บนรถคันหรูของลูเซี่ยน…ระหว่างเดินทางกลับจากการเจรจาต่อรองกับแกริค
ลูเซี่ยนคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หมกมุ่นอยู่กับเอกสารในมือ อิงนั่งข้าง ๆ มองลูเซี่ยนอยู่เงียบ ๆ ไม่รบกวนการทำงานของเขา คงเพราะเรื่องนี้ ทำให้โลกฝั่งนั้นวุ่นพอสมควร
ไม่นานหลังจากที่ลูเซี่ยนคุยโทรศัพท์เสร็จ สะสางปัญหาที่เกิดขึ้นเรียบร้อยบรรยากาศภายในรถยังเหมือนไม่ดีขึ้น อิงและลูเซี่ยนนั่งอยู่ด้วยความเงียบ อิงมองหน้าลูเซี่ยนเล็กน้อยด้วยใบหน้าเรียบเฉย ฝ่ายนั้นก็เช่นกัน เหลือบมองอิงด้วยหางตา บ่งบอกถึงอารมณ์ขุ่นมัว
‘นี่เขาจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ทั้งที่เธอยอมให้ถูกจับไปเป็นตัวประกัน’ อิงคิดในใจ
“ชิ…ช้าเป็นบ้า”
อิงพูดกับลูเซี่ยน อิงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“โทษที ทางนี้ก็รีบที่สุดแล้ว วุ่นอยู่กับการเตรียมเอกสารนี่แหละ”
ลูเซี่ยนคุยกับอิงอย่างใจเย็น ก่อนยิ้มออกมาบาง ๆ บรรยากาศดูผ่อนคลายขึ้น
“…”
“ให้ตายเถอะ ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย ฉันคงจะต้องจัดการเรื่องนี้เอง”
“… อย่าดีกว่า เพราะถ้าเธอทำอะไรวู่วาม เรื่องคงไม่จบแบบไร้การนองเลือดหรอกนะ ทั้งเธอและอันคงต้องตกอยู่ในอันตราย เธอน่าจะรู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว แต่…สุดท้ายเธอก็อดทนรอได้จนถึงที่สุดไม่ใช่เหรอ”
“เฮ้อ…ฉันไม่อยากให้แผนที่วางไว้เสียเปล่านะสิ”
“…”
“แล้วอันละเป็นไงบ้าง ปกป้องเธอได้ใช่ไหม”
อิงถามด้วยความเป็นห่วง ลูเซี่ยนพยักหน้า
นี่พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ ท่าทีของอิง แล้วก็ท่าทางการพูดคุย มันไม่เหมือนที่ผ่าน ๆ มา
“อืม แต่อันก็ทำให้ทางนี้หัวหมุนอยู่เหมือนกัน เธอยอมคุกเข่าเลยนะเพื่อให้ฉันไปช่วยเธอ แล้วยิ่งกว่านั้น ผมอุตส่าห์พาเธอมาที่บ้านเพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว เธอก็ยังอุตส่าห์หาทางหนีออกไปคุยกับแกริค แล้วยังจะกลับมาชิงหนังสือสัญญาอีก”
ลูเซียนพูด เล่าวีรกรรมน้องสาวฝาแฝดของเธอให้ฟัง
“…”
อิงไม่ตอบอะไร นิ่งเงียบ
“ฮุ ฮึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
อิงหัวเราะออกมาดังลั่นรถ ทั้ง ๆ ที่พยายามอดกลั้นไว้เต็มที่แล้ว ลูเซี่ยนมองถลึงตาใส่อิง
“สุดยอด ฉันบอกนายตั้งแต่แรกแล้วไง เห็นอ่อนหวานดูไม่มีพิษมีภัย แต่เรื่องดื้อ หัวแข็ง ไม่แพ้ฉันหรอกน่ะ” อิงพูด
“ตรงกันข้ามต่างหาก เธอนะแค่ทำตัวเป็นคนหัวแข็ง ดูแข็งกร้าว แต่ข้างในเธอนะ อ่อนไหวง่ายมากกว่าอันซะอีก”
ลูเซี่ยนพูด อิงเงียบจ้องหน้าลูเซี่ยนไม่พูดอะไรต่อ
“แล้วทางฝั่งเธอ เขาว่าอะไรบ้าง”
“อย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ว่าฉันแค่เป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้น แกริคไม่ได้ทำอะไรฉัน อยู่ดีกินดีทุกอย่าง ถ้าเหตุการณ์ไม่ร้ายแรง ถึงขั้นปะทะ ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำอะไรเกินหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ฉันว่าแกริคก็ไม่ต้องการอยากจะใช้แผนนี้เท่าไหร่นัก เพียงแค่เขาอยากคุยกับนายเท่านั้น นายทำแบบนี้ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอลูเซี่ยน”
“… ไม่ต้องกังวล ตระกูลเฟ่ยไม่จมลงเพราะเรื่องแค่นี้หรอก เมื่อถึงเวลาตระกูลเฟ่ยคงเผชิญกับตระกูลลีด้วยตัวเอง ฉันว่า…ฝั่งเธอน่าจะต้องกังวลมากกว่าน่ะ”
“ถ้าเป็นห่วงเรื่องตำรวจละก็ไม่มีอะไรหรอก คนที่รู้เรื่องนี้ก็แค่ผู้บังคับบัญชาของฉันกับคนของฝ่ายความมั่นคงไม่กี่คน คนพวกนั้นนายก็รู้จักดี ตราบใดที่พวกนายไม่ปะทะกัน มันก็เป็นแค่เรื่องของพวกนายเท่านั้น ฉันไม่ได้บอกรายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้ให้ฝั่งตำรวจรู้ เพราะฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไร คนที่น่าจะรู้ดีคืออัน นายถึงต้องมาขอร้องให้ฉันช่วยใช่ไหมล่ะ”
“…” ลูเซี่ยนกลับมาเงียบอีกครั้ง
ก่อนจะพูดต่อไปว่า
“ไม่คิดจะบอกเรื่องที่เธอเป็นใคร ให้อันรู้หน่อยเหรอ”
ลูเซี่ยนถาม อิงส่ายหน้า
“แค่นี้อันก็เป็นห่วงฉันจะแย่อยู่แล้ว ว่าแค่ฉันโดนจับตัวไปไม่เท่าไหร่ อันก็วิ่งวุ่นจนนายหัวหมุนได้ ถ้ารู้ว่าฉันเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบในคราบดารานักแสดงชื่อดังอีกละก็ มีหวังทั้งนายและฉันอยู่ไม่สงบสุขหรอก คอยห่วงนั้นห่วงนี้ แค่คิดก็เครียดแล้ว”
“…สักวันเธอก็ต้องรู้ ความลับไม่มีในโลกหรอกนะ”
“รู้แล้ว แต่ตอนนี้คงไม่ถึงเวลาละนะ เฮ้ออ ไม่รู้จะโดนอันด่าอะไรอีก อยู่ ๆ ก็หายตัวไป แล้วไหนจะเรื่องที่ต้องแสร้งเป็นว่าที่คู่หมั้นนายอีก แล้วไหนจะนักข่าว เฮ้อออ ต้องทำเป็นพี่สาวใจร้ายอีกแล้วเหรอเนี่ย”
อิงถอนหายใจออกมา ลูเซี่ยนยิ้มให้อิง
“…” อิงมองหน้าลูเซี่ยน
“เหนื่อยกับข่าวที่พึ่งประกาศหมั้นไม่เท่าไหร่ แล้วมายกเลิกงานหมั้นอีก นักข่าวที่ทำข่าวฉันได้หัวหมุนกันพอดี ไม่คิดจะช่วยหน่อยเหรอ” อิงพูด
“งานถนัดไม่ใช่รึไง”
อิงมองค้อนเขา ที่พูดเหน็บแนม
“พอเลย ไอคำพูดเหน็บแนบพวกนั้น”
“…”
“นิ ลูเซี่ยน อยากถามนายมานานแล้วว่า รู้ว่าฉันเป็นใครตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่แรก”
“เอ๊ะ ตั้งแต่แรกหมายถึงตั้งแต่เจรจาธุรกิจกับ ส.ส นะเหรอ” อิงทำหน้าสงสัย
“ใช่!”
“แปลว่า นายคิดจะทำเรื่องอย่างว่ากับฉันตั้งแต่แรก”
อิงตกใจ เอามือกอดร่างกายตนเอาไว้
“อย่าเว่อร์ ฉันรู้ตั้งแต่ก่อนที่ ส.ส.จะส่งเธอมา เพราะฉันสืบประวัติเธอไว้อยู่แล้ว พอรู้ว่ามีฝาแฝดก็อึ้งเหมือนกันนะ”
“งั้นนายก็แยก ฉันกับอันออก”
“ประมาณนั้น เธอก็น่าสนใจอยู่หรอกนะ ผู้หญิงถึก ทน ฉลาดแบบเธอ หายาก เป็นแรร์ไอเท็ม เหมาะสำหรับการใช้งานเอาไว้ข้างมือ แต่พอวันที่เธอส่งอันไปหาผมไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่อันดูน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า ดูไร้เดียงสา ไม่เสแสร้งแกล้งทำ เป็นตัวของตัวเอง ติดพี่หัวปักหัวปำ ยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน”
“นายก็เลยจับกด”
“จะบ้าเหรอ แต่ก็ถูกส่วนหนึ่งน่ะ เพราะเสน่ห์ของอันยั่วยวนมาก ทำเอาผมห้ามใจไม่อยู่ ความจริงผมอยากจะรู้จักพวกเธอให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเธอ อิง อยากลองคุยดูด้วยสักครั้ง แต่สุดท้ายมันก็เลยออกมาเป็นอีหรอบนี้ ทางนี้ก็ไม่คิดเหมือนกันหรอกนะ ว่าเธอจะส่งอันมา”
“…ฉันก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันแหละ” อิงพูด
“ไม่คิดไม่ฝัน น่าจะทางผมมากกว่า ที่อยู่ ๆ เธอเป็นฝ่ายบุกมาหาผมถึงที่ทำงานด้วยสีหน้าโกรธ พร้อมกับชักปืนจ่อหัวผม กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ก็ต้องสงบอารมณ์เธอนานพอสมควร เธอไม่ยอมฟังผมเลยนินะ”
“ก็ใครให้คุณทำแบบนั้นกับอันละ”
“เพราะผมสนใจอันจริง ๆ และอยากเป็นเพื่อนกับคุณด้วย เลยตัดสินใจว่าถ้าทำแบบนั้นคงจะได้ทั้งพี่ทั้งน้อง จะโทษผมอย่างเดียวไม่ได้นะอิง อันเองก็สนใจผมตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน สายตาหลงใหล ไร้เดียงสาของเธอผมยังจำได้จนถึงตอนนี้”
“จ้า พ่อหนุ่มเสน่ห์แรง”
“อิง ผมขอบอกไว้อีกอย่างนะ อย่าดูถูกนักธุรกิจดีกว่านะ โดยเฉพาะคนแบบผมหรือแกริค แค่มองตาก็รู้แล้ว ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร และจะทำอะไรต่อไปเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ บางคนไม่มีเหตุผลใจเย็นที่รอฟังคำอธิบายมากมาย ถ้าเพื่อสิ่งที่เขาต้องการ เขาจะทำได้ทุกอย่าง ระวังตัวไว้ด้วย”
ใช่ ลูเซี่ยนเป็นคนเก่ง และเฉลียวมากคนหนึ่งที่อิงรู้จัก คงไม่มีใครอยากจะเป็นศัตรูกับเขานักหรอก เพราะเหมือนพาตัวเองไปให้เขาเชือด
“วันนั้น ฉันไม่น่าพลาดเลยจริง ๆ ส่งอันที่อ่อนต่อโลก ไปหานายได้ยังไงกันนะ ถ้าฉันรอบคอบละเอียดกว่านี้อีกนิด… เฮ้อให้ตายสิ ที่สำคัญอย่าลืมของรางวัลที่สัญญากันไว้ด้วยล่ะ ดาราดังอย่างอิง ณภัสสร อุตส่าห์เล่นละครตบตาคนทั้งโลกเพื่อแผนของนายโดยเฉพาะ”
ลูเซี่ยนยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงผมเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ห่วงตัวเองก่อนเถอะว่าจะโดนอันต่อว่าอะไรบ้าง”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เป็นกันเอง ราวกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน จนถึงโรงแรมของลูเซี่ยน
ลูเซี่ยนกับอิง รู้จักกันตั้งแต่แรกก็หลังจากวันที่อิง ทำพลาดส่งอันไปรับรองลูเซี่ยนตามคำสั่งเบื้องบนฝั่งสายตำรวจ วันนั้นความจริงแล้วอิงต้องเป็นฝ่ายไปด้วยตัวเอง แต่เพราะมีงานอีกงานหนึ่งที่สำคัญซ้อนเข้ามา อิงเลยตัดสินใจส่งอันไปงานนี้แทน เพราะแค่ไปกินข้าว และคอยฟังเรื่องที่คุยเจรจาต่อรองธุรกิจกัน เพราะสายเบื้องบนบอกมาว่า ส.ส.คนนั้นกำลังทำเรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจ แต่เรื่องมันกลับตาลปัตรเพราะอิงพึ่งรู้ทีหลังว่า ส.ส. คนนั้นต้องการส่งคนไปแค่เพิ่มสีสันในการเจรจาต่อรองธุรกิจให้มันผ่านไปอย่างราบรื่นจริง ๆ ไม่มีอะไรอยู่ในกอไผ่ และมันก็ผ่านไปด้วยดีจนทำให้อันต้องถูกลูเซี่ยนจับกด เธอโกรธและโมโหลูเซี่ยนมาก วันนั้นหลังจากที่อันบุกมาหาเธอถึงที่ทำงาน ร้องห่มร้องไห้ อิงก็ไม่อยู่เฉย รีบถ่ายละครให้เสร็จและตรงไปที่ทำงานของลูเซี่ยนทันที เธอตั้งใจจะฆ่าเขาให้ตายจริง ๆ ที่กล้ามาแตะต้องน้องสาวของเธอ แน่นอนลูเซี่ยนก็พยายามพูดเหตุผล อธิบายทุกอย่าง กว่าที่อิงจะเย็นลงได้ เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน
หลังจากวันนั้นทั้งสองคนก็ติดต่อกันอยู่ตลอด เพราะเขาบอกกับอิงอย่างหนึ่งว่า เขาสนใจอันมาก ๆ และอยากให้อันอยู่ข้างกายเขา อิงเธอก็ไม่ว่าอะไรเพราะลูเซี่ยนแสดงความจริงใจออกมาให้เธอเห็น อิงคอยสังเกตอันมาตลอดเหมือนกันว่าอันแอบมีใจให้ลูเซี่ยนเช่นกัน แต่เพราะเขากำลังจัดการเรื่องบางอย่างที่สำคัญเอามาก ๆ เลยอยากขอแรงอิงให้มาร่วมเล่นละครตบตากับเขาสักหน่อย เพราะลูเซี่ยนไม่อยากให้ใครจับจุดอ่อนได้ ว่าเขามีอันอยู่ข้างกาย และอิงก็ร่วมเล่นละครอย่างเต็มใจ แต่ต้องมีของแลกเปลี่ยน ในบางครั้งอิงก็เล่นละครเกินความจำเป็นไปบ้างจนลูเซี่ยนปวดหัว ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคงจะเป็นเรื่องที่อิงจูบกับลูเซี่ยนหน้าลิฟต์ ที่รู้ทั้งรู้ว่าอันกำลังจะขึ้นมาหาตน
MANGA DISCUSSION