รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1170 เฒ่าเมามาย
บทที่ 1170 เฒ่าเมามาย
…………….
บทที่ 1170 เฒ่าเมามาย
“ยังมีตัวแปรผิดแผกอื่นอีกหรือไม่?!”
รูม่านตาจ้าวแห่งไท่เยวียนหดลงเล็กน้อย คำพูดของประมุขวังปี้อวี่ทำให้เขาครุ่นคิด
ใช่แล้ว หากมีตัวแปรผิดแผกเช่นหลี่จิ่วเต้าปรากฏออกมา เช่นนั้นก็อาจมีตัวแปรผิดแผกอื่นด้วย ทุกสิ่งล้วนไม่แน่นอน
พวกเขาใจร้อนเกินไปบ้างจริง ๆ ไม่ควรเร่งร้อนจัดการหลี่จิ่วเต้า ควรเฝ้ารอดูสถานการณ์ทั้งหมดก่อนเริ่มลงมือ
“วิหารโบราณลึกลับยังย่างกรายมาไม่ถึง ศึกตัดสินครั้งใหญ่ที่แท้จริงยังไม่ปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์ พวกเรารอลงมือในตอนท้ายที่สุดก็ยังไม่สายเกินไป”
เจ้าสำนักหยินเอ่ย
กองกำลังทั้งห้าของพวกเขา เดิมทีบรรลุฉันทามติเอาไว้ ผู้แข็งแกร่งที่สุดในตอนท้ายจะต้องมาจากห้ากองกำลังของพวกเขา สิ่งมีชีวิตอื่นต้องถูกกวาดล้างออกไปเสียก่อน
“แดนฝังศพเองก็ไม่อาจมองข้ามได้ มองจากภายนอกพวกเขามุ่งเป้าไปที่การต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับ แต่เรื่องจริงเป็นเช่นนั้นหรือ?”
จ้าวซากสุสานกล่าว “จ้าวแดนฝังศพลึกลับเป็นอย่างยิ่ง จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เคยได้รับข้อมูลโดยละเอียด ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากน้อยเพียงใด นี่นับเป็นภัยร้ายแรง หากรอจนถึงตอนสุดท้าย พวกเราจะถูกแทงข้างหลังจนถึงชีวิตเมื่อใดก็ได้!”
กล่าวตามจริง พวกเขาให้ความสำคัญกับด้านแดนฝังศพมาก เคยปรึกษาหารือกันอยู่หลายครั้ง ต้องการกวาดล้างแดนฝังศพก่อนถึงศึกตัดสินครั้งใหญ่
ไม่มีสาเหตุอื่นใด เพียงแค่แดนฝังศพลึกลับเกินไป พวกเขาล้วนไม่มีผู้ใดเคยติดต่อกับจ้าวแดนฝังศพ ไม่มีความเข้าใจอันใดเกี่ยวกับจ้าวแดนฝังศพ
“หากหลี่จิ่วเต้ามีความขัดแย้งกับฝั่งแดนฝังศพคงจะดีไม่น้อย!”
ประมุขวังปี้อวี่ทอดถอนใจ
ทั้งสองฝั่งล้วนล้ำลึกไม่อาจหยั่งถึง หากเกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นศัตรูกัน สำหรับพวกเขานับว่าเป็นเรื่องดีที่ไม่อาจดีไปมากกว่านี้แล้ว
พวกเขาสามารถนั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เต็มตัว ทั้งยังมองเห็นถึงเบื้องลึกเบื้องหลังทั้งสองฝ่ายอีกด้วย
“อดทนไม่ลงมือไว้ก่อน!”
เจ้าตำหนักสูญหายเอ่ยด้วยเสียงลุ่มลึก “ข้ามีความรู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องขัดแย้งกันอย่างแน่นอน เพียงแค่เกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น! พวกเราทั้งห้าต้องสงบนิ่ง สุดท้ายชัยชนะต้องเป็นของพวกเรา!”
ประมุขวังปี่อวี้พยักหน้า “เพียงแค่พวกเขาสงบนิ่งก็มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้กระจ่างชัดขึ้น ก่อนหน้านี้พวกเราใจร้อนและลำพองตนมากเกินไป”
“เช่นนั้นก็เรียกกำลังพลทั้งหมดของพวกเรากลับมา”
จ้าวแห่งไท่เยวียนเอ่ย
หลังจากจบการสนทนา พวกเขาต่างก็ออกคำสั่ง เรียกกำลังพลภายนอกทั้งหมดกลับมา
พวกเขาตัดสินใจจะ ‘ซ่อนตัว’ รอจนกว่ามองสถานการณ์ทั้งหมดได้แจ่มชัดถึงค่อยออกมาอีกครั้ง
…
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในจักรวาลดวงดารา
มีชายชราเมาสะลึมสะลือผู้หนึ่ง น้ำเต้าสุราในมือถูกยกขึ้นดื่มอึกใหญ่อย่างสำราญใจ
เขาจิบสุราไปพลาง มือก็คว้าถั่วลิสงปากด้วย ก่อนเอ่ยออกมาสบาย ๆ “กินถั่วลิสงพร้อมร่ำสุรา กระทั่งประมุขสวรรค์ยังไม่อาจเทียบข้า”
เขาเดินหนึ่งก้าวเซสามก้าว เมามายจนดูไม่ได้ กำลังเดินบนทางเส้นเล็กขึ้นเขา
ทันใดนั้นเอง ความว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยว มีคนปรากฏออกมาเบื้องหน้าเฒ่าเมามาย
“ผู้เฒ่าเมามาย!”
คนผู้นี้เป็นชายวัยกลางคน ท่วงท่าไม่ธรรมดา ให้ความเคารพต่อเฒ่าเมามายเป็นอย่างมาก
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมีสามหัว? แปลกประหลาดจริงเชียว!”
เฒ่าเมามายเรอออกมาพร้อมเอ่ยอย่างมึนเมา
เขาดูแล้วเมามากเกินไปจนดวงตาพร่าเลือน เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนมีเพียงหัวเดียว แต่กลับถูกบอกว่ามีสามหัว
“ผู้เฒ่าเมามาย ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งจ้าวแดนฝังศพ ต้องการทราบว่าท่านคิดเห็นเช่นไร ยินดีที่จะเข้าร่วมแดนฝังศพเพื่อต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนเอ่ย
“เข้าร่วมอันใด?”
ผู้เฒ่าเมามายถาม
“แดนฝังศพ!”
“แดนฝังศพอันใด?”
“เข้าร่วมแดนฝังศพ!”
“เข้าร่วมอันใด?”
“…”
ชายวัยกลางคนพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าเฒ่าเมามายกำลังล้อเล่นอยู่กับเขา ไม่ได้ตั้งใจตอบคำถามอย่างจริงจัง
ทว่าเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจ ก่อนหน้าจะมา จ้าวแดนฝังศพบอกกับเขาว่าจำเป็นต้องแสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าเมามาย อีกฝ่ายนั้นมีนิสัยโหดเหี้ยมไม่ธรรมดา
แม้เขาจะมองไม่ออกว่าเฒ่าเมามายทรงพลังอันใดก็ตาม…
“ผู้เฒ่าเมามาย จ้าวแดนฝังศพกล่าวว่าเพื่อแสดงความจริงใจของพวกเรา จึงยินดีแจ้งข่าวคราวอย่างหนึ่งให้ท่านฟัง”
ชายวัยกลางคนเอ่ย “ข่าวเกี่ยวกับสูตรโอสถ”
“สูตรโอสถ?”
เมื่อได้ยินคำว่าสูตรโอสถ ดวงตาของเฒ่าเมามายพลันเฉียบคมขึ้นมา ไม่ได้ดูมึนเมาอีกต่อไป
“ถูกต้อง นั่นคือสูตรโอสถที่มาจากวิหารโบราณลึกลับ!”
ชายวัยกลางคนกล่าว “ผู้ที่นำสูตรโอสถออกมายังคงไม่ตาย แต่สถานการณ์ของตัวเขาเกิดปัญหาใหญ่ กลายเป็นคนบ้าไปแล้ว”
“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ประเด็นคือเขาอยู่ที่ใด?”
เฒ่าเมามายถาม
“เขาถูกคนของหลี่จิ่วเต้าพาตัวไป ตอนนี้อยู่ในแดนพิสุทธิ์จวินเทียน” ชายวัยกลางคนตอบ
“แดนพิสุทธิ์จวินเทียน?”
เฒ่าเมามายหรี่ตาลง “เข้าใจแล้ว”
เขากล่าวต่อ “จ้าวแดนฝังศพมีใจ เจ้าไปแจ้งจ้าวแดนฝังศพให้ข้าเถิด หากข้าได้สูตรโอสถมา ข้าจะพิจารณาเข้าร่วมแดนฝังศพ”
จากนั้นร่างของเขาก็หายลับไป ตรงออกจากสถานที่แห่งนี้
ชายวัยกลางคนตื่นตะลึง ไม่แปลกใจเลยที่จ้าวแดนฝังศพบอกว่าเฒ่าเมามายไม่ธรรมดายิ่ง!
ไม่ต้องพูดสิ่งอื่นใดเลย การหายตัวไปเมื่อครู่ของเฒ่าเมามายก็น่าสะพรึงกลัวเพียงพอแล้ว!
เฒ่าเมามายเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ ร่องรอยทั้งหมดอันตรธานสิ้น เขาไม่อาจสัมผัสถึงเฒ่าเมามายได้เลย!
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นในการต่อสู้ นับได้ว่าเป็นภัยอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน ไม่อาจสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้ นั่นหมายความว่าถ้าเฒ่าเมามายลอบโจมตี เขาก็ไม่อาจสัมผัสได้เลย!
เฒ่าเมามายแข็งแกร่งกว่าเขามากอย่างไม่ต้องสงสัย!
สิ่งนี้ทำให้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ ชายชราเมาหัวราน้ำผู้หนึ่งกลับน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ตัวเขานั้นครอบครองพลังถึงขั้นสิบแปดขอบเขตอัคร!
“ยังดีที่ข้าทำตามคำสั่งของจ้าวแดนฝังศพ ไม่ได้ดูแคลนเขา ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องประสบเคราะห์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!”
เขาอดเอ่ยไม่ได้ ภายในใจเกิดความหวาดกลัวย้อนหลัง
อีกด้านหนึ่ง เฒ่าเมามายมาถึงแดนพิสุทธิ์จวินเทียนในพริบตา
“สูตรโอสถ ข้าตามหาสูตรโอสถมาตลอด ยามนี้จะมาถึงมือแล้วหรือ?”
เขาถือไหสุราแย้มยิ้ม เผยให้เห็นฟันสีเหลืองเต็มปาก
จากนั้นเขาก็ตรงไปทางหลี่จิ่วเต้าทันที เมื่อเขามาถึงแดนพิสุทธิ์จวินเทียน ทุกสรรพสิ่งภายในรวมทั้งพวกหลี่จิ่วเต้าและคนบ้าล้วนอยู่ในสายตาของเขา
ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้ากำลังดื่มชา คนบ้าอดทอดถอนใจไม่ได้ นี่คือชีวิตของผู้ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ? เพียงแค่ดื่มชาสบาย ๆ ก็ไม่ธรรมดา พิเศษเหนือชั้นอย่างถึงที่สุด กระทั่งเขาหลังจากดื่มชาลงไปแล้วยังได้รับผลประโยชน์มหาศาล ภายในร่างกายพัฒนาเพิ่มขึ้นทุกด้าน
“ทั้งสองท่านที่ดื่มชาอยู่”
เฒ่าเมามายก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “ให้น้ำชาข้าสักถ้วยได้หรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าไม่ได้แสดงท่าทางอันใดพิเศษต่อการปรากฏตัวของเฒ่าเมามาย แต่คนบ้าแตกต่างโดยสิ้นเชิง ภายในใจเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
เขาสัมผัสได้ถึงแรงคุกคามมหาศาลจากเฒ่าเมามาย คนผู้นี้มาจากที่ใดกัน ไยจึงน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้?!
เขาไม่มีร่องรอยความทรงจำอันใดเกี่ยวกับเฒ่าเมามายแม้แต่น้อย ไม่เคยพบพานอีกฝ่ายมาก่อน และไม่รู้ว่าเฒ่าเมามายเป็นผู้ใด
“ดื่มชาหรือ?”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม บอกปัดอย่างสุภาพ “ข้าไม่เห็นว่าผู้อาวุโสดูเหมือนคนดื่มชา เช่นนั้นเรื่องดื่มชาช่างมันเสียเถิด”
แดนพิสุทธิ์จวินเทียนไม่ใช่สถานที่ธรรมดาที่เข้าออกได้ตามใจชอบ เฒ่าเมามายปรากฏตัวขึ้นที่นี่ แสดงว่าเขาไม่ใช่ชายชราธรรมดา พลังที่แท้จริงสมควรแข็งแกร่งอย่างมาก
ชาที่เขากับคนบ้าดื่มไม่ใช่ชาธรรมดา แต่เป็นน้ำชาที่ทำจากใบชาพิเศษมอบผลประโยชน์มหาศาลต่อผู้ฝึกตน
เฒ่าชราเมามายยามนี้เป็นมิตรหรือศัตรู เขาไม่อาจเอ่ยอย่างชัดเจน ไม่มีทางที่เขาจะมอบน้ำชาให้กับเฒ่าเมามาย
อย่างไรเสีย หากเฒ่าเมามายเป็นศัตรูขึ้นมา หากเขามอบน้ำชาให้ก็นับว่าเป็นการช่วยเหลือศัตรูแล้ว
“เจ้ากล่าวถูกแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนดื่มชาอันใดจริง ๆ ข้าชื่นชอบการดื่มสุรามากกว่า”
เฒ่าเมามายยกสุราขึ้นดื่มอึกใหญ่
หลังจากนั้นเขาจึงนั่งลงอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ เอ่ยออกมาอย่างไม่แยแสว่า “ข้ามาที่นี่ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากเพื่อสูตรโอสถ หวังว่าพวกเจ้าจะส่งมอบสูตรโอสถออกมาด้วยตนเอง รู้จักประเมินสถานการณ์”
“โอ้?”
หลี่จิ่วเต้ามองเฒ่าเมามาย คนผู้นี้ช่างมีความมั่นใจในตัวเองนัก
ท่าทางของเฒ่าเมามายไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ประหนึ่งว่าตนแข็งแกร่งจนสยบพวกเขาได้ตามใจชอบ
ภายในดวงตาของคนบ้าฉายแววไม่พึงพอใจ
พึงทราบเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขาเป็นตัวตนอันไร้เทียมทาน ถูกกล่าวขานว่าสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในตอนท้าย ทว่ากลับถูกเฒ่าเมามายดูแคลน ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เช่นนั้นเขาจะยินดีได้อย่างไร
“น้ำตื้นมีเต่ามากมาย*[1] ไม่มีอันใดก็อย่าได้กระโดดโลดเต้นเลย!”
เขาตวาดใส่เฒ่าเมามายขึ้นมา
หากเขาอยู่เพียงลำพังคงไม่กล้าขึ้นเสียงเช่นนี้กับเฒ่าเมามาย
อย่างไรเสียเฒ่าเมามายก็นำพาแรงคุกคามมหาศาลมาให้เขา พลังที่อีกฝ่ายครอบครองน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง เขาน่าจะไม่ใช่คู่มือของเฒ่าเมามาย
การตวาดใส่เฒ่าเมามายเช่นนี้ ต้องเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นมาแน่นอน
ทว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ลำพัง ข้างกายมีหลี่จิ่วเต้าอยู่ เขาประจักษ์ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหลี่จิ่วเต้ามาแล้ว นี่จึงกล่าวได้ว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
ไม่ว่าเฒ่าเมามายแข็งแกร่งเพียงใดย่อมไม่ใช่คู่มือของหลี่จิ่วเต้า!
ดังนั้นเขาจึงไร้ความหวาดเกรง ขึ้นเสียงใส่เฒ่าเมามาย
“อย่าทำเช่นนี้”
เฒ่าเมามายยกสุราขึ้นกระดก ก่อนมองคนบ้า “เจ้าอย่าได้เอ่ยวาจาไร้สาระ ง่ายแก่การ…ถูกข้าตีจนตาย”
มารดามันเถิด ช่างผยองนัก!
หลังคนบ้าได้ยินคำพูดของเฒ่าเมามายพลันกัดฟันด้วยความโกรธ เฒ่าเมามายนั้นผยองเกินไปจริง ๆ หากไม่ติดว่าเขาไม่ใช่คู่มือของเฒ่าเมามายคงตบหน้าอีกฝ่ายไปแล้ว!
“ตบตีสังหารไม่ได้ทำให้สิ่งใดดีขึ้น พวกเราอย่าได้ดื้อดึงกันในเรื่องเล็กน้อยเลย สงบกันให้มากไม่ดีกว่าหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย “เห็นแก่หน้าข้าสักครา ท่านผู้เฒ่าอย่าได้สร้างปัญหาที่นี่ จากไปเถิด”
“หน้าเจ้า? เจ้าเป็นผู้ใดกัน? ข้ารู้จักเจ้าด้วยหรือ? หน้าลูกหมาลูกแมวที่ไหน ไยข้าจำเป็นต้องให้หน้าด้วย?”
เฒ่าเมามายมองหลี่จิ่วเต้าอย่างไม่แยแส ไม่ได้เห็นหลี่จิ่วเต้าอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย วาจาไร้ความสุภาพแต่อย่างใด
เขาทรงพลังน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าตรงเข้ามาเช่นนี้ เขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจในตนเอง หลี่จิ่วเต้าและคนบ้าไม่ใช่คู่มือของเขา
“อย่าได้ไม่รู้จักดูสถานการณ์”
เขากล่าวต่อ “ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าต้องถูกทุบตีข้าตีจนตายหมด”
[1] น้ำตื้นมีเต่ามากมาย หมายถึง บริเวณริมฝั่งช่วงน้ำขึ้นมองไม่เห็นสิ่งใด แต่เมื่อน้ำลงเต็มไปด้วยเต่า เปรียบเปรยว่าสถานการณ์ยิ่งเล็กแคบยิ่งมีโอกาสที่ปัญหาจะเกิดขึ้นมากเท่านั้น
…………….