ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 250 วุ่นวาย(ต้น)
เมื่อหู่พั่วเข้าไปแล้ว ปินจวี๋และป้าเถาก็ลากกันเข้ามาข้างใน
“ฮูหยิน พี่ตงชิง…” นางรีบพูดออกมา เงยหน้าขึ้นเห็นสืออีเหนียง นางก็น้ำตาคลอเบ้า
สืออีเหนียงยืนอยู่ข้างเตียงเตาข้างหน้าต่าง ยืนหลังตรงแล้วยิ้มอย่างแผ่วเบา ได้ยินเสียงพวกนาง นางก็ลืมตาขึ้นมองไป ดวงตาที่สดใสและอ่อนโยนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ปินจวี๋รู้สึกเสียใจ
ตอนเด็กที่ตัวเองมักจะบีบจมูกทานยา ฮูหยินก็จะกะพริบตาเอ่ยปลอบนางว่า ‘ไม่เป็นไร มีลูกกวาดทานทุกครั้งไม่ใช่หรือ’ ย้ายไปที่หอลู่จวิน สือเหนียงเอะอะโวยวายอยู่ข้างบนจนไม่ได้สงบสุข นางก็มักจะดึงกระโปรงของตนแล้วบอกว่า ‘ไม่เป็นไร สิ่งที่นางมีเราก็มี แต่สิ่งที่เรามีนางไม่มี หรือว่าเจ้ายังไม่อนุญาตให้นางอารมณ์เสีย’ ต่อมาป้าเหยาบังคับให้ตงชิงแต่งงานกับหลานชายของตัวเอง ฮูหยินยืมมือนายหญิงใหญ่ปฏิเสธนางทำให้ป้าเหยาไม่พอใจ พวกนางกลัวว่าป้าเหยาจะแก้แค้น แต่นางกลับยิ้มให้พวกนาง ‘พวกเจ้าไม่ต้องหวาดกลัว หากนางมีแผนชั่วร้าย ข้าก็มีกลยุทธ์ทำลายแผนของนาง’…ท่ามกลางความลำบากเช่นนั้น สายตาของนางยังคงสดใส คำพูดของนางยังคงร่าเริง แต่ตอนนี้…ตนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ตงชิง เห็นนางคุกเข่าลงที่เท้าของสืออีเหนียงกำลังมองมาที่ตนด้วยความตกใจ
การปรากฏตัวของตน แค่ทำให้ตงชิงตกใจเท่านั้น…
นางมองตงชิงด้วยความตกใจ จิตใจสับสน ทั้งเสียใจและโมโห ความโมโหที่อยู่เต็มอกไม่มีที่ระบายจึงจับเสื้อของป้าเถาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองไปที่ป้าเถาด้วยสายตาที่โมโห “ฮูหยิน นางเจ้าค่ะ นางพูดจาเหลวไหล พี่ตงชิงถึงได้…”
ป้าเถาหัวเราะแห้งในใจ แต่ใบหน้ากลับมองไปที่ปินจวี๋ด้วยสีหน้าที่โมโห นางเดินเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าสืออีเหนียง “ฮูหยิน ท่านต้องช่วยบ่าวนะเจ้าคะ” พูดจบก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตา “บ่าวเคารพแม่นางปินจวี๋เพราะว่านางเป็นสาวใช้ของท่าน” นางแค่พูดถึงปินจวี๋แต่ไม่พูดถึงหู่พั่ว หนึ่งคือนางรู้ว่าปินจวี๋และหู่พั่วไม่ค่อยถูกชะตากันอยู่แล้ว สองคือนางไม่อยากขยายพื้นที่กว้าง ทำให้เกิดการไม่พอใจกันเป็นกลุ่ม “แต่ใครจะรู้ว่านางกลับใส่ร้ายบ่าว บอกว่าบ่าวยุยงให้แม่นางตงชิงไปเป็นสาวใช้ห้องข้างของท่านโหว ฮูหยิน ถึงแม้ว่าบ่าวจะไม่รู้เรื่องมากแค่ไหน แต่บ่าวก็อยู่กับคุณหนูใหญ่มานานกว่ายี่สิบกว่าปี บ่าวจะไม่รู้เรื่องอะไรถึงขั้นยื่นมือออกไปตัดสินใจแทนฮูหยินได้เช่นไรเจ้าคะ…”
ปินจวี๋ถูกนางผลักอย่างแรง หากไม่ใช่เพราะหู่พั่วเดินเข้ามาประคองนางไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว เกรงว่านางคงจะล้มลงกับพื้นไปแล้ว
นางเห็นป้าเถาไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับความผิดแล้วยังพูดให้ตัวเองเป็นคนบริสุทธิ์ ก็โมโหจนหน้าแดง แล้วยังเห็นว่าป้าเถาพูดแก้ตัวได้ดีเช่นนี้ ก็ยิ่งคิดว่าตงชิงถูกนางยุยงแน่นอน ไม่รอให้ป้าเถาพูดต่อ นางก็กระโดดออกมาพูดตัดหน้าป้าเถา “ท่านบอกว่าท่านไม่ได้ยุยงพี่ตงชิง เช่นนั้นข้าถามท่าน หลังจากที่ข้าออกมาแล้ว ท่านพูดอะไรกับนาง”
ป้าเถากำลังรอประโยคนี้อยู่
นางเงยหน้าขึ้นมองสืออีเหนียง “ฮูหยิน ไม่ว่าบ่าวจะพูดอะไรท่านก็คงจะไม่เชื่อ โชคดีที่แม่นางตงชิงอยู่ที่นี่ด้วย ท่านไม่สู้ถามแม่นางตงชิงเองเถิดเจ้าค่ะ ว่าบ่าวพูดอะไรกับนางบ้าง”
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็มองไปที่ตงชิง
สีหน้าของตงชิงตื่นตระหนก นางปากสั่นแต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไร
ปินจวี๋กังวลใจเป็นอย่างมาก นางไม่สบายใจ เดินเข้าไปคุกเข่าข้างตงชิง “พี่หญิง ฮูหยินอยู่ที่นี่ ท่านจะกลัวสิ่งใด พูดความจริงออกมาเถิด ฮูหยินดีกับเรามากกว่าคนอื่น ท่านดูสิ กล่องแต่งงานของท่านก็ใช้เงินไปตั้งหนึ่งร้อยตำลึง…” นางแค่หวังว่าตงชิงจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
หู่พั่วได้ยินเช่นนี้ก็จิตใจสั่นไหว
หากตอนนี้ตงชิงโยนความผิดให้ป้าเถา เช่นนั้น เช่นนั้น…นางไม่เพียงแค่แก้ไขสถานการณ์นี้ได้แล้วยังลากป้าเถาลงไปในน้ำได้อีกด้วย
คิดเช่นนี้ นางก็คุกเข่าลงข้างตงชิงแล้วเกลี้ยกล่อมนาง “พี่ตงชิง ที่นี่ไม่มีคนนอก เจ้าจะกลัวอะไรกันเล่า” นางพูดแล้วขยิบตาให้ตงชิง
ป้าเถาที่คุกเข่าอยู่ตรงข้ามหู่พั่วมองออก นางอดไม่ได้ที่จะกัดฟันแล้วก่นด่าในใจว่า นังขี้ข้า แต่กลับไม่แสดงสีหน้าอะไรเลยแม้แต่น้อย นางพูดขัดจังหวะหู่พั่วแล้วถามสืออีเหนียง “ฮูหยิน ท่านให้บ่าวไปถามแม่นางตงชิงว่ามีอะไรอยากได้อีกหรือไม่ ถึงตอนนั้นท่านจะเพิ่มให้ บ่าวพูดจริงหรือไม่เจ้าคะ”
หู่พั่วและปินจวี๋เห็นว่าป้าเถาพูดกับสืออีเหนียง นางก็รีบหยุดพูด
ตั้งแต่เห็นป้าเถา หัวของสืออีเหนียงก็หมุนไม่หยุด
ตงชิงเปลี่ยนไปทุกวัน ตนใช่ว่าจะไม่รู้สึก แต่เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ของพวกนางสองคน ตนก็จะลังเลและหวังว่าจะหาสามีที่ดีให้นางได้ ให้นางแต่งงานออกไปอย่างครึกครื้น เมื่อนางมีชีวิตที่มั่นคงแล้ว เรื่องที่ฝังอยู่ในใจก็คงค่อยๆ จางหายไป ตนจะทำเป็นไม่รู้ อย่างน้อยพวกนางก็เคยเป็นนายบ่าวกัน
แต่การเปลี่ยนแปลงมักจะเร็วกว่าแผนที่วางไว้เสมอ สุดท้ายมันก็ล้มเหลว
เมื่อตงชิงคุกเข่าต่อหน้าเช่นนี้ นางจินตนาการต่างๆ นาๆ ถึงกับถามตัวเองว่าตัวเองทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ แต่ไม่เคยคิดว่าป้าเถาจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องรู้ว่า นางมักจะพูดกับหู่พั่วและตงชิงอยู่บ่อยๆ ว่า ป้าเถาเป็นคนของหยวนเหนียง ระหว่างพวกนางมันมีความขัดแย้งที่ไม่อาจแก้ไขได้ บอกให้พวกนางอยู่ห่างจากป้าเถา แต่เหตุใดตงชิงถึง…ถึง…
มองดูภาพที่วุ่นวายตรงหน้า นางรู้สึกเลือดไหลเวียน ปวดท้องไปหมด
“ท่านป้าพูดถูก ข้าบอกให้ท่านนำรายการสินสอดทองหมั้นไปให้ตงชิงดู” สืออีเหนียงเงยหน้าแล้วพูด
นางอยากรู้ว่าป้าเถาใช้วิธีไหน ถึงทำให้ตงชิงวิ่งมาเสนอตัวอย่างไม่สนใจอะไรเช่นนี้
ในห้องเงียบสงัด
หูพั่วแล้วปินจวี๋เบิกตามองไปที่ป้าเถา
ป้าเถาเช็ดน้ำตา แต่ในใจกลับไม่พอใจ
อยากจะจับจุดอ่อนของข้า ไม่มีทาง
นางหันไปถามหู่พั่ว “เมื่อครู่เจ้ากำลังพูดคุยกับฮูหยิน ข้าพูดถูกหรือไม่”
บอกตงชิงเป็นนัยขนาดนี้แล้ว แต่ตงชิงกลับยังไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่านางยังไม่ยอมแพ้
หัวใจของหู่พั่วเย็นชา นางพยักหน้าเบาๆ
ป้าเถาถามปินจวี๋ “ข้าไปหาแม่นางตงชิง เคาะประตูตั้งหลายครั้ง แต่ไม่มีคน ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเจ้า อยากให้เจ้าช่วยข้าบอกนาง สุดท้ายซวงอวี้ไปเรียกแม่นางตงชิงมา ข้าบอกว่า หู่พั่วกำลังพูดกับฮูหยิน” นางมองไปที่หู่พั่ว “เรื่องจริงหรือไม่”
จากนั้นก็ไม่รอให้หู่พั่วตอบกลับ นางหันหน้าไปพูดกับปินจวี๋ “ข้าบอกว่า นายหญิงใหญ่อยากจะเลือกใครสักคนในบรรดาซานหูและพวกเจ้าไปเป็นสาวใช้ห้องข้างให้ท่านโหว” นางมองไปที่สืออีเหนียง “บ่าวไม่ได้โกหก หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็ไปถามอี๋เหนียงห้าได้เจ้าค่ะ”
จากนั้นก็มองไปที่ปินจวี๋อีกครั้ง “รายการสินสอดทองหมั้นหาย เจ้าไปหากับข้า ตอนออกมาข้าบอกว่า” นางมองไปที่สืออีเหนียง “ข้าบอกแม่นางตงชิงว่า ช่างน่าเสียดาย นอกจากประโยคนี้ ข้าก็ไม่ได้พูดอะไร” จากนั้นก็สาบาน “หากข้าพูดอะไร ขอให้ข้าไม่ตายดี อยู่ในห้องก็ถูกฟ้าฝ่า อยู่บนถนนก็ถูกรถชน…”
สืออีเหนียงมองไปที่ตงชิง
นางก้มหน้า หยดน้ำตาไหลลงบนก้อนอิฐสีฟ้า
“ช่างน่าเสียดาย!” สืออีเหนียงพึมพำประโยคนี้ จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก ราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง เย็นเยียบจนชาตั้งแต่ปลายนิ้วมือจนถึงหัวใจ
ประโยคเดียวที่ว่า ‘ช่างน่าเสียดาย’ กลับทำลายมิตรภาพห้าปีของพวกนางลงอย่างง่ายดาย ประโยคเดียวที่ว่า ‘ช่างน่าเสียดาย’ กลับกระตุ้นความปรารถนาที่อยู่ในใจของนาง ประโยคเดียวที่ว่า ‘ช่างน่าเสียดาย’ ทำให้นางต้องยอมแพ้อย่างหมดหนทาง…
“ช่างน่าเสียดาย!” สืออีเหนียงยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่นางทำสีหน้าประชดประชันเช่นนี้ “ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
หูพั่วก้มหน้าครุ่นคิด
แต่ปินจวี๋กลับตกใจ “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ โกหก! ท่านโกหก!” จากนั้นก็ไปลากตงชิง “พี่ตงชิง ท่านพูดสิ ท่านพูดอะไรบ้างสิ” นางโมโหจนจะร้องไห้!
ตงชิงคุกเข่าเหม่อลอยอยู่ที่นั่น ไม่ขยับไปไหน
ป้าเถาเห็นเช่นนี้ก็ยิ้ม จากนั้นก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดกับสืออีเหนียง “ฮูหยิน บ่าวพูดความจริง บ่าวคิดว่าแม่นางตงชิงแต่งงานกับว่านต้าเสี่ยนช่างน่าเสียดาย” นางกวาดตามองไปที่หู่พั่วและปินจวี๋แล้วพูดว่า “ข้าไม่กลัวว่าจะทำให้พวกแม่นางไม่พอใจ แม่นางหู่พั่วทั้งสวยและมีความสามารถ แต่น่าเสียดายที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากเกินไป แม่นางปินจวี๋อ่อนโยนและใจกว้าง แต่น่าเสียดายที่ซื่อสัตย์เกินไป มีแค่แม่นางตงชิง ไม่เพียงแต่หน้าตาสวยงาม นิสัยอ่อนโยน แล้วยังอายุเหมาะสม…”
“ป้าเถา!” สืออีเหนียงขัดจังหวะนาง แล้วพูดว่า “นี่เป็นความผิดของปินจวี๋ ในเมื่อทุกคนเข้าใจกันแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนเถิด!”
ป้าเถาเห็นว่าน้ำเสียงของนางเต็มไปการปกป้อง ถึงแม้ว่านางจะไม่พอใจ แต่เมื่อคิดว่าเป้าหมายของตัวเองสำเร็จแล้ว นางก็ดีใจแต่กลับทำสีหน้ารู้สึกผิด “ฮูหยินพูดเช่นนี้ พูดเกินไปเจ้าค่ะ…”
สืออีเหนียงไม่อยากฟังนางพูดอะไรมากไปกว่านี้ นางสะบัดมือไล่ “ท่านป้าออกไปพักผ่อนเถิด”
ป้าเถาย่อคำนับแล้วเดินออกไป
ปินจวี๋เดินเข้าไปหาตงชิง “พี่ตงชิง เหตุใดถึงทำเช่นนี้ ทำไมท่านทำเช่นนี้ หรือว่าท่านไม่รู้ว่าป้าเถาเป็นคนเช่นไรหรือ นางเป็นคนของคุณหนูใหญ่ ท่านฟังนางได้เช่นไร ฟังนางได้เช่นไร!”
คำถามแต่ละคำถาม ดังเข้ามาในหัวของสืออีเหนียงราวกับฟ้าร้อง นางขาอ่อนแรง เวียนหัว เดินเซไปข้างหลังสองก้าว ยื่นมือออกไปจับโต๊ะบนเตียงเตาข้างหลังแล้วยืนนิ่ง
“ปินจวี๋ เจ้าไปยกเก้าอี้มาให้ตงชิงนั่งเถิด”
นางประคองตัวมือยันโต๊ะไว้แล้วค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงบนเตียงเตา
ปินจวี๋เบิกตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ไม่เข้าใจว่าทำไมสืออีเหนียงถึงยังให้นางไปยกเก้าอี้มาให้ตงชิง จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
หู่พั่วเห็นเช่นนี้ก็ลุกขึ้นยกเก้าอี้มาวางไว้ข้างๆ เตียงเตา
สืออีเหนียงพูดเบาๆ “ตงชิง นั่งลงสิ ข้ามีบางอย่างจะพูดกับเจ้า!”
ตงชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก้มหน้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
หู่พั่วประคองปินจวี๋ขึ้นมา ยืนอยู่ข้างสืออีเหนียงเงียบๆ
สืออีเหนียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ตงชิง เจ้าอยากเป็นสาวใช้ห้องข้างให้ท่านโหวจริงหรือ”
ตงชิงไม่พูดไม่จา กำมือที่วางอยู่บนตักแน่น
สืออีเหนียงเห็นเช่นนี้ก็จิตใจสั่นไหว “เจ้าต้องรู้ว่า หากเจ้าไปเป็นสาวใช้ห้องข้างของท่านโหว ระหว่างเราก็จะสนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เจ้ายังอยากจะเป็นสาวใช้ห้องข้างของท่านโหวอยู่หรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ ไม่เจ้าค่ะ” ตงชิงเงยหน้าขึ้นมาทันที “ข้าไม่มีทางแย่งฮูหยิน ข้าจะช่วยฮูหยินทำให้ท่านโหวอยู่ที่เรือนหลักของเรา…”
สืออีเหนียงส่ายหน้าเบาๆ นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับสายลม “หากวันหนึ่ง ท่านโหวจะรับเจ้าเป็นอนุภรรยา แล้วข้าไม่ยอมเล่า”
ตงชิงตกใจ
สืออีเหนียงพูดอีกว่า “หากวันหนึ่ง เจ้าตั้งครรภ์ แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าคลอดเด็กคนนั้นออกมาเล่า”
ตงชิงอ้าปากค้าง
สืออีเหนียงจ้องมองด้วยดวงตาที่เย็นเยียบราวกับแสงจันทร์ของนาง “หากเป็นเช่นนี้ เจ้ายังจะอยากเป็นสาวใช้ห้องข้างของท่านโหวอยู่หรือไม่”
ตงชิงหลบตานาง ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “แต่ว่าฮูหยินไม่ใช่คนเช่นนั้น!”
สืออีเหนียงท้อใจ น้ำตาที่นางกลั้นไว้ก็รินไหลออกมาอย่างเงียบๆ
“ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าคะ…” หู่พั่วเห็นเช่นนี้ก็เสียใจ นางปิดปากแล้วร้องไห้
ปินจวี๋โมโหจนพูดไม่ออก นางเดินเข้าไปตบหน้าตงชิง
ตงชิงกุมหน้า แล้วมองไปที่ปินจวี๋ด้วยความตกใจ
ปินจวี๋คิดว่าเมื่อครู่ตัวเองนางพาป้าเถามาเพื่อมาแก้ต่างให้ตงชิง…แต่สุดท้ายกลับทำให้สืออีเหนียงเสียหน้าเช่นนี้
นางเกลียดที่ตงชิงไม่เอาถ่าน ยิ่งเกลียดตัวเองที่ไร้สมอง
จึงเงื้อมือตบหน้าตัวเองเช่นกัน
หู่พั่วเห็นเช่นนี้ก็ตกใจ เดินเข้าไปห้ามปินจวี๋ “อย่าทำเช่นนี้ อย่าทำเช่นนี้…”
พวกนางกำลังวุ่นวาย จู่ๆ เสียงของสวีลิ่งก็ดังขึ้นภายในห้อง “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”