1 ปี 7 เดือนจากเหตุการณ์เลวร้าย
อันและอิงกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติเช่นเดิม อิงรับงานแสดง และมีรับงานนอกเหมือนเดิม ส่วนอันก็เขียนบทความอาหารลงนิตยสาร และเริ่มมีการรับงานในวงการบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ต้องการถ่ายแบบเป็นคู่ เป็นแขกรับเชิญคู่ หรืองานอีเว้นท์ที่ออกเป็นคู่บ้าง ใช้ชีวิตปกติเหมือนทุก ๆ วัน แต่ที่ต่างออกไปคือ หัวใจรู้สึกขาดอะไรบางอย่างที่สำคัญไป
ไต้หวัน…
ชายหนุ่มรูปงามนั่งอยู่ในห้องทำงาน กำลังฟังเลขาบอดี้การ์ดรายงานผลประกอบการประจำปี ที่ผลออกมาโตขึ้นในทุก ๆ ปี รวมไปถึงการประชุมและตารางงานต่าง ๆ ในแต่ละวัน ลูเซี่ยนเองก็ทำงานตามปกติและดูเหมือนงานจะยุ่ง ๆ มากขึ้น เพราะต้องไปต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมงานสำคัญต่าง ๆ และการขยายสาขาของร้านอาหารและโรงแรม ไหนจะธุรกิจเบื้องหลังที่ต้องคุม เพื่อป้องกันความโกลาหล หรือกลุ่มคิดต่อต้าน
แต่…สิ่งที่เลขาบอดี้การ์ดสังเกตได้ในระยะหลัง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์อิงถูกลักพาตัว เขาดูยุ่งกับงานมากขึ้น พอ ๆ กับยุ่งผู้หญิง และเริ่มสูบบุหรี่จากแต่ก่อนไม่สูบ และดื่มหนักขึ้น พักผ่อนน้อยลง เลขาบอดี้การ์ดคนสนิทดูเป็นห่วงสุขภาพเจ้านายอยู่ไม่น้อย
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจ้านายของเขาดูหงุดหงิดตั้งแต่เช้า หลังกลับมาจากโรงแรมหลังนัดกินข้าวกับเซเลบสาวคนหนึ่งเมื่อคืน เหมือนว่าระดับความต้องการของลูเซี่ยนไม่มีทีท่าจะทุเลา มีแต่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จนเป็นเหตุให้เขาหงุดหงิดและสูบบุหรี่จนเกือบจะหมดซองในเช้านี้ เห็นทีว่าถึงขีดจำกัดของเจ้านายเสียแล้ว เลขาบอดี้การ์ดมีความคิดหนึ่งที่ต้องการเสนอนายของตน พูดขึ้นว่า…
“ท่านลูเซี่ยน นี่ก็ 1 ปีกว่าแล้วที่เราไม่ได้ไปเยี่ยมสาขาที่ไทยเลย”
“ไทย… หนี๋เจินดูแลอยู่นิ ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ผลประกอบการไม่ตกเขาก็รายงานผลมาให้ดูตลอด”
ลูเซี่ยนพูด ลูเซี่ยนเก่งและหัวไว เขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของธุรกิจที่เขาทำอยู่ แม้จะไม่ได้ลงไปดูด้วยตัวเอง
“อย่างน้อยก็ไปเยี่ยมเยือนสาขาบ้างนะครับ เผื่อมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างในทางที่ดีขึ้นแล้วได้ไอเดียใหม่ ๆ มาต่อยอดสาขาใหม่ที่ฮอกไกโด”
เลขาพูดเสร็จก็หยิบวารสารประเทศไทยเล่มล่าสุดที่เหน็บอยู่ในแฟ้มส่วนตัวขึ้นมา เป็นภาพที่อิงและอันถ่ายแฟชั่นชุดไทยเพื่อโปรโมทผ้าไทย วางไว้บนโต๊ะของลูเซี่ยน
ลูเซี่ยนเหลือบดูเล็กน้อย ในตาเปลี่ยนไปด้วยความสนใจ แต่ต้องกลบเกลื่อนไว้
“อะไร”
“นิตยสารล่าสุดที่คุณอันไปถ่ายแบบมา ไม่ลองเปิดอ่านหน่อยเหรอครับ”
“ทำไมฉันต้องเปิดอ่านอะไรแบบนี้ ไร้สาระ แล้วอีกอย่าง ไม่ต้องมารายงานก็ได้ว่าเธอทำอะไร”
“…”
ลูเซี่ยนดุเลขา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่าน ทันทีที่ไล่เลขาออกจากห้องทำงาน
หลังจากที่ลูเซี่ยนกับอันห่างกัน เขาก็ยังสั่งให้คนคอยตามดูอันอยู่ห่าง ๆ คอยปกป้องอัน แต่ไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยว เพราะตอนนี้เธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว แต่ในใจลึก ๆ เขายังแอบห่วงเธออยู่ ลูเซี่ยนนั่งพลิกรูปหน้านิตยสารไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่บทสัมภาษณ์บทหนึ่งที่เขียนว่า
‘ฝาแฝดมาแรง แยกไม่ออกใคร อิง ณภัสสร’
“ฮึ”
ลูเซี่ยนขำอยู่ในลำคอ ก่อนจะเผลอพูดออกมาว่า
“มองแวบแรกก็ดูออกแล้ว”
สีหน้าลูเซี่ยนดูอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะดูรูปของอัน บางครั้งที่เจ้านายรู้สึกหงุดหงิดมาก เลขาบอดี้การ์ดจะนำรูปเธอมาให้ลูเซี่ยนดู และแน่นอนว่าต้องถูกดุแต่เขาก็ชินเสียแล้ว ถ้าทำให้ลูเซี่ยนอารมณ์ดี คลายเครียดได้
ลูเซี่ยนปิดนิตยสารแล้วหมุนเก้าอี้ออกไปนอกหน้าต่างมองดูวิวทิวทัศน์ด้านบนสุด ใช้เวลากว่า 10 นาทีที่ลูเซี่ยนนั่งคิดอยู่เงียบ ๆ คนเดียว แล้วกดโทรตามเลขาบอดี้การ์ดเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“มีงานอะไรที่ค้างอยู่ในอาทิตย์นี้ถึงอาทิตย์หน้าไหม”
เลขาเปิดตารางดู บอกรายละเอียดของงานทั้งหมดออกไป
“เลื่อนงานทั้งหมดมาอยู่ในสัปดาห์นี้ ส่วนงานปาร์ตี้ส่งตัวแทนไป”
“ครับท่าน”
“อังคารหน้า ไปประเทศไทยสัก 3 วันน่ะ”
“ครับ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
เลขาบอดี้การ์ดยิ้มมุมปากเล็กน้อย ในที่สุดขีดจำกัดของลูเซี่ยนถึงขีดสุดแล้วให้เจ้านายได้พักผ่อนบ้าง
“แล้วก็…”
ลูเซี่ยนพูดแล้วหยุดเหมือนกำลังลังเลสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา
“ไม่แน่ อาทิตย์นั้น ฉันจะกลับบ้านใหญ่”
ทันทีที่ลูเซี่ยนพูดออกมา เลขาบอดี้การ์ดรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะเดาความคิดของเจ้านายตนไม่ออก เขาจะไม่ไปเหยียบบ้านใหญ่โดยไม่จำเป็น ปีหนึ่งถ้านับจริง ๆ กลับไปไม่เกิน 2 ครั้ง คืองานรวมญาติ และงานประชุมที่จัดขึ้นทุกปี เพราะบ้านใหญ่คือบ้านของนายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจด้านมืดตัวจริง พ่อของลูเซี่ยนนั่นเอง
“…” เลขานิ่งเงียบไม่ตอบอะไร
“เรื่องบ้านใหญ่ ฉันค่อยบอกอีกที แต่เรื่องไปไทยเตรียมตัวให้พร้อมก็พอ”
“ครับ”
แล้วเลขาออกจากห้องไป เหลือแต่ลูเซี่ยนที่นั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่ตามลำพัง
อีกไม่นานคงมีคลื่นลูกใหม่โหมกระหน่ำขึ้นอีกครั้งเป็นแน่…
MANGA DISCUSSION