ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 139 งานมงคล (ต้น)
หลังจากลงจากรถม้าหน้าประตูฉุยฮวาจวนจงซานโหวแล้ว มีท่านป้าผู้ดูแลไปรายงานคุณนายสี่ที่เป็นผู้ต้อนรับแขกของสกุลถัง นางสวมเสื้อกั๊กสีแดงปักลายดอกไม้สิบชนิดสีสันสดใส เดินออกมาต้อนรับพร้อมบรรดาสาวใช้ที่ห้อมล้อมนาง ส่งเสียงทักทายมาแต่ไกล “ไท่ฮูหยิน ในที่สุดท่านก็มา”
ไท่ฮูหยินยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่า ตอนที่ 139 งานมงคล (ต้น)
คนที่ออกมาต้อนรับแขกต้องเป็นเจ้า”
คุณนายสี่สกุลถังย่อเข่าคำนับแล้วพูดว่า “ท่านจะบอกว่าข้าพูดเยอะใช่หรือไม่” พูดพลางสายตาจับจ้องไปที่สืออีเหนียง “ช่างเป็นแขกที่เห็นได้ยากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าฮูหยินสี่จะมาด้วย”
คราวที่แล้วที่ไปดูงิ้วที่จวนสกุลสวี ถังฮูหยินก็พานางไปด้วย ทั้งสองคนรู้จักกัน เพียงแต่ตอนนั้นนางยังเป็นสืออีเหนียงสกุลหลัว แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นฮูหยินสี่จวนหย่งผิงโหวไปแล้ว
สืออีเหนียงยิ้มเล็กน้อยแล้วย่อเข่าคำนับนาง “คุณนายสี่”
คุณนายสี่สกุลถังรีบคำนับกลับ มองสืออีเหนียงด้วยความสงสัย “ทั้งสวยและยังสาวเช่นนี้ จะให้คนหน้าตาขี้เหร่เฉกเช่นพวกเราทำอย่างไรได้”
สืออีเหนียงเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย
ไท่ฮูหยินจิ้มหน้าผากนางเบาๆ “เจ้านี่จริงๆ เลย”
คุณนายสี่หัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านเป็นผู้ใดกัน แม้ข้าคือเห้งเจีย[1] แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นเงื้อมมือท่านได้”
ทำเอาไท่ฮูหยินหัวเราะ
คุณนายสี่สกุลถังเดินเข้าไปประคองไท่ฮูหยินแล้วเดินไปทางศาลาทางเดินข้างๆ “ฮูหยินของพวกเรากำลังรอท่านอยู่ เมื่อครู่ยังบ่นอยู่เลยว่าทำไมท่านยังไม่มา” จากนั้นก็หันไปพูดคุยกับสืออีเหนียง “ที่พักของฮูหยินในเรือนเราอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ อีกสักครู่ก็ถึงแล้วเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพยักหน้าให้นาง เดินตามหลังพวกนางไป ได้ยินคุณนายสี่สกุลถังเล่าเรื่องตลกให้ฟังตลอดทาง เมื่อถึงศาลาทางเดิน เลี้ยวไปสองมุมก็ถึงลานกลางจวน คุณนายสี่สกุลถังกำชับสาวใช้น้อย “รีบไปรายงานฮูหยินว่าไท่ฮูหยินและฮูหยินสี่จวนหย่งผิงโหวมาแล้ว”
สาวใช้น้อยรีบไปรายงานในทันที
คุณนายสี่สกุลถังพาไท่ฮูหยินเดินเข้าไปข้างใน ยิ้มแล้วพูดกับไท่ฮูหยินว่า “เจิ้งไท่จวินจวนติ้งกั๋วกง หวงฮูหยินจวนหย่งชังโหว หลินฮูหยินจวนเวยเป่ยโหว กานฮูหยินจวนจงฉินปั๋วมาถึงนานแล้ว ตอนนี้กำลังดื่มชาอยู่กับฮูหยินของพวกเราเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินพยักหน้า
ถังฮูหยินรูปร่างผอมบางสวมเสื้อกั๊กสีแดงลายหงส์น้ำเต้าหลากสีเดินออกมาอย่างรีบร้อนพร้อมกับบรรดาสาวใช้ที่ห้อมล้อมนาง “ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับนะเจ้าคะ” ย่อเข่าคำนับไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินพยักหน้าตอบรับ ชี้ไปที่สืออีเหนียงแล้วพูดกับถังฮูหยินว่า “เจ้าเคยเห็นนางมาก่อน นี่คือลูกสะใภ้สี่ของข้า สืออีเหนียงสกุลหลัว”
สืออีเหนียงย่อเข่าคำนับ
สายตาของถังฮูหยินหยุดอยู่ที่สืออีเหนียงพักหนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า “หาโอกาสเช่นนี้ได้ยากที่ฮูหยินสี่สกุลสวีก็มาด้วย”
สืออีเหนียงอาศัยหลักการ ‘พูดน้อยก็ผิดน้อย’ จึงเพียงแต่ยืนยิ้มเล็กน้อยอยู่ข้างๆ ไท่ฮูหยิน
ถังฮูหยินจับมือไท่ฮูหยินแล้วพาไปข้างใน “ล้วนเป็นพี่น้องที่มาสังสรรค์กันอยู่เป็นประจำจึงตั้งใจพามานั่งในเรือนของข้า”
คุณนายสี่สกุลถังเปิดผ้าม่านด้วยตัวเอง สืออีเหนียงเดินตามไท่ฮูหยินเข้าไปในห้อง
ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างสดใส แขวนผ้าม่านสีแดง ปูด้วยพรมสีแดงเข้ม บนเก้าอี้ไท่ซือสีดำมีเบาะรองนั่งสีแดงปักลายมังกรเมฆาหลากสีและมีหมอนรองพนักพิงวางอยู่ ตรงกลางห้องมีเตาไฟเคลือบทองสามขา และต้นไม้สูงเขียวชะอุ่มจากมุมห้องที่ทำให้ดูสดชื่น
เมื่อเห็นไท่ฮูหยินเดินเข้ามา ทุกคนในห้องก็พากันลุกขึ้นมาคารวะ
หลินฮูหยิน กานฮูหยิน หวงฮูหยิน เจิ้งไท่จวิน แล้วยังมีคุณนายใหญ่สกุลหลินและคุณนายสามสกุลหวงที่ได้พบกันตอนไปดูงิ้วที่จวนสกุลสวีครั้งก่อน ต่างก็เป็นคนเคยเห็นหน้าคาดตากันมาก่อนทั้งสิ้น
เพียงแต่ว่าในยามนี้ไม่ใช่เมื่อยามนั้น
ไท่ฮูหยินแนะนำสืออีเหนียงให้แก่ทุกคน “นี่คือลูกสะใภ้สี่ของข้า”
สืออีเหนียงเดินไปข้างหน้าคำนับทุกคน
หวงฮูหยินเคยมาเข้าร่วมพิธีแต่งงานของนาง ย่อมมีความสนิทสนมต่างจากคนอื่น รีบมาจับมือนางแล้วพูดว่า “แม่สามีของเจ้าว่างเป็นที่สุด เจ้าจะเลียนแบบนางมิได้เชียวนะ ต่อไปนี้ต้องขยันขันแข็งจึงจะถูก”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วตอบรับอย่างนอบน้อม “เจ้าค่ะ”
อาจเป็นเพราะว่ามีตำแหน่งเป็นภรรยาตัวแทนเหมือนกันแล้วก็มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติ กานฮูหยินจึงยินดีกับนางเป็นอย่างมาก หลินฮูหยินและเจิ้งไท่จวินเพียงแต่พยักหน้าเป็นมารยาท
คุณนายทั้งสองเข้ามาคำนับแล้วเรียกนางอย่างสนิทสนม “ฮูหยินสี่”
มีสาวใช้น้อยเข้ามารายงานว่า “เฉียวฮูหยินจวนเฉิงกั๋วกงมาแล้วเจ้าค่ะ”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่สืออีเหนียงอย่างครุ่นคิด
ในเมื่อมากับไท่ฮูหยินแล้ว แน่นอนว่าจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ต่างๆ สืออีเหนียงเตรียมใจไว้นานแล้ว ยืนอยู่ข้างหลังไท่ฮูหยินอย่างสง่าผ่าเผย ให้พวกนางมองได้ตามใจ
“ไท่ฮูหยิน” เฉียวฮูหยินเหมือนลูกโป่งที่ถูกทิ่มจนแตกไปแล้ว ไร้ซึ่งความสนิทสนมเฉกเช่นตอนที่อยู่ในสกุลสวี สีหน้าของนางดูกังวลเล็กน้อย
ไท่ฮูหยินยิ้มแล้วพยักหน้าแล้วแนะนำสืออีเหนียงแก่นาง “นี่คือลูกสะใภ้สี่ของข้า”
เฉียวฮูหยินฝืนยิ้มให้สืออีเหนียง จากนั้นก็ทักทายนาง
คุณนายสี่สกุลถังเห็นว่าบรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย จึงรีบยิ้มแล้วเชิญให้ทุกคนนั่งลง มีสาวใช้น้อยเข้ามารายงานว่า“คนรับสินสอดทองหมั้นมาแล้วเจ้าค่ะ”
ถังฮูหยินยิ้มพลางมองสืออีเหนียง “คนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าชอบดูความครึกครื้นมิใช่หรือ อย่าเอาแต่อยู่ที่นี่เลย ให้คุณนายสี่พาเจ้าไปดูสักหน่อยเถิด”
เมื่อคุณนายสี่ได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มแล้วมาเชิญสืออีเหนียง
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้คุณหนูถังจะออกเรือน ข้าค่อยไปดูตอนเจ้าบ่าวแจกอั่งเปาก็ได้กระมัง วันนี้เป็นวันมอบสินสอดทองหมั้น ข้าไม่รู้ว่าควรจะเสียใจแทนถังฮูหยินหรือควรจะดีใจแทนคุณหนูถังดี ข้าว่าไม่ไปจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
ทำเอาทุกคนพากันหัวเราะ
หวงฮูหยินกับไท่ฮูหยินสกุลสวีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ส่วนวันนี้หวงฮูหยินได้พาคุณนายสามสกุลหวงมาด้วย แน่นอนว่าคุณนายสามสกุลหวงผู้นี้ย่อมมีบทบาทเช่นกัน นางรีบยกยอสืออีเหนียง จับมือสืออีเหนียงแล้วพูดว่า “คราที่แล้วในสินสอดของเจ้า ข้าเห็นว่ามีฉากปักลายภูเขาแม่น้ำสองด้าน ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นคนปักเองนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
สืออีเหนียงจะไม่รู้เจตนาดีของคุณนายสามสกุลหวงได้อย่างไร ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าทำตอนว่างๆ มองดูแล้วก็ไม่เลวเลยทีเดียวจึงได้นำมาด้วย”
คุณนายสามสกุลหวงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ช่างเป็นงานฝีมือที่เฉียบแหลมจริงๆ เกรงว่าผู้สูงศักดิ์ของสำนักเย็บปักถักร้อยในวังหลวงก็ไม่สามารถปักของแบบนี้ออกมาได้ ข้าดูแล้วเหมือนว่าจะเป็นเคล็ดลับของหอเซียนหลิง แต่ได้ยินมาว่าเคล็ดลับการใช้เข็มของหอเซียนหลิงนั้นไม่มีเผยแพร่สู่ภายนอก ดังนั้นข้าจึงไม่กล้ายืนยัน”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “ที่ข้าเรียนมาก็คือเคล็ดลับของหอเซียนหลิง เน้นความเรียบง่ายและสง่างาม มิอาจเทียบกับผู้สูงศักดิ์ในวังที่ให้ความสำคัญด้านความงดงาม คุณนายสามสกุลหวงชมเกินไปแล้ว” นางบ่ายเบี่ยงคำชมของคุณนายสามสกุลหวง จะได้ไม่มีใครหยิบยกเอาเรื่องนี้มาพูด จากนั้นก็อธิบายว่า “เคล็ดลับของหอเซียนหลิงไม่ได้เผยแพร่สู่ภายนอกจริงๆ เพียงแต่ว่าคนที่ถ่ายทอดศิลปะนี้ให้ข้าคืออาจารย์เจี่ยนแห่งหอเซียนหลิง ทักษะการใช้เข็มของหอเซียนหลิงมีต้นกำเนิดมาจากนาง เพียงแต่ว่านางได้พบเจอคนไม่ดีเมื่อหลายปีก่อน จึงไร้ที่พึ่งพิง ต้องขอบคุณที่มีคนของหอเซียนหลิงคอยดูแล บุญคุณนี้ไม่อาจตอบแทนได้ ดังนั้นจึงได้เผยแพร่ทักษะการใช้เข็มให้แก่หอเซียนหลิง ข้าที่เรียนทักษะงานฝีมือกับนาง แน่นอนว่าย่อมไม่ได้อยู่ในข้อจำกัดนี้ แต่ว่าเป็นเพราะหอเซียนหลิงมีบุญคุณต่ออาจารย์เจี่ยนเป็นอย่างมาก ข้าจึงไม่อาจถ่ายทอดทักษะการใช้เข็มนี้ให้แก่ผู้อื่นได้” นางพูดเช่นนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงเผื่อมีคนคิดอยากจะใช้ทักษะการใช้เข็มนี้
เดิมทีทุกคนก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่พอได้ยินนางเล่าถึงความลับของหอเซียนหลิง แต่ละคนต่างก็พากันตั้งใจฟัง แม้แต่ไท่ฮูหยินเองก็เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ” เมื่อคุณนายสามสกุลหวงได้ฟังก็รู้สึกเสียดาย “มิเช่นนั้นแล้วพวกเราก็ร่วมมือกันเปิดหอปักเย็บไปแล้ว แต่ก็เกรงว่าจะไปแย่งชิงกิจการของหอเซียนหลิงเอาได้”
สืออีเหนียงอดยิ้มไม่ได้ “จะว่าไปทักษะการใช้เข็มนี้อาจารย์เจี่ยนก็เป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง แต่กลับมารุ่งเรืองเมื่อมาอยู่ในหอเซียนหลิง คิดๆ ดูแล้วที่หอเซียนหลิงมีวันนี้ได้ก็ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ทักษะการใช้เข็มนี้เท่านั้น”
คุณนายใหญ่สกุลหลินนั่งเงียบๆ อยู่ด้านข้าง ได้ยินคุณนายสามสกุลหวงกับสืออีเหนียงพูดคุยกันอย่างครึกครื้นก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ที่ฮูหยินสี่พูดก็มีเหตุผล นอกจากงานปักสองด้านแล้วหอเซียนหลิงก็มีชื่อเสียงด้านด้ายไหมเช่นกัน ข้ามีประสบการณ์มานานแต่ก็ยังไม่เคยเห็นงานปักที่ดีกว่าร้านของพวกนาง”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วถามว่า “คุณนายใหญ่สกุลหลินเป็นคนจากทางเหนือใช่หรือไม่เจ้าคะ”
คุณนายใหญ่สกุลหลินพยักหน้า “ข้าเป็นคนทางเหนือ”
“คนทางเหนือล้วนชอบใช้ด้ายไหมของหอเซียนหลิง แต่คนหังโจวอย่างพวกเรากลับชอบด้ายไหมของไฉ่ซิ่ว” สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดต่อว่า “บ้านเกิดของนางมีการแบ่งเฉดสีที่ละเอียดมาก เพียงแค่สีขาวก็สามารถแบ่งได้ถึงเจ็ดเฉดสี…”
นางพูดอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่การเย็บปักถักร้อยด้วยด้ายคุณภาพดีไปจนถึงการใช้สี ดูเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ ในตอนท้ายหลินฮูหยินพูดขึ้นว่า “…ฮูหยินสี่ ข้ามีเรื่องอยากจะขอรบกวน” ไม่รอให้สืออีเหนียงได้ตอบก็พูดต่อว่า “ฮุ่ยเจี่ยเอ๋อร์ของข้าปีนี้ก็อายุสิบสองปีแล้ว ข้าได้เชิญอาจารย์ด้านการเย็บปักถักร้อยมาหลายคนแต่ก็ช่วยอันใดไม่ได้เลย พรุ่งนี้ข้าจะส่งนางไปที่จวนท่าน ให้ท่านช่วยดูให้สักหน่อย ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการให้ท่านทำสิ่งใด เพียงแค่บอกกับนางให้นางมีความรู้ในเรื่องนี้ก็พอแล้ว”
สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็วทำให้สืออีเหนียงตกใจเป็นอย่างมาก
นางอดที่จะหันไปมองไท่ฮูหยินไม่ได้
ไท่ฮูหยินยิ้มตาหยีให้นางราวกับจะบอกว่า ให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจเอง
สืออีเหนียงใจเต้นแรง
นางนึกถึงเจินเจี่ยเอ๋อร์…
หากมีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกันนางก็อาจจะไม่เหงาถึงเพียงนี้!
ถ้าหากตัวเองสอนไม่ได้จริงๆ ก็ไปเชิญอาจารย์เจี่ยนมา ค่าครูจะต้องสูงกว่าของสกุลหลัวอย่างแน่นอน!
ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
สืออีเหนียงตัดสินใจที่จะสอนฮุ่ยเจี่ยเอ๋อร์สกุลหลิน แต่ก็ไม่สามารถตอบตกลงอย่างง่ายดายจนเกินไป สิ่งที่ได้มาอย่างยากลำบากมักจะเป็นสิ่งที่ดีเสมอ
นางมีสีหน้าลำบากใจ “ข้าไม่เคยสอนลูกศิษย์มาก่อน…ยิ่งไปกว่านั้นทักษะของข้าก็มาจากหอเซียนหลิง…”
เมื่อหลินฮูหยินได้ยินดังนั้นก็รีบร้อนใจ
งานปักของหอเซียนหลิงมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า เพียงแค่เรียนรู้ครึ่งเม็ดแตงโม พูดออกไปก็เป็นหน้าเป็นตาแก่บ้านแม่สามีเป็นอย่างมากแล้ว!
“ฮูหยินสี่ เช่นนั้นท่านช่วยเขียนจดหมายไปถามอาจารย์เจี่ยนได้หรือไม่ ถึงพวกเราเรียนรู้ไปก็ไม่ไปแย่งกิจการของหอเซียนหลิงหรอก อีกอย่างแม้ว่าหอเซียนหลิงรู้แล้ว คนอย่างเราไม่เพียงแต่จะไม่สร้างมลทิน จะว่าไปแล้วพวกเขายังได้เปรียบเสียอีก”
คุณนายใหญ่สกุลหลินสมองแล่นไวเสียจริง!
สืออีเหนียงกัดฟันแน่น “เช่นนั้นข้าจะลองเขียนจดหมายไปถามดู” จากนั้นก็ยิ้มอย่างอึดอัด “คุณนายใหญ่ดันมาชอบฝีมืองานปักของข้าเสียได้ หากถูกใจดอกไห่ถังในเรือนตะวันตกของข้าคงจะดีกว่านี้”
ฮูหยินสามสกุลหวงพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ดอกไห่ถังในจวนตะวันตกของเจ้ามีอะไรดีหรือ”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะสั่งให้คนนำมันส่งไปที่เรือนคุณนายใหญ่สกุลหลิน จะได้ไม่ต้องลำบากเช่นนี้”
ทุกคนหัวเราะ
คุณนายใหญ่สกุลหลินพูดขึ้นมาว่า “ในเรือนของข้ามีดอกกล้วยไม้หยกอยู่ หากท่านไม่รังเกียจ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนนำไปส่งให้ท่าน”
เมื่อหวงฮูหยินได้ยินดังนั้น ก็ชี้ไปที่สืออีเหนียงและคุณนายใหญ่สกุลหลินแล้วพูดกับไท่ฮูหยินและหลินฮูหยินว่า “พวกท่านเห็นแล้วใช่ไหม พวกนางเป็นพวกล้างผลาญสมบัติในเรือน แม้แต่ต้นไม้สองต้นก็รักษาไว้ไม่ได้ มีแต่พวกท่านที่เอาแต่อุ้มชูพวกนางเหมือนกับเป็นสมบัติล้ำค่า”
ในตอนนี้ทุกคนไม่ได้สนใจสงวนท่าทีอีกต่อไป แต่ละคนต่างพากันหัวเราะออกมาเสียงดัง
ทำเอาสาวใช้น้อยที่เข้ามารายงานมึนงง “…ท่านป้าบอกว่า จัดเตรียมสำรับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
—————–
[1]เห้งเจีย หรือ ซุนหงอคง เป็นหนึ่งในตัวละครเอกเรื่องไซอิ๋ว