ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 427 ความสัมพันธ์(ต้น)
เจี๋ยเซียงมองไปที่ฮูหยินสองด้วยความสับสน
ฮูหยินสองพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจ้าลองคิดดูหากท่านโหวไม่เชื่อใจฮูหยินสี่ เขาก็คงจะทำเหมือนตอนนั้น ไม่เพียงแต่ไม่สืบแล้วยังจะช่วยนางเก็บเป็นความลับ คิดหาวิธีจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” นางทำสีหน้าครุ่นคิด “คนอย่างท่านโหว ดูเป็นคนอ่อนโยน แต่ในกระดูกของเขาเป็นคนรักในศักดิ์ศรี ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนคนนั้นเข้าไปที่เรือนหลัก เขาไม่เพียงแต่ต้องค้นเรือนหลัก แล้วยังให้คุณชายห้าเป็นคนช่วย ค้นเรือนหลักอย่างเปิดเผย และที่แรกที่ค้นก็คือเรือนของฮูหยินสี่ เรื่องอื่นไม่กล้าพูด แต่อย่างน้อย เขาเชื่อว่าฮูหยินสี่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาไม่มีทางให้ฮูหยินสี่อยู่กับไท่ฮูหยินตอนนี้…หากจะบอกว่าคุณชายสี่ของเราเชื่อใจใครมากที่สุด เกรงว่าน่าจะเป็นไท่ฮูหยิน!” พูดจบ นางก็ทำสีหน้าเคร่งขรึม “หวังว่าครั้งนี้ท่านโหวของเราจะมองคนไม่ผิดไป! ไม่เช่นนั้น เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงไม่มีทางทำอะไรได้!”
เจี๋ยเซียงนึกถึงเรื่องในปีนั้นขึ้นมา นางก็อดไม่ได้ที่จะเงียบ
บรรยากาศในห้องเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงไม้ไผ่ดังแว่วเข้ามา
*****
ป้าตู้ยืนอยู่หน้าไท่ฮูหยินได้ยินเสียงฝนกระทบกับกิ่งไม้ใบไม้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนเก่าคนแก่ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
“หลับไปแล้วหรือ!” ไท่ฮูหยินก้มหน้ามองสวีซื่อจุน
“เจ้าค่ะ!” ป้าตู้ตอบกลับมาอย่างระมัดระวังมากกว่าปกติ “หู่พั่วบอกว่า ฮูหยินสี่อ่อนล้า รู้ว่าคุณชายน้อยสี่ไม่เป็นอะไรแล้ว จึงผล็อยหลับไปบนตั่งนั่งเหม่ยเหรินเจ้าค่ะ บ่าวเห็นฮูหยินสี่นอนหลับสนิท จึงไม่ได้เรียกนางตื่นเจ้าค่ะ”
สายตาของไท่ฮูหยินเป็นประกายแล้วรีบยืนขึ้น “ไป เราไปดูกันเถิด!”
ป้าตู้ไม่กล้าพูดอะไร นางเดินตามไท่ฮูหยินออกไปที่ห้องปีกทางทิศตะวันออก
แสงไฟขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ส่องสลัวในห้อง สืออีเหนียงหลับไปอย่างสงบ
ไท่ฮูหยินยืนมองนางอยู่หน้าตั่งนั่งเหม่ยเหรินอยู่นาน จากนั้นก็เดินออกไปเงียบๆ เหมือนตอนที่เดินเข้ามา
หู่พั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไท่ฮูหยินหยุดเดินอยู่ที่ห้องโถง
“เจ้าไปดูที่เรือนหลักว่าเป็นเช่นไรแล้ว”
ไท่ฮูหยินพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ป้าตู้ตอบรับ “เจ้าค่ะ” อย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องโถง
ไท่ฮูหยินยืนอยู่คนเดียวอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง
สวีซื่อจุนนอนหลับสนิท ไท่ฮูหยินนั่งลงข้างเขาแล้วห่มผ้าให้อย่างเบามือ จากนั้นก็หลับตา เอนตัวลงบนหมอนบนเตียงเตา
มีเสียงของเปลวไฟที่ดังประทุขึ้นมาเบาๆ
ป้าตู้เดินเข้ามา
“ไท่ฮูหยินเจ้าคะ” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล “คุณชายห้าเจอหน้ากากที่ห้องของเยี่ยนหรงเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินเบิกตากว้างทันที ในห้องที่มืดสลัว แต่กลับมีสายตาเฉียบคมราวกับใบมีด
“ท่านโหวว่าเช่นไร”
ป้าตู้หยุดชะงัก แล้วพูดเบาๆ “ท่านโหวบอกให้ค้นอีกเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง
ค้นอีกครั้ง เพราะเขามั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสืออีเหนียง? หรือว่าเพราะเขาไม่พอใจที่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงตัดสินใจที่จะจัดการมัน?
เสียงนาฬิกาไขลานในห้องดังขึ้นมา
ป้าตู้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ไท่ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องนี้ใช่ว่าจะตัดสินใจได้ตอนนี้ บ่าวคิดว่า ท่านไม่สู้นอนพักผ่อนก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ บ่าวดูแลคุณชายน้อยสี่เอง พรุ่งนี้เช้าคุณชายน้อยสี่ตื่นแล้ว ท่านยังต้องแนะนำพวกบ่าวเกลี้ยกล่อมคุณชายน้อยสี่อีก!”
ไท่ฮูหยินส่ายหน้าเบาๆ “ข้ารออยู่ที่นี่ดีกว่า!” พูดด้วยท่าทีที่หนักแน่น
ป้าตู้ไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ จึงหยิบผ้าห่มผืนบางมาห่มให้ไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินพูดช้าๆ “เจ้าคิดว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสืออีเหนียงหรือไม่” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ป้าตู้พลันขนลุกขนชัน
“ฮูหยินสี่เป็นคนฉลาดเจ้าค่ะ” นางพูด “นางไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนี้!”
บอกแค่นางฉลาด แต่ไม่ได้บอกว่านางซื่อสัตย์
ไท่ฮูหยินหันหน้าไปมองสวีซื่อจุน
“เด็กคนนี้ ช่างวาสนาน้อยเสียจริง” พูดด้วยความเอ็นดู
ป้าตู้เดาไม่ออกว่าไท่ฮูหยินหมายถึงอะไร นางจึงเกลี้ยกล่อมเบาๆ “คุณชายน้อยสี่มีไท่ฮูหยิน เขาจะวาสนาน้อยได้เช่นไรกัน ท่านไม่ต้องคิดมาก นักพรตฉังชุนบอกว่า คุณชายน้อยสี่ต้องเจอกับหายนะสามครั้ง ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด คุณชายน้อยสี่ผ่านเรื่องนี้ไปได้ ต่อไปก็คงดีขึ้นเจ้าค่ะ…”
ไท่ฮูหยินไม่ค่อยฟังที่ป้าตู้พูด ไม่รอให้นางพูดจบ ไท่ฮูหยินก็พูดว่า “หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสืออีเหนียงจริงๆ ข้าจะทำเป็นไม่เห็น หรือว่า…ยื่นมือเข้าไปจัดการดี”
แต่ไหนแต่ไรมาไท่ฮูหยินนั้นเป็นคนโชคดีเสมอ เดิมทีนางจึงเป็นคนอารมณ์ร้อน ต่อมาเพราะว่าคุณชายสองป่วยเสียชีวิตไป ท่านโหวผู้เฒ่าก็เสียชีวิตตาม ยามนี้ท่านโหวอยู่ที่นี่…มีเรื่องเกิดขึ้นตั้งมากมาย ไท่ฮูหยินจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์ได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็คือนิสัยตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้น ตอนนั้นนางคงจะไม่พยายามตามหาท่านหมอและยากับหยวนเหนียงอย่างสุดชีวิต ขอร้องให้ได้คุณชายน้อยสี่มาเช่นนี้ จะว่าไปแล้ว เพราะว่าไท่ฮูหยินไม่ยอมแพ้ ไม่เชื่อว่าตัวเองจะไม่มีหลานจากภรรยาเอก ตอนนี้นางอายุมากแล้ว แล้วยังเป็นผู้อาวุโสที่สุดในจวน นิสัยนี้จึงกลับมา คนอื่นมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของไท่ฮูหยิน แต่ป้าตู้กลับเห็นอย่างชัดเจน
หากไท่ฮูหยินตัดสินใจที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้จริงๆ นางคงให้ตัวเองไปถามตั้งนานแล้ว คงไม่ลังเลเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านางกลัวว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับสืออีเหนียง คิดอยากจะประนีประนอม แต่เมื่อนึกถึงสวีซื่อจุนที่เสียแม่แท้ๆ ของตัวเองไปตั้งแต่เด็ก นางก็รู้สึกละอายใจ จึงตัดสินใจไม่ได้
หากไท่ฮูหยินตัดสินใจได้ก็คงดี แต่หากนางตัดสินใจไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ป้าตู้ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
“น่าจะไม่นะเจ้าคะ!” นางพูดอย่างคลุมเครือ “ท่านโหวและคุณชายห้าไปค้นดูแล้ว พรุ่งนี้เช้าก็คงจะได้ข่าวเจ้าค่ะ”
แท้จริงแล้วไท่ฮูหยินไม่ได้ต้องการคำตอบจากป้าตู้ ยื่นมือเข้าไปจัดการหรือไม่นั้นเป็นการตัดสินใจที่ลำบาก นางแค่อยากจะเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองก็แค่นั้น
“ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับนางหรือไม่” นางพูดเบาๆ “แค่ท่าทีที่หนักแน่นของนาง ก็เพียงพอที่จะเห็นแล้ว… ข้าแก่แล้ว อี๋เจินก็เป็นแค่พี่สะใภ้…ไม่มีหลักฐาน มันก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ง่าย…” พอพูดจบก็หันไปมองสวีซื่อจุนที่กำลังหลับสนิทอีกครั้ง “แต่เด็กคนนี้จะทำเช่นไร… หรือจะปล่อยให้เขาดูแลตัวเองอย่างนั้นหรือ…” พูดถึงตรงนี้ นางก็ร้องไห้ “ชีวิตกำหนดไว้แล้วคงฝืนไม่ได้ เรื่องนี้เดิมทีมันคือความผิดของข้า…”
*****
มีเรื่องอยู่ในใจ สืออีเหนียงนอนไม่ค่อยหลับ
งีบหลับเพียงสองชั่วยาม นางก็ตื่นขึ้นมา
หันไปเห็นหู่พั่วนั่งอยู่บนขอบตั่งนั่งอย่างเหม่อลอย
“ตอนนี้กี่ยามแล้ว” สืออีเหนียงถามเบาๆ
หู่พั่วตกใจ นางตั้งสติแล้วมองไปที่นาฬิกาไขลาน “เพิ่งจะยามโฉ่วสามเค่อเจ้าค่ะ” จากนั้นก็หันไปรินน้ำอุ่นให้สืออีเหนียง
สืออีเหนียงดื่มน้ำ แล้วก็ถามนางอย่างเกียจคร้าน “มีข่าวอะไรหรือไม่”
หู่พั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ “ได้ยินอวี้ป่านบอกว่า คุณชายหาเจอหน้ากากที่เรือนหลังของเยี่ยนหรงเจ้าค่ะ”
สีหน้าของสืออีเหนียงเคร่งขรึม นางลุกขึ้นนั่ง “ท่านโหวว่าเช่นไรบ้าง”
“ท่านโหว” หู่พั่วพูดติดๆ ขัดๆ “ท่านโหวบอกให้ค้นต่อเจ้าค่ะ!”
สืออีเหนียงตกใจ ผ่านไปไม่นาน นางก็เอนตัวพิงตั่งนั่งเหม่ยเหรินเบาๆ แต่สายตากลับมีรอยยิ้มที่แผ่วเบา
หู่พั่วเห็นเช่นนี้ก็แปลกใจ
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฮูหยินไม่รีบคิดหาทางออก แต่กลับทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สืออีเหนียงบอกนาง “ไปดูว่ามีอะไรทานหรือไม่ ข้าหิวแล้ว”
หู่พั่วตกใจ
สืออีเหนียงพูดว่า “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง!” นางหัวเราะ “เร็วเข้า!” นางดูร่าเริงไม่น้อย ไม่มีท่าทีเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย
หู่พั่วบอกให้สาวใช้ข้างนอกไปถามด้วยความสับสน สาวใช้คนนั้นก็ไม่กล้ารอช้า นางรีบไปรายงานป้าตู้
ป้าตู้พูด “หิวแล้ว?”
เรื่องที่เจอหน้ากากที่ห้องของเยี่ยนหรง ป้าตู้เป็นคนจงใจทำให้สืออีเหนียงรู้ตามคำสั่งของไท่ฮูหยิน
นางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินพยักหน้าเบาๆ นางเหลือบมองสวีซื่อจุนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ดูว่านางอยากทานอะไร ให้โรงครัวเล็กทำให้นาง!”
ป้าตู้ตอบรับแล้วเดินออกไปรายงานสืออีเหนียง
“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น” สืออีเหนียงยิ้ม “ดูว่าโรงครัวเล็กเตรียมอะไรไว้ให้ไท่ฮูหยิน นำมารองท้องก็พอแล้ว” จากนั้นก็ถามว่า “ไท่ฮูหยินพักผ่อนแล้วหรือยัง จุนเกอเป็นเช่นไรบ้าง”
“คุณชายน้อยสี่ทานยาหลับไปแล้วเจ้าค่ะ” ป้าตู้นึกถึงคำพูดของไท่ฮูหยินก็ยกยิ้ม “ไท่ฮูหยินเองก็นอนหลับอยู่ข้างกายคุณชายน้อยสี่เจ้าค่ะ” แล้วก็คิดว่าทำอาหารใหม่ตอนนี้ต้องคงใช้เวลาหน่อย วันนี้โรงครัวเล็กเตรียมน้ำแกงโสมไก่ดำและขนมซานเย่าไว้ให้ไท่ฮูหยิน ล้วนแต่เป็นอาหารบำรุงร่างกายและย่อยง่าย จึงบอกให้สาวใช้ไปยกเข้ามา
สืออีเหนียงเดินไปนั่งบนเตียงเตาข้างหน้าต่าง กำลังทานน้ำแกงไก่ไปสองสามคำ ก็มีเสียงดังออกมาจากข้างนอก
หู่พั่วกำลังจะออกไปดู สวีลิ่งอี๋ก็เปิดม่านเข้ามา
พวกเขาเจอหน้ากันก็ตกใจ
คนหนึ่งคิดว่า ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็คงจะต้องใช้เวลาในค้นหานานหน่อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้ อีกคนหนึ่งคิดว่า ตอนที่ตัวเองออกมานางอยู่ที่ห้องปีกทางทิศตะวันออกคนเดียว ถึงแม้ว่าท่านหมอหลิวบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่เขาก็ไม่วางใจ เขาคิดไม่ถึงว่านางจะมานั่งทานอาหารบนเตียงเตาราวกับไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น
“ท่านโหวหิวหรือไม่เจ้าคะ” สืออีเหนียงได้สติขึ้นมาก่อน “ท่านจะทานหรือไม่ นอนดึกควรจะดื่มน้ำแกงไก่ดีที่สุด!”
“อ๋อ!” สวีลิ่งอี๋กลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว “เจ้าทานเถิด! ข้าไม่หิว!” พูดจบ เขาก็มองไปที่ท้องของนาง
สืออีเหนียงรีบพูดว่า “ท่านโหวไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ท่านหมอหลิวบอกว่าไม่เป็นอะไร ข้าก็รู้สึกสบายดี” จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ตอนที่เขาออกไปให้เขาฟัง
เมื่อสวีลิ่งอี๋ได้ยินว่านางงีบหลับไป สายตาของเขาก็มีรอยยิ้ม เดินเข้าไปนั่งบนเตียงเตาตรงข้ามนาง “เช่นนั้นก็ดี!”
นั่งใกล้กัน สืออีเหนียงสังเกตเห็นว่ามีเหงื่ออยู่ที่ปลายผมของเขา นางบอกหู่พั่ว “ตักน้ำอุ่นมาให้ท่านโหวล้างหน้าเถิด!”
หู่พั่วตอบรับแล้วเดินออกไป
สืออีเหนียงเห็นว่าสวีลิ่งอี๋ไม่ได้คัดค้าน จึงรู้ว่าเขาคงจะไม่มานั่งประเดี๋ยวแล้วออกไป เมื่อสาวใช้ยกชาเข้ามา นางก็ถามสวีลิ่งอี๋ “ท่านโหวเจอจุนเกอแล้วหรือยังเจ้าคะ”
“เจอแล้ว!” สวีลิ่งอี๋จิบชา จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “ข้าคิดว่าพรุ่งนี้ตื่นแล้วถึงจะรู้ว่าเป็นเช่นไรบ่าง!”
หมายความว่า สถานการณ์ของสวีซื่อจุนไม่ชัดเจน
สืออีเหนียงนิ่งเงียบ
หู่พั่วตักน้ำเข้ามา
สวีลิ่งอี๋เช็ดหน้าแล้วนั่งลงอีกครั้ง เห็นว่าตะเกียบของสืออีเหนียงวางอยู่ข้างๆ เขาจึงชี้ไปที่ขนมซานเย่าที่ทำเป็นลายดอกไห่ถังที่ขาวราวกับหิมะ “รีบท่านเถิด! ประเดี๋ยวมันจะเย็น”