รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 834 ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย ‘เจ้าคิดเลียนแบบซีหรือ’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 834 ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย ‘เจ้าคิดเลียนแบบซีหรือ’
บทที่ 834 ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย ‘เจ้าคิดเลียนแบบซีหรือ’
จิตสังหารของเหล่าจักรพรรดิพลุ่งพล่าน ประชิดฐานที่มั่นของเจ้าอ้วน ความแค้นทั้งปวงจักต้องถูกสะสางในวันนี้
โฮก!
สัตว์อสูรตัวหนึ่งคำราม มันก้าวพ้นขั้นจักรพรรดิเซียนไปนานแล้ว บัดนี้อยู่ที่ขอบเขตโกลาหลขั้นสาม
มันคือถาวอู้ นัยน์ตาส่องแสงน่าครั่นคร้าม ทะลวงยอดเขาแห่งหนึ่งในฐานที่มั่นของเจ้าอ้วน เป็นผลให้ก้อนหินกลิ้งกันระนาว
“ท้ายที่สุด พวกตัวตลกก็ต้องถูกกำจัด! บังอาจสั่งให้พวกเราปล่อยเลือด วันนี้ข้าจักปล่อยเลือดในตัวเจ้าจนหมด!”
ผู้อาวุโสผมขาวแห่งตระกูลเฟ่ยตนหนึ่งก้าวออกมาอยู่ด้านหน้าสุด จิตสังหารลุกโชน
เขาฟาดมือใหญ่ออกไป คลื่นพลังน่าสะพรึงซัดสาด สถานที่อยู่ของเจ้าอ้วนกลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตา!
เจ้าอ้วนพุ่งออกมาทั้งที่ตัวโชกเลือด การโจมตีเมื่อครู่ของผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยเกือบคร่าชีวิตเขา
ร่างกายของเขาแหลกเหลว เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ชวนสะท้าน ผู้อาวุโสผมขาวตระกูลเฟ่ยผู้นี้ก็ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลนานแล้วเช่นกัน เกินกว่าที่เขาจะต่อกรด้วยไหว
“ปล่อยเลือดเขาจนหมดเรื่องนี้ก็ยังไม่จบ! ลอกหนัง เลาะเอ็น หักกระดูก แล้วดึงวิญญาณไปจุดตะเกียงสวรรค์!”
จิตสังหารของผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยรุนแรงที่สุด ครานั้น พวกเขาเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับตระกูลเซียว ซ้ำยังประกาศศักดาให้ซีรู้ว่าพวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตระกูลเซียว จึงเป็นตระกูลที่อนาถที่สุดในภายหลัง
พวกเขาหาซีไม่พบ ยามนี้จึงโยกความแค้นทั้งหมดมาลงที่เจ้าอ้วน พวกเขาอยากจะทำให้เจ้าอ้วนอยู่อย่างทรมาน!
เจ้าอ้วนมีสีหน้าเฉยชา แม้ว่าเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลก็มิเคยโอดครวญว่าเจ็บสักครา เขามิได้เอ่ยวาจาใดทั้งสิ้น รู้ดีว่าบัดนี้ต่อให้เอื้อนเอ่ยคำใดก็เปล่าประโยชน์ เจ้าพวกนี้ไม่มีทางปล่อยเขาไป
“ตระกูลเฟ่ยเก่งกาจถึงเพียงนี้เลยหรือ”
เวลานั้นเอง เด็กสาวนางหนึ่งเยื้องย่างออกมาจากฟากฟ้าอย่างแช่มช้า นางดูอายุอานามยังไม่เท่าไหร่ กลิ่นอายเย็นเยียบแผ่กำจายอยู่รอบตัว
นางมีดาบใหญ่สีเลือดไพล่ไว้ที่หลัง น้ำเสียงไม่ดังมาก กระนั้นกลับดังกังวานอยู่ในที่แห่งนี้
“ก็จริง ตระกูลเฟ่ยเก่งกาจปานนี้มาตลอด มิเคยเห็นชีวิตผู้อื่นอยู่ในสายตา นึกจะฆ่าก็ฆ่า การฆ่าล้างตระกูลสักตระกูลหนึ่งมิใช่เรื่องใหญ่อันใด…”
นางปริปากอีกครั้งด้วยเสียงอันราบเรียบ และเข้าใกล้ที่นี่ขึ้นเรื่อย ๆ
“สาวน้อยจากแห่งหนใดกัน รีบไปจากที่นี่เสีย ที่นี่หาใช่กงการของเจ้าไม่!”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งแค่นเสียงเย็น นัยน์ตาทอประกายดุดัน พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่เหนือขอบเขตโกลาหลไปแล้ว ไฉนเลยจะยอมให้เด็กสาวผู้หนึ่งเข้ามาก่อความวุ่นวาย
“ที่นี่หาใช่กงการของเจ้าจึงจะถูก! ข้ามาเพราะตระกูลเฟ่ย ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า”
เสียงของเด็กสาวเย็นยะเยือก ก้าวต่อมาเบื้องหน้า
“บังอาจนัก!”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นพิโรธ เด็กสาวนางหนึ่งริอ่านใช้วาจาเช่นนี้กับมันรึ
มันคือพญาอินทรีตนหนึ่ง ยามนี้สยายปีกบุกเข้าไปสังหารเด็กสาว
เด็กสาวลงมือด้วยความเฉียบขาด ชักดาบใหญ่สีเลือดที่หลังออกมาทันควันและฟันลงไป!
พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น มิมีผู้ใดนึกถึงเลยว่า เด็กสาวอายุอานามไม่เท่าไหร่ผู้นี้จะผ่าร่างพญาอินทรีเป็นสองส่วนในดาบเดียว!
สายตาของสิ่งมีชีวิตทุกตนในที่นี้เปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผู้นี้จะดุดันปานนี้! แม้ว่าพญาอินทรีจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็มิได้อ่อนแอ อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นหนึ่ง กลับถูกเด็กสาวผ่าครึ่งในดาบเดียว!
“เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยหรี่ตาลง ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาไปแหยมกับศัตรูทรงพลังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
“เจ้าไม่รู้จักข้าหรือ ก็จริง ตระกูลเฟ่ยของพวกเจ้าสังหารสิ่งมีชีวิตไปตั้งไม่รู้เท่าใด พวกเจ้าไฉนเลยจะจำข้าได้”
เด็กสาวหัวเราะเสียงเย็น “ข้ามีนามว่าซ่างกวนอิ๋ง มาจากตระกูลซ่างกวน!”
“ตระกูลซ่างกวน? ตระกูลอะไร มิเคยได้ยินมาก่อน!”
“ข้าก็ไม่เคยได้ยิน”
สิ่งมีชีวิตไม่น้อยมีสายตาฉงน เด็กสาวผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไม่มีทางอยู่โดยไร้ภูมิหลัง ตระกูลซ่างกวนควรเป็นมหาตระกูลจึงจะถูก ทว่าพวกเขากลับมิเคยได้ยินชื่อเสียงตระกูลซ่างกวนมาก่อน
“ตระกูลซ่างกวนหรือ?”
ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยมีแววตาสงสัยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าจำตระกูลซ่างกวนมิได้
ทว่าต่อมาเขานึกขึ้นได้ สายตาพลันโหดเหี้ยมขึ้นมา “เจ้าเองหรือ พลพรรคที่หลงเหลืออยู่ของตระกูลซ่างกวน!”
หลายปีก่อน สถานการณ์ในภพเซียนตึงเครียด สสารฝึกฝนทั้งหลายน้อยลงเรื่อย ๆ กองกำลังชั้นนำในภพเซียนจึงตัดสินใจดำเนินแผนกวาดล้าง กำจัดตระกูลเล็ก ๆ และกองกำลังเล็ก ๆ เพื่อลดการเผาผลาญของสสารฝึกฝน
ตระกูลซ่างกวนคือหนึ่งในตระกูลเล็ก ๆ ที่ถูกพวกเขาตระกูลเฟ่ยกำจัด ตอนนั้นซ่างกวนอิ๋งหนีไปได้ ยอดฝีมือตระกูลเฟ่ยของพวกเขาไล่ตามเข้าไป
สุดท้ายกลับพานพบกับยอดฝีมือนิรนาม ช่วยซ่างกวนอิ๋งไว้
ช่วงเวลานั้นพวกเขาวิตกกังวลเรื่อยมา กลัวว่ายอดฝีมือผู้นั้นจะพาซ่างกวนอิ๋งกลับมาล้างแค้นตระกูลเฟ่ยของพวกเขา
และเพราะเหตุนี้ พวกเขาถึงจับมือเป็นพันธมิตรกับตระกูลเซียว หวังจะต่อกรกับยอดฝีมือนิรนามผู้นี้ร่วมกับตระกูลเซียว
ทว่าหลังจากนั้น ยอดฝีมือนิรนามผู้นี้ก็มิเคยปรากฏออกมาเสียที จนพวกเขาแทบลืมเลือนเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าซ่างกวนอิ๋งจะมาหาในวันนี้
ยอดฝีมือนิรนามผู้นั้นก็คือหลี่จิ่วเต้า ต่อมาหลี่จิ่วเต้ายังพาซ่างกวนอิ๋งไปยังกองกำลังชั้นนำต่าง ๆ เพื่อยืมวิชาฝึกฝนและประสบการณ์ฝึกฝนมาให้ซ่างกวนอิ๋ง
แน่นอนว่ากองกำลังทั้งหลายไม่รู้เรื่องนี้
หลังหลี่จิ่วเต้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ย้อนเวลากลับไป กองกำลังต่าง ๆ ก็สูญเสียความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลายปีที่ผ่านมา ซ่างกวนอิ๋งพากเพียรฝึกฝนมาโดยตลอด คัมภีร์วิชาและประสบการณ์ฝึกฝนของแต่ละตระกูลมีประโยชน์ต่อนางมหาศาล
ถึงอย่างไร ที่ที่หลี่จิ่วเต้าพาไปล้วนเป็นกองกำลังฝึกฝนชั้นเลิศที่สุดในภพเซียน
นอกจากนี้ คัมภีร์วิชาและประสบการณ์ฝึกฝนเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่าที่สุดแห่งกองกำลังต่าง ๆ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ซ่างกวนอิ๋งอยากพัฒนาตนช้ายังยาก
และที่สำคัญคือไม่รู้เพราะเหตุใด นางจึงฝึกฝนได้ราบรื่นเหลือแสน ไม่มีอุปสรรคหรือความลำบากสักนิด
ต่อให้เป็นคัมภีร์วิชาและหลักเต๋าที่ยากเย็นเพียงใด นางก็เข้าใจได้ในทันที ขณะเดียวกัน ดูเหมือนนางจะคุ้นเคยกับฟ้าดินเป็นพิเศษ ยามบำเพ็ญเหนื่อยเพียงครึ่งเดียวของปกติ กลับได้ผลเป็นทวีคูณ
โดยเฉพาะหลังสสารระดับสูงพวยพุ่ง ความคุ้นเคยนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น และนางก็ยกระดับพลังได้ไวขึ้นด้วย
นางรู้สึกเหมือนสสารระดับสูงเหล่านั้นกำลังพะเน้าพะนอเอาใจนาง นางไม่เพียงแต่ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลได้นานแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นที่สามแล้วด้วย!
‘คงเกี่ยวข้องกับคุณชายเป็นแน่!’
หลังเกิดความรู้สึกเช่นนี้ นางก็นึกถึงคุณชายขึ้นมา
คิดแล้วตัวนางเองหรือจะมีความสามารถขนาดนี้ที่ไหน ต้องเกี่ยวข้องกับคุณชายเป็นแน่ นางเคยเห็นกับตาว่าคุณชายเก่งกาจปานใด เคยบิดเบือนปริภูมิเวลาด้วยถ้อยคำเดียว แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ!
“วันนี้เจ้าโผล่ออกมายิ่งดี จะได้กำจัดภัยร้ายแอบแฝงในคราเดียว!”
ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยยิ้มเย็นพลางเอ่ย “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าเล่า เลิกซ่อนตัวได้แล้ว ออกมาด้วยกันเถิด! มิฉะนั้น ลำพังเจ้ายังสู้ไม่ไหว!”
บัดนี้ ยอดฝีมือมากมายในตระกูลเฟ่ยของพวกเขาก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลแล้ว พวกเขาไม่นึกเกรงกลัวสิ่งใดอีก!
ที่สำคัญที่สุดคือ ตระกูลเฟ่ยของพวกเขามีตัวตนที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้อยู่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด!
“ไยจะไม่ไหว?”
ซ่างกวนอิ๋งชูดาบใหญ่สีเลือดในมือ ชี้ไปยังผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”
“น่าขัน! ลำพังเจ้าคนเดียวยังคิดจะล้างบางตระกูลเฟ่ยของเราหรือ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน”
ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยหัวเราะร่วน “เจ้าอยากเลียนแบบซีผู้นั้นหรือไร น่าขันสิ้นดี บัดนี้ต่อให้เป็นซีก็ไม่ไหว! นับประสาอะไรกับเจ้า!”
จิตสังหารของเขาทะยานขึ้นฟ้า พร้อมเรียกทวนยาวออกมาหนึ่งเล่ม คลื่นพลังสยดสยองโถมทับ เขาตั้งใจจะฆ่าซ่างกวนอิ๋งกับมือตนเอง!