ฮืม ฮืม ฮืม
เสียงฮัมเพลงของดาราสาวชื่อดัง ที่กำลังมาแรงแซงโค้งในเวลานี้
อิงกำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีอยู่บนรถญี่ปุ่น ระหว่างเดินทางไปถ่ายแบบเสื้อผ้าที่สตูแห่งหนึ่ง มีนทีเป็นคนขับรถให้เช่นเคย เหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวอารมณ์ดีได้ขนาดนี้ เพราะช่วงนี้เธอกำลังเดทและไปได้ดีกับลูเซี่ยน แต่นทีไม่ค่อยไม่ยินดีปรีดากับเธอเท่าไหร่นัก จากเรด้าร์ตุ๊ดบอกว่าคนที่ชื่อลูเซี่ยน เห็นจากลักษณะภายนอกอาจดูเป็นคนน่าเคารพ นับถือก็จริง แต่บางครั้งมันทำให้นทีรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ๆ ยังไงไม่รู้ แฝงไปด้วยความรู้สึกน่ายำเกรง ที่สำคัญลูเซี่ยนเป็นคนที่เจ้าหล่อนส่งอันไปปรนนิบัติ ทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการตั้งแต่แรก แล้วไหงตอนนี้ถึงคว้ามาหน้าตาเฉย
“ตอนเย็น ฉันติดอะไรไหม”
อิงถามขึ้นพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ
“มี 2 งาน ถ่ายรายการตอน บ่ายสามโมง แล้วก็ตอนสองทุ่มมีเดินแฟชั่นโชว์ที่ห้างเปิดตัวสินค้าใหม่”
“ยกเลิกเดินซะ”
เอี๊ยด!
นทีเหยียบเบรกรถกะทันหัน จอดนิ่งกลางถนน ตกใจในสิ่งที่อิงพูดออกมา แล้วหันไปมองเธอ ดีนะที่ไม่มีรถตามหลัง ไม่งั้นป่านนี้รถคงชนต่อกันเป็นโดมิโน่ไปแล้ว
“ทำไม”
นทีงง สงสัยและต้องการคำตอบในสิ่งที่เธอพูด เธอจะให้เขายกเลิกงานกะทันหันแบบนี้เลยเหรอ
“โอ๊ย จะเหยียบเบรกทำไมเนี่ย” อิงโวยวาย มองหน้านทีด้วยความไม่พอใจ
“อิง”
“ก็มีเดทกับลูเซี่ยน” อิงตอบแบบปัด ๆ
“ยกเลิกไปซะ งานเดินครั้งนี้มันสำคัญมากนะ” นทีพูดเสียงเข้มกับอิง
“ก็บอกไปสิ ว่าฉันไม่ว่างแล้ว เดี๋ยวเขาก็หาตัวแทนได้เองแหละ”
“อิง เธอไม่ใช่ดารากิ๊กก๊อกแล้วนะ หัดมีความรับผิดชอบหน่อยสิ แล้วงานนี้สำคัญมากจริง ๆ เขานัดหมายกับเรามานานแล้วด้วย จ่ายเงินมาให้เราล่วงหน้าอีกต่างหาก อยู่ ๆ จะไปยกเลิกทันทีได้ยังไง กว่าเขาจะหานางแบบเดินฟินาเล่ได้ ไม่ใช่แค่ ชั่วโมง สองชั่วโมง”
นทีว่าเธอเพื่อเตือนสติ
“ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ว่างก็คือไม่ว่าง หรือไม่ก็ไปเรียกอันมาแทนฉัน แค่นี้ก็จบป่ะ จะอะไรนักหนา เป็นผู้จัดการฉันก็จัดการเองสิ”
อิงพูดจบหันกลับไปเล่นมือถือ ฮัมเพลงอย่างสบายใจต่อ นทีส่ายหน้าและลำบากใจกับอิง ถ้าไม่ติดว่าเป็นญาติ รักและเอ็นดูทั้งสองเอามาก ๆ เขาไปจากเธอนานแล้ว
นทีหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาอันทันที
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ตอนนี้ อันกำลังทำงานอยู่ที่บริษัทตามปกติ เขาเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้อันฟัง
“ค่ะ พี่นที ไม่ต้องห่วงค่ะ อันไปได้”
“พี่ต้องขอโทษด้วยนะ ที่เรียกตัวกะทันหัน”
“อันชินแล้วล่ะค่ะ งั้นประมาณ 5 โมง อันไปเตรียมตัวที่สตูดิโอนะคะ”
“ฝากด้วยนะอัน เดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เสร็จจะตามไป”
“ค่ะ”
ทันทีที่ว่างสาย อันรีบเคลียร์งานที่บริษัทให้เสร็จ เพื่อให้ทันกับตารางนัดหมายใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เตรียมตัวเแต่งหน้าทำผม และซ้อมการเดินแบบ
ภายในสตูดิโอของห้างดังใจกลางเมือง มีเก้าอี้ถูกจัดระเบียบไว้รอแขกคนสำคัญมานั่งชมการเดินแบบ พรมแดงทอดยาวไปถึงประตูห้าง และดอกไม้ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม สปอตไลต์ แสงไฟ เสียงดนตรีดังกระหึ่มซ้อมบรรเลงอย่างหนักให้ตรงกับนางแบบที่เดินกำลังขึ้นบนลานเวที กลายเป็นจุดสนใจเรียกผู้คนที่เดินผ่านไปมา
งานแฟชั่นเปิดตัวสินค้าครั้งนี้ ถือว่าเป็นงานใหญ่พอสมควร ถูกจัดอยู่ใจกลางห้างดังชั้น 2 สามารถดูทะลุได้หมดทุกชั้น ครั้งนี้อันต้องเดินปิดงานเป็นคนสุดท้ายในชุดราตรี แต่ในช่วงแรก เธอต้องแต่งตัวในชุดไทยประยุกต์เพื่อเสนอสินค้า พูดคุยแนะนำสินค้ากับเจ้าของแบรนด์ และผู้ร่วมงานคนอื่น ๆ เพราะเธอเป็นพรีเซนเตอร์หลักของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ และปิดท้ายด้วยการเดินแบบชุดราตรีพลิ้ว ๆ โชว์สินค้า
อันถูกห้อมล้อมด้วยช่างแต่งหน้า ทำผม มีสตาฟของงานคอยเล่ารายละเอียดของงานให้ฟัง รวมถึงการตอบสัมภาษณ์ ซึ่งอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาเปิดงานอย่างเป็นทางการ
ทันทีที่เสียงเพลงเริ่มขึ้น เป็นสัญญาณว่าอีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาเดินแบบของอันในช่วงแรก มีสตาฟเข้ามาคุยกับเธอเรื่องการเดินอีกครั้งหนึ่ง ยังดีที่เธอยังพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง จากการที่อิงให้เธอไปงานบ่อย ๆ ทำให้เข้าใจคิวการเดิน
“โอเคพร้อมนะครับ โก”
ทันทีที่สตาฟให้สัญญาณ ไฟนับสิบดวงสาดส่องมาที่ตัวเธอ อันเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ทุกคนต้องตกอยู่ในห่วงภวังค์ เธอสามารถสะกดทุกสายตาได้อยู่หมัด ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และทุกกิริยาท่าทาง ไม่มีทางรอดพ้นจากสายตาแกริคที่ยืนดูเธออยู่ในงานนั้นด้วย เขาทำตัวคลุกคลีกับผู้คนในงาน
“ฮืมมมม ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะ”
เขาพึมพำกับตัวเอง สายตาจ้องไปที่เธออย่างไม่วางตา แกริคยืนดูโชว์ตั้งแต่เดินชุดแรกจนถึงชุดปิดงาน จนกระทั่งงานจบ แกริคค่อย ๆ หายกลืนออกไป
หลังเวที…เมื่องานจบ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีตามความคาดหมาย
อันนั่งพักอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่สตาฟจัดเตรียมไว้ให้ นั่งเช็ดเครื่องสำอาง เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดลำลอง พูดคุยสร้างความสนิทสนมกับสตาฟและเพื่อนนางแบบ จนเวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบ 2 ชม. หลังจากงานจบงาน นี่ก็เป็นเวลาใกล้จะตีหนึ่งแล้ว งานวันนี้เลิกดึกพอสมควร อันเลยรีบเตรียมตัวกลับบ้าน ป่านนี้รถเมล์หมดไปนานแล้ว เธอคงต้องเรียกแท็กซี่แถว ๆ หน้าห้างไปส่งเธอที่คอนโด
ขณะที่อันกำลังจะลุกจากเก้าอี้ ก็มีดาราคนหนึ่งที่ร่วมงานเดินแบบครั้งนี้กับเธอเข้ามาทักทาย
“ช่วงนี้ดูมีความสุขเชียวนะอิง ขึ้นหน้าหนึ่งแทบทุกวันเลยนิ”
อันพอรู้ข่าวคราวในสิ่งที่ดาราคนนี้กำลังพูด ข่าวเรื่องอิงขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในช่วงนี้ และถูกปาปารัสซี่ตามแอบถ่ายตลอดเวลา คงหนีไม่พ้นเรื่องที่เจ้าตัวกำลังคบหาดูใจกับลูเซี่ยน แล้วไหนจะเพื่อนร่วมงานที่พูดกันอยู่ทุกวัน มีหรือที่อันจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของอิง
แต่เธอพยายามไม่สนใจสักเท่าไหร่นัก แม้ในใจลึก ๆ ก็แอบเสียใจอยู่บ้าง เพราะตอนนี้เธอหลงรักลูเซี่ยนเข้าอย่างเต็มหัวใจ แต่สถานะของเธอเป็นได้แค่ของเล่นของเขา เพราะตัวจริงคืออิงที่ได้ครอบครองหัวใจของเขาไว้ การที่เธอเห็นเขาควงอิงออกงาน หรือเดท หรือเห็นข่าวต่าง ๆ นานา ตั้งแต่ตอนนั้นลูเซี่ยนไม่ได้ติดต่อมาหาเธอเลย ก็กำลังมีความสุขอยู่กับอิง จะมาหาของเล่นอย่างเธอทำไมกัน อันคิดน้อยใจ
“ก็มีบ้าง ให้หัวใจมันชุ่มชื่น” อันยิ้ม ก่อนจะตอบออกไปตามมารยาท สวมบทเป็นอิงพูดคุยกับดาราคนนั้น
“หวังว่าคนนี้จะเป็นตัวจริงนะ ถ้าเธอจับเขาไว้ในกำมือได้ละก็ เธอคงมีกินมีใช้ตลอดชาติ ไม่มีวันอดตายแน่ ๆ ฉันล่ะอิจฉาเธอจริง ๆ บุญอะไรหล่นทับน่ะ” อันยิ้มให้ เพราะไม่รู้จะต้องพูดอะไรต่อไปดี
จู่ ๆ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดสนทนาระหว่างเธอกับดาราคนนั้น เธอเลยใช้โอกาสนี้หนีออกมาจากวงสนทนา เธอไม่อยากพูดหรือรับรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่
“ค่ะ”
อันกดรับโทรศัพท์ ระหว่างเดินไปตามทางออกของห้าง เพื่อออกไปรอรถแท็กซี่
“อยู่ไหน”
เสียงปลายสายที่คุ้นเคย ทำหัวใจของอันเต้นระรัว อันกดรับโทรศัพท์โดยไม่ดูชื่อผู้โทร นี่เป็นครั้งแรกที่ลูเซี่ยนติดต่อมาหลังจากเราทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบประมาณ 2 สัปดาห์ อันไม่คิดว่าเขาจะโทรมาหา
“ว่าไงอยู่ไหน ทำอะไรอยู่”
“กำลังกลับบ้านค่ะ พอดีพึ่งเลิกงาน”
“งานอะไร นี่จะตีหนึ่งอยู่แล้วนะ”
เสียงราบเรียบปกติของลูเซี่ยน อยู่ ๆ กลับกลายเป็นเสียงเข้มขึ้น ทันทีที่รู้ว่าอันไม่ได้อยู่ที่บ้าน
“อันมาเดินแบบให้อิง พอดีเธอติดธุระมาไม่ได้”
“…”
ลูเซี่ยนเงียบไปสักครู่หนึ่ง เพราะรู้ว่า ที่อิงไปทำงานไม่ได้เพราะมีนัดกับเขา อิงถึงกับต้องทิ้งงานเลยงั้นเหรอ ลูเซี่ยนคิดในใจ
“เดี๋ยวจะไปรับรออยู่ที่นั่นแหละ อย่าไปไหน” ลูเซี่ยนวางสาย อันไม่ทันพูดอะไรต่อ
“อ้าว”
ด้วยเหตุนี้ อันเลยต้องยืนรออยู่หน้าห้าง รอลูเซี่ยนมารับ
ระหว่างยืนรอ…
“ใช่ คุณอิงรึเปล่าครับ”
เสียงเข้มทรงพลังพูด อันหันไปยังต้นเสียง เจอกับชายหนุ่มในชุดสูทหรู ดูลักษณะเหมือนจะเป็นคนต่างชาติ เพราะพูดไทยไม่ชัด หน้าตาแบบนี้ไม่ทางจีนก็เกาหลีละนะ เธอยิ้มให้ คิดว่าคงเป็นแฟนคลับของอิง
“ค่ะ”
“ดีใจจังที่ได้เจอตัวจริง ตัวจริงสวยกว่าในรูปนะครับ”
หนุ่มกวาดสายตามองเธอ เหมือนประเมินตัวเธออย่างไงอย่างงั้น
“ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจค่ะ”
ถึงจะเป็นแฟนคลับ แต่ทำไมอันถึงรู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้นะ
“นี่ครับ ผมเอาช่อดอกไม้มาให้ สำหรับคนจีนถือว่าเป็นดอกไม้มงคลนะครับ”
เธอยื่นมือรับช่อดอกไม้
“ขอบคุณค่ะ เป็นคนจีนจริง ๆ สินะคะ คิดไว้อยู่แล้ว เพราะพูดไทยไม่ชัด หน้าตาดูขาว ตี๋ คม นิด ๆ”
อันพูดเธอไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่า คนคนนี้ดูเข้าถึงยาก ทุกคำที่เขาพูดออกมามันทำให้อันอึดอัด แม้ภายนอกจะดูเป็นมิตรเหมือนคนทั่วไป
“นี่กำลังจะกลับเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ รอคนมารับ”
“หืม คนคนนั้นคงไม่ใช่ ลูเซี่ยน”
เธอได้ยินชื่อนั้นนิ่งไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“รู้ดีจังเลยนะคะ คงได้ยินจากข่าว” อันพูดตอบตามมารยาท
“ส่วนหนึ่งก็ใช่ แต่ความจริงเราสองคนรู้จักเป็นการส่วนตัวนะครับ”
แกริคย้ำคำ งั้นหมายความว่าเขาคงทำธุรกิจเช่นเดียวกับลูเซี่ยน แต่อยู่ฝั่งไหนละ ด้านหน้าหรือด้านหลัง
“…”
“คงทำร้านอาหารเหมือนกัน” อันพูด แกริคยิ้มก่อนจะตอบออกไปว่า…
“คิดว่าคงไม่ใช่”
แกริครอดูท่าทางของอัน เธอเงียบจ้องมองเขาอย่างสงสัย หรือว่าเขารู้ว่าลูเซี่ยนเป็นมาเฟีย ถ้าอย่างนั้นเขาเองก็เช่นกัน แต่ทำไมเขาถึงให้ความรู้สึกคนละแบบกับลูเซี่ยนอย่างสิ้นเชิง ชวนให้รู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก
“งั้นก็คงเป็นโรงแรม” อันยิ้ม
เธอไม่ยอมเผยความรู้สึกออกไปเด็ดขาด เพราะมันอาจทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายได้
ลูเซี่ยนเคยบอกไว้ว่าในวงการเบื้องหลังมันมีทั้งกล เล่ห์ อุบายหลากหลายรูปแบบ วิธีที่จะแยกว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู มาดีหรือว่าร้าย ดูแค่แววตา ก็สามารถดูออกแล้ว ดังนั้นเวลาเจอเหตุการณ์ที่ไม่น่าไว้ใจ มีสติให้มาก ๆ อย่าให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกอ่อนไหวเด็ดขาด และพยายามมองอีกฝ่ายให้ออก ไม่อย่างงั้น แม้แต่ลมหายใจ ก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ อันพยายามใช้เทคนิคที่ลูเซี่ยนสอนไว้ ลดความตื่นกลัว มองอีกฝ่ายให้ออกว่ากำลังคิดอะไร ลูเซี่ยนพูดเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริง เธอไม่สามารถอ่านความคิดของอีกฝ่ายว่าคิดอะไร มันคนละชั้นกันสินะ เธอจึงทำเป็นเฉย ๆ ยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฮึ”
แกริคหัวเราะอยู่ในลำคอ ไม่พูดตอบอะไรตอบกลับไป
“ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ แล้วก็ช่วยฝากทักทายลูเซี่ยนหน่อยละกันว่า ฉันจะมาเอาของที่เคยรับฝากไว้คืน”
“ทำไมไม่อยู่รอพร้อมกันเลยละคะ ไม่นานเขาก็จะมาแล้ว” อันพูดออกไป
“อย่าดีกว่าครับ เรามักจะอยู่ในพื้นที่เดียวกันไม่ค่อยได้ เดี๋ยวมันจะมีปัญหา”
แกริคพูดพร้อมโบกมือรา แล้วเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ห่างจากอันเท่าไหร่นัก
“สมแล้วที่เป็นผู้หญิงของลูเซี่ยน ฉลาดมาก ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็นะ ถึงยังไง ก็ยังต้องฝึกอีกเยอะ เพราะยังตบตาฉันคนนี้ไม่ได้”
แกริคพูดเมื่ออยู่ในรถ ขณะกำลังกลับไปที่พัก
เวลาไม่นานหลังจากที่แกริคจากไปได้มีรถหรูสีดำเข้ามาจอดตรงหน้าเธอ มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งลงมาเปิดประตูให้
“สนุกไหม” ลูเซี่ยนกล่าวทักทาย
“คะ?”
“คนที่ยืนบนเวทีเมื่อกี้กับคนตรงนี้ ใช่คนเดียวกันแน่เหรอ” ลูเซี่ยนแซว
“คะ?” อันสงสัย ลูเซี่ยนยื่นคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายเอาไว้ให้เธอดู
“อ้อ คนละคนคะ บนเวที ฉันคืออิง ณภัสสร ส่วนตอนนี้ฉันคือ อัน นริศรา”
ลูเซี่ยนยิ้มให้กับคำตอบของเธอ ที่แท้ลูเซี่ยนเองเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าอันมาเดินแบบที่งานนี้ เขาคอยส่งผู้ติดตาม คอยจับตาดูเธออยู่ห่าง ๆ และรายงานผลให้เขารู้เป็นระยะ ๆ
ลูเซี่ยนสังเกตเห็นช่อดอกไม้ที่อยู่บนตักเธอ ก่อนถามว่า
“ดอกไม้สวยจัง ใครเป็นคนให้เธอเหรอ แฟนคลับ?”
“ค่ะ เป็นแฟนคลับของอิง เขาพึ่งกลับไปไม่นาน ก่อนที่คุณจะมารับฉัน อ้อ! เห็นบอกว่ารู้จักกับคุณด้วยนะ สงสัยคงอยู่ในแวดวงนักธุรกิจเหมือนกัน”
“เหรอ”
ลูเซี่ยนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เขาไม่พูดอะไรต่อจากนั้น
เธอไม่รู้ว่าควรพูดในสิ่งที่แกริคฝากเธอมารึเปล่า แต่เธออดสงสัยไม่ได้ ถ้าเธอถามไป เขาจะตอบไหมนะ ถ้านั้นเป็นเรื่องสำคัญเธอก็ควรพูดออกไป ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญลูเซี่ยนคงบอกว่าไร้สาระ เธอควรจะทำยังไงดี พูดหรือไม่พูด แต่เขาบอกให้เธอฝากทักทายลูเซี่ยน แล้วไหนเรื่องที่บอกว่าจะมาเอาของที่รับฝากไว้คืน ของอะไร คงจะมาเอาเองละมั้ง ลูเซี่ยนมองท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนรู้ว่าเธอมีเรื่องจะพูด แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา ก่อนจะพูดว่า
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ”
พร้อมกับอุ้มอันขึ้นมานั่งบนตัก อันนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนตักของลูเซี่ยนอย่างว่าง่าย
“คนที่ให้ดอกไม้ฉันนะ ฉันสัมผัสถึงรังสีอันตรายออกมาตลอดเวลาด้วยล่ะ เหมือนตอนที่คุณเคยเอาปืนจ่อหัวฉันยังไงอย่างงั้น”
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นสิ” ลูเซี่ยนพูด
เขาไม่ชอบเรื่องที่อันเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่เขาเคยใช้ปืนจ่อหัวเธอ
ทำไมล่ะ! ก็มันคือความจริงที่เกิดขึ้น ภาพเหล่านั้นมันยังตราตรึงอยู่ในใจ และคอยย้ำเตือนอันตลอดเวลาว่า ยังไงสักวันเขาคงต้องฆ่าเธออยู่ดี ทันทีที่เธอหมดประโยชน์
“…” อันนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร
“ยังจะคิดถึงเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ”
ลูเซี่ยนเริ่มพูด เหมือนเขาจะคิดหนักเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เมื่อสิ่งที่อันพูดมันสร้างความหนักใจให้ลูเซี่ยน
“ก็มันเป็นความจริงนิคะ พอฉันหมดประโยชน์ หรือคุณเบื่อฉันแล้ว คุณคงจะไม่ปล่อยฉันไว้แน่ เพราะฉันรู้ความลับของคุณ แล้วยังเป็นของเล่นของคุณ อีกอย่างคุณก็มีอิง…”
“อัน!”
เขาเน้นเสียงเข้มเรียกชื่อเธอ ให้เธอหยุดพูด อันตกใจ เขาโมโหที่อันพูดแบบนั้น
“…”
“อย่าพูดเรื่องแบบนี้ให้ผมได้ยินอีกนะ เพราะคราวหน้าผมจะลงโทษเธอแน่ จะให้บอดี้การ์ดได้เห็นเรามีอะไรกันบนรถนี่แหละ”
เขาพูดพร้อมกับลวงเข้าไปใต้เสื้อของหญิงสาว บีบหน้าอกเธอเบา ๆ หนึ่งที
“ว๊าย!”
อันร้องออกมา หันมองลูเซี่ยนด้วยใบหน้าเขินอาย สีหน้าของเขาเบาลงจากเมื่อกี้ หลังจากได้แกล้งอัน
“เข้าใจรึเปล่า”
“เข้าใจแล้วค่ะ” อันตอบ
“เล่าต่อเถอะ รังสีอันตรายแล้วไง”
“ที่ฉันบอกเมื่อกี้ว่า เขารู้จักคุณ เขาบอกฉันว่าจะมาเอาของที่เคยฝากไว้คืน คุณเคยรับฝากอะไรของใครไว้รึเปล่า”
“ไม่รู้สิ เขาชื่ออะไรได้บอกไหม”
“ค่ะ แกริค”
ทันทีที่อันพูดชื่อนั้นออกมา สายตาใบหน้าของลูเซี่ยน เคร่งขรึม ดูน่ากลัวขึ้นมาทันที เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งเพื่อคิดอะไรบางอย่าง ท่าทางคงไม่ใช่เพื่อนสนิทกันจริง ๆ สินะ อันคิดในใจ
“จอดรถ”
ลูเซี่ยนสั่งให้บอดี้การ์ดจอดรถ ก่อนจะหยิบดอกไม้ของเธอทิ้งออกไปนอกรถ
อันไม่เข้าใจเหตุผลของสิ่งลูเซี่ยนกำลังทำ หลังจากนั้นเขาบอกให้คนขับรถ เปลี่ยนเส้นทางพาเธอไปที่โรงแรมของเขา
MANGA DISCUSSION