ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 214 ตรุษจีน(ต้น)
สายตาของสืออีเหนียงถูกดึงดูดโดยสตรีแปลกหน้าผู้หนึ่งที่เดินตามหลังฮูหยินสามมา
นางสวมเสื้อกั๊กผ้าแพรสีชมพูลูกท้อ กระโปรงสีขาวนวลจันทร์ มวยผมสูง สวมรองเท้าสีทอง อายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี รูปร่างสูงปานกลาง ผิวขาวสะอาดสะอ้าน ใบหน้างดงาม แต่สายตาที่มองผู้อื่นนั้นดูเหมือนล่อกแล่ก เห็นได้ชัดว่าเป็นคนไม่คบค้าสมาคมกับใคร
เหวินอี๋เหนียงรีบพูดเสียงเบาว่า “นั่นคืออี้อี๋เหนียงที่อยู่เรือนสาม”
อี้อี๋เหนียงคนที่สนิทกับฉินอี๋เหนียง?
สืออีเหนียงหันไปมองอีกรอบ จากนั้นก็เข้าไปทักทายคุณชายสามและฮูหยินสาม ให้ปินจวี๋ไปเชิญสวีลิ่งอี๋ออกมา ขณะที่กำลังคำนับคุณชายสามและฮูหยินสามสายตาก็เหลือบไปเห็นสวีซื่ออวี้
เขากำลังเหม่อมองจุนเกอกับสวีซื่อเจี้ยที่กำลังจับมือกัน
เมื่อสวีซื่อฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่าสืออีเหนียงมองมา ก็รีบดึงแขนเสื้อของสวีซื่ออวี้แล้วพูดเสียงเบาว่า “ท่านแม่กำลังมองเจ้าอยู่”
สวีซื่ออวี้สะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยน แต่กลับไม่ได้หันไปมองสืออีเหนียงแม้แต่น้อย
คนที่ไม่ได้เห็นตั้งแต่แรกก็คงจะนึกว่าเขาเอาแต่ยิ้มตาหยีมองไปที่จุนเกอกับสวีซื่อเจี้ย!
สืออีเหนียงถอนหายใจอยู่ในใจ
คุณชายสามและฮูหยินสามคำนับกลับแล้วเรียกสวีซื่อฉินกับสวีซื่อเจี่ยนให้ไปคารวะสืออีเหนียง สวีซื่ออวี้ก็เข้าไปคารวะสืออีเหนียงพร้อมกับพี่น้องทั้งสองคน
พึ่งจะยืนตัวตรงสวีลิ่งอี๋ก็เดินออกมาจากห้องปีกทิศตะวันออก
พวกเขาคำนับซึ่งกันและกันอีกครั้ง
สวีลิ่งควนประคองฮูหยินห้าเข้ามา
“พี่สี่!” เขาตะโกนเรียกสวีลิ่งอี๋อย่างดีใจ ดูสนิทสนมกันกว่าปกติ
สวีลิ่งอี๋ยิ้มพลางพยักหน้าให้เขา สีหน้าไม่เคร่งขรึมเหมือนเมื่อก่อน “มาแล้วหรือ”
สวีลิ่งควนพยักหน้า ปล่อยฮูหยินห้าไว้แล้วเดินเข้าไปคำนับสวีลิ่งอี๋
ฮูหยินห้าคิดไม่ถึงว่าสามีจะปล่อยมือกะทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณชายห้านี่จริงๆ เลย พอเห็นท่านโหวก็ไม่สนใจอะไรแล้ว ทำเอาข้าเกือบยืนไม่อยู่…”
ยังไม่ทันพูดจบ สวีลิ่งควนก็รีบวิ่งกลับไปหานาง “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
ฮูหยินสามที่อยู่ข้างๆ เห็นแล้วก็หัวเราะ สวีลิ่งอี๋เองก็ส่ายหน้าเช่นกัน ฮูหยินห้าหน้าแดง ทำเอาคุณชายสามหัวเราะ
ขณะที่บรรยากาศกำลังครึกครื้นป้าตู้ก็ประคองไท่ฮูหยินออกมา
ป้าตู้สวมเสื้อกั๊กยาวสีแดงเข้ม บนหัวปักปิ่นปักผมดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับงานรื่นเริง ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ไท่ฮูหยินสวมเสื้อกั๊กผ้าไหมลายนกกระเรียนสีม่วงอ่อน ปักปิ่นปักผมอัญมณีสีแดง ดูงดงามกว่าทุกวัน
“ท่านย่า ท่านย่า!” จุนเกอวิ่งเข้าไปหาไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินหัวเราะ ลูบหัวจุนเกอแล้วจูงมือเขา
สวีซื่อเจี้ยที่ถูกจุนเกอทิ้งจึงไปยืนอยู่คนเดียวที่ข้างเสาสีดำขลับ กะพริบตามองจุนเกอที่อยู่ข้างๆ ไท่ฮูหยิน แล้วมองสืออีเหนียงที่กำลังพูดคุยกับฮูหยินสามด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ก้มหน้าลง
สวีซื่ออวี้ที่มองเห็นทุกอย่าง ในดวงตาฉายแววเย้ยหยัน น้ำเสียงที่อ่อนโยนของไท่ฮูหยินได้ดังขึ้น “ทุกคนมากันครบแล้วใช่หรือไม่”
“ครบแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินสามยิ้มพลางก้าวไปข้างหน้าแล้วตอบรับไท่ฮูหยิน
“เช่นนั้นก็ดี” ไท่ฮูหยินมองไปที่สวีลิ่งอี๋ “พวกเราไปที่ศาลบรรพชนกันเถิด!”
สวีลิ่งอี๋ตอบรับอย่างนอบน้อม “ขอรับ” ทุกคนนั่งรถลากคันเล็กไปที่ศาลบรรพชนทางทิศตะวันออกของจวนสกุลสวี
ศาลบรรพชนสกุลสวีมีห้าห้อง ปูถนนด้วยหินสีเขียว สองข้างทางมีต้นสนสีเขียวชอุ่ม ตรงกลางมีเตาสามขาใบใหญ่สีเขียวสูงสามฟุตตั้งตระหง่านอยู่
สวีลิ่งอี๋นำผู้ชายเข้าไปในศาลบรรพชนเพื่อบวงสรวงเครื่องเซ่นไหว้ เผาผ้าไหมและเทสุรา จากนั้นไท่ฮูหยินก็พาสืออีเหนียง ฮูหยินสาม และฮูหยินห้าไปบวงสรวงเครื่องเซ่นไหว้ที่หน้าป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ
อี๋เหนียง สาวใช้ และหญิงรับใช้สูงวัยต่างก็ยืนเงียบๆ อยู่นอกประตูศาลบรรพชน
เมื่อบูชาบรรพบุรุษเสร็จเรียบร้อย ท้องฟ้าก็มืดลง
โคมแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่สี่ทิศ สะท้อนให้หิมะสีขาวกลายเป็นสีแดงสด ประทัดดังกึกก้องเป็นครั้งคราว บรรยากาศเทศกาลตรุษจีนได้เริ่มขึ้นแล้ว
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นั่งรถลากคันเล็กกลับไปที่เรือนไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือที่ปูเบาะรองนั่งปักลวดลายสีแดงตั้งอยู่กลางห้องโถง สวีลิ่งอี๋พาสวีลิ่งหนิงและสวีลิ่งควนเข้าไปคารวะไท่ฮูหยินก่อน ต่อมาสวีซื่อฉินก็พาสวีซื่ออวี้ สวีซื่อเจี่ยน จุนเกอ และสวีซื่อเจี้ยเข้าไปคำนับไท่ฮูหยิน จากนั้นสืออีเหนียงก็พาฮูหยินสามและฮูหยินห้าเข้ามาคารวะไท่ฮูหยิน สุดท้ายบรรดาอี๋เหนียงก็เข้ามาคารวะ ตามด้วยป้ารับใช้ทั้งหลายและบรรดาสาวใช้
ป้าตู้ร้องเพลงอยู่ข้างๆ ส่วนเว่ยจื่อและเหยาหวงมีหน้าที่ยื่นรางวัลมอบให้
เสียงเหรียญเงินในตะกร้าประสานกับเสียงของบรรดาสาวใช้และท่านป้า ทำให้บรรยากาศในห้องครึกครื้นขึ้นทันที
จากนั้นก็ได้เวลาจุดประทัด แบ่งเป็นชาย หญิง เด็ก และผู้อาวุโสที่ห้องปีกทิศตะวันออก ห้องโถงและห้องทางเดินได้มีการจัดงานเลี้ยง ดื่มสุราจินหวา ทานผลไม้มงคล ขนมหรูอี้ เสียงดังครึกครื้นไปจนถึงต้นยามไฮ่ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จก็นำชามาวาง สวีลิ่งควนพาสวีซื่อฉิน สวีซื่ออวี้ สวีซื่อเจี่ยน จุนเกอ และเด็กรับใช้ไปจุดพลุดอกไม้ไฟ บรรดาสาวใช้และท่านป้ายืนกอดกันดูดอกไม้ไฟอยู่ใต้ชายคาเรือน
สวีซื่อเจี้ยถูกทิ้งให้อยู่ในห้อง ปินจวี๋นำแกงเม็ดบัวมาป้อนเขา
สาวใช้ใหญ่ของจุนเกอเห็นดังนั้นจึงกำชับว่า “เจ้าอย่าป้อนเขามากเดี๋ยวจะฉีดรดที่นอนตอนกลางคืน”
ปินจวี๋ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายน้อยห้าเป็นเด็กดี หากปวดฉี่ตอนกลางคืนก็จะตื่นขึ้นมาเอง”
เมื่อไท่ฮูหยินที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินจึงถามขึ้นมาว่า “อายุเท่าไรแล้ว”
ปินจวี๋หุบยิ้มแล้วตอบอย่างนอบน้อมว่า “วันที่สามเดือนสามก็ครบสี่ขวบแล้วเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินไม่ได้พูดอะไรอีก หันไปกำชับฮูหยินห้าว่า “เจ้ากำลังตั้งครรภ์ รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
ฮูหยินห้าเองก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน นางบอกลาสืออีเหนียงและคนอื่นๆ มีบรรดาสาวใช้ห้อมล้อมพานางกลับเรือน
ไท่ฮูหยินลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า มีป้าตู้เดินตามเข้าไปปรนนิบัติ
“เด็กที่เกิดในครอบครัวยากจนมักจะโตเร็ว ถ้าเป็นจุนเกอในตอนนั้นยังทำอะไรไม่เป็นเลย”
จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา อาจจะมึนงงอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ป้าตู้ที่รับใช้ไท่ฮูหยินมาหลายสิบปีกลับรู้ว่านางกำลังพูดถึงสวีซื่อเจี้ย ป้าตู้หยิบถั่วทำความสะอาดผิวมาให้ไท่ฮูหยินล้างมือพลางเอ่ยขึ้นว่า “จุนเกอของพวกเรามีฐานะสูงศักดิ์ ท่านยังจำได้หรือไม่ที่ในปีนั้นพวกเราทานโจ๊กกัน แม่ครัวได้ใส่ลูกพรุนหิมะเดือนหกลงไป ทุกคนต่างบอกว่าอร่อย มีเพียงจุนเกอที่บอกว่าเม็ดใหญ่เกินไปกลืนไม่ลง”
ไท่ฮูหยินยิ้มแล้วพูดว่า “อุปสรรคเพียงเล็กๆ น้อยๆ เขาก็ทนไม่ได้”
“นั่นสิเจ้าคะ” ป้าตู้กับไท่ฮูหยินพูดไปหัวเราะไปพลางเดินกลับไปที่ห้องปีกทิศตะวันออก บังเอิญมาทันได้เห็นประทัดที่จวนอื่นๆ จุดพอดี ประทัดถูกจุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วยามกว่าจะหยุดลง
สวีลิ่งอี๋มาพาไท่ฮูหยินไปพักผ่อน “…พรุ่งนี้เช้าจะต้องเข้าวังไปถวายพระพร”
ไท่ฮูหยินอายุมากแล้ว หันไปกำชับฮูหยินสามว่า “ระวังฟืนไฟด้วย”แล้วยื่นมือไปหาสืออีเหนียงให้ประคองเข้าไปในห้องชั้นใน
สืออีเหนียงกับป้าตู้ปรนนิบัติไท่ฮูหยินถอดปิ่นปักผม ล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพยุงขึ้นเตียง ขณะที่กำลังจะถอยออกไป กลับถูกไท่ฮูหยินคว้ามือไว้ จากนั้นก็หยิบถุงเงินจากใต้หมอนส่งให้นาง
“นี่สำหรับเจ้า” นางยิ้มตาหยีมองไปที่สืออีเหนียง “อั่งเปาของเจ้า”
สืออีเหนียงตกใจเล็กน้อย ทำตัวไม่ถูกจึงพูดออกไปว่า “ข้าโตแล้วจะรับอั่งเปาจากท่านได้อย่างไรเจ้าคะ…”
นางยังไม่ทันพูดจบไท่ฮูหยินก็ยัดถุงเงินใส่มือนางแล้ว “เจ้ายังไม่ได้เข้าพิธีขึ้นปิ่นปักผม ยังถือว่าเป็นเด็ก เชื่อฟังข้า รับไปเถิด ข้ามอบให้เจ้า”
สืออีเหนียงเห็นความจริงใจของไท่ฮูหยินจึงยิ้มแล้วรับมา
ถุงเงินค่อนข้างหนัก นางกล่าวขอบคุณแล้วเก็บไว้ในแขนเสื้อ
ไท่ฮูหยินพยักหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตบมือนางเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้าจำได้ วันที่ห้าเดือนห้าเป็นวันเกิดเจ้าใช่หรือไม่”
“ท่านแม่ความจำดีจริงๆ” สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเกิดวันที่ห้าเดือนห้ายามจื่อเจ้าค่ะ”
“อืม” ไท่ฮูหยินยิ้มแล้วพยักหน้า “จะต้องจัดงานให้ดีๆ …”
สืออีเหนียงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
วันที่ห้าเดือนห้าปีนี้นางก็จะอายุสิบห้าปี หากจะจัดพิธีขึ้นปิ่นปักผมที่เป็นสัญลักษณ์ของสตรีที่บรรลุนิติภาวะ ย่อมต้องยิ่งใหญ่กว่าวันเกิดปีที่ผ่านๆ มา
นางเพียงแต่ยิ้มแล้วปรนนิบัติไท่ฮูหยินเข้านอนก่อนจะกลับไปที่ห้องโถง
จุนเกอยังคงจุดพลุอยู่กับสวีลิ่งควน แต่สวีซื่อเจี้ยได้หลับไปในอ้อมแขนของปินจวี๋แล้ว เมื่อเห็นสืออีเหนียงออกมา ฮูหยินสามก็ขยี้ตาแล้วถามว่า “ท่านแม่พักผ่อนแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ” สืออีเหนียงพยักหน้า
ฮูหยินสามหันไปมองคุณชายสาม “เช่นนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันเถิด”
คุณชายสามหันไปมองสวีลิ่งอี๋
สวีลิ่งอี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ดีเหมือนกัน ที่นี่ให้เจ้าห้าอยู่ดูแลเถิด”
คุณชายสามพูดอย่างลังเลว่า “เช่นนั้นก็ให้ข้าอยู่ต่อเถิด” ท่าทางดูไม่วางใจสวีลิ่งควน
“ให้เจ้าห้าเป็นคนดูแลเถิด” สวีลิ่งอี๋ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเราควรพักผ่อนได้แล้ว”
คุณชายสามเห็นสวีลิ่งอี๋พูดเช่นนี้จึงไม่กล้าขัด มองดูสวีลิ่งอี๋เรียกสวีลิ่งควนมากำชับด้วยความกังวลเล็กน้อย
สีหน้าของสวีลิ่งควนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “พวกท่านรีบไปพักผ่อนเถิด ข้าสัญญาว่าจะดูแลบรรดาหลานชายให้ปลอดภัย”
สวีลิ่งอี๋ยิ้มพลางตบบ่าเขาเบาๆ พาสืออีเหนียงกับสวีซื่อเจี้ยที่กำลังหลับอยู่กลับเรือน
เมื่อคุณชายสามกับฮูหยินสามเห็นดังนั้นก็มองหน้ากันอย่างจนปัญญา เรียกชิวหลิงมาดูแลสวีซื่อฉินและคนอื่นๆ ก่อนที่จะกลับเรือน
******
สืออีเหนียงเพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็เห็นสวีลิ่งอี๋กำลังเอนกายอยู่บนเตียงหยิบถุงเงินที่นางวางไว้ข้างหมอนมาเล่น
“ท่านแม่ให้มาเจ้าค่ะ” นางยิ้มแล้วอธิบายเพิ่ม “บอกว่าเป็นอั่งเปา” นางยังไม่ทันได้ดูว่าข้างในคืออะไร
สวีลิ่งอี๋ยิ้มแล้ววางถุงเงินไว้ที่ข้างหมอนเหมือนเดิม จากนั้นก็หยิบกล่องสีแดงเล็กๆ ออกมาจากใต้หมอนแล้วส่งให้นาง “ข้าให้เจ้า!”
สืออีเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง
เขาซ่อนกล่องไว้ใต้หมอนตั้งแต่เมื่อใดกัน…เมื่อครู่ตอนปูเตียงก็ไม่เห็นมี…
ส่วนสวีลิ่งอี๋ที่เห็นว่าสืออีเหนียงไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจเหมือนอย่างที่คิด รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยจึงฝืนยิ้ม จากนั้นก็โยนกล่องลงบนผ้าห่ม “ก็เนื่องในโอกาสฉลองตรุษจีนไม่ใช่หรือ”
อย่างไรเสียมันก็เป็นความปรารถนาดีของเขาที่จะมอบของขวัญให้ตัวเอง สืออีเหนียงจึงรีบไปหยิบกล่องมา ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่คือของขวัญตรุษจีนของข้าหรือเจ้าคะ”
สวีลิ่งอี๋ตอบเพียงว่า “อืม” แล้วพลิกตัวหันไปนอน
สืออีเหนียงยิ้มแล้วเปิดกล่อง
ภายใต้แสงไฟสลัวๆ แสงอัญมณีเจิดจ้าทำให้นางหรี่ตาลงอย่างช่วยไม่ได้ ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องได้อย่างชัดเจน
ภายใต้กำมะหยี่สีเขียวอีกามีทับทิมขนาดใหญ่เท่าไข่นกพิราบสิบสองเม็ดวางเรียงกัน
“ท่านโหว…” สืออีเหนียงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “นี่…”
ของสิ่งนี้มีค่าเกินไปแล้ว
นางคิดไม่ออกว่าตัวเองมีเหตุผลอะไรที่จะรับมันมา
สวีลิ่งอี๋ที่หันหลังให้สืออีเหนียงรู้สึกถึงความกังวลของนาง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจพลันรู้สึกยินดีเล็กน้อย แต่คำพูดที่พูดออกมากลับแฝงไว้ด้วยความไม่ใส่ใจ “รีบนอนเถิด! พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า…”