“โอ๊ย ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ฉันจะต้องตอบคำถามเดิม ๆ กับนักข่าวอีกกี่ร้อยรอบกันเนี่ย รำคาญ น่าเบื่อ หงุดหงิด”
อิงบ่นกับนที ผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังขับรถให้อิงอยู่ หลังจากเสร็จสัมภาษณ์กับรายการหนึ่งและกำลังจะไปถ่ายแบบแฟชั่นต่อในรอบบ่าย
“ใจเย็น ๆ สิ เธอควรดีใจนะว่าตอนนี้เธอกำลังดัง มีงาน มีเงินเข้ามามากมาย”
“…”
อิงเงียบไม่ตอบอะไร
ใช่ งานเยอะเงินก็เยอะ นี่คือสิ่งที่อิงต้องการ ตอนนี้เธอมีครบทุกอย่างแล้ว คนรัก เงินทอง ชื่อเสียง โดยเฉพาะคนรัก เธอแทบทนรอไม่ไหวให้ถึงงานหมั้นเร็ว ๆ
“แต่มันเยอะเกินไปจนน่ารำคาญ ทีหลังหัดปฏิเสธไปบ้างก็ได้น่ะ โดยเฉพาะงานที่เอาแต่คุยกันเรื่องส่วนตัว ถ้าอยากรู้เรื่องฉันนัก ก็ดูในอินเทอร์เน็ตมีตั้งเยอะแยะให้ต้องมาอธิบายอะไรนักหนา ทำให้เวลาสวีทกับลูเซี่ยนลดน้อยลงไปอีก”
“…” นทีได้แต่ฟังอิงบ่นอยู่เงียบ ๆ
“จริงสิ มีคนโทรมา อยากนัดกินข้าวกับเธอเย็นนี้” นทีพูด
“ปฏิเสธไป ฉันเหนื่อย”
อิงตอบแบบไม่ต้องคิด สิ่งไหนที่มันทำให้เธอยุ่งยาก เธอจะไม่สนใจเลย เธอมักจะปฏิเสธทันที นทีมองผ่านกระจกหน้าคนขับ มองดูคนที่บอกว่าเหนื่อยนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างสบายใจ คนที่เหนื่อยน่าจะเป็นเขามากกว่าที่ต้องคอยจัดตารางงาน รวมไปถึงเจรจา ต่อรองต่าง ๆ นานา ไหนต้องยกเลิกงานกะทันหันของอิงที่เกิดขึ้นเป็นประจำตามอารมณ์ของเจ้าหล่อน
“เขาอยากเจอเธอมากเลยนะ ที่สำคัญโปรไฟล์ไม่ธรรมดานะยะ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มสัญชาติจีน เป็นลูกครึ่งเหมือนลูเซี่ยน ดีไม่ดีอาจรวยกว่าลูเซี่ยนด้วยซ้ำ เขาอยากพบเธอเป็นการส่วนตัว อยากคุยเรื่องงานถ่ายแบบเสื้อผ้า แต่ถึงอย่างไงฉันว่ามันมีกลิ่นตุ ๆ ไม่น่าไว้ใจเหมือนกับ…”
นทีพูดก่อนจะหยุดพูดคำต้องห้าม ‘ลูเซี่ยน’ ถ้าพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับลูเซี่ยนมีหวัง ระเบิดลงในรถแน่
“ไม่! ถึงจะหล่อ รวยแค่ไหน ฉันไม่สน เพราะตอนนี้ฉันเลือกลูเซี่ยนแล้ว ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ ฉันจะติดต่อไปเองแล้วกัน” อิงพูด
นทีส่ายหัวไปมา ก่อนขับรถต่อไปเรื่อย ๆ
ระหว่างลงจากรถเพื่อเข้าสตูดิโอถ่ายแบบ ทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมดเพราะเธอมาที่สตูสาย มัวแต่เดินช้อปปิ้งฆ่าเวลาเพลิน ๆ ก่อนเวลางาน บวกกับรถติดเพราะอุบัติเหตุ ทำให้อิงมาสตูสายไป 20 นาที อิงรีบลงจากรถและเดินเข้าสตูอย่างรวดเร็ว ไม่ทันระวัง!
ตุบ!
“โอ๊ย ขอโทษค่ะ” อิงไม่ทันระวัง จนชนเข้ากับของชิ้นใหญ่อะไรสักอย่าง
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณเป็นอะไรรึเปล่า ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ทันระวังตัว”
เสียงพูดไทยแปร่ง ๆ แต่ดูมีเสน่ห์น่าเกรงขาม รับตัวอิงไว้ไม่ให้ล้ม คอยพยุงอิงให้ทรงตัวกลับมายืนอีกครั้ง อิงและแกริคจ้องหน้ากันพักหนึ่งเหมือนต้องมนต์สะกดของกันและกัน
‘หล่อจัง’
อิงคิดในใจ
ก่อนจะดึงสติกลับมา
“ขอบคุณค่ะที่ช่วยพยุงอิงไว้”
เธอตอบไป พร้อมจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อย
“ผมต้องขอโทษที่ไม่ระวังเกือบจะทำคุณอิง ดาราชื่อดังต้องเจ็บตัวแล้ว”
“อิงไม่เจ็บอะไรหรอกค่ะ”
อิงจ้องหน้าแกริค เธอหลงเสน่ห์เขาตั้งแต่แรกพบ
“หรือว่าคุณอิงจำผมไม่ได้ครับ เราเคยเจอกันแล้วที่งานเดินแบบ ผมแกริคไงครับ”
อิงคิดในใจ สงสัยคงเป็นงานที่เธอสั่งให้อันไปแทนเป็นแน่
“อ้อค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะพอดีอิงคงลืมไปนะคะ แต่รับรองค่ะว่าต่อจากนี้อิงไม่มีทางลืมแน่” อิงตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
“ดูท่าทางคุณจะยุ่งมากสินะครับ ถึงเย็นนี้ได้ยกเลิกนัดทานข้าวกับผม งั้นไว้โอกาสหน้าก็ได้นะครับ นี่อาจเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เราเจอกันเร็วกว่าที่คิด” แกริคพูดเข้าเรื่อง
‘หรือว่าเขาคนนี้นะเหรอที่นัดกินข้าวกับฉันที่นทีบอกเอาไว้’ อิงคิด
“อ้อ อิงเปลี่ยนใจแล้วค่ะ ใช้โอกาสนี้ก็ได้ค่ะ อยากขอโทษที่ลืมคุณด้วย”
อิงตอบตกลงทันที ท่ามกลางความงงของนทีที่พึ่งโทรบอกแคนเซิลนัดไปเมื่อกี้ อะไรทำให้เธอเปลี่ยนใจเร็วแบบนี้กันนะ
“จริงเหรอครับ” แกริคทำหน้าดีใจ
“คุณเลิกงานกี่โมง ให้ผมมารับไหมครับ”
“ถ่ายแบบนี้จบก็ไม่มีงานแล้วละคะ งั้นคุณแกริครออิงที่นี่ก็ได้นะคะ อิงถ่ายแบบไม่นานหรอกค่ะ”
“ได้ครับ”
ทั้งสองคุยตกลงกันสักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันไป อิงขึ้นไปถ่ายแบบ ส่วนแกริคนั่งรออิงอย่างใจเย็นตรงร้านกาแฟข้าง ๆ ที่ทำงานของเธอ
เขาพึงพอใจอย่างมากที่แผนสำเร็จ ตอนแรกที่รู้ว่าอิงแคนเซิลนัด เขาก็ตัดสินใจมายืนรออิงที่หน้าบริษัท รอดักเจอเธอ และแกล้งเดินชนเธอเหมือนเป็นอุบัติเหตุ เพื่อต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่แกริควางไว้
หลังถ่ายแบบเสร็จ…ระหว่างที่อิงกำลังรอแกริคหน้าบริษัท
“อิง อย่าไปเลย นี่ก็ใกล้จะหมั้นแล้ว ทุกคนกำลังจับตามองเธออยู่นะ ยิ่งออกไปด้วยกันตอนค่ำ ๆ กับผู้ชายสองต่อสองมันจะดูไม่ดีนะ”
“คิดเยอะไปป่ะ แค่ไปกินข้าว ถ้าเจอนักข่าวก็อธิบายไปสิ แล้วอีกอย่างนี่ก็เป็นการกินข้าวธรรมดา ๆ ไถ่โทษที่ฉันจำเขาไม่ได้”
“แล้วลูเซี่ยนคิดยังไง เมื่อเห็นว่าที่คู่หมั้นตัวเอง เที่ยวไปกินข้าวกับหนุ่มหน้าตาดีสองต่อสองแบบนี้ แล้วพึ่งเจอกันไม่ถึง 5 นาที”
“แล้วแต่จะคิด เพราะฉันแค่ไปกินข้าว ที่สำคัญตอนนี้ฉันยังมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ ยังไม่ถึงวันหมั้นเสียหน่อย แล้วไหนใครกันที่พูดบนรถยังบอกให้ฉันไปอยู่เลยนิ เห็นว่าเขามีงานอยากให้ฉันทำด้วยไม่ใช่เหรอ นี่ไงคราวนี้จะนัดคุยรายละเอียดไปทีเดียวเลย ไม่ดีเหรอ”
“ไม่ได้บอกแบบนั้น แค่… แต่นี่มันไม่….”
นทีพูดไม่ปะติดปะต่อ เพราะหาเหตุผลอธิบายให้อิงเข้าใจไม่ได้
“ฉันไม่อยากฟัง กลับไปได้แล้ว น่าเบื่อ น่ารำคาญจริง ๆ พ้นจากอันได้ ก็มาเจอผู้จัดการขี้บ่นอีก พอ ๆ กันทั้งสองคน”
“….”
นทีพยายามเตือนอิงด้วยความหวังดี แต่เธอไม่คิดสนใจฟังนทีเลย
แกริคดูน่ากลัวกว่าลูเซี่ยนเป็นไหน ๆ ตอนโทรมานัดกินข้าวกับอิงก็บอกว่ามีงานถ่ายแบบอยากให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์เลยจะนัดคุยกัน ไหนตอนนี้กลายเป็นนัดกินข้าวส่วนตัว อิง เธอไม่รู้ตัวเลยรึไง ว่าตัวเธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
“งั้น…ดูแลตัวเองดี ๆ นะอิง อย่าเมาไม่รู้เรื่องล่ะ ฉันว่าคนนี้ดูน่ากลัวกว่าลูเซี่ยนอีกนะ”
“เอาตรรกะอะไรมาอีกละ ลูเซี่ยนก็ทีนึงแล้วที่ฉันพลาดโอกาสได้เป็นของเขา แต่ยังดีที่โชคยังเข้าข้างฉัน แย่งลูเซี่ยนมาจากอันได้ ส่วนนี่แกริคอีก แกยังจะห้ามอีกรึไง ดูยังไงเขาก็เป็นมิตร”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงอิง ไม่คิดที่จะ…”
อิงเธอกำลังวางแผนทำอะไรที่ไม่ดีไม่งามอีกแล้วเหรอ นทีคิดในใจ
“เรื่องของฉัน กลับไปได้แล้ว หน้าที่ของแกหมดแล้ว ฉันรอแกริคคนเดียวได้”
นทีแอบดูอิงอยู่ไกล ๆ รอให้แกริคมารับเธอก่อนแล้วค่อยกลับ เพราะเขาเป็นห่วงเธอไม่น้อย
ผ่านไปไม่ถึง 20 นาที รถหรูสีดำมาจอดเทียบหน้าบริษัทแล้วอิงก็ขึ้นรถไป
“…”
นทีเดินกลับบ้านด้วยอาการเหนื่อยใจ
แต่…ก่อนกลับไปพัก วันนี้ขอไปดื่มคลายเครียดสักที่ก่อนแล้วกัน ปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมาทั้งวัน
MANGA DISCUSSION