหนึ่งขวบก่อน ถึงจะกลับมาได้…”
เรื่องพวกนี้ฮูหยินห้าล้วนเข้าใจอยู่แล้ว ป้าวั่นและป้าเถียนก็อายุเยอะมากแล้ว อุ้มเด็ก เปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก เรื่องพวกนี้แม่นมและสาวใช้เป็นคนทำ ป้าวั่นก็แค่ยืนมองอยู่ข้างๆ ป้าเถียนจะกลับมาหรือไม่นั้นก็ไม่แตกต่างอะไร นางก็แค่อยากได้คนมารับใช้เพิ่มอีกสักคน ปกติแล้วหากลูกสะใภ้กำลังตั้งครรภ์ ไท่ฮูหยินจะส่งคนมาดูแลสองคน ตอนนี้สืออีเหนียงเป็นคนดูแลจวน แล้วไท่ฮูหยินก็รักและเอ็นดูจิ่นเกอขนาดนี้ บ่าวรับใช้เหล่านี้ล้วนแต่ก้มหัวให้พวกนางสองแม่ลูก หากตนตั้งครรภ์ครั้งนี้มีคนคอยรับใช้แค่คนเดียว คนพวกนั้นจะต้องคาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้า พูดอะไรเหลวไหลแน่นอน
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายของตัวเองสำเร็จแล้ว ฮูหยินห้าก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าจะไม่เข้าใจความลำบากใจของพี่สะใภ้สี่ได้อย่างไรกัน แต่ว่าเซินเกอยังไม่หย่านม ข้าก็กำลังตั้งครรภ์ เป็นห่วงทั้งสองคน แค่อยากให้มีคนที่เหมาะสมคอยปรนนิบัติรับใช้ ในเมื่อพี่สะใภ้สี่พูดเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะเจ้าคะ!”
ฮูหยินห้าเห็นด้วยก็ดี!
“ลูกสะใภ้อย่างเราอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ไม่ต้องพูดเช่นนี้!” สืออีเหนียงพูดกับนาง ก็เห็นเงาของสาวใช้เดินผ่านม่านไป แต่นางไม่ได้สนใจ พูดคุยกับฮูหยินห้าต่อ
สาวใช้คนนั้นเดินผ่านไปสองรอบ
สืออีเหนียงมีแขก หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ สาวใช้ไม่มีทางกล้าทำเช่นนี้แน่นอน
สืออีเหนียงกำลังจะเรียกสาวใช้คนนั้นเข้ามาถาม ฮูหยินห้าก็ลุกขึ้นขอตัวลาพอดี แต่สืออีเหนียงรั้งนางให้พักผ่อนในห้องตัวเองก่อน “แดดยังแรงอยู่ ประเดี๋ยวค่อยกลับไปก็ไม่สาย!”
ฮูหยินห้ายิ้มแล้วพูดว่า “ข้าฉวยโอกาสออกมาตอนเซินเกอนอนกลางวัน ประเดี๋ยวหากเขาตื่นแล้วไม่เห็นข้า เขาจะร้องไห้เอาได้!”
ไม่รู้ว่าได้เชื้อใครมา ซินเจี่ยเอ๋อร์ตอนเด็กก็เป็นเช่นนี้ ถ้าไม่เห็นฮูหยินห้าก็จะร้องไห้ราวกับจะตาย แต่เมื่ออายุได้สี่ขวบ นิสัยนี้ก็ดีขึ้น แต่ตอนนี้เซินเกอกลับมาเป็นแบบเดียวกัน…
สืออีเหนียงเดินออกไปส่งนางที่ประตูลานแล้วกลับมาที่ห้อง ถามชิวอวี่ที่เฝ้ายาม “มีเรื่องอันใดหรือ”
“ฉาจิง สาวใช้ของคุณชายน้อยจิ่นเกอเจ้าค่ะ” ชิวอวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม “แม่นมกู้น่าจะบอกให้นางมาดูว่าคุณชายน้อยหกจะตื่นเมื่อไร”
ขณะที่นางกำลังพูดอยู่ แม่นมกู้ก็เดินเข้ามา “ข้ารู้ว่าฮูหยินห้าอยู่ที่นี่ ไม่ได้บอกให้นางมาดูเสียหน่อย!”
สีหน้าของชิวอวี่หม่นหมองลง ก่อนจะไปเรียกฉาจิงมาซักถาม
ฉาจิงคือสาวใช้น้อยของจิ่นเกอ ส่วนมากนางจะรับใช้อยู่ข้างนอก เมื่อเข้ามาข้างในห้องนางจึงมีท่าทีหวาดกลัว “สุยเฟิงให้บ่าวมาดูเจ้าค่ะ…”
เหตุใดถึงไปเกี่ยวข้องกับสุยเฟิง!
กำลังจะถามต่อ ก็มีสาวใช้เข้ามารายงาน “ฮูหยินเจ้าคะ สุยเฟิงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ!”
สุยเฟิงอายุแค่สิบสองปี หน้าตาธรรมดา แต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยไหวพริบ ท่าทางสุขุมและเฉลียวฉลาด
เขาโค้งคำนับสืออีเหนียง จากนั้นก็พูดว่า “ช่วงนี้ไท่ฮูหยินส่งนกขมิ้นท้ายทอยดำคู่หนึ่งมาให้คุณชายน้อยหก คุณชายน้อยหกชอบมันมากขอรับ ป้อนอาหารพวกมันทุกวัน ทุกเช้ายังบอกให้บ่าวยกกรงนกพาพวกมันไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้หลังจวน…”
สืออีเหนียงรู้เรื่องนี้
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่สุยเฟิงทำให้นกยูงรำแพน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นบ่าวรับใช้ของสวีลิ่งอี๋ แต่กลับต้องมาดูแลสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ของจิ่นเกอ ไท่ฮูหยินมอบนกขมิ้นท้ายทอยดำคู่หนึ่งให้จิ่นเกอ เขาก็สอนท่านป้าที่ดูแลนกของไท่ฮูหยินว่าควรป้อนอาหารนกเช่นไร ไม่พียงแต่รู้จักนิสัยของนกขมิ้นท้ายทอยดำได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังถือกรงนกไปเดินเล่นทุกวัน
“สองวันก่อนเจอกับคุณหนูสองที่กำลังจะไปเก็บดอกไม้ที่เรือนหน่วนฝัง” เขาหลับตาลงขณะที่พูด “คุณหนูสองได้ยินเสียงร้องที่ไพเราะของนกขมิ้นท้ายทอยดำก็ถูกอกถูกใจเป็นอย่างมาก บอกให้บ่าวมอบนกขมิ้นท้ายทอยดำให้นาง บรรดาสาวใช้ของคุณหนูสองเห็นว่าบ่าวเป็นคนถือกรงนก พวกนางเลยเกลี้ยกล่อมคุณหนูสองอยู่นาน คุณหนูสองก็ไม่พอใจ ทำหน้าบึ้งแล้วเดินออกไปจากสวนดอกไม้หลังจวนทันที บ่าวคิดว่าคุณชายน้อยหกเล่นกับนกขมิ้นท้ายทอยดำคู่นี้ทุกวัน แล้วก็คิดว่าคุณชายน้อยหกมอบแมวสองตัวที่ไท่ฮูหยินมอบให้ตัวเองให้คุณหนูสองไปแล้ว กลัวว่าคุณชายน้อยหกและคุณหนูสองจะเข้าใจผิดกันเพราะเรื่องนกขมิ้นท้ายทอยดำ บ่าวคิดดูแล้ว จึงมาหาฮูหยินขอรับ แต่บรรดาพี่หญิงกลับบอกว่าฮูหยินกำลังพูดคุยอยู่กับฮูหยินห้า….” พูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดชะงักแล้วมองสืออีเหนียงด้วยความลังเล
แต่สืออีเหนียงกลับเข้าใจเขา
เหมือนกับครั้งก่อน ครั้งนี้ซินเจี่ยเอ๋อร์อยากได้สัตว์เลี้ยงของจิ่นเกออีกแล้ว แต่ที่ไม่เหมือนกับครั้งก่อนก็คือ แมวที่นางอยากได้ครั้งก่อนจิ่นเกอไม่ชอบ แต่นกขมิ้นท้ายทอยดำที่นางอยากได้ครั้งนี้จิ่นเกอชอบมันมาก สุยเฟิงเห็นว่าฮูหยินห้ามาหานางตอนนี้ ก็เข้าใจผิดคิดว่าฮูหยินห้ามาหาตนเพราะเรื่องนกขมิ้นท้ายทอยดำ กลัวว่าถึงตอนนั้นจิ่นเกอจะไม่ยอมให้ แล้วอาจทำให้ทั้งสองครอบครัวขุ่นเคืองกันเพราะเรื่องนี้
นางอดไม่ได้ที่จะมองดูสุยเฟิงอย่างสำรวจ
ชิวอวี่และคนอื่นๆ ยืนกุมมืออย่างนอบน้อม พวกนางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
พฤติกรรมของสุยเฟิง พูดในทางที่ดีก็คือเขากังวลเรื่องนกขมิ้นท้ายทอยดำจะทำให้จินเกอและซินเจี่ยเอ๋อร์เข้าใจผิดกัน แต่คิดลึกๆ แล้ว เขาเข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคุณชายสี่และครอบครัวคุณชายสาม เขากำลังทำเกินหน้าที่!
ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องก็เงียบสงัด
สุยเฟิงถูกบรรยากาศที่เงียบสงัดนี้กดทับจนหายใจแทบไม่ออก
สีหน้าของเขามีความหวาดกลัว
สืออีเหนียงถามเขาเบาๆ “ครอบครัวของเจ้ายังมีใครอีกหรือไม่ พวกเขาทุกคนทำงานอะไร”
คำพูดของนาง ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดคลายลง
สีหน้าของสุยเฟิงผ่อนคลายลง รีบเอ่ยตอบ “เรียนฮูหยินขอรับ บิดาของบ่าวคือผู้ดูแลไร่ แต่เขาเสียชีวิตไปตอนที่บ่าวอายุสามขวบ ส่วนมารดาของบ่าวเป็นคนเลี้ยงบ่าวและน้องสาวมา ผู้ดูแลสงสารพวกบ่าว จึงแนะนำให้บ่าวมาทำงานในจวน นับดูแล้ว บ่าวเข้ามาทำงานในจวนได้สี่ปีแล้วขอรับ”
“อ้อ!” สืออีเหนียงแปลกใจ “เจ้ายังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งเช่นนั้นหรือ!”
สุยเฟิงตอบกลับด้วยความเคารพ “ตอนที่บิดาของบ่าวเสียชีวิต นางยังไม่คลอดเลยขอรับ”
สืออีเหนียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เจ้าเล่าข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถิด!”
ไม่ได้บอกว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
สุยเฟิงเป็นกังวลใจ
หากคุณหนูสองมาขอนกขมิ้นท้ายทอยดำกับตัวเอง ตนจะทำเช่นไร
แต่คำพูดบางอย่าง เขาไม่กล้าพูดต่อหน้าฮูหยิน
ตอนที่คุณหนูสองออกไปนางบอกว่า หากคุณชายน้อยหกไม่ให้ นางจะบอกให้ฮูหยินห้ามาของอเ!
แต่พวกเขารู้จักนิสัยของคุณชายน้อยหกดี หากนำของของเขาให้คนอื่น เขาคงจะร้องไห้จนจะเป็นจะตาย ไท่ฮูหยินเห็นเช่นนี้ก็ต้องหาวิธีทำให้คุณชายน้อยหกหยุดร้อง เหมือนกับครั้งก่อน แม้แต่ท่านโหวก็ยังถูกตำหนิ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นแค่บ่าวรับใช้ที่ดูแลนกพวกนี้
เขาไม่มีทางรับผิดชอบได้แน่นอน!
ไม่แปลกใจที่ผู้คนมักจะพูดว่าทำงานกับตระกูลร่ำรวยล้วนมีความเสี่ยง
คนนอกเห็นว่าบ่าวรับใช้ของสกุลสวีล้วนแต่สวมเสื้อผ้าไหม แต่กลับไม่รู้ว่าหากพูดผิดเพียงประโยคเดียวก็สามารถตกลงไปอยู่ใต้โคลนตมได้
สีหน้าของเขาหม่นหมองลง โค้งคำนับแล้วเดินออกไป
*****
อีกฝั่งหนึ่งฮูหยินห้ากำลังสาดชาเต็มถ้วยใส่ปี้ปัว สาวใช้ของซินเจี่ยเอ๋อร์
“ข้าให้เจ้ารับใช้คุณหนู แต่พวกเจ้ากลับรับใช้เขาเช่นนั้นหรือ” เป็นเพราะอากาศร้อน แค่เรื่องเล็กน้อยเลยทำให้นางหงุดหงิดได้แล้ว “‘นกตัวนั้นไท่ฮูหยินมอบให้คุณชายน้อยหก ผู้ใหญ่ให้ของย่อมไม่กล้าปฏิเสธ’ พวกเจ้าไม่เกลี้ยกล่อมนาง กลับให้นางพูดเช่นนั้นออกมา!”
ปี้ปัวคุกเข่าลงบนพื้นแล้วก้มหัวด้วยความหวาดกลัว
หน้าผากที่ขาวกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
ซินเจี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น “มันเป็นของท่านย่า ไม่ใช่ของจิ่นเกอเสียหน่อยเจ้าค่ะ…”
ฮูหยินห้าเบิกตามองซินเจี่ยเอ๋อร์อย่างดุดัน
“ท่านย่ามอบให้จิ่นเกอก็แสดงว่าเป็นของจิ่นเกอ อย่างเช่นข้ามอบสร้อยคอทองให้เจ้า เช่นนั้นมันก็คือของเจ้า เหตุใดข้าถึงไม่เห็นคนอื่นอยากได้เลย!” จากนั้นก็ระงับความโกรธแล้วอุ้มซินเจี่ยเอ๋อร์ พูดกล่อมนางเบาๆ “เจ้าชอบกระจกที่ท่านย่ามอบให้เจ้ามากที่สุดใช่หรือไม่ หากจิ่นเกอเห็นมันแล้วอยากได้ เจ้าจะทำเช่นไร”
ซินเจี่ยเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รีบพูด “นั่นของข้านะเจ้าคะ!”
“ใช่แล้ว!” ฮูหยินห้าถือโอกาสสั่งสอนบุตรสาว “นกตัวนั้นก็เป็นของจิ่นเกอ เจ้าจะแย่งของจิ่นเกอมาได้เช่นไร”
ซินเจี่ยเอ๋อร์ก้มหน้าลง แต่เมื่อนึกถึงเสียงร้องที่ไพเราะของนกขมิ้นท้ายทอยดำ และสีสันที่สวยงามของนกขมิ้นท้ายทอยดำที่สวยกว่านกขมิ้นท้ายทอยดำที่ห้อยอยู่ในกรงใต้หลังคาเรือนของท่านตาเสียอีก ความปรารถนาในใจของนางจึงพุ่งขึ้นมา
“ท่านแม่บอกให้จิ่นเกอมอบให้ข้าสิเจ้าคะ!” นางพูดอย่างดื้อรั้น “เช่นนั้นมันก็จะกลายเป็นของข้าแล้ว!”
“พูดจาเหลวไหล!” ฮูหยินห้าตำหนินาง “‘ผู้ดีจะไม่แย่งชิงสิ่งของอันเป็นที่รักของผู้อื่น’ เจ้าจะอยากได้ของจิ่นเกอได้อย่างไร!”
เห็นว่ามารดาไม่เพียงแต่ไม่ช่วยตน แล้วยังพูดตำหนิ นางจึงดื้อรั้นมากกว่าเดิม “ข้าอยากได้นกขมิ้นท้ายทอยดำคู่นั้น ข้าจะเอา…”
“ไม่ได้!” ฮูหยินห้าพูดด้วยท่าทีที่แน่วแน่ “ของของคนอื่น เราจะเอามาเป็นของของตัวเองไม่ได้!”
“ท่านแม่เจ้าคะ!” ซินเจี่ยเอ๋อร์ร้องไห้ออกมา “ข้าอยากได้นกขมิ้นท้ายทอยดำเจ้าค่ะ…”
“ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้!” ฮูหยินห้าพลันหมดความอดทน หันไปพูดกับแม่นมของซินเจี่ยเอ๋อร์ “อุ้มนางออกไป!”
ซินเจี่ยเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็กอดขาฮูหยินห้าแน่น “ท่านแม่เจ้าคะ ข้าอยากได้นกขมิ้นท้ายทอยดำ…”
สาวใช้และป้ารับใช้ต่างก็ยืนล้อมรอบนาง คนหนึ่งพูดเกลี้ยกล่อม คนหนึ่งพูดปลอบใจ แต่กลับไม่มีใครกล้าอุ้มซินเจี่ยเอ๋อร์เลยสักคน
ซินเจี่ยเอ๋อร์เห็นเช่นนี้ก็ร้องไห้หนักว่าเดิม
ฮูหยินห้าโมโหจนหน้าแดงก่ำ
ขณะที่ในห้องกำลังวุ่นวาย สวีลิ่งควนก็เดินเข้ามา
“ไอ๊หยา เกิดอะไรขึ้นหรือ!”
ซินเจี่ยเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ก็รีบพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของบิดา “ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าอยากได้นกขมิ้นท้ายทอยดำ!”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” สวีลิ่งควนเห็นบุตรสาวตัวเองร้องไห้ก็รีบพูด “ก็แค่อยากได้นกขมิ้นท้ายทอยดำไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องร้องไห้เล่า!” จากนั้นก็พูดต่อไปว่า “ประเดี๋ยวท่านพ่อซื้อให้เจ้าเอง” แล้วยังพูดอีกว่า “ซื้อคู่ที่สวยที่สุดเลย!”