รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 36 หนิงเจี๋ย ผู้ถูกตีอย่างแรง
บทที่ 36 หนิงเจี๋ย ผู้ถูกตีอย่างแรง
‘เอามือ…สกปรก ๆ ออกไป?’
หลี่จิ่วเต้ามองไปยังต้นเสียง…นั่นหมายถึงเขาหรือไม่?
คนคนนี้เป็นอะไรของเขา?
เขากำลังแนะนำเซี่ยเหยียน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนคนนี้กัน?
“เซี่ยเหยียน เจ้าปล่อยให้มนุษย์เข้าใกล้เจ้าถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางกายขนาดนี้ได้อย่างไร!?”
หนิงเจี๋ยนั้นโมโหนัก หากไม่ใช่ว่าหลี่จิ่วเต้าและเซี่ยเหยียนอยู่ใกล้เกินไป เขาคงตบมนุษย์ผู้นี้ไปแล้ว
‘หืม?’
‘รู้จักกันเหรอ?’
หลี่จิ่วเต้าไม่ปลื้มกับวิธีพูดของคนคนนี้เลย…
ที่บอกว่ามีความสัมพันธ์ทางกายกับมนุษย์นี่หมายความว่าอย่างไร?
‘เมี้ยว ผู้ฝึกตนหลายคนเคารพผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่รู้รึ?’
‘มนุษย์? ให้ตายสิ ท่านผู้นี้เป็นถึงผู้อาวุโสผู้ที่ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า!’
เซี่ยเหยียนคิดในใจ คนผู้นี้ช่างตาบอดยิ่งนัก!
เดี๋ยวก่อนนะ…
คนผู้นี้รู้จักชื่อของนางได้อย่างไร?
นางไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ
“เจ้าเป็นใคร”
นางถามด้วยความสงสัย
“ข้าเป็นใครงั้นหรือ?”
เมื่อหนิงเจี๋ยได้ยินคำถามของเซี่ยเหยียน เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกสายฟ้าฟาดอย่างแรง แม้แต่เซี่ยเหยียนยังไม่รู้ว่าเขาคือใคร?
เขามองเซี่ยเหยียนเป็นภรรยา แต่เซี่ยเหยียนกลับไม่รู้จักเขา!
นี่มันช่างมีอานุภาพรุนแรงเหลือเกิน!
‘อ้อ กลายเป็นคนไม่สลักสำคัญอะไรนี่เอง’
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ
เดิมที เขามองว่าหนิงเจี๋ยเป็นคนตลกดี ซ้ำยังนึกว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังมากเสียด้วย แต่สรุปแล้วหนิงเจี๋ยนั้นไม่ดีเลย แล้วเซี่ยเหยียนเองก็ไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ…
‘เข้าใจละ คนคนนี้ชอบความงามของเซี่ยเหยียนนี่เอง เห็นว่าฉันอยู่ใกล้เซี่ยเหยียนมาก เขาก็เลยโมโห’
หลี่จิ่วเต้านั้นอับจนคำพูดไปพักหนึ่ง อยากจะเอ่ยเหลือเกินว่า ‘พี่เอ๋ย เซี่ยเหยียนไม่รู้จักเจ้าด้วยซ้ำ แล้วเจ้าจะมายุ่งทำซากอะไรนี่?’
“ข้าคือหนิงเจี๋ย องค์ชายแห่งอาณาจักรหนิง เพื่อนบ้านของอาณาจักรเซี่ย และพ่อของข้าคือองค์จักรพรรดิ ครั้งหนึ่งเคยสู่ขอเจ้าแต่งงานผ่านจักรพรรดิเซี่ยน่ะสิ!”
“ข้าจำไม่ได้หรอก ปีหนึ่งมีสามร้อยหกสิบห้าวัน และทุกวันก็มีคนมาขอพ่อข้าเพื่อแต่งงานกับข้าทั้งนั้น”
ที่เซี่ยเหยียนเอ่ยแทบทำหนิงเจี๋ยกระอักเลือดออกมา
นี่เขาน่าสงสารเกินไปไหม?
เซี่ยเหยียนจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“ข้าย่อมแตกต่างออกไป ครั้งนี้พ่อของข้าจะไปหาจักรพรรดิเซี่ยอีกครั้ง และจักรพรรดิเซี่ยจะยอมรับการแต่งงานของเราในครั้งนี้อย่างแน่นอน!”
เขารีบพูด
“เจ้าคิดอันใดอยู่! ท่านพ่อจะเห็นด้วยกับเจ้าได้อย่างไร ท่านพ่อย่อมไม่ให้ข้าทำในสิ่งที่ข้าไม่ชอบ นั่นรวมไปถึงการแต่งงานด้วยเช่นกัน!”
เซี่ยเหยียนไม่รู้เลยว่าจะเอ่ยสิ่งใดออกมาต่อดี
คนผู้นี้มีนิสัยแปลกมาก จู่ ๆ ก็มาบอกว่าจะแต่งงานกับนาง แล้วคิดว่าท่านพ่อซึ่งเป็นจักรพรรดิของนางจะต้องเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ…
ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นคนบ้าไม่ก็งี่เง่าอย่างแน่นอน!
เมี้ยว!
ลั่วสุ่ยร้องออกมาอย่างเป็นสุข และเอ่ยในใจว่าเขาต้องแต่งงานกับเซี่ยเหยียน เพื่อไม่ให้ใครมาแย่งชิงความโปรดปรานผู้อาวุโสไปจากนาง
เมื่อใดก็ตามที่เซี่ยเหยียนมาหาผู้อาวุโส ผู้อาวุโสก็จะไม่สนใจนาง ด้วยเหตุนี้ ลั่วสุ่ยจึงไม่พอใจเซี่ยเหยียนสักเท่าใดนัก
“เพื่อเจ้าแล้ว ข้ายอมถ่อจากภาคกลางมายังบูรพาทิศเชียวนะ สุดท้ายแล้ว ข้าก็สร้างชื่อให้ตัวเองและเข้าสู่นิกายเจ็ดดาราได้สำเร็จ อีกอย่าง ข้ายังได้เป็นลูกศิษย์อันดับต้น ๆ ของนิกายเจ็ดดาราด้วย ด้วยสถานะนี้ของข้าก็ย่อมเป็นที่เคารพนับถือไปทั่ว!”
หนิงเจี๋ยมองไปที่เซี่ยเหยียนและเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
ศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดารา
สถานะนี้สูงส่งเกินไป
หลังจากที่เซี่ยเหยียนได้ยิน นางจะต้องประทับใจกับเขาอย่างแน่นอน
ในฐานะศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดารา เขาสามารถเลือกผู้หญิงที่งดงามกว่าเซี่ยเหยียน หรือจะความสามารถที่สูงกว่าและภูมิหลังที่แข็งแกร่งกว่านาง ก็มีถมยิ่ง
กระนั้นเขายังคงกลับมาบูรพาทิศเพื่อตามหานาง เซี่ยเหยียนจะต้องประทับใจเขาอย่างแน่นอน!
“อ้อ”
โดยไม่คาดคิด สีหน้าของเซี่ยเหยียนนั้นเรียบเฉยเป็นอย่างมาก และนางก็ตอบ “อ้อ” เบา ๆ
หนิงเจี๋ยรู้สึกโกรธในใจ เซี่ยเหยียนไม่รู้หรือว่าตัวตนของศิษย์หลักแห่งนิกายเจ็ดดารานั้นทรงพลังเพียงใด
“ช้าก่อน…”
ในตอนนั้นเอง เซี่ยเหยียนเอ่ยออกมา
ดวงตาของหนิงเจี๋ยเป็นประกายขึ้นมาทันที และเขาก็หัวเราะอย่างเต็มที่
นิกายเจ็ดดาราเป็นกองกำลังระดับหนึ่งในภาคกลาง ซ้ำชื่อเสียงยังขจรไกล แดนตะวันออกควรรู้ด้วยว่านิกายเจ็ดดารานั้นทรงพลังเพียงใด
เซี่ยเหยียนต้องจำได้แน่นอนว่านิกายเจ็ดดาราแข็งแกร่งเพียงใด
ทว่าสิ่งที่เซี่ยเหยียนเอ่ยออกมากลับทำให้เขารู้สึกท้อแท้ในทันที
“หมายความว่าอันใดที่บอกว่าเพื่อข้า? อย่าบอกว่าเพื่อข้าเลย ข้าไม่รู้จักเจ้าด้วยซ้ำ…”
เซี่ยเหยียนจำได้ว่าหนิงเจี๋ยเอ่ยว่า ‘เพื่อนาง’ นางถึงกับหมดคำพูด คนผู้นี้สมองต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ ๆ…
“อย่ากล่าวเรื่องเหล่านี้เลย สิ่งสำคัญที่สุดคือข้ากลายเป็นศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดาราแล้ว นิกายเจ็ดดาราจากภาคกลางเชียวนะ!”
“อ้อ…”
ใครเล่าจะรู้…สีหน้าของเซี่ยเหยียนยังคงตายด้าน
หนิงเจี๋ยล้มลงไป เซี่ยเหยียนไม่รู้จริง ๆ เสียด้วยว่านิกายเจ็ดดาราแข็งแกร่งเพียงใด!
“นิกายเจ็ดดารา ขุมพลังอันดับต้น ๆ ของภาคกลาง เป็นรองเพียงแค่แดนศักดิ์สิทธิ์!”
หนิงเจี๋ยพยายามบอกเซี่ยเหยียนว่านิกายเจ็ดดารานั้นแข็งแกร่งเพียงใด
“ข้ารู้”
“หืม!?”
หนิงเจี๋ยถึงกับนิ่งอึ้ง
‘รู้ได้เรียบเฉยมาก!?’
เขาโมโหนัก เซี่ยเหยียนจงใจเล่นลิ้นกับเขาหรือ
“พี่ชาย…โปรดไปโอ้อวดที่อื่นเถิด มันไร้ประโยชน์ที่จะโอ้อวดที่นี่…” เซี่ยเหยียนเอ่ย
ศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดาราแข็งแกร่งมากเลยหรือ
หากเป็นเมื่อก่อน นางคงหวาดกลัวมากจริง ๆ
แต่ตอนนี้…คิดบ้าอันใดอยู่! อย่าว่าแต่นิกายเจ็ดดาราเลย แม้บุตรแห่งสวรรค์ของแดนศักดิ์สิทธิ์มาเอง นางก็ไม่กลัวเหมือนกัน
เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างนางคือ ผู้อาวุโสที่ทรงพลังอันยากหยั่งถึงเชียวนะ!
ทุกภาพวาดมีจังหวะอันสูงสุด ทุกหยกแกะสลักมีพลังในการทำลายล้างโลก ทุกท่วงทำนองจะดึงดูดเทพบรรพกาลระหว่างสวรรค์และโลกลงมา
และทุกปลาที่ป้อนแมวเลี้ยงคือมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบน…
นิกายเจ็ดดาราเป็นได้แค่เศษเดนเท่านั้น!
ขนาดแดนศักดิ์สิทธิ์ยังทำไม่ได้เลย!
แน่นอนว่านางไม่เห็นเทพบรรพกาลมาเยือนเพื่อฟังหลี่จิ่วเต้าเล่นกู่ฉิน และนางก็ไม่ได้รับรู้ว่าปลาในถังน้ำลานโล่งคือมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบน
นี่เป็นสิ่งที่เวิงอู๋โยวบอกแก่นางในภายหลัง
เวิงอู๋โยวเองก็ไปที่ลานเล็กของหลี่จิ่วเต้าในตอนหลัง เห็นปลาที่เก็บไว้ในถัง เมื่อกลับไปอ่านคัมภีร์โบราณ และจำได้ว่าปลาเหล่านี้คือมัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบน
มัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนนั้นน่าหวาดผวาและพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของโลกใบนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้ามัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนแล้วก็ไร้ค่ายิ่งนัก…
‘แหงล่ะว่าจะมาอวดต่อหน้าเซี่ยเหยียนไม่ได้ เซี่ยเหยียนเป็นถึงศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักเชียวนะ แข็งแกร่งกว่าศิษย์หลักของเจ้าตั้งเยอะ อีกอย่าง นิกายเจ็ดดาราเป็นแค่กองกำลังชั้นหนึ่ง สำนักไท่หัวสิแข็งแกร่งที่สุด แล้วยังเหนือกว่ากองกำลังตั้งมากด้วย!’
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะร่าอยู่ในใจ
โทษไม่ได้ที่เขารู้เกี่ยวกับโลกใบนี้น้อยเกินไป นึกว่าภาคกลางก็เหมือนกับภาคตะวันออก…
“เจ้า!”
หนิงเจี๋ยโมโหยิ่ง และใบหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาต
เซี่ยเหยียนหมายความว่าอย่างไร?
ไม่ใช่ว่าตัวตนของเขาในฐานะศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดารานั้นมากพอที่จะโอ้อวดได้แล้วหรือ?
แต่เซี่ยเหยียนกลับกล้าโยนมันคืนใส่เขา?
ชายหนุ่มเย้ยหยันและเอ่ยว่า “อย่าเอ่ยคำใดอีกเลย เจ้าเป็นได้แค่ภรรยาของข้าเท่านั้น!”
เซี่ยเหยียนอาจไม่รู้ แต่มีหรือที่จักรพรรดิเซี่ยจะไม่รู้?
ด้วยความกล้าที่มี จักรพรรดิเซี่ยย่อมไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอการแต่งงานของเขาในครั้งนี้อย่างแน่นอน!
“สหายเอ๋ย นี่เป็นความผิดเจ้า เซี่ยเหยียนชี้แจ้งอย่างชัดเจนแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังสะกดรอยตามเช่นนี้”
หลี่จิ่วเต้าอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยออกมา
“เป็นมนุษย์มีสิทธิพูดด้วยหรือ!?”
หนิงเจี๋ยจ้องหลี่จิ่วเต้าอย่างอาฆาตแค้น
กล้าเป็นชู้กับนาง แล้วยังกล้าพูดต่อหน้าเขา หากไม่ได้ฉีกกระชากหลี่จิ่วเต้าออกเป็นชิ้น ๆ ในวันนี้ เขาคงไม่ขออยู่ในฐานะหนิงเจี๋ยอีกต่อไปแล้ว เขาจะขอฆ่าตัวตาย!