ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 556 ผู้ชนะ (ปลาย)
สืออีเหนียงยุ่งอยู่กับการส่งบ๊ะจ่าง สุราสยงหวงและถุงหอมไปให้สกุลต่างๆ ในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ช่วงเวลานี้ก็มีข่าวมาจากเมืองหูโจว
“…เรื่องที่ฟังจี้และฟังซื่อพูดเป็นความจริง” สวีลิ่งอี๋พูดด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ “คุณชายสกุลฮั่วคนนั้นเป็นรุ่นที่สาม นายหญิงฮั่วก็ผิดปกติไปเพราะเรื่องนี้ ข่าวลือที่ว่าฟังซื่อมีดวงพิฆาตสามีก็ยิ่งแพร่กระจายไปเป็นวงกว้าง ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ว่าสกุลฟังกลับรังเกียจที่คนพวกนั้นไม่มีความรู้และไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ เช่นนี้ คนที่มาสู่ขอก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ เรื่องแต่งงานของฟังซื่อจึงต้องล่าช้าเช่นนี้ ตอนที่พี่สะใภ้สามไปสู่ขอ คนของสกุลฟังยังคิดว่าฉินเกอสู้สกุลก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ฟังฮูหยินกลัวว่าหากเลือกมากต่อไป แม้แต่คนอย่างฉินเกอก็คงจะหาไม่ได้แล้วจึงรีบตอบตกลงทันที”
สืออีเหนียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางดึงแขนสวีลิ่งอี๋ “เราไปบอกท่านแม่กันเถิดเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินได้ยินเช่นนี้นางจะได้สบายใจ
ทันใดนั้นสืออีเหนียงก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่า เดิมทีไท่ฮูหยินก็หวังว่าฟังซื่อไม่ได้โกหกอยู่แล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อีกสองวันก็จะถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว ท่านส่งเทียบเชิญไปที่ตรอกซานจิ่ง เชิญพวกเขาทั้งครอบครัวมาทานข้าวที่เรือนเถิด”
ถึงตอนนั้นหากไท่ฮูหยินบอกเป็นนัย ด้วยความฉลาดของฟังซื่อ นางคงจะรีบบอกฟังจี้ ถึงตอนนั้นญาติผู้ใหญ่ของสกุลฟังพาฟังจี้มาขอขมา เรื่องนี้ก็คงจะสิ้นสุดลง ทุกคนควรทำอะไรก็ไปทำ
คิดเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่จะถามสวีลิ่งอี๋ระหว่างทางกลับ “แล้วทางฝั่งของคุณชายสามคิดเห็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“ข้าอยากให้พี่สามพักผ่อนสักสองสามวัน แล้วค่อยไปเยี่ยมญาติๆ แจ้งเหตุผลที่ลาออกจากตำแหน่ง จากนั้นก็กลับมาช่วยเราดูแลเรื่องในจวน” สวีลิ่งอี๋ยิ้มอย่างขมขื่น “แต่ท่านแม่ไม่เห็นด้วย บอกว่าพี่สามเป็นคนมีลูกสะใภ้ เป็นพ่อตาแล้ว แทนที่จะให้พี่สามช่วยดูแลเรื่องในจวน ไม่สู้ให้เขาออกไปเปิดร้านค้าทำกิจการข้างนอกเสียดีกว่า จะได้มีหน้ามีตาต่อหน้าลูกสะใภ้ ทำตัวให้เป็นผู้เป็นคน ข้าคิดดูแล้ว เกรงว่าท่านแม่จะคิดว่าการที่พี่สามลาออกจากตำแหน่ง ทำให้สกุลสวีเสื่อมเสียชื่อเสียง อยากจะสั่งสอนเขาสักหน่อย ข้าจึงไม่ได้พูดอะไร” ความหมายก็คือ ยังอยากเชิญคุณชายสามกลับมาช่วยดูแลเรื่องในจวน
สืออีเหนียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านโหวเจ้าคะ หรือท่านคิดว่าดูแลเรื่องในจวนทุกวันนั้นน่าเบื่อหรือ!”
“ด้วยเงินเดือนของข้า ไม่ต้องพูดถึงคนทั้งครอบครัว แม้แต่เจ้า ข้าก็ยังเลี้ยงไม่ได้!” สวีลิ่งอี๋หัวเราะ “หากไม่ใช่เพราะที่ไร่และร้านค้า เราจะมีชีวิตได้อย่างไร ข้าแค่…”
เขายอมรับว่าตัวเองไม่อยากดูแลเรื่องในจวนอย่างอ้อมๆ
ไม่แปลกที่อยากให้คุณชายสามเป็นคนดูแลแทน
สืออีเหนียงเม้มปากยิ้ม
ถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง คุณชายสามพาคนในครอบครัวไปคารวะไท่ฮูหยินแต่เช้า
ไท่ฮูหยินพึ่งจะตื่น ป้าตู้จึงเชิญพวกเขาดื่มชารอที่ห้องโถง
ผ่านไปครู่หนึ่ง สวีลิ่งควนและฮูหยินห้าก็พาซินเจี่ยเอ๋อร์และเซินเกอเข้ามา
ทุกคนคำนับกันเสร็จเรียบร้อย ฟังซื่อก็หยิบถุงหอมที่มีสีสันสวยงามออกมาจากแขนเสื้อสองถุง “พี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนทำเอง มอบให้พวกเจ้า”
ถุงหอมที่มีสีสันสวยงามไม่ใช่ของหายาก แต่ปลาสีทองที่ห้อยอยู่ข้างล่างถุงหอมกลับเป็นของหาหยาก
โชคดีที่ฮูหยินห้าเป็นคนฉลาด ของขวัญชิ้นนี้นางยังพอจะหาคืนให้ได้เลยยิ้มแล้วบอกให้คนรับมา จากนั้นก็บอกให้ซินเจี่ยเอ๋อร์ขอบพระคุณฟังซื่อ
ฮูหยินสามเห็นเช่นนี้ก็สีหน้าดูย่ำแย่ นางลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ส่งเสียง “เหอะ” แล้วหันหน้าหนี
คุณชายสามพลันตกใจ
ฟังซื่อมอบถุงหอมให้เป็นของขวัญเด็กๆ มันไม่ใช่ของที่มีราคามากอะไร ตอนนี้เขาอยู่ที่จวน ประหยัดได้ก็ประหยัด เขาเห็นด้วยกับของขวัญชิ้นนี้ของฟังซื่อ แต่คิดไม่ถึงว่าข้างล่างของถุงหอมจะมีปลาสีทองห้อยอยู่ มองดูแล้ว หากข้างในกลวง ก็คงต้องใช้เงินกว่าห้าสลึง แต่หากข้างในไม่กลวง เกรงว่าคงมีราคาถึงสองสามตำลึงเงิน ไม่สู้ซื้อสุราดีๆ มาให้พวกเขายังจะดีเสียกว่า
คุณชายสามแอบส่ายหน้าเบาๆ คิดว่าฟังซื่อดูแลครอบครัวไม่เป็น
แต่ฟังซื่อกลับมีความคิดเป็นของตัวเอง
แม่สามีอยากตามไปรับใช้ไท่ฮูหยินที่วัดเย่าหวังแต่กลับถูกไล่กลับมา ตอนนี้ไท่ฮูหยินเชิญพวกเขาทั้งครอบครัวมาฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง นางคิดอยู่ในใจว่า เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ผู้หญิงที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วต้องกลับสกุลเดิม หากสกุลสวียังพะวงเรื่องข่าวลือที่นางมีดวงพิฆาตสามี พวกเขาสามารถเรียกแค่คุณชายสามและสวีซื่อฉินสองพี่น้องมาฉลองเทศกาล แต่ตอนนี้กลับเรียกนางมาด้วย แสดงว่าคนในตรอกเหอฮวาหลี่ไม่ได้รังเกียจนางเหมือนที่นางคิด
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางต้องเคารพคนในตรอกเหอฮวาหลี่มากกว่านี้ แต่ว่าในตรอกเหอฮวาหลี่มีสิ่งของทุกอย่าง นางคิดอยู่ตั้งนาน ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนเด็กๆ ญาติผู้ใหญ่เคยมอบปลาทองให้นางสองสามตัว ตอนนั้นนางชอบมันเป็นอย่างมาก จึงวาดรูปตามความทรงจำของตัวเอง แล้วบอกให้ท่านป้าผู้ดูแลไปสั่งทำที่ร้านเงิน
นางยิ้มแล้วมองดูซินเจี่ยเอ๋อร์ “ก็แค่ของเล็กๆ น้อยๆ น้องหญิงชอบก็ดีแล้ว”
ปลาทองตัวนั้นทำได้อย่างประณีต เกล็ดและหนวดปลาราวกับของจริง ซินเจี่ยเอ๋อร์ชื่นชอบเป็นอย่างมาก นางพยักหน้าซ้ำๆ
สวีลิ่งอี๋และสืออีเหนียงพาจิ่นเกอเข้ามา
ฟังซื่อคำนับพวกเขาตามฮูหยินสาม จากนั้นก็มอบถุงหอมให้จิ่นเกอ
“ข้าก็ได้ด้วยหรือ!” สวีซื่ออวี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ยังไม่ได้แต่งงานก็ถือว่ายังเป็นเด็ก” ฟังซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กๆ ได้กันทุกคน”
ฮูหยินห้าได้ยินเช่นนี้ก็ปิดปากยิ้ม “คุณชายน้อยสองของเราก็ควรพูดเรื่องแต่งงานได้แล้ว” จากนั้นก็พูดกับฟังซื่อว่า “เจ้ามีพี่น้องที่หน้าตาดีและโดดเด่นหรือไม่ ช่วยหาให้คุณชายน้อยสองของเราสักคนเถิด”
ฟังซื่อยิ้มอย่างมีมารยาท “ข้าโตมากับท่านย่าเจ้าค่ะ ไม่ค่อยรู้จักแม่นางที่อายุใกล้เคียงกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่อายุน้อยกว่าข้า ถึงตอนนั้นข้าขอร้องให้พี่ใหญ่ช่วยถามให้ก็ได้เจ้าค่ะ!”
พูดถึงฟังจี้ฮูหยินห้าก็อุทาน “ไอ๊หยา” แล้วพูดต่อไปว่า “เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ฟังทั่นฮวาฉลองคนเดียวเช่นนั้นหรือ หรือว่า เชิญฟังทั่นฮวามาทานข้าวด้วยกันดีหรือไม่ จะได้คึกคัก!”
ฟังซื่อได้ฟังแล้วก็ตกใจ หันไปมองสืออีเหนียงทันทีทันใด
สืออีเหนียงกำลังถอดเสื้อให้จิ่นเกอ “อุ้มเขามา แต่ทำไมเขาร้อนขนาดนี้” ท่าทางไม่ได้สนใจพวกนาง
สีหน้าของฟังซื่อมหม่นหมองลง นางกำลังจะปฏิเสธ แต่ป้าตู้กลับออกมาบอกว่า “ไท่ฮูหยินเชิญทุกท่านเข้าไปนั่งข้างในเจ้าค่ะ”
นางถูกขัดจังหวะ จากนั้นทุกคนพาก็กันเดินเข้าไปข้างใน
ไท่ฮูหยินยื่นมือออกไปอุ้มเซินเกอที่เล็กที่สุด นางยิ้มแล้วหยอกล้อฮูหยินห้า “มาคารวะข้าเช้าขนาดนี้ จะรีบกลับสกุลเดิมใช่หรือไม่”
ตั้งแต่ฮูหยินห้าตั้งครรภ์ซินเจี่ยเอ๋อร์ นางก็ไม่ไปอยู่ที่จวนสกุลเดิม แต่กลับอยู่ที่จวนสกุลของแม่สามีครึ่งวันอีกแล้ว
นางเบ้ปากแล้วพูดจาหยอกเย้า “แม่สามีเอาใจยากขึ้นเรื่อยๆ มาสายก็บอกว่าไม่กตัญญู มาเช้าก็บอกว่าข้าอยากกลับสกุลเดิม…”
“พูดกับแม่สามีเช่นนี้ได้อย่างไร” ฮูหยินห้ายังพูดไม่จบ สวีลิ่งควนก็เบิกตากว้างใส่นาง
“เอาล่ะ เอาล่ะ” ไท่ฮูหยินยิ้ม “เจ้าไม่ต้องปกป้องภรรยาของเจ้า ข้าไม่ได้ว่าอะไรนาง”
ทำเอาสวีลิ่งควนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่ฮูหยินห้ากลับยิ้มอย่างพอใจ
จิ่นเกอเห็นไท่ฮูหยินอุ้มเซินเกอไม่ยอมปล่อย เขาก็บิดตัวแล้วตะโกนเรียก “ท่านย่า” อยากให้ไท่ฮูหยินอุ้มตัวเองเหมือนกัน
ไท่ฮูหยินหัวเราะ “ได้ๆๆ ข้างซ้ายคนหนึ่งข้างขวาคนหนึ่ง ล้วนแต่เป็นดวงใจของย่า”
จิ่นเกอนั่งอยู่บนขาซ้ายของไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินยื่นเซินเกอให้ฮูหยินห้า “พวกเจ้ารีบไปรีบกลับเถิด ข้ารอพวกเจ้ากลับมาทานข้าวเย็นด้วยกัน” จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคุณชายสามและฮูหยินสาม “พวกเจ้าก็กลับไปเถิด!” จากนั้นก็ยิ้มแล้วมองฟังซื่อ “เจ้าเหมือนกับท่านอาสะใภ้สี่ของเจ้า มาจากเจียงหนาน อยากกลับสกุลเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ท่านอาสะใภ้สี่ของเจ้าจะกลับไปตรอกกงเสียน ถึงแม้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าจะอยู่ที่เยี่ยนจิง แต่เทียบกับท่านอาสะใภ้สี่ที่มีเรือนของตัวเองอยู่ที่เยี่ยนจิงไม่ได้ วันนี้เจ้าและท่านป้าสะใภ้สองของเจ้าก็อยู่ฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างกับข้าเถิด!”
ฟังซื่อได้ฟังแล้วก็ประหลาดใจ จากนั้นก็ก้มหน้าขานรับ “เจ้าค่ะ”
แต่น้ำเสียงของนางกลับตะกุกตะกัก
ฮูหยินสามเห็นเช่นนี้ก็หน้าแดง
นางพึ่งจะเอ่ยเรียก “ท่านแม่” แต่ไท่ฮูหยินกลับสะบัดมือห้ามนางทันที บอกให้นางไม่ต้องพูดอะไรอีก “พวกเจ้ากลับไปเถิด!” นางไม่มองคุณชายสามสองสามีภรรยาเลยแม้แต่น้อย หมอแก้มจิ่นเกอแล้วพูดกับสวีซื่อจุน “รีบกลับมาหาท่านย่าเร็วๆ”
สวีซื่อจุนรีบขานรับ “ขอรับ” ด้วยความเคารพ
จากนั้นไท่ฮูหยินก็ปล่อยจิ่นเกอด้วยความอาลัยอาวรณ์
*****
กลับมาจากตรอกกงเสียน ฟังซื่อ ฮูหยินสองและป้าตู้กำลังเล่นไพ่อยู่กับไท่ฮูหยิน
“เหตุใดถึงกลับมาเร็วขนาดนี้!” ตาของไท่ฮูหยินไท่ไม่ค่อยดี นางถือไพ่อยู่ในมือ แต่คนที่เล่นไพ่กลับเป็นอวี้ป่าน นางเงยหน้าขึ้นพูดกับสืออีเหนียง
“หวังอี๋เหนียงตั้งครรภ์แล้วเจ้าค่ะ” สืออีเหนียงพูด “ไม่อยากรบกวนนาง ทานข้าวเที่ยงเสร็จเลยรีบกลับมา”
“อ้อ!” ไท่ฮูหยินยื่นไพ่ให้อวี้ป่าน “หวังอี๋เหนียงตั้งครรภ์ คุณนายใหญ่สกุลหลัวก็ไม่อยู่ที่เยี่ยนจิง เจ้าต้องส่งสมุนไพรบำรุงร่างกายไปให้นางเสียบ้าง”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วขานรับ “เจ้าค่ะ” นอกจากสวีซื่ออวี้ที่โตแล้วกับเจินเจี่ยเอ๋อร์ที่ใกล้จะแต่งงานแล้ว เด็กคนอื่นๆ ก็พากันกระโดดเข้าหาไท่ฮูหยินแล้วเรียก “ท่านย่า ท่านย่า” ทำเอาไท่ฮูหยินชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่นางกำลังพูด ฮูหยินห้าก็กลับมาพอดี
“เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเร็วเช่นนี้”
“เพราะข้าคิดถึงท่านแม่เจ้าค่ะ” ฮูหยินห้าพูดจาออดอ้อนพลางหยอกเย้า “ใครจะไปรู้ว่าท่านกำลังมีความสุขขนาดนี้”
ซินเจี่ยเอ๋อร์เห็นสวีซื่อจุนนั่งใกล้ไท่ฮูหยิน นางก็เดินเข้าไปเรียก “ท่านย่า ท่านย่า”
ไท่ฮูหยินยิ้มแล้วอุ้มซินเจี่ยเอ๋อร์ขึ้นมานั่งบนเตียงเตา
ฟังซื่อก็รีบลุกขึ้น “ท่านป้าสองและป้าตู้บอกว่าข้าออกไพ่ช้า ท่านอาสะใภ้ห้ามานั่งแทนที่ข้าเถิดเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินห้าจะเดินเข้าไปเบียดฟังซื่อจริงๆ
สวีลิ่งควนจับนางเอาไว้ “เจ้าเป็นผู้ใหญ่ จะแย่งที่นั่งหลานสะใภ้ได้อย่างไรกัน!”
“ไอ๊หยา ข้าแย่งที่ไหนกันเล่า คุณนายน้อยใหญ่บอกให้ข้านั่งเองต่างหาก”
อีกด้านหนึ่งซินเจี่ยเอ๋อร์และจิ่นเกอกำลังยื้อแย่งอ้อมแขนของไท่ฮูหยิน คนหนึ่งกอดเอวไท่ฮูหยินไว้แน่น อีกคนกอดคอไท่ฮูหยิน ไท่ฮูหยินร้อง “ไอ๊หยา” บรรยากาศในห้องคึกคักเป็นอย่างมาก จากนั้นพวกนางก็ไปนั่งเล่นไพ่ที่ห้องปีกทางทิศตะวันออก เด็กๆ สองสามคนวิ่งไปวิ่งมารอบๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อคุณชายสามและฮูหยินสามกลับมา ป้าตู้ก็บอกให้คนจัดอาหาร อาหารจานแรกคือบะหมี่อายุยืน
ทุกคนอวยพรวันเกิดให้สืออีเหนียง
ไท่ฮูหยินมอบแหวนทับทิมให้นาง ฮูหยินสองมอบน้ำหอมให้สองขวด ฮูหยินสามมอบตัวอักษรที่สวีซื่อฉินเป็นคนเขียน ส่วนฮูหยินห้ามอบปิ่นปักผมปะการังแดง เด็กๆ สองสามคนก็มอบสิ่งของทั่วๆ ไป
ฟังซื่อตกใจ นางเหลือบมองสวีซื่อฉิน จากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านอาสะใภ้สี่ไม่บอกข้า หากรู้เช่นนี้ข้าควรนำของขวัญมาให้ท่านด้วย” จากนั้นก็ลุกขึ้นคำนับสืออีเหนียง “ของขวัญวันเกิดของท่านอาสะใภ้ ไว้ข้าจะนำไปให้พรุ่งนี้เช้า โปรดท่านอาสะใภ้อย่าได้ถือสาข้าเลยเจ้าค่ะ!”