รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1169 ยันต์สะท้อนสถานการณ์กลับมา หลี่จิ่วเต้าออกคำสั่งประหาร!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1169 ยันต์สะท้อนสถานการณ์กลับมา หลี่จิ่วเต้าออกคำสั่งประหาร!
บทที่ 1169 ยันต์สะท้อนสถานการณ์กลับมา หลี่จิ่วเต้าออกคำสั่งประหาร!
…………….
บทที่ 1169 ยันต์สะท้อนสถานการณ์กลับมา หลี่จิ่วเต้าออกคำสั่งประหาร!
แดนลับลำดับหก
ซีกำลังรวบรวมตำรับลูกกลอน ทุกอย่างดำเนินด้วยความราบรื่น นางออกรวบรวมมาแล้วหลายแดนลับ และรวมตำรับลูกกลอนที่ได้มาจากแดนลับต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน
“ไปละ”
นางคลี่ยิ้ม เก็บตำรับลูกกลอนจากแดนลับหนึ่งมาได้สำเร็จอีกครั้ง ระดับของนางสูงส่ง อยู่ในขอบเขตแกนนภาตอนปลาย ตั้งจิตคราเดียวก็เก็บรวบรวมตำรับลูกกลอนทั้งหมดในแดนลับแห่งนี้ได้
ถึงอย่างไรขอบเขตของสิ่งมีชีวิตในแดนลับนี้ก็ต่ำเกินไป สูงสุดอยู่เพียงขอบเขตปัจฉิมเท่านั้น ห่างจากนางไกลโข
จากนั้น นางเยื้องย่างออกจากแดนลับลำดับหก มาอยู่ในแดนลับลำดับห้า
ขณะที่นางเตรียมรวบรวมตำรับลูกกลอนในแดนลับก่อน จู่ ๆ ก็ถูกโจมตี!
การโจมตีนี้กะทันหันยิ่งนัก นางไม่ทันรู้สึกตัวสักนิด!
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ยันต์ที่บุรุษตัวน้อยให้นางเปล่งแสง กลายเป็นกระบี่นับหมื่นเล่ม พลันฟาดฟันฝ่ามือมหึมานี้จนแหลกละเอียด!
“ผู้ใด?!”
นางได้สติทันใด มีศัตรูซ่อนตัวในที่มืดคิดจะจับตัวนาง!
“คนของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์หรือ?!”
สีหน้าของนางเย็นเยียบ คนของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ จริง ๆ ก่อนนี้ไม่นานเคยคิดอยากจับนาง ถูกพลังของยันต์สังหาร บัดนี้มาอีกแล้ว!
นอกจากนี้ นางยังรู้สึกหมดเรี่ยวแรงอย่างยิ่งยวด การประมือของผู้เดินหมากหลังฉากช่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง เฉกเช่นยามนี้ นางอยู่ในขอบเขตแกนนภาตอนปลายแล้ว แข็งแกร่งน่ากลัวเหลือคณา กระนั้นยังไร้น้ำยา ห่างชั้นไกลโข บัดนี้ไม่อาจตรวจจับแม้แต่ร่องรอยของศัตรูในที่มืด
หากไม่มียันต์ที่บุรุษตัวน้อยให้มา นางคงถูกจับตัวไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ตู้ม!
ห้วงมิติแหลกลาญ การโจมตีสยดสยองบุกมาอีกครา พลังไร้ขีดจำกัดซัดสาด ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน แฝงไว้ด้วยแรงกดดันอันจินตนาการไม่ออกโถมทับมาหานาง!
อนิจจา ทุกอย่างล้วนเปล่าประโยชน์ แผ่นยันต์สร้างม่านแสงขึ้นมาคุ้มกันซีไว้ ไม่ว่าการโจมตีสยดสยองเช่นไรถล่มเข้ามา ม่านแสงจากยันต์ยังคงมั่นคงดุจภูผา ไม่เคยสั่นคลอด หยุดไว้ได้ทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้าซึ่งกำลังดื่มชากับคนฟั่นเฟือนได้รับรายงานที่ยันต์สะท้อนกลับมา ล่วงรู้ถึงสถานการณ์ของซี
เขาจิบชาเบา ๆ “ฆ่าให้หมด!”
สิ้นเสียงเขา ยันต์ด้านซีเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ปกป้องเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป หากแต่จู่โจมสิ่งมีชีวิตในที่มืดด้วย!
พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น พลังของยันต์หลอมรวมเป็นทวนยาวเล่มหนึ่งวาดผ่านนภา เล่มหนึ่งแทงทะลุหน้าอกสิ่งมีชีวิตตนนั้น เหวี่ยงกระเด็นออกมา!
“อ๊าก!”
สิ่งมีชีวิตตนนี้ส่งเสียงร้องโหยหวน ทวนยาวไม่เพียงแต่แทงทะลุร่างกายของเขา แต่ยังแทงทะลุวิญญาณของเขา สร้างความเจ็บปวดให้เขาอย่างแสนสาหัสจนทนไม่ไหว
เขาเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดวงหน้าคมกล้า มาจากไท่เยวียน มีพลังระดับอัครขั้นสิบหก
ก่อนนี้เขาสะกดรอยตามซีมาตลอด ได้เห็นภาพซีต่อกรกับเงาทั้งหลาย และได้ประจักษ์ถึงพลังของยันต์
ทว่าเขาไม่ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่
เงาเหล่านั้นย่อมไม่อาจเทียบกับเขา พลังของเงาเหล่านั้นอยู่ในระดับอัครไม่กี่ขั้นเท่านั้น
ส่วนเขาอยู่ในขั้นสิบหก เกินกว่าที่เงาเหล่านั้นจะเทียบได้
เขามองว่าแผ่นยันต์ไม่มีทางยับยั้งเขาได้
เพราะเหตุนี้ ก่อนนี้จึงแข็งกร้าวเป็นหนักหนา จำแลงมือใหญ่ออกมาหมายจะพาซีไปทันที
สุดท้าย สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเลยก็คือ พลังของแผ่นยันต์เหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ แข็งแกร่งจนเกินสมควร!
“ทุกท่าน อย่ามัวดูดาย ลงมือเร็วเข้า!”
เหงื่อเย็นไหลลงมาตามใบหน้าของเขา ตะโกนด้วยความร้อนใจ ร้องเรียกให้สมาชิกจากอีกสี่กองกำลังออกโรง
พลังของแผ่นยันต์น่าสะพรึงเกินไป เดิมเขาอยากบดขยี้ทวนยาวที่ปักอยู่บนตัวเขาให้แหลกลาญ ทว่าเขารีดเร้นพลังทั้งหมดแล้วยังบดขยี้ไม่ได้
มิหนำซ้ำ อย่าว่าแต่บดขยี้ทวนยาวเล่มนี้เลย ลำพังสร้างรอยร้าวเล็กให้ทวนยาวยังทำไม่ได้!
เขาตระหนักได้ในพริบตาว่าพลังของแผ่นยันต์เกินว่าที่เขาจะต่อกรตามลำพังไหว!
ผู้ที่ลอบสะกดรอยตามซีมาไม่ได้มีเพียงเขาผู้เดียว ยังมีสิ่งมีชีวิตจากอีกสี่กองกำลังใหญ่
ประมุขของอีกสี่กองกำลังใหญ่ออกคำสั่งจับกุมเช่นกัน พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าจับพวกซีซึ่งเป็นคนข้างกายหลี่จิ่วเต้ากลับไปก่อนแล้วร่วมกันไต่สวนถึงสถานการณ์ของหลี่จิ่วเต้าในยามนี้
เพราะอย่างนั้น ยามเขาลงมือ สิ่งมีชีวิตจากอีกสี่กองกำลังใหญ่จึงไม่ได้ลงมือ เพียงแต่ดูอยู่ในมุมมืด
สถานการณ์ตอนนี้ กองกำลังใหญ่ทั้งห้าของพวกเขานับว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นพันธมิตรชั่วคราวเพื่อขจัด ‘ปัจเจกชน’ เหล่านั้นก่อน
อันที่จริง ไม่ต้องให้สิ่งมีชีวิตตนนี้ร้องเรียก สมาชิกอีกสี่กองกำลังใหญ่ก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ตระหนักถึงความน่าพรั่นพรึงของแผ่นยันต์ ลงมือในทันที!
เสียงดังฟึ่บ สมาชิกจากสำนักหยินยกมือเรียกตะเกียงโบราณสีแดงชาดแสนพิศวงออกมา เปลวเพลิงในนั้นเป็นสีแดงสดประหนึ่งโลหิต
จากนั้น เขาเป่าลมใส่ตะเกียง
ชั่วขณะนั้น เปลวเพลิงสีแดงชาดกลายเป็นทะเลเพลิง ประกายโลหิตอาบไล้ไปทั่วแดนลับ มิหนำซ้ำแดนลับอื่นก็มีประกายโลหิตปรากฏ ได้รับผลกระทบไปด้วย!
สิ่งมีชีวิตในแดนลับเหล่านี้ต่างตกตะลึง อกสั่นขวัญแขวน ชาวาบไปทั้งหนังศีรษะ กระสับกระส่าย รู้สึกเหมือนความตายกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขา วันโลกาวินาศใกล้มาถึงแล้ว!
“ฆ่า!”
สมาชิกตำหนักสูญหายอ้าปากพ่นกระบี่มรกตออกมาเล่มหนึ่ง เปล่งประกายกระบี่นับล้าน แทงทะลุฟ้าดิน ฟาดฟันไปด้านหน้า!
สมาชิกวังปี้อวี่เป็นสตรีเพศ มือถือพัดปักษาเจ็ดสี พัดไปข้างหน้า ประกายสยดสยองพวยพุ่ง ปักษาน่าพรั่นพรึงเจ็ดตัวปรากฏ ทุกตัวล้วนมโหฬารกว่าดวงดาว เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ชวนผวาเป็นที่สุด!
ด้านซากสุสานปล่อยลูกแก้วสีดำออกมาเม็ดหนึ่ง ม่านหมอกสีดำม้วนตัวไม่หยุด กลายเป็นควันดำมวลแล้วมวลเล่าลอยไปหาซี
ลูกแก้วสีดำมีพลังควบคุมวิญญาณ ควันดำที่ลอยออกมาสามารถทะลวงทุกอย่าง ไม่อาจหยุดยั้ง
ขอเพียงควันดำได้สัมผัสตัวซี ย่อมควบคุมซีได้ในบัดดล!
การโจมตีเหล่านี้ล้วนเป็นมหาวิชาพิฆาต อย่าว่าแต่กำลังรบระดับอัครขั้นสิบหกเลย ต่อให้เป็นกำลังรบระดับอัครขั้นสิบเจ็ดยามเจอกับการโจมตีเช่นนี้ก็ต้านไม่อยู่ ต้องถูกกำราบ
ทว่าการโจมตีเหล่านี้ไร้ซึ่งฤทธิ์เดชเมื่ออยู่ต่อหน้าแผ่นยันต์ ไม่ถือเป็นภัยสักนิด!
อักขระบนยันต์ส่องแสง พลังพิเศษพวยพุ่ง จากนั้นอักขระยันต์ซึ่งมีท่านแสงเจิดจ้าม้วนรอบลอยออกไป ข่มทุกการโจมตีลง!
ทะเลเพลิงล้นฟ้าดับมอดในพริบตา นอกจากนี้ เปลวเพลิงสีชาดจากตะเกียงโบราณได้ดับมอดไปด้วย ตะเกียงโบราณหม่นหมองไร้แสง สูญเสียประกายทั้งหมด ราวกับพลังทุกอย่างได้มลายหายไปแล้ว!
“ไม่ใช่ราวกับ แต่พลังทั้งหมดหายไปจริง ๆ!”
สมาชิกสำนักหยินหน้าซีด สายตาทอประกายเหลือเชื่อ ตื่นตระหนกอย่างยิ่งยวด!
แผ่นยันต์นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว อักขระลอยออกมากำราบทุกสิ่ง พลังทั้งหมดของตะเกียงโบราณถูกลบล้างจนสิ้น ยามนี้เป็นเพียงตะเกียงธรรมดาเท่านั้น!
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
“เป็นไปไม่ได้!”
สมาชิกจากวังปี้อวี่และกองกำลังอื่นร้องเสียงหลงออกมาเช่นกัน กระบี่มรกต พัดปักษาเจ็ดสี ลูกแก้วสีดำล้วนสิ้นอำนาจ ถูกลบล้างพลังทั้งหมด กลายเป็นของสามัญ!
นี่มันยันต์อะไร! น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
ไม่นานนักพวกเขาก็สะกดความตระหนก กัดฟันบุกไปข้างหน้า
พวกเขารู้ดีว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแผ่นยันต์น่าครั่นคร้ามเช่นนี้พวกเขาไม่มีทางหนีพ้น ขืนหนีรังแต่จะตายไวยิ่งขึ้น ไม่สู้ลองเอาชีวิตเข้าเสี่ยงดูสักครา!
อีกด้าน สถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับพวกลั่วสุ่ยเช่นกัน
พวกเขาถูกสมาชิกห้ากองกำลังใหญ่โจมตีเช่นกัน
ลั่วสุ่ยเดินทางในจักรวาลโกลาหลแห่งหนึ่ง คอยรวบรวมตำรับลูกกลอนในจักรวาลโกลาหลผืนนั้น
นางเองก็ถูกโจมตีกะทันหันโดยไร้สัญญาณเตือน ตาข่ายมหึมาพลันปรากฏกลางอากาศ หมายจะจับตัวนางไป
นางมีแผ่นยันต์ติดตัวเช่นกัน พริบตาที่ตาข่ายนั้นปรากฏ ยันต์เปล่งพลัง บดขยี้ตาข่ายจนแหลกเหลว
“กล้ามาจริงหรือนี่ ดีเดือดใช้ได้!”
สีหน้าลั่วสุ่ยเย็นชา มองว่าเป็นคนที่เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ส่งมาเช่นกัน แผ่นยันต์สะท้อนสถานการณ์ด้านนี้กลับไปหาหลี่จิ่วเต้า ได้รับคำสั่งประหารจากหลี่จิ่วเต้า
ทันทีทันใด แผ่นยันต์เริ่มการล่า
เซี่ยเหยียน หลิงอิน ต้นหลิว ก้อนหิน มัจฉาสัตมายา ต้าเต๋อ และพวกอ้ายฉานต่างมียันต์ติดตัว หลังพวกเขาถูกโจมตี แผ่นยันต์ต่างสะท้อนสถานการณ์กลับไปให้หลี่จิ่วเต้าทราบ
“นี่ไม่กล้าลงมือกับข้าแล้วหรือ”
หลี่จิ่วเต้ามีสีหน้าราบเรียบ จิบชาอึกหนึ่ง ออกคำสั่งประหารแก่แผ่นยันต์ทั้งหมด
ชั่วขณะนั้น ยันต์ทั้งหมดเปิดฉากการล่า
ผ่านไปไม่นาน หลี่จิ่วเต้าได้รับรายงานจากยันต์ทุกแผ่นว่าสิ่งมีชีวิตที่จู่โจมพวกซีถูกสังหารจนสิ้น
“ดื่มชา”
เขายกถ้วยใส่คนฟั่นเฟือนและร่วมดื่มชา มีแผ่นยันต์ติดตัว พวกซีย่อมไม่เป็นอันใด
…
“ล้มเหลวทั้งหมด!”
ประมุขแห่งห้ากองกำลังใหญ่สื่อสารกันทางไกล น้ำเสียงพวกเขาไม่สู้ดีกันหมด หลี่จิ่วเต้าคาดการณ์ทุกอย่างไว้แล้ว จึงประทานแผ่นยันต์อันน่าประหวั่นพรั่นพรึง เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกตนที่ลงมือ
“ทุกอย่างช่างคาดเดาได้ยากจริง ๆ พวกเราต่างคิดไม่ถึงว่าจะมีตัวแปรผิดแผกเช่นนี้ปรากฏ!”
จ้าวแห่งไท่เยวียนถอนหายใจ หลี่จิ่วเต้าคือตัวแปรผิดแผกอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาต้องจับตา
“หยั่งตื้นลึกหนาบางเขาไม่ได้เสียที นับเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างแท้จริง”
เจ้าสำนักหยินเอ่ย “เขากำลังตกปลาอยู่หรือไม่ หรือกำลังตกพวกเรา เขาเอิกเกริกยิ่งนัก ราวกับไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัว…”
“ท่านพูดอะไร เขามีสิทธิ์ตกปลาที่ไหน”
จ้าวซากสุสานเอ่ยเสียงเย็น “เขามีสิทธิ์อันใดเห็นเราเป็นปลา พวกเราไม่ใช่ปลาที่เขาตกได้ตามอำเภอใจ!”
“อย่าประมาทเชียว”
ประมุขวังปี้อวี่กล่าว “เขาทำตัวเอิกเกริกเพียงนี้ ไม่รู้สึกสงวนท่าทีแม้แต่น้อย ย่อมต้องมีความมั่นใจบางอย่าง มีไพ่ตายในมือ ข้าว่าพวกเรารอต่อไปอีกหน่อย เลื่อนปฏิบัติการเกี่ยวกับเขาออกไปก่อนดีกว่า”
นางกล่าวต่อ “ตัวแปรผิดแผกมีเพียงเขาผู้เดียวหรือ พวกเรากุมข้อมูลสิ่งมีชีวิตทุกตนที่ถูกส่งมาจริงหรือ ก่อนหน้านี้พวกเราต่างเข้าใจว่าตนเองมีข้อมูลของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ส่งมา ทว่าบัดนี้ดูแล้ว เหมือนว่าไม่ใช่เช่นนั้น”
ยามนี้พวกเขาเสมือนมองออกไปผ่านรูเล็ก ๆ นางมองว่ายังมีตัวแปรผิดแผกอื่นซึ่งพวกเขาไม่มีข้อมูลอยู่ด้วย นางรู้สึกว่าพวกเขาควรรอบคอบให้มาก ไม่ควรลงมือบุ่มบ่ามเช่นนี้อีก
“‘ปัจเจกชน’ เหล่านั้นยังไม่ถูกกำจัดจนสิ้น พวกเราทำให้เหล่า ‘ปัจเจกชน’ ออกไปหาเขาก็ได้ เขาเอิกเกริกปานนั้น ไม่รู้จักสงวนท่าที ‘ปัจเจกชน’ ทั้งหลายต้องไปหาเขาแน่”
นางเสนอความเห็นตนเอง “นอกจากนี้ อาจมีตัวแปรผิดแผกอื่นไปหาเขาด้วยเช่นกัน”
…………….