ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 268 คาดการณ์(ต้น)
เมื่อสืออีเหนียงได้ข่าวแล้วก็ได้ให้คนใช้ไปเรียนเรื่องนี้กับสวีลิ่งอี๋ จากนั้นนางก็ไปยังเรือนของเฉียวเหลียนฝัง
“ข้าไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี” สืออีเหนียงขอคำชี้แนะกับป้ารับใช้ทั้งสอง “พวกท่านว่าควรทำอย่างไรดี”
สีหน้าของป้ารับใช้ทั้งสองไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก ป้าเถียนไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนป้าวั่นก็ได้ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “จะว่าไปแล้ว ตอนที่ไท่ฮูหยินให้กำเนิดคุณชายห้า ก็เป็นพวกบ่าวเองที่เป็นคนดูแล แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเหมือนเช่นเฉียวอี๋เหนียงที่ทานอะไรไม่ลงเลย อย่างไรเสียพวกบ่าวก็เป็นสตรีของเรือนชั้นใน ประสบการณ์ไม่มาก หรือว่าฮูหยินจะเชิญหมอหลวงมาดูอาการเสียหน่อย พวกบ่าวเองก็จะได้เรียนรู้เพื่อเก็บไปเป็นประสบการณ์ด้วยเจ้าค่ะ”
คำพูดเหมือนมีนัยแอบแฝง พลอยทำให้คนที่ฟังครุ่นคิดไปไกล
สืออีเหนียงไม่อยากโต้แย้งอะไรมาก จึงพูดไปว่า “เอาตามที่ท่านป้าทั้งสองพูดมาก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนไปเชิญหมอหลวงมาเลย” จากนั้นก็ได้หันไปสั่งกับลี่ว์อวิ๋นนำป้ายคู่ให้พ่อบ้านไป๋ไปเชิญหมอหลวงมา จากนั้นก็เข้าไปดูเฉียวเหลียนฝังพร้อมกับหู่พั่ว
นางนอนป่วยไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีด ดวงตาที่กลมโตไร้ซึ่งชีวิตชีวา ร่างกายซูบผอมและซีดเซียว
เมื่อเห็นสืออีเหนียงเดินเข้ามา นางก็พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นด้วยความอ่อนแรง “ฮูหยิน ท่านมาแล้วหรือ!”
ซิ่วหยวนรีบเข้าไปช่วยประคองเฉียวเหลียนฝัง
“เฉียวอี๋เหนียงไม่ต้องมากพิธี” สืออีเหนียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจ “ร่างกายของเจ้าไม่ค่อยดี รีบนอนพักผ่อนเถิด!”
เฉียวเหลียนฝังพูดคุยอยู่ครู่หนึ่ง นางยังคงยืนยันที่จะลุกขึ้นนั่ง
สืออีเหนียงก็ได้ถามไถ่ถึงอาการป่วยของนาง
“…ราวกับโดนบีบคอไว้อย่างไรอย่างนั้น กลืนอะไรไม่ลงเลยเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงปลอบใจนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดถึงเรื่องที่ตนได้เชิญหมอหลวงมาดูอาการของนาง กำชับนางให้พักผ่อนดีๆ แล้วจึงค่อยลุกขึ้นกลับไปยังเรือนของตน
หลินปัวกำลังรอนางอยู่ที่เรือน
เมื่อเห็นนางเดินเข้ามา เขาก็รีบสาวเท้าเข้าไปรับ “ฮูหยิน ท่านโหวให้ท่านเชิญหมอหลวงมาดูอาการของเฉียวอี๋เหนียง ตรวจดูให้แน่ชัดว่านางป่วยเป็นอะไร หากหมอหลวงตรวจหาอาการป่วยไม่ได้ ก็ให้ไปเชิญหมอหลวงท่านใหม่มาตรวจแทน เชิญมาตรวจจนกว่าจะพบอาการป่วยของนาง ตรวจให้แน่ชัดว่าเป็นเพราะวิชาแพทย์ของหมอหลวงนั้นแย่ หรือที่ตรวจไม่พบเพราะอาการป่วยของเฉียวอี๋เหนียงไม่เหมือนกับคนอื่นกันแน่ขอรับ” แม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดที่ฝากมาพูด แต่มีความเกี่ยวเนื่องกับเรือนชั้นในด้วย เมื่อเขาพูดจนมาถึงท้ายประโยค น้ำเสียงก็คลุมเครือไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
สืออีเหนียงพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เจ้ากลับไปบอกท่านโหวสักคำว่าข้าได้ถามความเห็นจากป้ารับใช้ทั้งสองแล้ว ป้ารับใช้ทั้งสองเห็นด้วยที่จะเชิญหมอหลวงมาตรวจดูอาการของเฉียวอี๋เหนียง ลี่ว์อวิ๋นได้นำป้ายคู่ของข้าไปที่พ่อบ้านไป๋แล้ว หมอหลวงคงจะมาถึงเร็วๆ นี้ ท่านโหวไม่ต้องกังวลใจไป”
เมื่อหลินปัวได้ยินประโยคหลังสุด มุมปากของเขาก็เม้มตรง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโค้งตัวทำความเคารพแล้วถอยออกไป
ตกบ่าย หมอหลวงอู๋ก็เดินทางมาถึง
ชายหญิงแบ่งแยก สืออีเหนียงให้ป้ารับใช้ทั้งสองอยู่คอยปรนนิบัติรับใช้
เวลาผ่านไปราวสองเค่อ ป้าเถียนก็กลับมา “หมอหลวงอู๋บอกว่าอี๋เหนียงไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ร่างกายจึงค่อนข้างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง บวกกับร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์ในระยะสามเดือนแรก ก็เลยมีอาการเบื่ออาหาร จึงได้สั่งยาอิ๋นเชี่ยวซั่น[1]ไปทานจำนวนหนึ่งเจ้าค่ะ” จากนั้นก็ยื่นใบสั่งยาให้กับหู่พั่วที่ยืนอยู่ข้างๆ
สืออีเหนียงรับใบสั่งยาจากหู่พั่วมาดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปหารือกับป้าเถียนว่า “อย่างไรเสียก็เป็นหญิงตั้งครรภ์ เรื่องการใช้ยา ข้าว่าบอกท่านโหวสักคำจะดีกว่า”
ป้าเถียนพยักหน้าเล็กน้อย “ยังเป็นฮูหยินที่คิดรอบคอบ” จากนั้นนางก็ได้ถามไถ่สืออีเหนียงขึ้นมา “…หลายวันมานี้มีเรื่องมากมาย ท่านเองก็ต้องดูแลสุขภาพด้วย หลายวันก่อนบ่าวเห็นท่านผอมลงไปไม่น้อย เชิญหมอหลวงมาดูอาการเสียหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ”
ครอบครัวของคุณชายสามจะเดินทางแล้ว ฮูหยินสามพาไปแค่ครอบครัวของกานเหล่าเฉวียน ป้ากานและสาวใช้คนสนิทติดตามไปปรนนิบัติเพียงไม่กี่คน แม้แต่อี้อี๋เหนียงก็ไม่ได้พาไปด้วย คนที่ไม่ได้ติดตามไปด้วยก็เกิดรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาในใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนคอยจับจ้องตำแหน่งของกานเหล่าเฉวียนอีกด้วย
ที่ที่นางอยู่นั้น ประตูบ้านไม่ได้ต่างอะไรจากตลาด ผู้คนเข้าออกเยอะแยะมากมาย และมักจะมีคนคอยรายงานเรื่องนี้ให้สืออีเหนียงอยู่เสมอ พูดไปพูดมา ก็เริ่มพูดว่าตัวเองนั้นมีความสามารถแค่ไหน จนไปถึงเรื่องความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี จากนั้นก็ได้พูดถึงความกระเหี้ยนกระหือรือของหว่านเซียงและคนอื่นๆ คอยพูดเป็นระยะๆ ว่าตนนั้นจะกลับไปรับตำแหน่งหน้าที่อีกครั้ง พลอยทำให้เหล่าคนรับใช้หวาดวิตกไปตามๆ กัน
หลายวันมานี้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางกำลังและจิตใจของสืออีเหนียงล้วนแล้วแต่ต้องนำมาใช้รักษาสมดุลของความสัมพันธ์ทั้งนั้น
ยังดีที่ต้นปีนี้ไม่เหมือนกับโลกที่นางเคยอยู่และเคยเจอ เถ้าแก่ไล่ลูกน้องออก ลูกน้องลาออกและทอดทิ้งเถ้าแก่ ทุกคนมีทางเลือกมากมาย ยุคสมัยนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับ ‘ความจงรักภักดี’ ผู้ที่ถูกบ้านสกุลสวีขับไล่ได้นั้น ก็จะถูกผู้คนสงสัยในคุณลักษณะ เป็นการยากที่ตระกูลอื่นจะรับเข้าทำงาน โบกไม้ใหญ่ขนาดนี้ คงจะล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าอย่างแน่นอน
ไม่ได้ ‘ลำบากยากเข็ญ’ เหมือนที่ป้าเถียนได้กล่าวไว้
“ขอบคุณท่านป้าที่เป็นห่วง” สืออีเหนียงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังสบายดี ขาดก็แต่เวลานอนหลับเท่านั้น”
ป้าเถียนได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมาทันที “ตอนที่ไท่ฮูหยินอายุยังน้อย ก็มักจะชอบพูดว่า ‘เรื่องมากมาย เวลาน้อย ไม่มีเวลานอนหลับ’ อยู่เสมอ” จากนั้นนางก็พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “อย่างไรเสียฮูหยินก็ควรจะระวังไว้หน่อย อายุยังน้อยอาจจะทนไหว แต่พออายุมากแล้ว ก็จะลำบากเพราะเรื่องเหล่านี้เอาได้เจ้าค่ะ…”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ จนสวีลิ่งอี๋กลับมาถึง
ป้าเถียนย่อตัวทำความเคารพ นางไม่ได้ถอยออกไปในทันที แต่กลับแจ้งเรื่องอาการป่วยของเฉียวเหลียนฝังก่อนสืออีเหนียงแทน “…ใบสั่งยาบ่าวได้ให้ฮูหยินดูแล้ว ฮูหยินบอกว่าตอนนี้เฉียวอี๋เหนียงไม่ใช่ตัวคนเดียวแต่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ยาตำรับนี้ควรใช้หรือไม่ ยังต้องขอให้ท่านโหวเป็นคนตัดสินใจเจ้าค่ะ”
สวีลิ่งอี๋รับใบสั่งยามาดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็หัวเราะเยาะออกมาเบาๆ จากนั้นก็หันไปพูดกับสืออีเหนียงว่า “ไปเชิญหมอหลวงคนใหม่มาตรวจดูอาการของนาง ตรวจดูว่านอกจากอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงในฤดูใบไม้ผลิกับอาการเบื่ออาหารแล้ว ยังมีโรคอะไรอีก เวลารักษาโรคนี้หายดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมีโรคใหม่โผล่ขึ้นมาอีก!”
“ท่านโหว!” สืออีเหนียงพูดปรามสวีลิ่งอี๋ต่อหน้าป้าเถียน เพื่อที่จะได้ไม่ให้เขาโวยวายจนเป็นเรื่องเป็นราวไม่หยุดหย่อน “ท่านก็ช่วยดูใบสั่งยาตำรับนี้เสียหน่อยว่าใช้ได้หรือไม่ ข้าจะได้ให้คนไปเตรียมหายามา”
สวีลิ่งอี๋สบถ “หึ!” ออกมา จากนั้นก็หมุนตัวตรงไปยังห้องชำระทันที
สืออีเหนียงให้ลี่ว์อวิ๋นไปหาซื้อยา และได้พูดกับป้าเถียนว่า “คุณชายสามกำลังจะเดินทางแล้ว ท่านโหวเองก็งานล้นมือ คงจะเป็นเพราะเหนื่อยงาน ป้าเถียนอย่าเก็บมาใส่ใจ”
ป้าเถียนรีบพูดถ่อมตนทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับขอตัวและถอยออกไป
เมื่อออกจากเรือนหลักมาแล้ว ก็ตรงไปหาไท่ฮูหยินทันที
“สั่งจ่ายยาอิ๋นเชี่ยวซั่นหรือ” ไท่ฮูหยินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ ป้าตู้กำลังช่วยนวดไหล่อยู่
“เจ้าค่ะ!” ป้าเถียนขานรับด้วยความนอบน้อม จากนั้นก็ย่อตัวลงไปช่วยไท่ฮูหยินนวดน่องด้วยความคล่องแคล่วและชำนาญ “ฮูหยินสี่ไม่กล้าตัดสินใจเอง จึงให้ท่านโหวเป็นคนตัดสินใจแทน ท่านโหวโมโหฉุนเฉียวขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ถูกฮูหยินสี่ปรามไว้ จากนั้นก็ได้กลับเรือนไปเจ้าค่ะ…”
“เช่นนั้นหรือ!” ไท่ฮูหยินได้ยินแล้วก็เกิดสนใจขึ้นมา “เจ้าลองเล่ามา ตอนนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร เจ้าหนูสี่โมโหหรือไม่”
ป้าตู้อดไม่ได้ที่จะเม้มปากยิ้มขึ้น “เรื่องภายในเรือนของบุตรชาย ท่านกังวลใจไปทำไมเล่าเจ้าคะ!”
ในตอนแรกเป็นเพียงคำพูดเชิงหยอกล้อ แต่กลับทำให้สีหน้าของไท่ฮูหยินหมองหม่นไปทันควัน “ในเหล่าบรรดาบุตรชายของข้า คนที่ข้าทำผิดต่อเขามากที่สุดก็คือเจ้าหนูสี่…”
เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องราวของอดีตที่ผ่านมา ป้ารับใช้ทั้งสองก็รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที จากนั้นก็ได้พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม “สุขทุกข์เป็นสิ่งไม่เที่ยง มีทุกข์ได้ก็มีสุขได้ มีสุขได้ก็มีทุกข์ได้เช่นกัน ไม่มีเรื่องราวในอดีต ไหนเลยจะมีปัจจุบันเจ้าคะ!”
เมื่อไท่ฮูหยินได้ยินแล้ว สีหน้าก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ป้าเถียนฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า “ฮูหยินสี่ได้พูดไว้ประโยคหนึ่ง…” คำพูดประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของไท่ฮูหยินออกจากอารมณ์ความรู้สึกเมื่อครู่นี้
*****
ทางฝั่งสืออีเหนียงก็ได้กำชับลี่ว์อวิ๋นอย่างละเอียด “เจ้าเป็นคนนำใบสั่งยาออกไปและเป็นคนนำยาเข้ามา เจ้าจะต้องตรวจทานอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วจึงค่อยส่งมอบให้กับป้ารับใช้ทั้งสอง”
ยังดีที่ยาอิ๋นเชี่ยวซั่นเป็นชาฤทธิ์เย็นที่ใช้ดื่มเพื่อขับร้อนและชะล้างสารพิษในร่างกายที่ใช้กันทั่วไป มักใช้ดื่มในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จึงค่อนข้างคุ้นเคยส่วนประกอบของยาเป็นอย่างดี
ลี่ว์อวิ๋นพยักหน้า “ฮูหยินวางใจได้ บ่าวจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ผ่านมือผู้อื่นเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงได้ยินแล้วก็พยักหน้าเบาๆ
หู่พั่วอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นว่า “ขอเฉียวอี๋เหนียงรีบๆ คลอดบุตรเถิด! นางเป็นเช่นนี้ ไม่ได้ทรมานตัวนางเอง แต่กำลังทรมานพวกเราต่างหาก”
สืออีเหนียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดมาก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
นึกไม่ถึงว่าวันรุ่งขึ้นนายหญิงสามสกุลเฉียวก็มาเยี่ยมเยียน
สืออีเหนียงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
นี่มันประจวบเหมาะหรือบังเอิญกันแน่
สืออีเหนียงเชิญนายหญิงสามสกุลเฉียวไปคุยกันที่ห้องโถง นางได้พูดถึงเรื่องที่สวีลิ่งอี๋กักบริเวณเฉียวเหลียนฝังออกไปตรงๆ โดยที่ไม่อ้อมค้อม ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถามถึงจุดประสงค์การมาของนายหญิงสามสกุลเฉียวเลยแม้แต่น้อย “…ไม่สะดวกให้ท่านเข้าเยี่ยมเฉียวอี๋เหนียงจริงๆ ข้าว่ารอท่านโหวคลายความโกรธลงก่อนดีหรือไม่ ตัวเฉียวอี๋เหนียงเองก็จะได้ไม่ต้องพลอยโดนหางเลขไปด้วย”
นายหญิงสามสกุลเฉียวได้ยินแล้วก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด นางพูดคุยอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงขอตัวลากลับโดยที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อย
สืออีเหนียงก็ได้เรียกหู่พั่วมา “เจ้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง ดูว่าเราผิดพลาดหรือมีช่องโหว่ตรงไหนหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าการมาของนายหญิงสามสกุลเฉียวมีลับลมคมในอย่างบอกไม่ถูก หากเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นในไม่ช้าก็เร็วนี้อย่างแน่นอน”
หู่พั่วพยักหน้า จากนั้นก็ไปตั้งใจตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ราวสองวัน แต่กลับไม่ได้อะไรมาเลย
สืออีเหนียงก็นึกถึงหมอหลวงอู๋ขึ้นมา…หากจะตรวจสอบเรื่องนี้ ก็จะมีความเกี่ยวเนื่องไปถึงป้ารับใช้ทั้งสอง จึงทำได้แค่สั่งกับหู่พั่วว่า “เราทำได้แค่ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ให้สิ่งของที่อยู่ภายนอกถูกส่งเข้ามาภายในได้”
หู่พั่วขานรับ
สวีซื่ออวี้ก็มาถึงพอดี
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาโดนกักบริเวณมาโดยตลอด แต่เพราะวันพรุ่งนี้ครอบครัวของคุณชายสามจะออกเดินทางแล้ว การเดินทางครั้งนี้ยาวไกลนับพันลี้ ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกครั้งตอนไหน สืออีเหนียงจึงตั้งใจจะให้เวลาสวีซื่ออวี้หนึ่งวันเพื่อใช้อำลาสวีซื่อฉินและสวีซื่อเจี่ยน ดังนั้นจึงได้ให้สาวใช้ไปตามตัวเขามา
สวีซื่ออวี้รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
สืออีเหนียงพูดออกมาตรงๆ ว่า “พวกเจ้าเติบโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ข้ากักตัวเจ้าไว้ ก็เพราะกลัวว่าพวกเจ้าจะรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนนาง พากันไปหานางใหม่ พลอยเกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีก”
“ไม่แล้วขอรับ!” สวีซื่ออวี้ก้มหน้าลงต่ำ “วันข้างหน้าพวกข้าจะไม่ทำเรื่องบุ่มบ่ามเช่นนี้อีกแล้วขอรับ”
สืออีเหนียงไม่เชื่อในคำสัญญาของเขา ดังนั้นจึงได้หันไปจ้องมองเหวินจู๋อยู่ครู่หนึ่ง
เหวินจู๋ตกใจจนตัวสั่นเทาไปหมด รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ฮูหยิน บ่าวจะติดตามคุณชายน้อยสองตามที่ท่านได้สั่งไว้ไม่ให้คลาดสายตาเลยเจ้าค่ะ”
สวีซื่ออวี้ได้ยินแล้วก็เงียบไป
สืออีเหนียงยกชาขึ้นมาดื่ม
สวีซื่ออวี้ก็ได้ถอยออกจากห้องไป
จากนั้นก็มีสาวใช้น้อยเข้ามาเรียนว่า “ฮูหยินสาม เฉียวฮูหยินจวนเฉิงกั๋วกงและถังฮูหยินจวนจงซานโหวมาเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจเป็นอย่างมาก สังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
หลังจากที่นายหญิงเฉียวถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยมแล้ว เฉียวฮูหยินก็ปรากฏตัวขึ้นทันที อีกทั้งยังมาพร้อมกับถังฮูหยินด้วย…
นางจึงรีบเรียกหู่พั่วเข้ามา “เจ้ารีบไปเรียนท่านโหว เฉียวฮูหยินและถังฮูหยินล้วนเป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น หากข้าถูกพวกนางพูดข่มขึ้นมา…ถึงเวลานั้นเกรงว่าข้าจะขวางไว้ไม่อยู่”
หู่พั่วใช้ทางลัดตรงไปยังเรือนนอกทันที
สืออีเหนียงเองก็ได้ออกไปต้อนรับแขก
ฮูหยินสามอยู่คุยเป็นเพื่อนฮูหยินทั้งสองด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
พอเฉียวฮูหยินเห็นสืออีเหนียง ก็รีบตรงเข้ามาจูงมือของนางด้วยความสนิทสนม “พรุ่งนี้ฮูหยินสามจะเดินทางแล้ว พวกข้าก็เลยจะมาส่ง จึงถือโอกาสนี้มาเยี่ยมเจ้าด้วย”
ถังฮูหยินยังคงดำรงไว้ซึ่งความหนักแน่นของความเป็นผู้อาวุโส นางยิ้มขึ้นบางๆ พลางพยักหน้าเล็กน้อยให้กับสืออีเหนียง
สืออีเหนียงจึงเชื้อเชิญฮูหยินทั้งสามเข้าไปนั่งในเรือน
รอสาวใช้ยกน้ำชามาให้เรียบร้อยแล้ว เฉียวฮูหยินก็มองซ้ายมองขวาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่เห็นเหลียนฝังเลย นางไม่ได้อยู่ปรนนิบัติเจ้าหรอกหรือ”
สืออีเหนียงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เฉียวอี๋เหนียงกำลังตั้งครรภ์ จะให้อยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้าได้อย่างไรกัน…”
เมื่อพูดจบ สีหน้าของเฉียวฮูหยินก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ “นางตั้งครรภ์หรือ เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องเลย” จากนั้นนางก็ได้ลุกขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี ข้าควรต้องไปดูเสียหน่อยถึงจะถูก!”
ถังฮูหยินได้ยินแล้วก็จ้องมองเฉียวฮูหยินด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก นางพูดขึ้นว่า “ข้าเดินจนเหนื่อยแล้ว ดื่มชาสักถ้วยก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
คนเราต้องรู้จักไว้หน้าคนอื่นเสมอ
สืออีเหนียงก็ได้พาเฉียวฮูหยินออกจากห้องโถงไป จากนั้นก็ได้เล่าเรื่องที่เฉียวอี๋เหนียงถูกกักบริเวณให้เฉียวฮูหยินฟัง
เฉียวฮูหยินได้ยินแล้วก็ตกใจเป็นอย่างมาก สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสับสน
สืออีเหนียงมองเห็นอย่างชัดเจน แต่ก็ยังไว้หน้าและให้เกียรตินาง “ท่านเดินทางมาทั้งวัน คงจะเหนื่อยไม่ใช่น้อย นั่งพักดื่มชาเสียหน่อยดีหรือไม่”
เฉียวฮูหยินยังคงค่อนข้างลังเลใจ
แต่แล้วบ่าวรับใช้ก็ได้เข้ามาในเวลานี้พอดี “ฮูหยิน ท่านโหวบอกว่าหากเฉียวฮูหยินต้องการที่จะไปเยี่ยมเฉียวอี๋เหนียงก็ให้พาไปขอรับ!”
เฉียวฮูหยินได้ยินแล้วสีหน้าก็ดูผ่อนคลายลง นางเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางพูดกับสืออีเหนียงด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อถูกท่านโหวกักบริเวณ ข้าก็ถือโอกาสนี้ไปสั่งสอนนางสักหน่อย ให้นางได้รู้และเข้าใจถึงหลักสัจธรรมของการเป็นอนุภรรยา”
สืออีเหนียงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเกรงใจคนจำพวกนี้ นางจึงให้สาวใช้น้อยนำทางเฉียวฮูหยินไปยังเรือนของเฉียวเหลียนฝัง ส่วนตนก็ไปดื่มชาอยู่คุยเป็นเพื่อนถังฮูหยินที่ห้องโถงแทน
ตกกลางคืน เมื่อสวีลิ่งอี๋กลับมาถึง สืออีเหนียงก็อดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นว่า “เป็นเพราะคำพูดประโยคนั้นของท่านโหวแท้ๆ เลยเจ้าค่ะ…ข้าคิดว่าเฉียวฮูหยินไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากับเฉียวอี๋เหนียงเสียด้วยซ้ำ”
เมื่อสวีลิ่งอี๋ได้ยินแล้ว เส้นเอ็นบนขมับของเขาก็ปูดนูนขึ้นมาทันที “ปล่อยให้นางได้เจอกันเถิด ข้าจะคอยดูว่านางจะมีแผนอะไรอีก”
วันที่สามหลังจากที่ครอบครัวของคุณชายสามได้ออกเดินทางแล้ว เฉียวเหลียนฝังก็ได้แท้งบุตรไป
—————————
[1]ยาอิ๋นเชี่ยวซั่น เป็นยาฤทธิ์เย็น ขับพิษ ขับไข้ ขับร้อน บรรเทาอาการขบเมื่อยตามร่างกาย