ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 221 ฉวยโอกาส(กลาง)
ขณะที่เฉียนหมิงกำลังก้าวเท้าออกไป อี๋เหนียงหก อี๋เหนียงห้า และสือเอ้อร์เหนียงก็เดินเข้ามา
อี๋เหนียงหกสวมเสื้อกั๊กปักลายดอกไม้สีแดง บนศีรษะปักด้วยปิ่นปักผมอัญมณีทับทิมสีแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติยินดี ยิ้มพลางจูงมือสือเอ้อร์เหนียงมาคำนับสืออีเหนียง “เดิมทีพวกเจ้าสองพี่น้องเคยอยู่เรือนเดียวกัน ตอนนี้พี่สาวของเจ้าแต่งงานแล้ว ยิ่งควรใกล้ชิดสนิทสนมกันให้มากขึ้นจึงจะถูก”
สือเอ้อร์เหนียงเดินไปข้างหน้าคำนับสืออีเหนียง “พี่หญิง”
สืออีเหนียงมอบอั่งเปาถุงใหญ่ให้นาง
อี๋เหนียงหกดึงอี๋เหนียงห้าที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดตำหนิว่า “ปกติเอาแต่จู้จี้กับคุณหนูสิบเอ็ดอยู่ทุกวัน ตอนนี้คุณหนูสิบเอ็ดกลับมาแล้วเจ้ากลับไปยืนหลบอยู่ด้านข้าง”
อี๋เหนียงห้าหลบสายตาของสืออีเหนียง ยิ้มด้วยความเขินอาย
สืออีเหนียงลุกขึ้นเรียก “อี๋เหนียง” แล้วพูดต่อว่า “ท่านสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” อี๋เหนียงห้าโบกมือไปมา สีหน้ามีความลนลาน
เมื่ออี๋เหนียงหกได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า “พี่หญิงห้าพึ่งจะฝันเห็นหมี”
ทั้งห้องเงียบสงบ
ฝันเห็นหมี…เช่นนั้นก็แสดงว่านางตั้งครรภ์แล้ว
เป็นน้องชายหรือน้องสาวที่อายุห่างกับตัวเองสิบห้าปี…
สืออีเหนียงอดกุมขมับไม่ได้ รู้สึกว่าเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ
คิดว่าอี๋เหนียงห้าจะถูกรังแกเมื่ออยู่ในสกุลหลัว จึงให้หู่พั่วไปสืบเป็นการส่วนตัว
ไม่แปลกใจเลยครั้งที่แล้วที่กลับมานางถึงเอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ คิดว่าคงไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องนี้อย่างไรดี!
ขณะที่กำลังครุ่นคิด อี๋เหนียงห้าก็ปฏิเสธอย่างคลุมเครือว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย”
“แหม!” อี๋เหนียงหกยิ้ม สายตาจับจ้องไปที่ท้องของอี๋เหนียงห้า “เมื่อเริ่มฤดูใบไม้ผลิเกรงว่าก็จะคลอดแล้ว จะปิดบังไว้ได้อย่างไร” ยิ้มให้สืออีเหนียงแล้วพูดว่า “นายท่านใหญ่ได้ลูกชายในวัยชรา นี่ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง อาศัยโอกาสที่ทุกคนอยู่ที่นี่ บอกให้ทุกคนได้ฟัง ให้ทุกคนมีความสุขตามไปด้วย”
เมื่ออี๋เหนียงห้าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอายจนยากจะทนได้ น้ำตาคลอเป้า “น้องหญิงหก เลิกพูดได้แล้ว!”
น้ำตาใสๆ ไหลออกมาราวกับน้ำเดือดที่ไหลรดหัวใจของสืออีเหนียงทำให้รู้สึกร้อนผ่าว
การที่อี๋เหนียงห้าตั้งครรภ์นั้นถือว่าเป็นเรื่องดี
ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ยังอายุไม่เยอะ
การที่มีบุตรอยู่ข้างๆ ก็สามารถช่วยขจัดความเหงาออกไปได้
แต่ทางฝั่งนายหญิงใหญ่…
นางเรียก “อี๋เหนียง” แต่หางตากลับอดหันไปมองนายหญิงใหญ่ไม่ได้
เห็นเพียงสีหน้าเคร่งขรึมของนายหญิงใหญ่ จ้องเขม่งไปที่อี๋เหนียงห้าด้วยสายตาดุร้าย
สืออีเหนียงยิ้มเจื่อน แต่ข้างหูกลับมีเสียงดีใจของคุณนายสี่ดังขึ้น “ในจวนจะมีสมาชิกเพิ่มแล้ว พวกเราจะมีน้องชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ !”
เมื่อคุณนายสี่พูดเสียงดังเช่นนี้ คุณนายใหญ่ก็ถูกเสียงของคุณนายสี่เรียกสติกลับมา นางรีบหันไปมองนายหญิงใหญ่
ป้าสวี่กำลังโน้มตัวมาคุยกับนายหญิงใหญ่ ทำให้บดบังสายตาของนาง จึงมองไม่เห็นสีหน้าของนายหญิงใหญ่
คุณนายใหญ่นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้
สามีของตัวเองเป็นบุตรชายคนโตของสกุล สอบผ่านราชบัณฑิตจิ้นซื่อและได้เป็นถึงราชบัณฑิตหลวง ส่วนตัวเองก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนโตของภรรยาเอกแก่ตระกูล และดูแลเรื่องในจวนได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด ต่อให้สืออีเหนียงเป็นภรรยาของคนที่มีฐานะสูงส่ง ต่อให้อี๋เหนียงห้าให้กำเนิดบุตรชาย ตำแหน่งของสามีและตัวเองจะหวั่นไหวจากเด็กชายที่ยังไม่มีอนาคตได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงจะต้องพูดจาเย็นชาให้ผู้อื่นไม่พอใจ ทำให้เรือนสี่ที่คอยประจบประแจงได้ความดีความชอบไป
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว นี่เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง” นางยิ้มกว้าง กอดซิวเกอแล้วพูดว่า “ซิวเกอ เจ้าจะมีท่านอาเล็กเพิ่มแล้ว”
“ท่านอาเล็กคืออะไรขอรับ” ซิวเกอฟังไม่เข้าใจ “ท่านอาเล็กมาจากที่ใดกันหรือขอรับ”
สวีซื่ออวี้หลบตาลงแล้วถอยหลังไปสองสามก้าว ยืนอยู่ข้างผ้าม่านที่ยาวถึงพื้น เว้นระยะห่างจากทุกคนเล็กน้อย
จุนเกออธิบายขึ้นมาว่า “ก็คือน้องชายของพ่อ ก็เหมือนท่านอาห้าของข้าที่เป็นน้องชายของพ่อข้า”
ซิวเกอยังคงไม่เข้าใจ “อวี้เกอก็เป็นท่านอาเล็กของข้าไม่ใช่หรือ ทำไมต้องมีท่านอาเล็กเพิ่มด้วย แล้วเช่นนั้นข้าจะเรียกอวี้เกออย่างไร” เขามองคุณนายใหญ่ด้วยความสับสน
อู่เหนียงห้าที่ท้องโตปิดปากหัวเราะ “อี๋เหนียงห้าปิดบังได้ดีมาก” เสียงของนางสูงและแหลมเล็กน้อย ทำให้คนฟังรู้สึกแสบแก้วหู “หรือกลัวว่าหากพวกเรารู้แล้วจะชวนท่านร่ำสุราแสดงความยินดี”
ถึงอย่างไรเสีย อี๋เหนียงห้าก็มีบุตรตอนอายุปูนนี้แล้ว
ตอนนี้นายหญิงใหญ่เป็นอัมพาตอยู่บนเตียงไม่สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้ ฟังจากน้ำเสียงของหมอหลวงแล้วเกรงว่าคงจะไม่ดีขึ้น คุณนายใหญ่เป็นคนดูแลบ้าน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่สามารถไปดูแลจัดการเรือนนายท่านใหญ่ได้ เมื่อก่อนนายท่านใหญ่ให้อี๋เหนียงห้าและอี๋เหนียงหกดูแลเรื่องภายในเรือนด้วยกัน หากอี๋เหนียงห้าให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมา…มักได้ยินเสมอว่าแม่ภูมิใจในตัวบุตรชาย บุตรชายมีค่ากับแม่ เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้นน้องชายร่วมท้องของตนจะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป
นางจ้องคุณนายสี่ตาเขม็ง
อย่างไรเสียนางก็เป็นแค่คนชั้นต่ำไม่มีสมอง แล้วยังพากันดีใจกับอี๋เหนียงห้าและสืออีเหนียงด้วย…
สืออีเหนียงได้ยินน้ำเสียงของอู่เหนียงฟังดูไม่เป็นมิตร ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อบังอี๋เหนียงห้าไว้ ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าเด็กน้อยนั้นขี้อาย พึ่งจะตั้งครรภ์ได้สามเดือนแรกทางที่ดีอย่าพึ่งประกาศออกไป” หันไปถามอี๋เหนียงห้า “อี๋เหนียง ที่ข้าพูดมีเหตุผลหรือไม่”
อี๋เหนียงห้ามองบุตรสาว เขินจนหน้าแดง “ข้า ข้า ข้า…” ผ่านไปครู่ใหญ่ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
สืออีเหนียงยิ้มท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก ถามอี๋เหนียงหกว่า “อี๋เหนียงหก ท่านพ่อรู้หรือไม่ว่าอี๋เหนียงห้านั้นตั้งครรภ์แล้ว”
นี่คือสิ่งที่อี๋เหนียงหกต้องการ
แม้ว่านายท่านใหญ่จะมอบเรื่องในเรือนให้ตนและอี๋เหนียงห้าจัดการ แต่ตั้งแต่ที่นายหญิงใหญ่รู้ว่านายท่านใหญ่มักจะพักที่ห้องอี๋เหนียงห้า หลังจากนั้นพอมีเรื่องอันใดก็บอกเพียงอี๋เหนียงสาม ไม่สนใจอี๋เหนียงห้ากับตนแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่านางไม่เห็นด้วยกับการที่ให้อี๋เหนียงห้าและตัวเองดูแลเรื่องในเรือน แล้วอี๋เหนียงสามผู้นั้นเป็นใคร คนอื่นไม่รู้ แต่นางรู้อย่างชัดเจน นึกถึงตอนนั้นที่อี๋เหนียงสามยังเป็นสาวใช้ก็ได้ยินว่านางด่าและสาบแช่งคนมาไม่น้อย เป็นเจ้านายที่ท่าทางใจดีแต่มีจิตใจโหดเหี้ยม แต่อี๋เหนียงห้านั้นแตกต่าง นางเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร ไม่ล่วงเกินใคร ที่บอกว่าสองคนช่วยกันดูแลเรื่องในเรือน แต่ความจริงแล้วนางยกให้ตนก็เป็นคนตัดสินใจทั้งหมด
ไม่มีทางที่นางจะยอมปล่อยทุกอย่างที่ได้มานอกเสียจากว่านายหญิงใหญ่จะลุกขึ้นมายืนได้ใหม่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อี๋เหนียงหกก็ยิ้มอย่างสดใสมากขึ้นกว่าเดิม “ป้าสวี่บอกว่าหลายวันมานี้นายหญิงใหญ่ไม่สบาย ดังนั้นนายท่านใหญ่จึงคอยอยู่ข้างๆ นายหญิงใหญ่มาโดยตลอด ยังไม่มีโอกาสได้บอกเลย”
คำพูดของนางจะสื่อว่าป้าสวี่ได้รับคำสั่งจากนายหญิงใหญ่ไม่ให้นายท่านใหญ่เข้าใกล้อี๋เหนียงห้า
สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่นายหญิงใหญ่
นายหญิงใหญ่หลับตาลง สีหน้าสงบนิ่งราวกับไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวในห้อง เหมือนว่าหลับไปแล้ว
“ร่างกายของนายหญิงใหญ่ไม่สู้แต่ก่อน คุยไปคุยมาก็เผลอหลับไปอยู่บ่อยๆ” ป้าสวี่ที่ยืนอยู่หัวเตียงรีบพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ต้องขออภัยคุณหนูทั้งสองแล้วเจ้าค่ะ”
“ป้าสวี่พูดอะไรแบบนั้น!” อู่เหนียงส่งสายตา “เป็นเพราะพวกเราที่ไม่ได้เอาใจใส่ รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านแม่” พูดพลางมองไปที่สืออีเหนียง “พวกเราไปนั่งที่ห้องปีกทิศตะวันออกดีหรือไม่ ให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอย่างสงบ”
สืออีเหนียงเห็นความหวาดกลัวผ่านสีหน้าของอี๋เหนียงห้า
หัวใจของนางเต้นแรง
หรือว่าอี๋เหนียงห้าไม่อยากบอกเรื่องที่นางท้อง เพราะท่าทางนางดูหวาดกลัวไปหมด
เช่นนั้นนางกำลังหวาดกลัวสิ่งใด
นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่จะมีหลัวหยวนเหนียง นายท่านใหญ่ก็ไม่เคยให้กำเนิดบุตรสาวหรือบุตรชายเลย…
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นายหญิงใหญ่เพียงแค่ขยับร่างกายไม่ได้ ไม่ใช่ว่านางจะใช้สมองไม่ได้
ความเย็นจากปลายนิ้วที่กำลังลูบไล้อัญมณีไพลินนั้นแทรกซึมเข้าไปถึงหัวใจ
สืออีเหนียงยิ้มกว้าง “พี่หญิงห้าพูดถูกแล้ว พวกเราไปนั่งที่ห้องปีกตะวันออกกันเถิด จะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านแม่” จากนั้นก็ไปพยุงอี๋เหนียงห้ามุ่งหน้าไปทางห้องปีกตะวันออก พลางหันไปพูดคุยกับอี๋เหนียงหก “อี๋เหนียงหกรู้ตั้งแต่เมื่อใดว่าอี๋เหนียงตั้งครรภ์ จะบอกท่านพ่อเรื่องนี้ดีหรือไม่ อย่างไรเสียตอนนี้อี๋เหนียงก็ตั้งครรภ์แล้ว จะเกิดการกระทบกระเทือนไม่ได้”
นี่เป็นเรื่องในเรือนของพ่อสามี คุณนายใหญ่และคุณนายสี่ที่เป็นลูกสะใภ้ก็ยากที่จะไปยุ่งเกี่ยว ฟังจากน้ำเสียงของอู่เหนียงแล้ว เกรงว่าคงจะกลัวว่าหากอี๋เหนียงห้ามีบุตรชายจะทำให้เกิดการขัดแย้งกับผลประโยชน์ของอี๋เหนียงสามกับหลัวเจิ้นเซิง ดูแล้วการที่อี๋เหนียงหกออกโรงฉับพลันเช่นนี้ คาดว่าคงจะวางแผนไว้อยู่แล้ว
สืออีเหนียงไม่กลัวว่าคนอื่นจะมีแผน แต่กลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย การที่ไม่วางแผนก็เหมือนกับคนที่ไม่มีความปรารถนา ทำให้ไม่สามารถลงมือได้ หากมีการวางแผน ตราบใดที่พร้อมจะจ่าย ก็ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้! อี๋เหนียงหกเลือกที่จะพูดเรื่องตั้งครรภ์ของอี๋เหนียงห้าในเวลานี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นคนที่มีแผนการ และนึกถึงตอนที่อี๋เหนียงหกได้ขึ้นครองตำแหน่งผู้ดูแลเรือนและลดอำนาจของอี๋เหนียงห้าที่หน้าตางดงามดั่งจันทราและอี๋เหนียงสี่ที่เฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เกรงว่านางจะไม่ใช่คนที่สามารถวางใจได้ สืออีเหนียงรีบตัดสินใจดึงอี๋เหนียงหกมาไว้ในกำมือ เมื่อมีนางคอยอยู่ข้างกายอี๋เหนียงห้า ความปลอดภัยของอี๋เหนียงห้าก็จะมีมากขึ้น
ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนจากเมื่อก่อนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมาเป็นคนอกผายไหล่ผึ่ง เดินนำหน้าไปห้องปีกทิศตะวันออกอย่างองอาจ และยังส่งสัญญาณให้อี๋เหนียงหกบอกเรื่องนี้กับนายท่านใหญ่อย่างแจ่มแจ้ง
อี๋เหนียงหกดีใจเป็นอย่างมาก
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในสกุลหลัว อู่เหนียงครอบครองในทุกๆ ด้าน สืออีเหนียงก็อดทนอดกลั้นในทุกๆ ด้าน แต่สิ่งที่อู่เหนียงมีสืออีเหนียงก็ไม่เคยพร่องเลยแม้แต่อย่างเดียว ตอนนั้นตนคิดว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดา ต่อมาสืออีเหนียงแต่งเข้าจวนหย่งผิงโหว ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถเกลี่ยกล่อมท่านโหวให้ช่วยหนุนหลังอู่เหนียงได้ อู่เหนียงจึงไม่กล้าดูถูกสืออีเหนียง ตอนนี้เห็นว่าสืออีเหนียงไม่ได้เป็นคนอดทนอดกลั้นเหมือนเมื่อก่อน ดูแข็งแกร่งมากขึ้น นางรู้ว่าครั้งนี้สืออีเหนียงจะต้องสนับสนุนมารดาผู้ให้กำเนิดของตัวเอง มีสตรีคนไหนบ้างที่ไม่หวังว่าจะมีคนในสกุลเดิมของตัวเองทำให้ตัวเองสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในจวนของสามีได้!
“ในเมื่อคุณหนูสิบเอ็ดกำชับเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไปรายงานข่าวดีกับนายท่านใหญ่” นางตอบด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับเปลี่ยนไป ตั้งใจจะบอกนายท่านใหญ่ว่าที่มาบอกนายท่านใหญ่เรื่องการตั้งครรภ์ของอี๋เหนียงห้านั้นเป็นเจตนาของสืออีเหนียง
นางอยากจะปัดความรับผิดชอบก็ปัดไป!
อย่างไรก็ตามตนก็ตัดสินใจที่จะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
สืออีเหนียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ปฏิเสธคำพูดของอี๋เหนียงหก
อี๋เหนียงห้าเป็นกังวล รีบพูดขึ้นมาว่า “ข้าจะบอกกับนายท่านใหญ่เอง…”
“บุตรเขยทั้งสองคนก็ยังอยู่ที่นี่ ให้อี๋เหนียงหกเป็นคนไปพูดกับท่านพ่อเองดีกว่าเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดตัดบทอี๋เหนียงห้า พานางเข้าไปในห้องปีกทิศตะวันออก “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือต้องดูแลร่างกายให้ดี” พูดต่อว่า “สาวรับใช้ข้างกายท่านทำไมถึงไม่ติดตามท่านมา หากมีเรื่องอันใดจะได้เรียกใช้ ท่านเป็นแบบนี้จะให้ข้าวางใจได้อย่างไร!”
อี๋เหนียงห้าหยุดฝีเท้าแล้วจ้องมองสืออีเหนียง ไม่ได้ตอบคำถามของนาง “คุณหนูสิบเอ็ด ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าข้าจะตั้งครรภ์” พูดพลางสีหน้าแดงระเรื่อ ท่าทางดูจริงจังเหมือนกลัวว่าสืออีเหนียงจะไม่เชื่อ
จู่ๆ สืออีเหนียงก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก
นางเป็นคนมีนิสัยอ่อนโยน ทำอะไรก็ขี้ขลาดไปหมด แต่หากมีเรื่องใดที่ดีต่อบุตรสาว นางก็ยินดีที่จะทำทุกอย่าง…