หลังจากอันพูดความรู้สึกออกมา อย่างน้อย ๆ นายใหญ่ก็ให้อันพิสูจน์ตัวเอง
อันไม่พูดอะไร น้ำตาคลอแต่ไม่ร้องออกมา ลูเซี่ยนใช้มือดึงเธอขึ้นมาจากพื้น อันลุกขึ้น หันไปมองลูเซี่ยน ก่อนจะตบหน้าเขาหนึ่งที
เพี๊ยะ!
“พอใจคุณแล้วใช่ไหม ที่เห็นฉันโดนด่า โดนดูถูก คนใจร้าย”
อันร้องไห้ออกมา เธอเสียใจมาก อันเดินออกไปจากห้อง เดินไปไม่รู้ทิศทาง หวังจะออกไปจากที่นี่
ลูเซี่ยนคว้ามือเธอไว้ แล้วลากเธอเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง โดยไม่พูดอะไร เขาคงโมโหอันที่ตบหน้าเขา เขาคงจะทำให้อันอับอายอีกละสิ ลูเซี่ยนผลักเธอเข้าไปในห้อง อันไม่สบตาเขา น้ำตาอาบแก้ม ลูเซี่ยนสวมกอดเธออย่างอ่อนโยน
“ปล่อย”
อันพูดและดิ้นออกจากอ้อมกอดเขา อันโกรธมาก ลูเซี่ยนกอดเธออยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย
“ผมรู้ แต่ผมอยากให้คุณเห็นว่านี่คือครอบครัวของผม ครอบครัวที่เลี้ยงผมขึ้นมาในฐานะผู้สืบทอดตั้งแต่เด็ก ๆ เราไม่ได้อยู่กันเหมือนครอบครัวคนปกติทั่วไปที่พูดคุยกันสนิทสนม มันออกจะเครียดไปด้วยซ้ำ แต่ถึงยังไง นี่คือครอบครัวของผม ผมอยากให้คุณเห็น และรับสิ่งที่ครอบครัวของผมเป็นให้ได้ ผมเลยพาคุณมาที่นี่โดยไม่บอกอะไร เพราะคุณคือคนที่ผมตัดสินใจว่าคุณจะเป็นผู้หญิงคนแรกและคนสุดท้ายของผมที่ยอมรับและเข้าใจผม คุณทำให้ใจของผมมีแต่คุณและผมไม่มีวันปล่อยมือคุณไปอีกเป็นครั้งที่สองแน่”
อันฟัง เธอเข้าใจถึงสิ่งที่เขาพูด
“แต่คุณก็ยังปล่อยให้ฉันโดนว่า โดนดูถูก”
“และผมก็รู้ว่า คุณทำได้ คุณสามารถแสดงจุดยืนของตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาผม ผมอยากให้ทุกคนเห็นตัวตนของคุณ ไม่ใช่ข่าวลือที่ใคร ๆ ปรุงแต่งมันขึ้นมา ไม่อย่างนั้น พ่อคงไม่อนุญาตให้แม่ดูแลคุณหรอก”
“…”
อันตั้งใจฟัง ไม่ดิ้นขัดขืนเหมือนตอนแรก
“ตระกูลลีมีกฎอยู่ข้อนึงว่า ผู้สืบทอดรุ่นถัดไป ถ้าเจอผู้หญิงที่ตนรักแล้ว ต้องนำว่าที่นายหญิงมาตระกูลใหญ่ เพื่อให้นายหญิงใหญ่เป็นคนตัดสินว่าเหมาะสมรึเปล่า และนายใหญ่จะตัดสินใจอีกครั้ง ถ้าการประชุมเมื่อกี้ พ่อไม่พูดออกมาให้แม่ประเมินเธอ ผมคงต้องส่งเธอกลับไทยไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมหรอกนะ เพราะเธอคือคนที่ผมเลือก และรักคุณมาก” ลูเซี่ยนพูด
อันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด เธอดีใจมากที่ได้ยินคำที่อยากได้ยินมาตลอดออกจากปากลูเซี่ยน เธอเองก็รักลูเซี่ยนมากเช่นกัน อันจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาสีฟ้าของลูเซี่ยนที่มองเธอด้วยความจริงใจ เอ่อล้นด้วยความรัก
“ลูเซี่ยน แม่เข้าไปนะ”
ระหว่างที่คุยอยู่ในห้อง แม่ของลูเซี่ยนเดินมาหา ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนให้พวกเธอทั้งสอง
“สวัสดีค่ะ”
อันทักนายหญิงเป็นภาษาอังกฤษ
เธอยิ้มให้อัน ก่อนจะหันมาพูดกับลูเซี่ยน
“แม่ขอคุยกับอันเป็นการส่วนตัวหน่อยได้รึเปล่า”
ลูเซี่ยนพยักหน้าก่อนเดินออกจากห้องไป อันรู้สึกเกร็ง ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ของลูเซี่ยน เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก นัยน์ตาสีฟ้าเหมือนลูเซี่ยน
นายหญิงใหญ่ พาอันเดินชมบ้านใหญ่ ซึ่งแต่ละห้องจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ รอบ ๆ เกือบทั้งตัวบ้าน ถูกห้อมล้อมด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ และมีศาลากลางน้ำอยู่กระจัดกระจาย ทั้งสองฝั่งของสระน้ำถูกจัดเป็นสวนดอกไม้ส่งกลิ่นหอม เธอพาอันมาเดินรับลมไปรอบ ๆ บ้าน รับกลิ่นหอมของดอกไม้ ท่ามกลางอากาศเย็นสบายกำลังดี มองดูสระน้ำที่ถูกแต่งเติมไปด้วยดอกบัวมากมายหลายสี ระหว่างทางก็คุยเรื่อยเปื่อยเรื่องความเป็นอยู่ที่ไทย ต่าง ๆ นานา ก่อนจะมาหยุดนั่งที่ศาลากลางน้ำหลังใหญ่ใกล้ ๆ กับหน้าบ้าน เพลิดเพลินกับบรรยากาศ จิบน้ำชา
“คงตกใจมาสิน่ะ”
นายหญิงกล่าวเริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้ง หลังทุกอย่างอยู่ในความเงียบ
อันยิ้ม พยักหน้ารับ
“งั้น…เราเข้าเรื่องของเราเลยแล้วกัน ฉันคิดว่าเธอไม่เหมาะสมกับลูเซี่ยนหรอกนะ”
นายหญิงใหญ่ที่ดูอ่อนโยนเมื่อกี้ เปลี่ยนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รับรู้ถึงความนิ่งสงบ และความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวของนายหญิงใหญ่ เธอไม่กล้าแม้แต่กระดิกตัว
“คะ?” อันพูด
“เพราะอะไรรู้ไหม”
“เพราะหนูอ่อนแอเหรอคะ”
นายหญิงใหญ่ส่ายหน้า
“เปล่าเลย เพราะเธอไม่ได้เตรียมใจต่างหาก”
อันจ้องหน้านายหญิงใหญ่
“…”
อันเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่นายหญิงใหญ่พูด ในทางกลับกันก็เหมือนจะไม่เข้าใจ
“ความรักมันสำคัญก็จริง แต่คนที่จะยืนอยู่เคียงข้างลูเซี่ยน คนที่จะต้องก้าวขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดของตระกูล แค่ความรักมันไม่พอหรอก”
นายหญิงใหญ่พูดต่อไป อันนิ่งเงียบตั้งใจฟัง
อันพอเข้าใจในความหมายข้อนั้นดีที่สุด และนี่เป็นเหตุผลที่เธอกังวลมาตลอด กลัวไม่กล้าที่จะรักลูเซี่ยน เพราะเธอและเขาแตกต่างกันมาก การพบกันของพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้เริ่มต้นด้วยดี เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มันทำให้อันไม่เข้าใจความคิดของลูเซี่ยน ว่าเขาต้องการอะไร เธอรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยไปตามอากาศ ไม่มั่นคงในความรู้สึกของตัวเองและความรู้สึกที่มีให้ลูเซี่ยน ทำให้อันเกิดความลังเลว่าจริง ๆ แล้วเธอรักลูเซี่ยนจริง ๆ หรือเปล่าในช่วงหนึ่ง แต่พอเธอไม่ได้เจอกับลูเซี่ยนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ต่างคนต่างทำงาน ในใจของเธอก็ไม่เปิดใจรับใครเข้ามา พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง ความรู้สึกทั้งหมดมันพรั่งพรูออกมา นั่นทำให้เธอแน่ใจว่าเธอรักลูเซี่ยนจริง ๆ แต่ว่า เธอไม่มั่นใจว่าจะเป็นคนที่ยืนเคียงข้างลูเซี่ยนได้จริง ๆ นายหญิงใหญ่พูดต่อไปว่า
“นี่คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอสับสนและกังวลสินะ” อันพยักหน้ารับและยิ้มให้นายหญิงด้วยสายตาเศร้า
“เธอนะแข็งแกร่งกว่าฉัน”
“ไม่หรอกค่ะนายหญิงใหญ่ ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะสร้างให้ประโยชน์กับลูเซี่ยนได้ยังไง หรือต้องทำยังไงเพื่อแบ่งเบาภาระลูเซี่ยนได้ ทำอย่างไรให้เขาเหนื่อยน้อยลง เพราะที่ผ่านมาฉันเห็นลูเซี่ยนทำงานหนักตลอด”
“เธอคงรู้มาบ้างแล้วว่า ฉันกับอีคอนถูกทางตระกูลลีแยกออกมา ไม่ให้มายุ่งเกี่ยวในธุรกิจหรือมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตระกูลลี เธอคิดว่าเพราะเหตุผลอะไร”
“ไม่ทราบค่ะ”
“เพราะฉันอ่อนแอเกินไป จนไม่สามารถเคียงข้างเขาได้ไงล่ะ ถูกใช้ให้เป็นข้อแลกเปลี่ยนต่าง ๆ และอีคอนได้นิสัยของฉันไป นายใหญ่จึงตัดสินใจให้เราแม่ลูกไปอยู่อังกฤษ ไม่ให้มาบ้านใหญ่ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น จะกลับมาได้ก็เฉพาะงานสำคัญเท่านั้น”
“แต่ว่า นายหญิงแข็งแกร่งนะคะ”
อันยังพูดย้ำคำเดิม ๆ นายหญิงส่ายหน้า
“ความแข็งแกร่งที่เธอพูดถึงคืออะไรละ มันใช้ไม่ได้กับตระกูลลีหรอกน่ะ ความแข็งแกร่งที่เธอพูดมันไม่เพียงพอที่จะยืนเคียงคู่กับเขาได้”
“แต่ถึงอย่างนั้นนายหญิงก็รักนายใหญ่ และนายใหญ่ก็รักและเป็นห่วงนายหญิงมากเช่นกัน”
นายหญิงยิ้มให้อันกับความใสซื่อที่อันยังไงเข้าใจในความหมายที่นายหญิงใหญ่กำลังจะบอก
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอถาม การเตรียมใจของเธอคืออะไร”
“หนูยังไม่รู้เลยค่ะ”
อันเงียบไปสักครู่ ก่อนตอบออกมาด้วยสีหน้าเศร้า
“… งั้นเหรอ ฉันให้เวลาเธอ 3 วัน คิดให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่เธอมีให้กับลูเซี่ยน และการเตรียมใจของเธอคืออะไร ถ้าเธอยังหาคำตอบไม่ได้ ก็กลับไปซะ เพราะฉันไม่อยากเห็นตัวฉันอีกคนที่จะทำให้ลูเซี่ยนต้องลำบาก ฉันว่าเธอเหมาะสมกับลูเซี่ยนกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ แต่ถ้าในตระกูลลีมันไม่ใช่ และระหว่างที่อยู่ที่นี่อย่าออกไปไหนคนเดียว ต้องมีคนติดตามด้วยนะ”
นายหญิงลุกขึ้นเดินจากไป
‘เธอนะอ่อนโยนและแข็งแกร่ง แต่มันยังไม่พอหรอก’ นายหญิงใหญ่คิดในใจ
“สิ่งสำคัญ? เตรียมใจ? ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ”
อันมองถอดยาวออกไปในสระน้ำ มองดูปลาแหวกว่ายในสระ
เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์แล้ว 2 วัน
อันก็ยังหาคำตอบให้ตัวเอง และตอบคำถามนายหญิงไม่ได้
“เฮ้อ”
อันนั่งถอนหายใจอยู่ตรงศาลาริมน้ำ ครุ่นคิดถึงคำถามที่นายหญิงถามเธอ อันเหลือเวลาอีกแค่ 1 วัน หลังนายหญิงตั้งคำถามให้เธอ เธอเดินคิด วนไป วนมา พร้อม ๆ กับเดินสำรวจพื้นที่ในคฤหาสน์ที่ดูกว้างใหญ่ แม้ว่าบ้านแต่ละหลังดูภายนอกเหมือนแยกจากกัน และภายในกลับมีทางเชื่อมถึงกันไปในทุกที่ เธอเดินไปทักทายทุกคนที่เธอเห็น และทุกคนดูจะเป็นมิตรกับเธอมาก
“ย้า ย้า โครม”
เสียงเหมือนคนกำลังต่อสู้ เสียงดังถึงศาลาริมน้ำ อันเดินตามเสียงนั้นไป แล้วเจอกับโรงฝึกซ้อมคาราเต้ ที่บอดี้การ์ดทุกคนกำลังซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น
“คุณอัน สนใจคาราเต้เหรอครับ”
เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น กระซิบข้าง ๆ เธอ เมื่อเห็นเธอด้อมมองอยู่นอกอาคาร
“ว้าย”
อันตกใจและรีบถอยไปด้านหลัง เขาคือเลขาบอดี้การ์ดของลูเซี่ยนที่เหงื่อโชกตั้งแต่เช้า หลังผ่านการฝึกช่วงเช้า
“คุณเลขานี่เองเหรอ ตกใจหมดเลย”อันพูด
“มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”
“อ้อ พอดีได้ยินเสียงดังไปถึงศาลาริมน้ำ ก็เลยเดินตามเสียงมานะคะ นี่ซ้อมแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ”
“ครับ ทุก ๆ เช้าก่อนเริ่มงานบอดี้การ์ดทุกคนต้องมาฝึกซ้อมกันที่นี่ก่อนปฏิบัติภารกิจ”
อันพยักหน้าเชิงเข้าใจ ทุกคนที่นี่ดูขรึม และวางตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือชาย ซึ่งจุดตรงนั้นที่เธอไม่เข้าใจ แม้ภายนอกจะคุยกันปกติ แต่ก็มีจุดจุดหนึ่งที่เวลาคุยที่ทำให้เธอรู้สึกเข้าไม่ถึง ความสุขุม ความมั่นใจนั่นมันคืออะไรกันนะ
อันส่ายหัวไปมา พลางถอนหายใจ เพื่อดึงความคิดเครียด ๆ ออกจากหัว ตั้งแต่ตื่นเช้ามาอันไม่รู้ถอนหายใจทิ้งไปกี่รอบแล้ว
“อ๊ะ จริงสิ คุณเลขา” อันถาม
“ครับ?”
“ช่วยสอนคาราเต้สำหรับป้องกันตัวให้อันหน่อยสิ”
“เอ๊ะ”
“คือประมาณว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะได้ปกป้องตัวเองได้ไง” อันพูดพร้อมทำท่าทางดี๊ด๊า เลขาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบตกลงสอนท่าป้องกันตัวให้อัน ในท่าที่สำคัญ ๆ ประมาณ 3 ท่า และแน่นอนว่าเธอถูกทุ่มลงพื้นทันทีที่เข้าประจันหน้ากับเลขาบอดี้การ์ด อันทั้งจุก และปวดไปทั้งตัว แต่เธอไม่ยอมแพ้หรอก
เวลาผ่านไปราว ๆ 1 ชั่วโมง
“ผมว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน คุณอันเองเรียนรู้ได้เร็ว ลองไปฝึกด้วยตัวเองดู เดี๋ยวก็คล่องครับ” อันพยักหน้ารับ
แล้วเลขาบอดี้การ์ดขอตัวไปทำงานอย่างอื่นต่อ อันฝึกต่อด้วยตัวคนเดียวอยู่ในโรงฝึกเกือบ 2 ชั่วโมง เพราะเธออยากจำกระบวนท่าที่เลขาบอดี้การ์ดสอนให้คล้อง เหงื่อที่ออกมาจนเสื้อชุ่มหลังจากการเล่นคาราเต้ มันช่างให้ความรู้สึกโล่งและปลอดโปร่งเหมือนได้เอาความคิดที่หนักอึ้งออกไปจากสมองได้ช่วงระยะหนึ่ง
อันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดกี่เพ้าสีชมพูปักลายดอกไม้อย่างสวยงามแล้วถักเปียเกล้าผมให้เข้ากับชุด ที่นี่เองก็มีธรรมเนียมปฏิบัติคือต้องใส่ชุดจีนเมื่ออยู่ที่บ้าน แต่ถ้าออกไปทำธุระค่อยเปลี่ยนเป็นชุดทางการ คือเป็นชุดสูทหรือชุดที่ดูเหมาะสมกับสถานที่และฐานะ อันนั่งพักอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่นานก็มีคนรับใช้ประจำตัวเอาน้ำชามาเสิร์ฟพร้อมขนมทานเล่น เธอชื่อ ชิงชิง เป็นคนรับใช้ประจำตัวของอันเมื่ออยู่ที่นี่
“ขอบใจนะชิงชิง ชาที่นี่อร่อยมาก ขนมนี้ก็อร่อย อร่อยไปหมดทุกอย่าง”
อันพูดชม ระหว่างจิบน้ำชาและกินขนม โดยชิงชิงนั่งอยู่ใกล้ ๆ คอยรินน้ำชาให้
“ค่ะ นี่เป็นชาเฉพาะของตระกูลลี ถ้าคุณอันชอบ ชิงชิงจะเอามาให้ดื่มบ่อย ๆ นะคะ ที่นี่ก็มีชาหลายหลายแบบถ้าชอบหรือสนใจชาแบบไหน คุณอิงบอกชิงชิงได้เลย ” ชิงชิงพูด
อันยิ้มให้ชิงชิง ก่อนจะกินขนมไป คิดไปพลาง อันยังคิดไม่ตก หาคำตอบไม่ได้ ถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“เฮ้อ ชิงชิง สำหรับเธออะไรสำคัญที่สุดในชีวิตเหรอ”
อันตัดสินใจถามชิงชิง ชิงชิงไม่เข้าใจในสิ่งที่อันถามเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ตอบมันอย่างภูมิใจ
“คงเป็นชีวิต”
“ชีวิต?”
‘ใช่ มันก็ต้องสำคัญอยู่แล้วสิ’ อันคิดในใจ
“ค่ะ ชีวิตที่ยอมมอบให้ตระกลูลี”
“ทำไมละ”
“เพราะที่นี่เป็นที่ที่ให้ชีวิตของฉัน ฉันเป็นเด็กกำพร้าถูกทิ้งตั้งแต่เด็ก นายใหญ่ไปเจอฉันที่กำลังขโมยของกิน ท่านเลยให้โอกาสฉันมาทำงานที่นี่ต้องขอบคุณนายใหญ่ ไม่งั้นป่านนี้ฉันคงไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหนแล้ว บุญคุณนี้ต้องตอบแทนด้วยชีวิตเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
“โห ด้วยชีวิตเลยเหรอ ไม่กลัวเหรอที่ยอมมอบชีวิตให้ทั้งชีวิตเหมือนกับตายทั้งเป็นเลยนะ”
ชิงชิงส่ายหน้า
“ไม่กลัวค่ะ ตอนที่ฉันยังไม่ถูกเก็บมา ตอนนั้นมันน่ากลัวยิ่งกว่า ไม่มีข้าวจะกิน ต้องขอ ต้องลักขโมย ไม่รู้ว่าถูกจับหรือถูกฆ่าที่ไหน ในเมื่อนายใหญ่ให้ชีวิต ตอบแทนด้วยชีวิตเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด นายใหญ่บอกเราทุกคนว่า เขาเปรียบเสมือนต้นไม้ที่ยืนอย่างมั่นคง แต่ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองได้ ต้องอาศัยน้ำ ดิน อากาศ แสงแดด ตระกูลกูลลีเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ เราทุกคนเปรียบเสมือนน้ำ ดิน อากาศและแสงแดดที่คอยทำให้ต้นไม้เติบโต แข็งแรงมั่นคง เราคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้นไม้เติบโต เมื่อต้นไม้แข็งแรง และสมบูรณ์ ก็จะกลายเป็นร่มเงาให้ทุกคนได้การพึ่งพิง ออกดอกออกผลต่อไป ทุกคนต่างมีหน้าที่ที่สำคัญของตนเอง จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ และทุกคนก็มีอิสระที่จะโบยบินบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ท่านเลยให้ตระกูลลีของเราเป็นมีสัญลักษณ์เป็นรูปนกอินทรี คือทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ก็มีอิสระในสิ่งที่จะทำ ภายใต้กฎเกณฑ์ของจริยธรรมและจิตสำนึกที่มีคุณธรรม ดังนั้นชีวิตนี้ฉันยอมแลกได้เพื่อให้ต้นไม้ต้นนี้แข็งแรง และโบยบินไปพร้อมกัน”
อันพยักหน้ารับเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ
“อืม…เฮ้อ”
อันพยักหน้า ก่อนถอนหายใจออกมาเหมือนเดิม
“…”
ชิงชิงเงียบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายของตนที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา เธอพูดอะไรผิดไปรึเปล่า
“แล้วจากนี้ชิงชิงทำอะไรต่อเหรอ”
“ก็เตรียมอาหารให้คุณอัน จัดดอกไม้ รดน้ำต้นไม้ เตรียมน้ำอุ่นสำหรับตอนค่ำ”
“งั้นฉันขอตามไปด้วยสิ อยู่คนเดียวมันรู้สึกเหงานะ”
ชิงชิงยิ้ม ให้อันทำตามใจเธอ
“แขกของเรา ตอนนี้ทำอะไรอยู่”
นายใหญ่ถามบอดี้การ์ดข้างกาย ขณะที่กำลังนั่งเล่นหมากรุกอยู่กับลูเซี่ยน
“กำลังจัดดอกไม้อยู่ครับ”
“จัดดอกไม้?”
“ครับ ดูเหมือนเธอจะตามติดคนรับใช้ประจำตัว คอยช่วยชิงชิงทำงานนะครับ แล้วเหมือนตอนเช้าก็ให้บอดี้การ์ดช่วยสอนคาราเต้อยู่ในโรงฝึกตั้งนานสองนาน”
“หืม แปลกคน แทนที่จะมาตามติดแก กลับติดคนรับใช้ซะงั้น” นายใหญ่พูด
“ปล่อยเธอไปเถอะครับท่านพ่อ”
ลูเซี่ยนตอบอย่างสบายใจ ไม่ทุกข์ร้อน ใจเย็นกว่าปกติ ซึ่งปกติลูเซี่ยนก็ใจเย็นจนเดาความคิดแทบไม่ออกอยู่แล้ว จนนายใหญ่เองก็เริ่มสงสัยในความรักของลูเซี่ยน ว่าตกลงรักกันจริงรึเปล่า
MANGA DISCUSSION