บ่อยครั้งที่อิงนึกสงสัยอยู่ในหัว แต่ไม่กล้าที่จะถามออกไป ถึงพ่อแท้ ๆ ของเธอว่า เขาคือใคร เขาอยู่ที่ไหนแล้วทำไมแม่ถึงเลี้ยงพวกเธอคนเดียว แม่ไม่เคยพูดถึงพ่อสักครั้ง หรือแม้แต่ครอบครัว ญาติพี่น้อง

และ…เธอก็ได้รู้ความจริงหลาย ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เธอสงสัย หลังแม่จากไปได้ประมาณ 1 เดือน

เริ่มจาก เรื่องคนที่ขับรถชนแม่ แล้วหนีไปก่อน ที่ทางฝ่ายตำรวจยังจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีไม่ได้ โดยอ้างว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่พยายามที่จะสืบต่อ ดูเหมือนไม่สนใจทำคดีนี้สักเท่าไหร่ ทุกอย่างมันดำเนินการช้าไปทั้งหมด จนเรื่องเริ่มซาไปและไม่เป็นที่สนใจอีกต่อไป ดูท่าคนชนคงจะเป็นคนที่มีเส้นใหญ่และชื่อเสียงพอสมควร ที่พยายามนักหนาในการปิดข่าวเรื่องนี้

ส่วนเรื่องที่สอง ญาติทั้งฝ่ายแม่และฝ่ายพ่อพอรู้ว่าแม่เสีย ก็พากันร้องไห้พอเป็นพิธี สุดท้ายต่างเกี่ยงกันเรื่องการเลี้ยงดูเธอทั้งสอง ไม่มีฝั่งไหนอยากรับเลี้ยงพวกเธอ อ้างว่าภาระเยอะ เลี้ยงดูไม่ไหว ทั้ง ๆ ที่ญาติทั้งทางฝ่ายพ่อและแม่ ก็ถือว่ามีฐานะพอสมควร รวมถึงพ่อแท้ ๆ ไม่ยอมรับอิงและอันเป็นลูก เพราะตอนนี้พ่อได้แต่งงานใหม่ มีชีวิตที่ดีกับครอบครัวใหม่ อีกไม่นานก็จะมีเด็กน้อยออกมาลืมตาดูโลก จึงไม่อยากให้พวกเธอเขามาเกี่ยวข้องในครอบครัวใหม่ ส่วนทางฝั่งแม่ ไม่ยอมรับเด็กที่เกิดจากแม่ที่ท้องก่อนแต่ง ใจแตก พลาดท้องกับพ่อตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง หน้าตาทางสังคม ที่สำคัญไม่ยอมรับเด็กที่เกิดมาจากพ่อ ดูเหมือนทางฝั่งแม่ไม่ค่อยปลื้มพ่อมากทีเดียว แม่จึงต้องเลี้ยงพวกเธอทั้งสองอย่างยากลำบาก ด้วยเหตุที่ต่างฝ่ายต่างผลักภาระเรื่องการเลี้ยงดูอิงและอัน จนสุดท้ายทั้งสองก็ต้องไปอยู่กับญาติห่าง ๆ ทางฝ่ายแม่ที่กรุงเทพอย่างจำใจ

ก่อนที่พวกเธอแยกตัวออกมาและตัดขาดจากญาติทางฝ่ายพ่อและแม่ เป็นเวลาเกือบ 2 ปีหลังจากที่อิงถูกทาบทาม และมันก็มีปัญหาเกิดขึ้นเล็กน้อย… พอเห็นว่าอิงเริ่มมีชื่อเสียง ญาติทั้งสองฝ่ายต่างมาทำดี พยายามเข้ามามีบทบาทในชีวิตของอิงและอัน หวังใช้ชื่อเสียงอิงสร้างความดีความชอบ สร้างชื่อเสียงให้ตนเอง แย่งพากันรับตัวพวกเธอไปเลี้ยง จนมีข่าวออกมาในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ช่วงหนึ่ง จนถึงขั้นขึ้นศาลกันมาแล้ว อิงเลยใช้โอกาสนี้ประกาศให้สื่อและครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้ว่าพวกเธอต้องการแยกตัวออกมาและไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับญาติทั้งสองฝ่ายอีกต่อไป

ตั้งแต่นั้นมา อิงและอันพยายามทำงานหาเงิน ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี อันเรียนทางด้านภาษา ทำงานด้านนิตยสารที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ส่วนอิงเรียนนิเทศ เธอไปสายงานแสดง เหมาะกับงานที่เธอทำอยู่ ถ้าหมายถึงฉากหน้าละนะ แต่ถ้าฉากหลังคือ…อิงเรียนจบโรงเรียนตำรวจ และทำงานเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบคอยสืบเรื่องของคนระดับสังคมชั้นสูง ไฮโซ เซเลบ เพราะตอนที่เรียน อิงก็มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคมอยู่แล้ว ทำให้ทางเบื้องบนส่งเธอเข้าไปคอยสืบ สอดแนมในสังคมชั้นบน ทำให้เธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดคนดังอยู่พอสมควร แน่นอนว่าเรื่องที่เธอเป็นตำรวจต้องเก็บเป็นความลับสุดยอด แม้แต่อันก็ไม่รู้

ช่วงแรก ๆ อิงพยายามอย่างหนักเพื่อปรับตัวให้เข้ากับโหมดการทำงานทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน อีกทั้งต้องปกปิดอันซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอิงขณะนั้น เพราะอิงยังหาผู้จัดการที่ไว้ใจไม่ได้ พอทุกอย่างเริ่มลงตัวทั้งหน้าที่การงาน และชีวิตประจำวัน อิงไม่อยากให้อันต้องเสี่ยง และเป็นอันตราย อิงเลยหาผู้จัดการมาแทนอัน นั่นคือ นที ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของอิงที่ดูไว้ใจได้ เขาเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ ตอนที่แม่ยังไม่เสียไป แล้วปล่อยให้อันไปทำงานตามที่เธอต้องการ ที่เธอถูกบริษัททาบทามไว้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม้ความฝันหนึ่งอย่างของอันคือ อยากเป็นนักแสดงตามพี่ แต่อิงไม่เห็นด้วย แม้อันจะไม่เข้าใจแต่เธอก็เชื่ออิง อันเลยเลือกที่จะทำอีกหนึ่งอย่างที่เธอรัก คือการเป็นนักเขียน อันเลยเป็นนักเขียนคอลัมน์นิตยสารเกี่ยวกับอาหาร

ต่างคนต่างทำงานกันไปจนระยะหนึ่งที่ อิงและอันแยกกันอยู่ เพราะที่ทำงานของแต่ละคนอยู่คนละที่กัน และต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับนานมาก ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติในทุก ๆ วัน ผ่านไปหลายปี จนปัจจุบันนี้อิงกลายเป็นดาราที่มีชื่อเสียง มากความสามารถทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยไม่น้อย แม้มันจะมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายแต่มันก็ผ่านไปด้วยดีทุกครั้ง

จนตอนนี้อันได้แต่งงานกับลูเซี่ยนไปแล้ว ซึ่งเขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่อิงวางใจ ไว้ใจที่ สามารถดูแลและปกป้องอันแทนเธอได้ เธอเบาใจได้เปลาะหนึ่ง เธอคิดเสมอว่าจะมีใครที่มาดูแลอันได้นอกจากเธอในยามที่เธอไม่อยู่ เพราะอิงมีอีกหนึ่งหน้าที่ที่อยู่หลังม่านดารา นักแสดงที่ไม่สามารถบอกใครได้และมันอันตรายมาก ถ้าเกิดมีคนนอกรู้ว่าเธอคือใคร อาจทำให้อันได้รับอันตราย มันเป็นเรื่องที่อิงกังวลมาโดยตลอด ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในวงการของตำรวจสายสืบนอกเครื่องแบบ…