รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1194 หลี่จิ่วเต้า ‘วาสนานารีใช่ว่าน่าเคลิบเคลิ้มถึงเพียงนั้น!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1194 หลี่จิ่วเต้า ‘วาสนานารีใช่ว่าน่าเคลิบเคลิ้มถึงเพียงนั้น!’
บทที่ 1194 หลี่จิ่วเต้า ‘วาสนานารีใช่ว่าน่าเคลิบเคลิ้มถึงเพียงนั้น!’
…………….
บทที่ 1194 หลี่จิ่วเต้า ‘วาสนานารีใช่ว่าน่าเคลิบเคลิ้มถึงเพียงนั้น!’
“ข้าไม่บังคับ หากเต็มใจเข้าร่วมก็เข้าร่วม ไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร”
หลี่จิ่วเต้าบอกกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง
เขานั้นถือกฎสมัครใจ ไม่เคยบีบบังคับอันใด หากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเต็มใจเข้าร่วมก็ดี ไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร เขาไม่คาดหวังให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นกองกำลังหลัก กองกำลังหลักนั้นคือพวกเขา ที่ดึงสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้าร่วมก็เพื่อให้พวกเขาไปเก็บกวาดปลาซิวปลาสร้อย
“ได้!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพยักหน้า ระหว่างนั้นเขาอยากถามคุณชายเหลือเกินว่าขอให้เจ้าหลวงเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่
ทว่าลงท้ายเขาก็กลั้นไว้ได้
เบื้องหลังเจ้าหลวงลึกล้ำเกินไป ไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวโยงกับสิ่งใด ยามนี้เป็นช่วงเวลาคับขัน ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่คุณชายยังต้อง ‘รวบรวมกำลังพล’ เขาไม่ต้องการให้คุณชายวอกแวก และไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดในช่วงเวลานี้
เขาบอกลาคุณชาย ไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปส่งข่าวให้พวกเมิ่งจี
ซีบอกกับหลี่จิ่วเต้าหมายจะไปด้วยกัน
“ได้เลย”
หลี่จิ่วเต้าตกลงยิ้ม ๆ
“คุณชาย ข้าปรนนิบัติท่านมาตั้งนาน ไม่มีข้าอยู่รับใช้ข้างกาย ท่านคงไม่ชิน ให้ข้าไปด้วยเถิดคุณชาย”
ลั่วสุ่ยเห็นซีจะไปกับหลี่จิ่วเต้าจึงอาสาไปด้วย
ปฏิบัติการภรรยาเอกยังไม่จบ นางยังไม่ถอดใจ ผู้ใดว่าสาวใช้เป็นภรรยาเอกไม่ได้
นางจะช่วงชิงให้ถึงที่สุด!
ทว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ทันตอบอันใด ซีก็ปริปากขึ้นก่อน “ไม่ต้องหรอกน้องหญิงลั่วสุ่ย มีข้าอยู่ข้างกายเขา ย่อมต้องปรนนิบัติเขาให้ดี”
ปฏิบัติการภรรยาเอกยังไม่จบ เช่นนั้นศึกรักษาตำแหน่งภรรยาเอกของนางก็ยังไม่จบ นางจะปกป้องตำแหน่งภรรยาเอกของตนเองด้วยชีวิต!
“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่หญิงซี!”
ลั่วสุ่ยแย้มยิ้มเล็กน้อย “ถึงอย่างไรพี่หญิงซีก็แยกจากคุณชายไปนาน คงยังไม่รู้ถึงความเคยชินหลาย ๆ อย่างของคุณชาย มีข้าตามไปด้วยย่อมดีกว่า”
แก่งแย่งชิงดี หึงหวงริษยา สองคำนี้พลันผุดขึ้นในหัวหลี่จิ่วเต้า
เขาปวดหัวคูณทวี สุดท้ายก็…หนีไป!
ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้เลย ไม่ว่าพูดอะไรไปล้วนไม่ถูกแน่นอน เขาเผ่นก่อนดีกว่า
“อย่าหนีนะ บุรุษตัวน้อย นี่ เจ้ามาคุยกับข้าให้รู้ความ ตกลงว่ามีความเคยชินอันใดอีกที่ข้ายังไม่รู้”
ซีไล่ตามเข้าไป
“พันธมิตรความรัก ปฏิบัติการภรรยาเอกออกโรงพร้อมหน้า!”
ลั่วสุ่ยตะโกน ลากเซี่ยเหยียนและหลิงอินไล่ตามไปด้วย
นี่เป็นสงครามไร้ควันโขมง พวกนางสู้เพื่อความรัก สู้เพื่อการเป็นภรรยาเอก สตรีที่ไล่ตามความรักอย่างกล้าหาญงดงามที่สุด!
ขณะเดียวกัน ‘ภายในกระดาน’ จั่วเหยียนเตรียมไปจากที่นี่ ไปตามหาเบาะแสของแดนฝังศพ
แดนฝังศพเป็นกองกำลังยิ่งใหญ่ เขาไม่เชื่อว่าจะหาไม่เจอ อย่างไรต้องมีร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง
และขณะที่เขากำลังจะไป จู่ ๆ ตาก็กระตุกอย่างหนัก สังหรณ์ใจไม่ดี!
เสียงดังฟึ่บ เขาไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว สัมผัสได้ถึงอันตราย อาจมีใครบางคนต้องการโจมตีเขา
ตามคาด เขาสังหรณ์ไม่ผิด มีสิ่งมีชีวิตต้องการโจมตีเขาจริง ๆ!
ที่ที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ระเบิดครั้งใหญ่ หอกยาวน่าสะพรึงแทงออกมาฉับพลัน หากไม่ใช่ว่าเขาหลบได้ทันท่วงที คงถูกหอกยาวเล่มนั้นแทงทะลุร่างแล้ว!
มิหนำซ้ำแม้แต่วิญญาณของเขาก็ต้องถูกแทงทะลุด้วย หอกยาวนั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่งยวด พลังน่ากลัวที่ไหลเวียนเป็นคลื่นพลังระดับอัคร
“ใครกัน?!”
จั่วเหยียนเคร่งเครียดเป็นหนักหนา คลี่แผ่ญาณสัมผัสออกไปเต็มกำลังเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตที่ลงมือกับเขา
ผู้ใดจะโจมตีเขากะทันหันเช่นนี้
สิ่งมีชีวิตที่ถูกวิหารโบราณลึกลับส่งมาหรือ
‘น่าจะใช่!’
เขาคิดในใจ
กำลังรบระดับอัครขึ้นไป นอกจากผู้ติดตามคุณชายแล้วมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมาเท่านั้นที่ครอบครอง
ผู้ที่ลงมือเป็นไปได้สูงว่าอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมา!
นอกจากนี้ ผู้ลงมือกับเขาคงเห็นเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมาเช่นกัน ถึงได้หมายมั่นจะสังหารเขา!
‘แน่นอนว่าอาจเป็นเหล่า ‘ตัวแปรผิดแผก’ ซึ่งเป็นศัตรูของคุณชายก็ได้!’
เขาคิดในใจอีกครั้ง พลันนั้นหัวใจหนักอึ้ง
หากเป็นเหล่า ‘ตัวแปรผิดแผก’ ซึ่งเป็นศัตรูของคุณชายจริงต้องยุ่งแน่ บัดนี้เขาหวังพึ่งได้เพียงตนเอง ยากจะต่อกรกับเหล่า ‘ตัวแปรผิดแผก’ ซึ่งเป็นศัตรู
‘ข้าประมาทเลินเล่อเกินไปแล้ว นี่ข้าถูกหมายหัวเพราะก่อนหน้านี้ที่คลี่แผ่จิตวิญญาณค้นหา ‘ในกระดาน’ หรือ’
เขาต่อว่าตัวเองโง่งมอยู่ในใจ ก่อนนี้คิดเพียงต้องหาตัวบรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์จนมองข้ามเรื่องอื่น เป็นผลให้ตัวเขาเองถูกหมายหัว
ทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าวิหารโบราณลึกลับส่งสิ่งมีชีวิตมาคณานับ ต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรูของกันและกัน อีกทั้งมีสิ่งมีชีวิต ‘ตัวแปรผิดแผก’ แข็งแกร่งสยดสยองอยู่ไม่น้อยที่หมายหัวคุณชาย บ้างมาเป็นสายสอดแนมอยู่ข้างกายคุณชาย บ้างโผล่เข้ามาแย่งลูกกลอนซึ่งหน้า
สุดท้ายเขากลับยังไม่รู้จักรอบคอบ ออกมาแล้วบังอาจคลี่แผ่ญาณสัมผัสโดยไม่เกรงกลัว ค้นหาตำแหน่ง ‘ในกระดาน’ ต่อ!
เท่ากับเขาเปิดเผยตัวเองอย่างสิ้นเชิง!
เขาช่างโง่เขลา!
ดูท่าบททดสอบจากคุณชายจำเป็นมากสำหรับเขา อย่าว่าแต่คุณชายเลย เขายังรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ผ่านอย่างยิ่ง!
หนนี้ถือเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยม!
“อ๊ะ เจอตัวแล้วหรือ!”
ทันใดนั้น ดวงตาเขาเป็นประกาย ดูเหมือนสถานการณ์ไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่เขาคิด สิ่งมีชีวิตที่บุกสังหารเขาคล้ายว่าไม่เก่งกาจเท่าใด ไม่ใช่ ‘ตัวแปรผิดแผก’ ญาณสัมผัสของมันจับตำแหน่งได้
อันที่จริง นั่นไม่ใช่ ‘ตัวแปรผิดแผก’ จริง ๆ
บรรดา ‘ตัวแปรผิดแผก’ กำลังยุ่งอยู่กับการสร้างวิหารโบราณลึกลับของปลอม เตรียมวางเบ็ดล่อร่างต้นหลี่จิ่วเต้าออกมา ไม่มีแก่จิตแก่ใจยี่หระเรื่องอื่น
ในสายตาพวกเขา ขอเพียงกำจัดร่างต้นหลี่จิ่วเต้าได้เป็นพอ ลำพังกำจัดร่างแยกหลี่จิ่วเต้าไร้ซึ่งความหมาย พวกเขาจดจ่ออยู่แต่กับการสร้างวิหารโบราณลึกลับของปลอม
“คิดหนีหรือ ง่ายดายที่ไหน!”
จั่วเหยียนแค่นยิ้ม ลงมือในพริบตาจับกุมสิ่งมีชีวิตที่จู่โจมเขา
สิ่งมีชีวิตตัวนั้นระมัดระวังอย่างมาก เมื่อโจมตีคราแรกไม่สำเร็จก็เลือกหนีไปทันที!
จั่วเหยียนในยามนี้ไม่ธรรมดาถึงขีดสุด กำลังรบสูงส่ง มือใหญ่ทะลุห้วงมิติ คว้าสิ่งมีชีวิตตนนั้นมากำในฝ่ามือ!
สิ่งมีชีวิตตนนั้นหน้าตาตระหนก คิดไม่ถึงว่าจั่วเหยียนแข็งแกร่งปานนี้ เขาไม่ยอมถูกจับไปง่าย ๆ อ้าปากพ่นดาบใหญ่เล่มหนึ่งออกมาหมายจะตัดมือใหญ่ที่กำเขาไว้แน่น
เสียงดังเคร้ง ดาบใหญ่แหลกละเอียด มือข้างนั้นของจั่วเหยียนทนทานเหลือแสน หลังถูกฟันไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่เส้นขนเดียว
จั่วเหยียนคว้าสิ่งมีชีวิตตนนั้นมาตรงหน้า ไม่ได้ถามให้มากความ หากแต่ค้นวิญญาณสิ่งมีชีวิตตนนั้นโดยตรง
“ร่างแยกหุ่นเชิด น่าเสียดาย!”
เขาถอนหายใจ ไม่ได้ข้อมูลมีประโยชน์แม้แต่น้อย นี่เป็นเพียงร่างแยกหุ่นเชิด ไม่มีความทรงจำสำคัญอันใดเหลือไว้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร่างแยกระวังตัวอย่างมาก
“มีเพียงข้าที่โง่ปานนี้ เพ่นพ่านด้วยร่างต้นกระมัง ซ้ำร้ายยังไม่รู้จักสงวนพลังปราณ แล้วยังคลี่แผ่ญาณสัมผัสอย่างเอิกเกริก เผยตัวตนเสียเอง!”
เขาต่อว่าตัวเองอีกครั้ง
เขาสมควรถูกด่านัก ไร้สมองยิ่ง ยังดีที่หนนี้ไม่ใช่เหล่า ‘ตัวแปรผิดแผก’ ที่บุกเข้ามา หากเป็นพวก ‘ตัวแปรผิดแผก’ เขาต้องจบเห่ในคราวนี้แน่นอน
บอกตามตรง นี่ก็เพราะห้ากองกำลังใหญ่ แดนฝังศพ และบรรดา ‘ตัวแปรผิดแผก’ ปรากฏตัวออกมาไม่หยุดในระยะนี้ เป็นผลให้ปัจเจกชนทั้งหลายหวาดกลัวเหลือแสน ไม่กล้าออกมาเพ่นพ่าน
หาไม่แล้วหนนี้ต่อให้ห้ากองกำลังใหญ่ แดนฝังศพ และบรรดา ‘ตัวแปรผิดแผก’ มัวยุ่งอยู่กับการสร้างวิหารโบราณลึกลับของปลอมไม่ได้มานี่ ก็ต้องมีปัจเจกชนไม่น้อยบุกเข้ามาสังหารจั่วเหยียน
กำลังรบเหนือระดับอัครขึ้นไปคือสิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมา เรื่องนี้เป็นที่เห็นพ้องต้องกันในหมู่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้
คลื่นพลังที่ไหลออกจากตัวจั่วเหยียนอยู่เหนือระดับอัคร ถูกสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเห็นเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมา
สิ่งมีชีวิตที่จู่โจมจั่วเหยียนในครานี้เป็นฝีมือของหนึ่งในปัจเจกชนที่ยอมเสี่ยง
เทียบกับห้ากองกำลังใหญ่ แดนฝังศพ และบรรดา ‘ตัวแปรผิดแผก’ แล้ว ปัจเจกชนไม่อาจสู้ได้เลย กระนั้นยังมีปัจเจกชนไม่น้อยที่ไม่อยากนิ่งรอความตาย รอให้ห้ากองกำลังใหญ่ แดนฝังศพ และบรรดา ‘ตัวแปรผิดแผก’ มาเข่นฆ่าตนเอง จึงคิดหาวิธีให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อต่อกรด้วย
สิ่งมีชีวิตที่ลงมือจู่โจมจั่วเหยียนก็คิดเช่นนี้ เขาต้องการสังหารจั่วเหยียนให้ได้มาซึ่งพลังของจั่วเหยียน รวมถึงของในตัวจั่วเหยียน
แม้นไม่มีพลังกลืนกินเฉกเช่นหานว่านเชียน สามารถเปลี่ยนพลังที่กลืนกินเข้าไปเป็นพลังของตน กระนั้นก็พอเปลี่ยนได้บ้างไม่มากก็น้อย
นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตอย่างพวกเขาล้วนมีชีวิตมานานนับกาล ย่อมต้องมีของดีติดตัวกันบ้าง
นี่เป็นหนทางให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ต้องสงสัย
“ไปเถิด”
ประสบการณ์ครานี้เป็นการเตือนจั่วเหยียนให้สงวนพลังปราณตนเองอย่างมิดชิด ไม่กล้าเผยพลังปราณออกไปโดยไม่รู้จักเกรงกลัวอีก
เขาออกจาก ‘ในกระดาน’ ก้าวเดินอยู่ในอวกาศ ใคร่ครวญว่าจะตามหา ‘แดนฝังศพ’ อย่างไร
‘หลักจิตวิทยาแบบตรงกันข้าม หรือข้าไม่ควรไปตามหาแดนฝังศพ แต่ควรให้แดนฝังศพมาหาข้า’
เขาครุ่นคิด นึกถึงภาพการณ์เมื่อคราวจับตัวเฒ่าเมามายในอดีต
ครานั้น ยามเขานำกระบี่ฉุนจวินและกระจกวิญญาณโบราณไปจับตัวเฒ่าเมามายเคยถูกสมาชิกแดนฝังศพออกโรงขัดขวาง
มิหนำซ้ำเหล่าสมาชิกแดนฝังศพเคยเชื้อเชิญคุณชายเข้าร่วมแดนฝังศพด้วย เอ่ยว่าแดนฝังศพนั้นหาได้มีเจตนาช่วงชิงตำแหน่งผู้ทรงพลังที่สุด ต้องการเพียงร่วมกันต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับ
และนี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเองได้ จึงปฏิเสธทันควัน ให้เขาไปหาคุณชาย
บัดนี้คิดแล้วบางทีนี่อาจเป็นโอกาส!
“ไม่ว่าแดนฝังศพต้องการต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับจริง ๆ หรือไม่ แดนฝังศพก็กำลังซ่องสุมพรรคพวกจำนวนมากอยู่จริง ๆ จ้าวแดนพิสุทธิ์อย่างพวกหรูเยวียก็คงถูกแดนฝังศพพาตัวไปเพราะเหตุนี้!”
แววตาจั่วเหยียนเป็นประกาย เขารอให้แดนฝังศพมาหาที่นี่เพื่อดึงเขาเข้าเป็นพรรคพวกได้หรือไม่
“แผนนี้ใช้ได้ ดีกว่าตามหาต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ต่อให้ข้าไม่ไปยังแดนฝังศพ ข้าก็ถือโอกาสนี้กำราบสิ่งมีชีวิตจากแดนฝังศพที่มาหาข้าเพื่อรู้เพื่อแดนฝังศพให้มากขึ้น!”
จั่วเหยียนเอ่ย “หากโชคดี ไม่แน่สมาชิกแดนฝังศพที่มาหาข้าอาจเป็นหนึ่งในจ้าวแดนพิสุทธิ์ก็ได้!”
ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ หรูเยวียและจ้าวแดนพิสุทธิ์อื่น ๆ ถูกแดนฝังศพพาตัวไปและกลายเป็นสมาชิก เป็นไปได้สูงว่าอาจถูกส่งมาพร้อมภารกิจชักชวนผู้อื่นเป็นพรรคพวก
“แน่นอนว่าต้องระวังตัวไว้ อาจมีสิ่งมีชีวิตอื่นมาหา อย่างเช่นสิ่งมีชีวิตที่จู่โจมข้าเมื่อครู่!”
แผนนี้ใช้ได้ เพียงแต่ต้องวางอุบายให้ดี เลินเล่อหรือปล่อยให้มีช่องโหว่ไม่ได้เด็ดขาด หาไม่แล้วหากไม่ทันระวัง เขาอาจถูกสิ่งมีชีวิตตนอื่นเล่นงานถึงตาย!
“ร่างต้นอย่าออกไปเพ่นพ่านดีกว่า ใช้ร่างแยกแทนแล้วกัน”
ที่ถูกจู่โจมก่อนหน้านี้ไม่เพียงแต่เป็นคำเตือนสำหรับเขา ยังเป็นแรงบันดาลใจอีกด้วย เขาทำเช่นนี้ได้เหมือนกัน ซ่อนร่างต้นแล้วส่งร่างแยกออกไปเดินเหิน
เช่นนี้ย่อมปลอดภัยขึ้นมาก
“เช่นนั้นให้ร่างแยกออกไปข้างนอก ป่าวประกาศปลุกระดมให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียว อย่าได้เข่นฆ่ากันเอง ร่วมต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับ ล่อสมาชิกแดนฝังศพมาหาข้า!”
ไม่นานนักเขาก็เริ่มมีเค้าโครงแผนการในใจ จากนั้นเขาเติมแต่งให้แผนนั้นสมบูรณ์ ไตร่ตรองอย่างละเอียดอีกหลายรอบ สุดท้ายแน่ใจแล้วว่าไร้ช่องโหว่ถึงเตรียมลงมือ
“ร่างวัชระวิถีพุทธ!”
ประกายพุทธะเจิดจ้าพวยพุ่งออกจากตัวเขา ร่างหนึ่งแยกออกจากร่างกายของเขา รูปลักษณ์น่าเกรงขาม แสงพระพุทธอาบไล้ แฝงไว้ด้วยบารมีไร้ที่สิ้นสุด
หากให้เอ่ยว่าเขาเชี่ยวชาญวิถีใดที่สุด ย่อมต้องเป็นวิถีพุทธอย่างไม่ต้องสงสัย!
แน่นอนว่าไม่ใช่เขาที่เลือกบำเพ็ญวิถีพุทธเรื่อยมา และไม่ได้เรียนรู้จากต้าเต๋อ แต่ได้คุณชายคอยชี้แนะวิถีพุทธให้เขาเอง!
มีอยู่ช่วงหนึ่ง คุณชายมักให้เขาสวดมนต์ไปด้วยเสมอ และขณะที่สวดมนต์กันอยู่ คุณชายจะสาธยายปรมัตถ์แห่งพระสูตรให้เขาฟัง และด้วยเหตุนี้เขาถึงยกระดับอย่างพุ่งทะยานในวิถีพุทธ เหนือกว่าทุกวิถีที่เขาเคยบำเพ็ญ
และร่างวัชระนี้ก็เป็นร่างวัชระวิถีพุทธที่เขาฝึกฝนจนได้มา เปี่ยมด้วยพลังกล้าแกร่ง กำลังรบมิได้ด้อยกว่าร่างต้นของเขานัก ไม่ถูกจับพิรุธได้ง่าย
ส่งร่างวัชระนี้ออกไปเดินเหินดำเนินแผนการนับว่าเหมาะสมที่สุด
จากนั้นร่างต้นของเขาหาที่ซ่อน ให้ร่างวัชระวิถีพุทธออกไปเคลื่อนไหวแทนเขา
ร่างวัชระวิถีพุทธนั้นมีบารมีน่าเกรงขาม ตัวคลุมจีวร มือถือไม้คทา เรียกขานตนว่า…พระอนุตรพุทธเจ้า
“ในอดีต ข้าสร้างพุทธศาสนาที่นี่โดยไม่ตั้งใจ และข้าคือจุดกำเนิดของวิถีพุทธ”
เขาคิดฐานะให้ร่างวัชระวิถีพุทธของตนเรียบร้อยแล้ว
“สรรพชีวิตทั้งหลายล้วนหาทางพ้นทุกข์ท่ามกลางความลำเค็ญมากมาย และเจ้ากับข้านั้นลำเค็ญยิ่งกว่า ต้องการหนทางพ้นทุกข์ยิ่งกว่า…”
ร่างวัชระวิถีพุทธก้าวเดินอยู่ในอวกาศ ไม่ได้ปกปิดพลังปราณของตน เผยพลังปราณออกมาเต็มที่ หมายจะให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นรับรู้ถึงการมีตัวตนของเขาแล้วมาหาเขา
ร่างวัชระพบเจออันตรายจนถูกกำจัดก็ไม่ต้องกลัว เขาต้องการส่งสัญญาณเช่นนี้ออกไป ให้แดนฝังศพรู้ว่ามีเขาที่อยากต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับอยู่
“เจ้ากับข้าต่อสู้ช่วงชิงกันถึงท้ายที่สุดจนได้รับชัยชนะแล้วอย่างไร ยังเป็น ‘กู่’ ในสายตาวิหารโบราณลึกลับอยู่ดี ต้องอยู่ใต้การควบคุมของวิหารโบราณลึกลับอยู่ดีไม่ใช่หรือ”
ร่างวัชระดูศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม “พระพุทธองค์ผู้สูงส่ง ข้ามีความปรารถนายิ่งใหญ่ ยินดีเอาตัวเข้าเสี่ยงเพื่อเรียกสติทุกท่าน! หากพวกเราไม่ร่วมมือกันต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับ สิ่งที่รอพวกเราอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น!”
“เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง ทุกท่านมั่นใจหรือว่าจักคว้าชัยชนะในท้ายที่สุดมาได้”
“ทุกท่านต่างรู้ดีว่าหากไม่ได้รับชัยชนะสุดท้าย มีแต่ต้องตายเท่านั้น!”
“ต้องตายไปทั้งอย่างนี้เป็นสิ่งที่ทุกท่านต้องการหรือ”
“ทุกท่าน ร่วมมือกันเถิด ร่วมต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับเถิด! อย่างไรก็ต้องตาย! ประกายเพียงเล็ก ๆ ยังไฟลามทุ่งได้ ไม่แน่ว่าพวกเราจะโค่นล้มวิหารโบราณลึกลับไม่ได้!”
เสียงของเขากึกก้อง ดังสะท้อนอยู่ในอวกาศ ดังเข้าไปในระบบดวงดาวนานัปการ
…………….