รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1174 มัจฉาสัตมายา ‘วิถีหลบหนีต่างหากคือวิถีอันชอบธรรม!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1174 มัจฉาสัตมายา ‘วิถีหลบหนีต่างหากคือวิถีอันชอบธรรม!’
บทที่ 1174 มัจฉาสัตมายา ‘วิถีหลบหนีต่างหากคือวิถีอันชอบธรรม!’
…………….
บทที่ 1174 มัจฉาสัตมายา ‘วิถีหลบหนีต่างหากคือวิถีอันชอบธรรม!’
หนีไม่ได้แล้ว เฒ่าเมามายรับรู้ได้ว่าพื้นที่แห่งนี้ถูกพลังของกระบี่ฉุนจวินสะกดไว้หมดแล้ว
หัวใจของเขาหนักอึ้งเป็นพิเศษ บัดซบ เขาอวดดีเกินไป ก่อนนี้ถึงไม่เห็นหลี่จิ่วเต้าในสายตา บัดนี้เขากำลังจะลำบากครั้งใหญ่
พลังที่ผนึกพื้นที่นี้กล้าแกร่งน่าพรั่นพรึง เขาไม่มั่นใจเลยว่าสามารถคลายผนึกนี้และหนีไปได้ เป็นผลให้สีหน้าเขาย่ำแย่เป็นหนักหนา นี่เขาต้องถูกจับตัวไปอย่างนั้นหรือ
“จ้าวแดนฝังศพ อยู่หรือไม่”
เขารีบติดต่อจ้าวแดนฝังศพ หวังว่าจ้าวแดนฝังศพจะยื่นมือช่วยเหลือ ทว่าเขาไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด
“ถูกทอดทิ้งเสียแล้ว!”
สีหน้าเขาย่ำแย่ยิ่งขึ้น
อีกฟากของศาสตราสื่อสารถูกทำลาย เขาติดต่อจ้าวแดนฝังศพไม่ได้เลย เห็นได้ชัดว่าเขาถูกจ้าวแดนฝังศพทิ้งแล้ว จ้าวแดนฝังศพไม่คิดปกป้องเขาอีก
เขารำพันในใจ บัดนี้ได้แต่ฝากความหวังไว้กับการป้องกันในสถานที่นี้
หากเขาออกไปสู้ เป็นไปได้สูงว่าสู้กระบี่ฉุนจวินไม่ได้
คิดมาถึงนี่ เขาระเบิดพลังทั้งหมดในกายเสริมการป้องกันในสถานที่นี้เพื่อเพิ่มอานุภาพ
“ตาเฒ่า ไม่ยอมออกมาหรือ หากเจ้าไม่ออกมา ข้าขอเข้าไปแล้วกัน”
เสียงหนึ่งดังออกจากกระบี่ฉุนจวิน
จากนั้น มันลงมือกวาดกระบี่เจิดจ้าออกไป หมายจะทลายการป้องกันในที่แห่งนี้และบุกเข้าไปพาตัวเฒ่าเมามายออกมา
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
การป้องกันในพื้นที่นี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าจ้าวแดนฝังศพให้ความสำคัญกับสถานที่นี้มาก และทุ่มเทแรงใจตระเตรียมสิ่งต่าง ๆ
พลังสยดสยองซัดสาด ศาสตราน่าสะพรึงกลัวปรากฏในทั้งสี่มุมของสถานที่นี้ โดยแบ่งเป็นดาบใหญ่สีแดงเพลิง กระบี่ไม้สีเขียวชอุ่ม ค้อนสีทอง และโซ่ที่มีประกายดาวห้อมล้อม
ศาสตราสี่ชิ้นนี้ล้วนถูกตีขึ้นโดยจ้าวแดนฝังศพ
ที่ว่ากระต่ายเจ้าเล่ห์สร้างรังไว้สามแห่ง ที่นี่คือหนึ่งใน ‘รัง’ ของจ้าวแดนฝังศพ หากสูญเสียข้อได้เปรียบทุกอย่างในศึกตัดสินสุดท้าย เขาจักอาศัยสถานที่นี้ผ่อนแรงกระแทกกระทั้นทั้งหมด
“ฆ่า!”
กระบี่ฉุนจวินไม่ได้เกรงกลัว บุกไปข้างหน้า แสงกระบี่นับล้านสาดส่องประดุจสายน้ำทะลัก น่าสะพรึงกลัวเป็นพิเศษ!
มันปะทะกับศาสตราทั้งสี่ ศึกใหญ่สะท้านโลกันตร์ปะทุ แม้แต่เฒ่าเมามายยังตาค้าง สีหน้าเคร่งเครียด
“บัดซบ!”
เขาสบถ หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นไปถึงระดับไหนแล้ว จินตนาการไม่ออกจริง ๆ กระบี่ฉุนจวินที่ตีขึ้นแฝงไว้ด้วยความไร้เทียมทาน!
จะว่าไป เขาแข็งแกร่งมากพอแล้ว อยู่ในขอบเขตอัครขั้นสามสิบห้า ทว่าเมื่อเผชิญกับศึกใหญ่เช่นนี้ยังอดหวั่นใจไม่ได้
“หากข้าร่วมต่อสู้ด้วยจะไหวหรือ”
เขาถามตัวเอง คำตอบที่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่เป็นหนักหนา หากเขาเข้าร่วม มีโอกาสสูงที่จะไม่ไหว กระบี่ฉุนจวินหรือศาสตราสี่ชิ้นนั้นล้วนเอาชนะเขาได้
ศาสตราสี่ชิ้นนี้ล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึง โซ่ซึ่งมีประกายดาวห้อมล้อมราวกับมีพลังดวงดาวมหาศาลอยู่ในตัว ท่ามกลางการฟาดฟันระรัวของกระบี่ฉุนจวิน มันทะลุผ่านไปได้ทั้งยังรัดพันกระบี่ฉุนจวินไว้
โซ่ประกายดาวส่องแสงเจิดจ้ายิ่งขึ้น กฎระเบียบพิเศษไหลเวียน สะกดการเคลื่อนไหวของกระบี่ฉุนจวินหมายจะกำราบ
มันนั้นน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง ท้ายที่สุดก็ทำสำเร็จ หยุดยั้งการเคลื่อนไหวของกระบี่ฉุนจวินได้ในระยะสั้น ๆ!
ตึง!
เสียงกระแทกอันน่ากลัวดังขึ้น ค้อนสีทองทุบลงบนกระบี่ฉุนจวินทันที เสียงและพลังที่ซัดสาดออกมาทำลายอวกาศไปทั้งผืน
เสียงดังพรวด จั่วเหยียนได้รับแรงกระแทก ร่างระเบิดแหลกเหลว ยังดีที่ในช่วงคับขันมีพลังหลั่งไหลออกจากกระจกวิญญาณโบราณ ปกป้องวิญญาณของเขาไว้ได้ หาไม่แล้วเขาต้องตายอย่างแน่นอน
“หนี…ดีหรือไม่?!”
เขารู้สึกกลัวเมื่อเห็นรอยร้าวบนกระบี่ฉุนจวิน ค้อนสีทองนั่นน่าครั่นคร้ามเกินไป ทุบจนกระบี่ฉุนจวินร้าวได้
ดาบใหญ่สีแดงเพลิง และกระบี่ไม้สีเขียวชอุ่มก็ปรี่มาหากระบี่ฉุนจวินทันที พลังมหาศาลถล่มบนตัวกระบี่ฉุนจวิน!
กระบี่ฉุนจวินถูกโจมตีรุนแรงหลายครั้ง ตัวกระบี่เต็มไปด้วยรอยร้าว เห็น ๆ ว่าจวนแหลกละเอียดเต็มที
เป็นผลให้จั่วเหยียนชักอยากถอยหนี
หากกระบี่ฉุนจวินถูกทำลายลงทั้งอย่างนี้ จุดจบของเขาคงไม่ดีเท่าใดเช่นกัน เฒ่าเมามายต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ เขาต้องถูกเฒ่าเมามายสังหารแน่นอน
“หนีอะไร!”
เสียงหนึ่งดังออกจากกระจกวิญญาณโบราณ ฟาดศีรษะจั่วเหยียนจนเห็นดาวเต็มหัว
“ดูความไม่เอาอ่าวของเจ้าเอาเถิด มีน้ำยาเท่านี้ยังคิดรับใช้คุณชายอีกหรือ ขายหน้านัก! ไม่แปลกที่คุณชายไม่เห็นเจ้าสำคัญเสียที จนบัดนี้ยังคงเป็นบ่าว!”
กระจกวิญญาณโบราณต่อว่าจั่วเหยียน
“เลิกด่าข้าเสียที ไม่อย่างนั้นเจ้าลองไปดู บอกตามตรง ข้ากลัวจริง ๆ!”
หัวใจจั่วเหยียนเต้นไม่เป็นจังหวะ เสนอให้กระจกวิญญาณโบราณเข้าไปช่วย
“ความถนัดนั้นแบ่งออกเป็นหลายแขนง เจ้าเข้าใจประโยคนี้หรือไม่ ข้าไม่สันทัดการต่อสู้ ต่อให้เข้าไปก็ไร้ประโยชน์ ช่วยอะไรไม่ได้” กระจกวิญญาณโบราณตอบ
“เช่นนั้นพวกเราหนีกันเถิด ขืนชักช้าคงหนีไม่ทันการ!”
จั่วเหยียนรีบบอก
กระบี่ฉุนจวินยังแหลกละเอียด ให้สู้อย่างไรไหว เขาเสนอให้กระบี่วิญญาณโบราณรีบพาเขาหนีโดยด่วน
ผลที่ได้ไม่ผิดจากที่คาด หัวเขาถูกฟาดอีกครั้ง กระจกวิญญาณโบราณตบเข้าที่ศีรษะจนหัวเขาเกือบเปิดเปิงออกมา
เขาเคียดแค้นในใจเหลือแสน อยากบอกเหลือเกินว่าเจ้าต่อสู้ไม่ได้ไม่ใช่หรือ เหตุใดยามตีข้าถึงดุดันปานนี้!
ในสถานที่นั้น หลังเฒ่าเมามายเห็นภาพนี้ก็เผยรอยยิ้มออกมา
“กินถั่วดื่มสุรา จ้าวสวรรค์ก็ไม่สู้ข้า!”
เขาคลี่ยิ้มกว้าง กินถั่วดื่มสุราต่อ ก่อนนี้เขาคิดมากเกินไป มองกระบี่ฉุนจวินเก่งกาจเกินจริง กระบี่ฉุนจวินมีน้ำยาแค่เท่านี้เอง เห็น ๆ ว่ากำลังจะถูกกำจัด
แต่แล้วลมหายใจต่อมา สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป ถั่วในมือหกเต็มพื้น กาสุราก็หล่นไปอยู่ที่พื้น
พลังไร้รูปร่างบางอย่างจุติบนกระบี่ฉุนจวิน จากนั้น รอยร้าวนานัปการบนกระบี่ฉุนจวินหายวับ คืนสภาพอย่างสิ้นเชิง!
มิหนำซ้ำกระบี่ฉุนจวินยังน่าครั่นคร้ามกว่าเก่า แสงกระบี่ที่ปะทุออกมาน่าสะพรึงถึงขีดสุด
โซ่ประกายดาวที่พันธนาการกระบี่ฉุนจวินไว้ถูกแสงกระบี่จากกระบี่ฉุนจวินตัดสะบั้นในบัดดล!
“พวกเจ้าคิดว่าข้าจะจบเห่ง่าย ๆ เช่นนี้หรือ คิดอะไรอยู่!”
กระบี่ฉุนจวินตวาดเสียงเย็น พลังของคุณชายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มันมีภารกิจที่คุณชายมอบให้ไฉนเลยจะพ่ายแพ้ ไม่มีทาง!
เสียงดังฟึ่บ มันบุกออกไปหาค้อนเป็นรายแรก เมื่อครู่ค้อนเล่มนี้ทุบมันหนักที่สุด รุนแรงที่สุด
ค้อนสีทองเปล่งแสง แฝงไว้ด้วยความหนักอึ้งอันสยดสยองเข้าปะทะกับกระบี่ฉุนจวิน
ทว่ากระบี่ฉุนจวินในเวลานี้น่ากลัวกว่าเก่ามหันต์อย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่ยามค้อนสีทองปะทะกับกระบี่ฉุนจวินถูกพลังที่ระเบิดออกจากกระบี่ฉุนจวินบดขยี้เป็นเสี่ยง ๆ!
กระบี่ไม้สีเขียวชอุ่มและดาบใหญ่สีแดงเพลิงบุกเข้ามาในพริบตาด้วยความน่าพรั่นพรึง ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้ากระบี่ฉุนจวินล้วนไม่ไหว ถูกบดขยี้แหลกลาญอย่างสิ้นเชิง!
“ฆ่า!”
กระบี่ฉุนจวินบุกเข้าไปในสถานที่นั้น
พื้นที่นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ศาสตราทั้งสี่ชิ้นไม่ใช่การป้องกันทรงพลังที่สุดในพื้นที่นี้ การป้องกันทรงพลังที่สุดคือมหาค่ายกลแห่งหนึ่ง ยามนี้ถูกปลุกพลังขึ้นมาเต็มที่แล้ว
คลื่นริ้วค่ายกลสูงส่งโลดแล่น มหาค่ายกลนี้คลี่แผ่ปกคลุมกระบี่ฉุนจวิน จากนั้น การโจมตีนานัปการถล่มใส่กระบี่ฉุนจวิน
มิหนำซ้ำ มหาค่ายกลนี้ยังมีพลังสลายวิถีอันรุนแรงที่สำแดงฤทธิ์เดชในบัดดล หมายจะสลายพลังทั้งหมดของกระบี่ฉุนจวิน
ทว่ากระบี่ฉุนจวินที่แข็งแกร่งขึ้นแล้วไม่ถูกจัดการง่าย ๆ อย่างเห็นได้ชัด พลังสลายวิถีไม่อาจส่งผลกระทบต่อกระบี่ฉุนจวินได้เลย
ท่ามกลางการระดมฟาดฟันของกระบี่ฉุนจวิน การโจมตีจากมหาค่ายกลนี้ถูกกระบี่ฉุนจวินลบล้างจนสิ้น
นอกจากนี้ กระบี่ฉุนจวินยังทลายมหาค่ายกลลงราบคาบ!
…
“ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
อีกด้าน ภายในแดนฝังศพ จ้าวแดนฝังศพหรี่ตาลงกะทันหัน เขาคอยจับตาดูสถานการณ์ฟากโน้นอยู่ตลอด บัดนี้ได้เห็นกระบี่ฉุนจวินระเบิดพลังสยดสยองออกมาถึงเพียงนี้ พลันตื่นตระหนก
สถานที่นั้นเป็นแผนเผื่อทางหนีทีไล่ที่เขาเตรียมไว้ เป็นพื้นที่ให้เขาผ่อนแรง ย่อมต้องน่าครั่นคร้ามเหลือแสน ทว่าการป้องกันในสถานที่นั้นที่เขาตระเตรียมกลับถูกกระบี่ฉุนจวินทลายลงทั้งหมด
“ม้ามืด ม้ามืดตัวใหญ่ที่สุด!”
สีหน้าของเขาอึมครึม ย่ำแย่เหลือแสน หลี่จิ่วเต้ากลายเป็นศัตรูตัวฉกาจในใจเขาไปแล้ว
มิหนำซ้ำ ระดับความน่ากลัวของหลี่จิ่วเต้าในใจเขายังสูงกว่าประมุขห้ากองกำลังใหญ่อีกด้วย!
“ยุ่งแล้ว!”
เขาขมวดคิ้วมุ่น หลี่จิ่วเต้าผู้นี้สร้างความรู้สึกคุกคามให้เขาอย่างมหาศาล ท้ายที่สุดเขาสามารถจัดการหลี่จิ่วเต้าได้หรือไม่ คงยาก!
ที่ว่าต้องการต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับนั้นล้วนเป็นเรื่องโป้ปด เขาไม่เคยคิดต่อต้านวิหารโบราณลึกลับตั้งแต่แรก
เพราะเขารู้ดีว่าการต่อต้านวิหารโบราณลึกลับเสมือนเอาไข่ไปทุบหิน ไม่มีทางสำเร็จ
ที่เขากล่าวว่าต้องการต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับก็เพื่อรวบรวมกำลังคน ช่วยให้เขายืนหยัดได้ถึงตอนท้ายที่สุด
เมื่อถึงตอนท้ายที่สุด เขาจะชูดาบสังหารสมาชิกแดนฝังศพทุกตนโดยไม่ลังเล เพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้ทรงพลังที่สุดคนสุดท้าย
“ไม่เป็นไร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนยากจะคาดเดา เต็มไปด้วยตัวแปรผิดแผก ไม่มีผู้ใดรู้ว่าวิหารโบราณลึกลับส่งสิ่งมีชีวิตมาเท่าใด เขาต้องไม่ใช่ม้ามืดเพียงตัวเดียวแน่!”
เขากลับมาเยือกเย็นได้อีกครา มีความคิดคล้าย ๆ กับประมุขห้ากองกำลังใหญ่
ในเมื่อมีม้ามืดอย่างหลี่จิ่วเต้าโผล่มาได้ ย่อมต้องมีม้ามืดตัวอื่นโผล่มาด้วย เขาตัดสินใจรอดูไปก่อน
…
ในสถานที่นั้น กระบี่ฉุนจวินบุกเข้าไป ปรี่ไปอยู่เบื้องหน้าเฒ่าเมามาย
เวลานี้ เฒ่าเมามายมีสีหน้าสิ้นหวัง นั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ไม่เหลือแม้แต่ความกล้าจะต่อสู้
“ฆ่าข้าเถิด”
เขาเอ่ยออกมา บอกให้กระบี่ฉุนจวินสังหารเขา ไม่คิดต่อต้านอีก
“คุณชายไม่ได้เอ่ยว่าให้ฆ่าเจ้า เอ่ยเพียงให้พาเจ้ากลับไป ไปกันเถิด”
กระบี่ฉุนจวินกล่าว
“หืม?!”
หลังได้ยินคำกล่าวของกระบี่ฉุนจวิน ดวงตาเฒ่าเมามายพลันเป็นประกาย นี่เขามีหวังมีชีวิตรอดหรือ
“ได้ เราไปกันเถิด!”
เขาลุกขึ้นทันที ปัดดินที่บั้นท้าย เต็มใจไปกับกระบี่ฉุนจวินอย่างยิ่ง
“ไป”
กระบี่ฉุนจวินพาเฒ่าเมามายมาหาจั่วเหยียน
“พี่กระบี่องอาจ ข้าว่าแล้วว่าพี่กระบี่ไร้เทียมทาน ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งพี่กระบี่ได้!”
จั่วเหยียนรีบเข้าไปประจบสอพลอ
น่าเสียดาย กระจกวิญญาณโบราณหักหน้าเขาทันที “อย่าไปฟังถ้อยคำเหลวไหลของเขา เมื่อครู่เขายังจะลากข้าหนีไปด้วยกัน! หากไม่ใช่ว่าข้าหยุดเขาไว้ เขาคงหนีไปจนไร้ร่องรอยแล้ว”
“เจ้านี่ ไยจึงเอาแต่คิดเรื่องหนี?!”
กระบี่ฉุนจวินซ้อมจั่วเหยียนอย่างรุนแรงอีกครั้ง หลังระบายอารมณ์เสร็จถึงย้อนกลับไป
…
ในอาณาจักรแห่งหนึ่ง
มัจฉาสัตมายาและชางเหยากำลังรวบรวมตำรับลูกกลอน
อาณาจักรนี้ไม่ได้เรืองอำนาจนัก เพียงไม่นานพวกเขาก็รวบรวมตำรับลูกกลอนไว้ได้ เตรียมไปรวบรวมต่อในอาณาจักรหน้า
“ทั้งสองท่านรอก่อน”
ขณะที่พวกเขาจะจากไป ร่างหนึ่งปรากฏออกมากะทันหัน ขวางทางไปของพวกเขาไ้ว้
เขาเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ดูแล้วอายุยังไม่มากเท่าใด ทว่ามัจฉาสัตมายาและชางเหยาให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างยิ่งยวด ไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มปรากฏตัวออกมาได้กะทันหันเกินไป ก่อนนี้พวกเขาไม่รู้สึกตัวสักนิด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
“เจ้าเป็นใคร?!”
มัจฉาสัตมายาถามเสียงเข้ม ถอยกลับไปอยู่ด้านหลังชางเหยาอย่างเงียบเชียบ
“เจ้าทำอะไร!”
ชางเหยาเดือดดาล นี่นางหาคู่ครองอะไรให้ตัวเองกัน ถึงกับมาหลบหลังนางเชียวหรือ!
“เฮ้อ สุดท้ายก็ล้มเหลว ยังทำได้ไม่ดีพอ!”
มัจฉาสัตมายาถอนหายใจ “วิถีนี้ไม่ง่ายจริง ๆ!”
“วิถีอะไรนักหนา ที่เจ้าตั้งใจฝึกฝนให้ถึงที่สุดจริงหรือ?!”
ใบหน้าชางเหยาเคร่งเครียด รู้ว่ามัจฉาสัตมายากล่าวถึงสิ่งใด
ก่อนนี้มัจฉาสัตมายาพบเจอเรื่องสะเทือนใจมาคณานับ เมื่อใดที่ฝืนออกหน้าเป็นต้องเกิดเรื่องถูกอัดทุกครา ต่อมา มัจฉาสัตมายาทึกทักเอาเองว่า ‘รู้แจ้ง’ รู้สึกว่าควรฝึกฝนวิถี ‘หลบหนี’ ยามเจอเรื่องให้หลบไปด้านหลัง
“แน่นอน!”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ “หากฝึกฝนวิถีนี้จนเชี่ยวชาญ เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกเล่นงานอีก! น่าเสียดาย บัดนี้ข้าได้เพียงผิวเผิน ยังไม่ได้แก่นแท้”
หากได้มาแล้วซึ่งแก่นแท้ เมื่อครู่ยามเขาไปหลบหลังชางเหยานางต้องไม่รู้ตัวแน่ หรืออาจไม่เป็นที่สงสัยของชางเหยาแต่อย่างใด ชางเหยาจะมองว่าควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองธรรมชาติ
“เลิกฝึกเสียทีได้หรือไม่?!”
ชางเหยาโกรธจนขบกรามแน่น ผู้ใดไม่อยากให้ผู้ชายของตนเป็นยอดวีรชนเล่า นางเองก็เช่นกัน หวังให้มัจฉาสัตมายาเป็นยอดวีรชน ไม่อยากให้มัจฉาสัตมายาเป็นพวก ‘ปอดแหก’ หนีเป็นอย่างเดียว
“ไม่!”
มัจฉาสัตมายาส่ายหัว รู้ว่าชางเหยาคิดอะไรอยู่ “ข้าได้รับการพิสูจน์มาหลายคราแล้วว่าไม่เหมาะแก่การออกหน้า วิถี ‘หลบหนี’ ต่างหากถึงจะเป็นวิถีชอบธรรมของข้า!”
จากนั้น เขากล่าวต่อ “นอกจากนี้ เจ้าไม่ควรดูแคลนวิถี ‘หลบหนี’ เช่นนี้ สามพันวิถีล้วนมีการฝึกฝนที่แตกต่าง สิ่งใดดำรงอยู่ล้วนมีเหตุผล! หากข้าฝึกฝนจนได้มาซึ่งแก่นแท้ในท้ายที่สุด อย่างน้อยข้าก็ไม่ตาย! ว่ากันว่า ผู้ที่เหลืออยู่เป็นเจ้า ผู้ที่อยู่รอดถึงตอนสุดท้ายต่างหากคือผู้ชนะ!”
ผู้ที่เหลืออยู่เป็นเจ้า?
บัดซบ!
ไม่ใช่ว่าผู้ชนะเป็นเจ้าหรือ
ชางเหยามีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เอ่ยเสียงขุ่นเคือง “ตะพาบน้ำก็อยู่นานเหมือนกัน เจ้าหมายความว่าหลังจากนี้เจ้าจะเป็นอย่างตะพาบน้ำหรือ”
ได้ยินที่ชางเหยาเอ่ย มัจฉาสัตมายาไม่รู้สึกโกรธสักนิด ตรงกันข้าม ดวงตาของลุกวาว
“ที่เจ้าว่ามาเตือนสติข้าได้ดี โบราณว่าไว้ เต่าหัวหด เต่าหัวหด การหัวหดสอดคล้องกับวิถี ‘หลบหนี!’ ดูท่า ข้าต้องแสวงหาแก่นแท้จากเต่าพวกนี้เสียหน่อย!”
มัจฉาสัตมายายิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น
จนท้ายที่สุดยังจูบชางเหยาด้วยความตื้นตัน “ช้างเท้าหลังผู้แสนดี เจ้าช่างเป็นช้างเท้าหลังผู้แสนดีของข้าจริง ๆ ช่วยข้าได้มากเหลือเกิน!”
ช่วยได้มาก?
ชางเหยาพิโรธในบัดดล ตบมัจฉาสัตมายาจนคว่ำ นี่มัจฉาสัตมายาคิดอะไรอยู่ เมื่อครู่นางเอ่ยถึงตะพาบน้ำเพื่อเย้ยหยันมัจฉาสัตมายารู้หรือไม่!
ไม่ได้การ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจปล่อยให้มัจฉาสัตมายาฝึกฝนต่อไป นี่เขาถูกธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว!
…………….