รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 252 นี่มันผิดกฎฟ้าสวรรค์มากเกินไป!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 252 นี่มันผิดกฎฟ้าสวรรค์มากเกินไป!
บทที่ 252 นี่มันผิดกฎฟ้าสวรรค์มากเกินไป!
“เข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าแล้ว? ไม่ว่าอยากจะทำอะไรหรือไปที่ใดก็ย่อมได้? พวกเราทั้งหมดจะต้องตายด้วย?”
เวิงอู๋โยวแสดงสีหน้าแปลกพิกล
เขาคิดกับตัวเองว่า ‘พ่อหนุ่มเอ๋ย ยามนี้ไม่เหมือนเมื่อวันวาน ขอบเขตพรตเต๋าเอง…ก็ไม่เหมือนเดิมเช่นกัน!’
มันไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาคุยโวโอ้อวดได้อีกต่อไปแล้ว!
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ใบหน้าของหนิงเจี๋ยมืดครึ้ม สีหน้าแปลกประหลาดของเวิงอู๋โยวทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างไร พ่อหนุ่มเอ๋ย หากเจ้าอยากจะอวดอ้างก็ไปที่อื่นเสียเถอะ ณ ที่แห่งนี้เจ้าไม่อาจทำได้”
เวิงอู๋โยวกล่าวตอบ
“ไม่อาจทำได้?”
โทสะของหนิงเจี๋ยพวยพุ่งขึ้นมา
เหตุใดสถานการณ์จึงไม่เหมือนดังที่เขาคิดเอาไว้?
ขอบเขตพรตเต๋า ขอบเขตที่เหล่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนไปไม่ถึง ต่อให้ใช้เวลาชั่วชีวิตก็อาจไม่สามารถบรรลุได้
เมื่อเขาสำแดงฐานะของขอบเขตพรตเต๋าออกมา เวิงอู๋โยวและคนอื่น ๆ สมควรจะตกใจกลัวถึงขีดสุด แล้วมาคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาจากเขาไม่ใช่หรือ?
แต่พวกเวิงอู๋โยวกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย ทั้งยังบอกเขาว่าไม่อาจทำได้?
นี่มันอะไรกัน!
เขาเข้ามาด้วยความเดือดดาล ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงขอบเขตอันไร้ผู้ทัดเทียม ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าจะอ่อนน้อมสักนิด เช่นนี้แล้วจะให้เขาไม่โกรธเกรี้ยวได้อย่างไร
ราวกับเขาได้รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีแล้วต่อยออกไป แต่กลับต่อยได้เพียงอากาศไม่กระทบสิ่งใด ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันให้ความรู้สึกอึดอัดใจแค่ไหน!
“ไม่ว่าเป็นหรือตาย วันนี้ข้าจะทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสายธารโลหิต!”
ร่างของเขาท่วมท้นไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า แสดงให้เห็นว่าโทสะของเขามีมากเพียงใด
พวกเวิงอู๋โยวคิดว่าคันศรในมือของเซี่ยเหยียนจะสามารถหยุดเขาได้หรือ?
อย่าตลกไปหน่อยเลย!
แม้ว่าคันศรในมือของเซี่ยเหยียนจะสามารถหยุดเขาได้ เขาก็ยังมีหลิงเซิ่ง!
วันนี้ที่แห่งนี้จะต้องกลายเป็นสายธารโลหิต แม้กระทั่งให้เซียนมาด้วยตนเองก็ไม่อาจหยุดยั้ง!
เขาลั่นวาจาออกไป!
“พ่อหนุ่ม ไยต้องอารมณ์เสียขนาดนั้นเล่า? พักก่อนเถอะ!”
เวิงอู๋โยวก้าวไปด้านหน้าแล้วปล่อยพลังปราณของเขาออกมา
เขาเองก็อยู่ในขอบเขตพรตเต๋า แถมยังเป็นขั้นสองที่สูงกว่าหนิงเจี๋ยที่อยู่ขั้นหนึ่งด้วย
ตัวเขาได้ดื่มชาของท่านเซียนไปหนึ่งถ้วย ทำให้ได้รับผลประโยชน์ไร้ที่สิ้นสุด ซ้ำยังฝึกฝนกับภาพวาดภูเขาไท่หัวที่ถูกวาดขึ้นมาโดยท่านเซียน ทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้อย่างรวดเร็ว
“อันใดกัน!?”
หลังจากรับรู้ได้ถึงขอบเขตของเวิงอู๋โยว กรามของหนิงเจี๋ยแทบจะยื่นลงไปแตะพื้นด้วยความตกใจ
คนผู้นี้เองก็อยู่ขอบเขตพรตเต๋าเหมือนกัน!?
มิหนำซ้ำยังสูงกว่าเขาหนึ่งขั้นด้วย!?
นี่มันอะไรกัน ฟ้าสวรรค์ยังคงมีกฎเกณฑ์อยู่หรือไม่!?
เขาต้องทนทุกข์ทรมานในแดนต้องห้ามนวปรภพทั้งวันทั้งคืน กัดกินซากศพอสูรแทบทุกชนิด หลังจากนั้นก็โชคดีพอมีวาสนาให้ได้รับสมบัติล้ำค่ามาหนึ่งชิ้น ทำให้สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าได้
แล้วเวิงอู๋โยวนี่มันอะไรกัน?
ไม่เพียงแต่ขอบเขตจะเท่ากับเขา ขั้นก็ยังสูงกว่าด้วย?
ภายในใจของเขากู่ร้องด้วยความอัดอั้น!
“ขอบเขตพรตเต๋า…น่าภูมิใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ในตอนนั้นเอง เซี่ยเหยียนก็กล่าวออกมาด้วยเสียงราบเรียบ ทั้งยังสำแดงพลังของตนเองออกมา
ขอบเขตพรตเต๋าขั้นสาม เหนือกว่าเวิงอู๋โยวด้วยซ้ำ!
ทว่ากลับไม่น่าประหลาดใจแม้แต่น้อยที่นางสามารถรุดหน้าได้ไวถึงเพียงนี้
นางอยู่กับท่านเซียนแทบทุกวัน ผลประโยชน์ที่นางได้รับจากท่านเซียนมีมากมายนับไม่ถ้วน!
ขนาดไม่ได้ฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายยังมาถึงขั้นนี้ หากนางฝึกฝนอย่างขันแข็ง ขอบเขตในปัจจุบันของนางคงจะสูงกว่านี้อย่างแน่นอน
อย่างน้อยนางก็น่าจะสามารถทะลวงผ่านขอบเขตพรตเต๋าเข้าสู่ขอบเขตราชันได้
“…”
หนิงเจี๋ยถึงกับพูดไม่ออก
เซี่ยเหยียนเองก็สามารถบรรลุถึงขอบเขตพรตเต๋าได้แล้ว?
แถมยังสูงกว่าเขาถึงสองขั้นด้วย?
เขาจำได้ว่าครั้งก่อนที่เห็นเซี่ยเหยียน นางยังคงอยู่ในขอบเขตนิพพานเหมือนกับเขา!
ยามนี้…นางถึงกับอยู่ขอบเขตขั้นสูงกว่าเขาเช่นนั้นหรือ?
สวรรค์!
ฟ้าดินไร้หลักการเกินไปแล้ว!
ภายในใจของหนิงเจี๋ยเต็มไปด้วยความรู้สึกราวกับมีอาชานับหมื่นตัววิ่งผ่าน
ความทุกข์ทรมานและความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญในแดนต้องห้ามนวปรภพล้วนไร้ค่า?
ผู้อื่นที่ไม่ได้รับความทุกข์ทรมานเหมือนกับเขา กลับแข็งแกร่งกว่าเขา!?
ในใจของเขากู่ร้องออกมาว่าไม่ยุติธรรม!
“ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะมีของดีอยู่ในมือไม่น้อย!”
เสียงประหลาดใจของหลิงเซิ่งดังขึ้นมาภายในหัวของหนิงเจี๋ย
ด้วยสภาพของโลกในปัจจุบันนั้นยากยิ่งที่จะบรรลุขอบเขตพรตเต๋า ทว่าเวิงอู๋โยวและเซี่ยเหยียนกลับบรรลุได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังรวดเร็วอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะช่วยเจ้าด้วยพลังทั้งหมดที่มีเพื่อจัดการคนผู้นั้น!”
หลิงเซิ่งกล่าวขึ้นด้านในหัวของหนิงเจี๋ยด้วยความหนักแน่น
แท้จริงแล้ว ที่เขาช่วยเหลือหนิงเจี๋ยในการล้างแค้นครั้งนี้ ก็เนื่องด้วยเขาต้องการสิ่งที่อยู่ในมือของหลี่จิ่วเต้า
เขาไม่เคยพบหลี่จิ่วเต้ามาก่อน
เมื่อครั้งที่หนิงเจี๋ยไปยังชิงซานเพื่อตามหาหลี่จิ่วเต้า เขารับรู้ได้ถึงสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่างในชิงซาน จึงปิดผนึกตัวเองแล้วตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกทันที
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงคลาดกับการพบหลี่จิ่วเต้า
แต่การที่อีกฝ่ายสามารถมอบคันศรอันทรงพลังให้กับเซี่ยเหยียนได้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในมือของหลี่จิ่วเต้ามีของดีอยู่อีกมาก
หากไม่มีของดีจำนวนมาก จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมอบสมบัติเช่นนี้ออกมาอย่างส่ง ๆ
ดังนั้นเมื่อหนิงเจี๋ยออกมาจากแดนต้องห้ามนวปรภพแล้วกล่าวว่าต้องการจะแก้แค้น เขาจึงสนับสนุนเด็กหนุ่มอย่างเต็มที่ ซ้ำยังแสดงท่าทางว่าจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถด้วย
ยิ่งตอนนี้เขาได้เห็นเวิงอู๋โยวและเซี่ยเหยียนได้บรรลุขอบเขตพรตเต๋า เขายิ่งมั่นใจว่าหลี่จิ่วเต้ามีของดีอีกมากอยู่กับตัว!
ทั้งสองคนนี้จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากหลี่จิ่วเต้าอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนคงไม่อาจบรรลุขอบเขตพรตเต๋าได้อย่างรวดเร็ว!
“เยี่ยม!”
หลังจากได้ยินหลิงเซิ่งกล่าวออกมา หนิงเจี๋ยก็รู้สึกโล่งใจอย่างสมบูรณ์
“ขอบเขตขั้นสูงกว่าข้าแล้วจะทำไม?”
หนิงเจี๋ยมองไปทางเวิงอู๋โยวและเซี่ยเหยียน สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเป็นหยิ่งผยองเช่นก่อนหน้า “กบในกะลา แหงนหน้ามองก็คิดว่าตนเห็นท้องฟ้าทั่วหล้า ทั้งที่แท้จริงแล้วกลับเห็นเพียงท้องฟ้าในกะลาเท่านั้น!”
ความหมายในคำพูดเขาคือ พวกเจ้าคิดว่าหลี่จิ่วเต้าที่ตนเองได้พบนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่แท้จริงแล้ว หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้!
เซี่ยเหยียนเคยบังคับให้เขาเอ่ยสัตย์ปฏิญาณต่อสวรรค์ว่าจะไม่เปิดเผยข่าวคราวใด ๆ เกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้า
เขาจึงไม่กล้าเอ่ยถึงหลี่จิ่วเต้าโดยตรง ทำได้เพียงพูดออกมาเช่นนี้
“วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงเป็นเช่นไร! ข้าจะทำให้เข้าใจว่าท้องฟ้าที่พวกเจ้าเห็นนั้นเล็กเพียงใด!”
เขาตะโกนออกมาด้วยความเย็นชา พลังปราณของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
หลิงเซิ่งกำลังให้เขาหยิบยืมพลัง!
วิญญาณนักบุญหลิงเซิ่งที่ฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่นั้น มีพลังแข็งแกร่งน่าหวาดเกรงเป็นอย่างมาก หนิงเจี๋ยเพียงหยิบยืมพลังมาส่วนหนึ่งก็เพียงพอที่จะบดขยี้เวิงอู๋โยวและเซี่ยเหยียนได้แล้ว
ปราณของหนิงเจี๋ยพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว ปราณของเขาก็ก้าวกระโดดขึ้นไปเก้าขั้นจนไปถึงขอบเขตราชัน
ทว่ากลับไม่หยุดอยู่แค่นั้น มันยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
จนกระทั่งตอนที่ผิวของหนิงเจี๋ยเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาจึงได้หยุดลง
ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยรัศมีเรืองรอง ดวงตาสองข้างราวกับมีอสนีบาตที่เกิดจากพลังเทวา เพียงแค่โบกมือก็เปี่ยมไปด้วยพลังเทวา บรรลุถึงขอบเขตเทวา!
เดิมทีแล้วหากต้องการจะจัดการกับเวิงอู๋โยวและเซี่ยเหยียน เขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังจนขึ้นถึงขอบเขตเทวา แค่ขอบเขตราชันก็เพียงพอแล้ว
ทว่าในมือของเซี่ยเหยียนนั้นมีคันศรล้ำค่าอยู่ ขอบเขตราชันไม่อาจทำให้เขามั่นใจได้ ดังนั้นจึงได้หยิบยืมพลังมาจนถึงขอบเขตเทวา
ด้วยพลังของขอบเขตเทวานั้นเพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาไร้ความหวาดเกรงต่อคันศรที่เซี่ยเหยียนถือครองอยู่!
“เซี่ยเหยียน ข้าจะพาเจ้าไปหาผืนฟ้าที่เจ้าพึ่งพา หลังจากนั้นข้าจะฉีกผืนฟ้านั้นออกเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าเจ้า!”
หนิงเจี๋ยมองไปทางเซี่ยเหยียน มุมปากของเขาเหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
ผืนฟ้าที่เขาพูดถึงย่อมต้องเป็นหลี่จิ่วเต้า!
เซี่ยเหยียนควรจะตระหนักได้ในสิ่งที่เขาเอ่ยถึง!