รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1173 จั่วเหยียน ‘ช่างเป็นกระบี่ที่ต่ำช้ายิ่งนัก!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1173 จั่วเหยียน ‘ช่างเป็นกระบี่ที่ต่ำช้ายิ่งนัก!’
บทที่ 1173 จั่วเหยียน ‘ช่างเป็นกระบี่ที่ต่ำช้ายิ่งนัก!’
…………….
บทที่ 1173 จั่วเหยียน ‘ช่างเป็นกระบี่ที่ต่ำช้ายิ่งนัก!’
“หนี…”
กระบี่ฉุนจวินส่งเสียง จั่วเหยียนตอบกลับทันที “ได้เลย!”
เขาหยิบกระบี่ฉุนจวินหมายจะหนี
“ข้าหมายถึง…หนีกับลุงแกสิ!”
กระบี่ฉุนจวินเดือดดาลขึ้นมาทันที จั่วเหยียนทำมันขายหน้าเกินไปแล้ว ป้ายศิลาเส็งเคร็งแค่นี้คิดจะให้มันหนีรึ เป็นไปได้อย่างไร!
เสียงดังฟึ่บ มันลอยออกจากมือจั่วเหยียน ฟาดตัวกระบี่เข้าหน้าจั่วเหยียนจนใบหน้าเขาบวมไปครึ่งซีก
“เจ้าไม่คู่ควรต่อสู้ด้วยกันกับข้า!”
มันผิดหวังเหลือคณา จั่วเหยียนปอดแหกยิ่งนัก เท่านี้ก็กลัวแล้ว สร้างความดูแคลนให้มันเป็นหนักหนา!
“คอยดูข้าฟันป้ายศิลาเส็งเคร็งนี่ให้แหลกลาญแล้วกัน!”
กระบี่ฉุนจวินระเบิดพลัง แสงกระบี่นับล้านส่องประกายเจิดจ้า ความหม่นหมองก่อนหน้านี้พลันมลาย ป้ายศิลานั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ พลังลับที่ไหลเวียนอยู่น่าพรั่นพรึงเหลือกำลัง ทว่าหากจะให้เอ่ยว่ากำราบมันได้นั้นยังอีกไกลโข!
มันบุกไปข้างหน้า สำแดงพลังน่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้นออกมา แรงกดดันที่แผ่ออกจากป้ายถูกมันทลายลงทั้งหมด!
สิ่งมีชีวิตจากแดนฝังศพตกตะลึง กระบี่เล่มนี้ดุดันเหลือเกิน พวกเขากลัวจนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พวกเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด มีพลังเหนือระดับอัครขั้นยี่สิบกันถ้วนหน้า แต่พวกเขาไม่นึกสงสัยเลยว่าหากกระบี่ฉุนจวินคิดเอาชีวิตพวกเขา คงง่ายดั่งถอนหญ้า ทำได้โดยไม่ต้องเสียแรง!
บนศิลาเผด็จฟ้ามีอักขระโบราณสลักไว้คณานับด้วยฝีมือจ้าวแดนฝังศพ และเพราะอักขระโบราณเหล่านี้ศิลาเผด็จฟ้าถึงน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!
ยามนี้ อักขระทุกตัวบนศิลาเผด็จฟ้าราวกับมีชีวิต ขยับเขยื้อนกันถ้วนหน้า บุกไปหากระบี่ฉุนจวิน
อักขระโบราณเหล่านี้ล้วนแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด หลังรุมล้อมเข้าไปถล่มกระบี่ฉุนจวินก็สามารถข่มพลังกระบี่ฉุนจวินลง ปกปิดแสงกระบี่ทั้งหมดที่กระบี่ฉุนจวินระเบิดออกมา
หลังสิ่งมีชีวิตจากแดนฝังศพเห็นดังนั้นก็โล่งอกอย่างอดไม่ได้
“โอหังนักหรือ ลองโอหังดูอีกสิ!”
“เจ้าพวกไว้หน้าแล้วไม่เอา ก่อนหน้านี้เกลี้ยกล่อมดี ๆ เจ้าไม่ฟัง ดึงดันรนหาที่ตาย!”
พวกเขาต่อว่าเสียงดัง ท่าทางลำพองราวกับได้ลืมตาอ้าปาก ศิลาเผด็จฟ้ายิ่งสู้ยิ่งดุดัน กระบี่ฉุนจวินสิ้นประกาย ถูกศิลาเผด็จฟ้ากำราบลงอย่างสิ้นเชิง
“พี่ชายทั้งหลาย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าบอกมันแต่แรกแล้วว่าให้พอ แต่มันดันไม่ฟัง!”
จั่วเหยียนปอดแหกขึ้นมาทันที บอกกับสิ่งมีชีวิตจากแดนฝังศพ “พวกท่านกำจัดมันไปก็พอ อย่ากำจัดข้าไปด้วยเชียว!”
กระบี่ฉุนจวินได้ยินวาจาของจั่วเหยียนแล้วเดือดดาลเป็นหนักหนา นี่มันยังไม่แพ้ก็ถูกจั่วเหยียนหักหลังเสียแล้ว?!
“ไอ้ชั่วช้า!”
มันบันดาลโทสะ ระเบิดพลังน่าพรั่นพรึงยิ่งขึ้นออกมา ทลายแรงข่มของศิลาเผด็จฟ้า แสงกระบี่นับล้านส่องสะท้อนไปทั่วเอกภพอีกครา ไล่บี้ศิลาเผด็จฟ้าจนต้องยอมถอย!
จากนั้น มันเหินไปหาจั่วเหยียนทันทีและฟาดหน้าจั่วเหยียนไม่หยุด จนหัวจั่วเหยียนบวมเหมือนหัวหมู!
หักหลังสหายนับเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง หากไม่ใช่ว่าฆ่าจั่วเหยียนไปไม่อาจอธิบายกับคุณชาย มันจักสับจั่วเหยียนให้เละเสียเดี๋ยวนี้!
“พี่กระบี่ ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว!”
จั่วเหยียนเอ่ยเสียงร่ำไห้ “ข้าหาได้ ‘หักหลัง’ พี่กระบี่ ที่ข้าเอ่ยเช่นนั้นก็เพื่อกระตุ้นพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ของพี่กระบี่ออกมา! นี่เป็นกลวิธีกระตุ้นให้ฮึกเหิมต่างหาก!”
“กระตุ้นกับผีแกสิ!”
กระบี่ฉุนจวินไม่เชื่อคำอธิบายของจั่วเหยียน ฟาดกระบี่ใส่หน้าจั่วเหยียนอย่างบ้าคลั่งอีกยกใหญ่ สุดท้ายถึงยอมปล่อยจั่วเหยียน
“ไสหัวไปไกล ๆ อย่าได้เอื้อนเอ่ยกับข้าอีกแม้เพียงครึ่งประโยค! ไม่สิ อย่าแม้แต่จะหายใจ! หากข้าได้ยินเสียงหายใจของเจ้า ข้าจักเฉือนเนื้อเจ้าลงมาทีละชิ้นให้หมด!”
กระบี่ฉุนจวินเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียมกับจั่วเหยียน
จั่วเหยียนตกตะลึง รีบปิดปากไม่กล้าเอ่ยอีกแม้ครึ่งประโยค
นอกจากนี้ เขายังหยุดหายใจจริง ๆ กลัวเหลือเกินว่ากระบี่ฉุนจวินจะเฉือนเนื้อเขาลงมาทั้งหมด
หลังระบายอารมณ์เสร็จ กระบี่ฉุนจวินฟาดฟันไปหาศิลาเผด็จฟ้า หนนี้มันต่างจากก่อนอย่างเห็นได้ชัด แสงกระบี่ทุกสายล้วนแฝงไว้ด้วยพลังน่าพรั่นพรึง!
อักขระโบราณบนศิลาเผด็จฟ้าถูกมันฟาดฟันดับดิ้นไปกว่าครึ่งในเวลาครู่เดียว!
“หา?!”
“ไม่ใช่กระมัง!”
สิ่งมีชีวิตจากแดนฝังศพต่างหน้าตาซีดเซียวด้วยควาผวาหลังเห็นภาพนี้ ศิลาเผด็จฟ้าจะไม่ไหวแล้วหรือ
ไม่ไหวไม่ได้เด็ดขาด!
มิฉะนั้น พวกเขาต้องจบเห่ตามไปด้วย!
ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง คลื่นพลังพิเศษซัดสาดออกจากศิลาเผด็จฟ้า ภาพร่างเลือนรางภาพหนึ่งซึ่งมองเผ่าพันธุ์ไม่ออก ไม่รู้ว่าบุรุษหรือสตรีปรากฏกายบนศิลาเผด็จฟ้า
“เห็นแก่ข้า อย่าไล่ตามมาอีกเลย หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไม่เป็นผลดีต่อผู้ใดทั้งสิ้น”
เสียงทุ้มต่ำดังออกจากภาพร่างเลือนรางนั้น จากเสียงนั้นพอบอกได้ว่านี่คือบุรุษเพศ
เขาคือจิตสำนึกเสี้ยวหนึ่งของจ้าวแดนฝังศพที่ทิ้งไว้ในศิลาเผด็จฟ้า
กระบี่ฉุนจวินไม่พูดจา แสดงจุดยืนด้วยการกระทำ บุกไปหาภาพร่างเลือนราง
คุณชายบอกว่าให้พาตาเฒ่าเมามายกลับไป เช่นนั้นมันก็ต้องพาตัวตาเฒ่าเมามายกลับไปให้ได้!
ผู้ใดก็ไม่อาจขวางได้!
“สามหาวนัก!”
ภาพร่างเลือนรางตวาด “เป็นเพียงศัสตราวุธริอ่านลงมือกับข้า เสียสติไปแล้วหรือ?!”
เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไป พลันนั้น พลังน่าพรั่นพรึงหลอมรวมในมือเขา จากนั้น เขาซัดพลังมวลนี้ออกไป!
ชั่วขณะนั้น ทั่วทั้งผืนอวกาศล่มสลาย เขาน่ากลัวเกินไป พลังที่มีนั้นเกินจินตนาการ!
ทว่ากระบี่ฉุนจวินฝ่าออกมาได้ แสงกระบี่เจิดจ้ายังคงผ่องอำไพ ตวัดไปหาภาพร่างเลือนราง
“เป็นไปได้อย่างไร!”
ภาพร่างเลือนรางคิดไม่ถึงสักนิด เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความตะลึง
ในศิลาเผด็จฟ้ามีจิตสำนึกของเขาสถิตอยู่เพียงเสี้ยวเดียว กำลังรบมีจำกัด ท่ามกลางแสงกระบี่เจิดจ้า ภาพร่างเลือนรางถูกขจัดอย่างสิ้นเชิง!
บรรดาสิ่งมีชีวิตจากแดนฝังศพต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นระริก อาวุธเพียงชิ้นหนึ่งยังน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้เชียวหรือ เช่นนั้นหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน
“พี่กระบี่ของข้าเก่งกาจจริง ๆ!”
จั่วเหยียนไชโยลั่น
“เลิกสอพลอได้แล้ว รีบไปเดี๋ยวนี้!”
กระบี่ฉุนจวินพาจั่วเหยียนไปจากที่นี่ ไล่ตามเฒ่าเมามายไป
ขณะเดียวกัน ภายในแดนฝังศพ จ้าวแดนฝังศพหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้
“นี่เป็นม้ามืดอันน่ากลัวอย่างแท้จริง!”
เขามีสีหน้าเคร่งเครียด คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลี่จิ่วเต้าจะน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ แม้แต่ศัสตราวุธในมือยังน่าครั่นคร้ามถึงขีดสุด
ไม่แปลกที่แม้แต่ห้ากองกำลังใหญ่ยังหยุดทุกการเคลื่อนไหว ไม่กล้าต่อกรกับหลี่จิ่วเต้าอีก
เขาครุ่นคิดอยู่ว่าควรต่อกรกับหลี่จิ่วเต้าต่อไปหรือไม่
“ช่างเถิด”
ไม่นานนักเขาก็เลิกคิด ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “พลังของเขายังไม่เป็นที่แน่ชัด หากต่อกรด้วยต่อไม่แน่ว่าอาจต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่ กองกำลังทั้งห้าจับตามองแดนฝังศพอย่างไม่หวังดีมาตลอด ขืนเสียเปรียบจากการต่อกรห้ากองกำลังใหญ่ต้องล้างบางทั้งแดนฝังศพแน่!”
ลงท้าย เขาก็ตัดสินใจถอดใจจากเฒ่าเมามาย
คิดมาถึงนี่ เขาติดต่อเฒ่าเมามาย เฒ่าเมามายในเวลานี้มาถึงสถานที่ที่เขาบอกแล้ว
เขาบอกกับเฒ่าเมามายว่า “ผู้เฒ่าเมามาย เจ้าอยู่ที่นั่นได้อย่างสบายใจ ข้าได้เตรียมการไว้อย่างแน่นหนา เจ้าอยู่ที่นั่นไปไม่มีทางเกิดเรื่องแน่”
เขาไม่ได้โกหก สถานที่นั้นมีการจัดแจงของเขานานัปการจริง ๆ เดิมเขาต้องการให้เฒ่าเมามายหยุดพักที่นั่น สลัดการไล่ล่าของจั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินให้หลุด แล้วเข้ามายังแดนฝังศพ
ทว่าบัดนี้ เขาเปลี่ยนใจแล้ว
เขาไม่กล้าให้เฒ่าเมามายเข้ามาในแดนฝังศพอีก
กระบี่ฉุนจวินทรงพลังเกินไป เขารู้สึกว่าพักในสถานที่นั้นก็ไม่อาจสลัดจั่วเหยียนกับกระบี่ฉุนจวินหลุด หากปล่อยให้เฒ่าเมามายเข้ามายังแดนฝังศพ จั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินก็อาจไล่ตามมาด้วย
จั่วเหยียนนั้นไม่ต้องเอ่ยถึง เป็นเพียงตัวละครต่ำต้อยไม่เข้าตา เขาหาได้เก็บมาใส่ใจไม่
แม้ว่ากระบี่ฉุนจวินนั้นกล้าแกร่ง กระนั้นก็ไม่ได้เท่าไหร่ หากบุกเข้ามาถึงแดนฝังศพเขาก็ไม่ได้กลัว มั่นใจว่าทำลายกระบี่ฉุนจวินได้แน่
ทว่าจั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินมาด้วยบัญชาหลี่จิ่วเต้า หากปล่อยให้จั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินไล่ตามเข้ามาถึงแดนฝังศพจริง ๆ หมายความว่าเขากับหลี่จิ่วเต้าต้องปะทะกันอย่างแน่นอน
ยามนี้เขาไม่ต้องการปะทะกับหลี่จิ่วเต้า เพราะอย่างนั้นถึงให้เฒ่าเมามายอยู่ในที่แห่งนั้น ไม่ให้เฒ่าเมามายเข้ามายังแดนฝังศพ
หากเฒ่าเมามายอยู่ในที่แห่งนั้นแล้วสลัดการไล่ล่าจากจั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินได้ย่อมดีที่สุด หาไม่แล้ว จำต้องปล่อยให้จั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินนำตัวเฒ่าเมามายไป
“ได้!”
เวลานั้น เฒ่าเมามายตอบจ้าวแดนฝังศพ “ขอบคุณจ้าวแดนฝังศพที่ยื่นมือช่วยเหลือ บุญคุณครานี้ข้าจักจำไว้ รอจนพ้นจากเคราะห์ร้ายนี้แล้วข้าต้องเข้าร่วมแดนฝังศพแน่นอน ร่วมต้านทานวิหารโบราณลึกลับกับจ้าวแดนฝังศพ!”
“ดี! ข้าตั้งตารอให้ผู้เฒ่าเมามายเข้าร่วมแดนฝังศพ!”
เฒ่าเมามายยุติการติดต่อกับจ้าวแดนฝังศพ อยู่ในที่แห่งนี้อย่างสบายใจ
เขารู้สึกได้ว่าสถานที่นี้มีการตั้งด่านนานัปการ จ้าวแดนฝังศพไม่ได้หลอกเขา ประกอบกับตัวเขาปกปิดพลังปราณและร่องรอยทั้งหมดไว้ เขาเชื่อว่าต่อให้หลี่จิ่วเต้าไล่ตามมาด้วยตนเองก็ยากจะพบตัวเขา
เพราะอย่างนั้น เขาจึงสบายใจอย่างมาก
เขาเจอหินก้อนหนึ่งและนั่งลงไป ตวัดมือเรียกถั่วลิสงออกมาจำนวนหนึ่ง
“กินถั่วไป ดื่มสุราไป เจ้าสวรรค์ยังสู้ข้าไม่ได้!”
เขายกกาสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ฮัมเพลงไปด้วย เพลิดเพลินเหลือกำลัง
เดิมเฒ่าเมามายมีพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึง สามารถปกปิดพลังปราณและร่องรอยของตนได้ กอปรกับที่แห่งนี้มีม่านพลังหลายชั้น นับว่าหายากอย่างแท้จริง
ทว่าจั่วเหยียนนำกระจกวิญญาณโบราณมาด้วย กระจกวิญญาณโบราณไม่เคยเลิกจับสัมผัสเฒ่าเมามาย
ผ่านไปไม่นาน ด้วยการชี้ทางจากกระจกวิญญาณโบราณ จั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินบุกมาถึงที่นี่!
“ตาเฒ่า ออกมาเสีย เจ้าหลบไม่พ้น หนีไม่ได้หรอก หวังว่าเจ้าจะรู้จักมองสถานการณ์ ยอมตามข้าไปแต่โดยดี อย่าหาเรื่องใส่ตัว!”
ด้านนอกสถานที่นั้น จั่วเหยียนตะโกน
ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ถูกอัด กระบี่ฉุนจวินฟาดเขาจนล้มลงกับพื้น
“พูดได้ไม่เลว แต่คราวหน้าไม่ต้องพูดอีก ให้เป็นหน้าที่ข้า!”
กระบี่ฉุนจวินเอ่ย
จั่วเหยียนเดือดดาลนักหนา ไม่เคยเห็นกระบี่ ‘ชั้นต่ำ’ เช่นนี้มาก่อน!
ด้านใน เดิมเฒ่าเมามายกำลังดื่มสุราอย่างสำราญ หลังเสียงของจั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินดังขึ้นเขาพลันตื่นตระหนก กาสุราในมือเกือบหล่นลงไปที่พื้น
“ขนาดนี้แล้วยังไล่ตามมาได้อีกหรือ?!”
สีหน้าของเขาอึมครึมเหลือคณา อย่าให้เอ่ยเลยว่ารู้สึกแย่ปานใด ทีแรกเขาคิดว่าไม่เป็นไรแล้ว หารู้ไม่ จั่วเหยียนและกระบี่ฉุนจวินกลับไล่ตามมาได้!
“เช่นนั้นก็สู้!”
เขาลุกขึ้นด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียม
…………….