รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1167 หลี่จิ่วเต้าลงมือ รักษาอาการวิกลจริตของคนบ้า!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1167 หลี่จิ่วเต้าลงมือ รักษาอาการวิกลจริตของคนบ้า!
บทที่ 1167 หลี่จิ่วเต้าลงมือ รักษาอาการวิกลจริตของคนบ้า!
…………….
บทที่ 1167 หลี่จิ่วเต้าลงมือ รักษาอาการวิกลจริตของคนบ้า!
แกร่ก แกร่ก!
คนบ้านี่กัดกันลงคอจริงเชียว จวินอีได้ยินเสียงกรอบแกรบของกระดูกที่โดนกัด คนบ้าคิดจะกินมือเขาทั้งมือ!
“เจ้า…ไสหัวไปเลย!”
เขารีบสะบัดมือหมายจะสลัดคนบ้าให้หลุด บัดซบ เหตุใดคนบ้าถึงบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นกินมนุษย์ด้วยกันเองแล้ว!
“ไม่! เสี่ยวเจี๋ย…หิว ไม่ได้กินอันใดมานานแล้ว นี่คือขาวิหคเพลิงหรือ อร่อยยิ่ง!”
คนบ้าเคี้ยวไปพลางบ่นงึมงำไปพลาง เห็นมือจวินอีเป็นขาวิหคเพลิง
“เมื่อครั้งอดีต ข้าคือผู้เชี่ยวชาญด้านการกินขาวิหคเพลิง ไม่เคยกินที่มีกระดูกมาก่อน ก่อนกินจักต้องเลาะกระดูกออกทุกคราว เช่นนั้นจึงจะหนำใจ! ทว่าตอนนี้ข้าหิวเกินไป เลาะกระดูกไม่ทันแล้ว”
คนฟั่นเฟือนพล่ามไม่หยุด ดูจากท่าทางเอร็ดอร่อยยิ่งนัก
ช่วงเวลาคับขัน เข็มทิศล่าสมบัติออกโรง พลังมหาศาลพวยพุ่งเข้ามากระแทกคนบ้าจนกระเด็น รักษามือข้างนั้นของจวินอีไว้ได้
“โอ๊ย เจ็บ ๆ ๆ ฟันจะแตกแล้ว!”
คนบ้าร้องลั่น “ดูท่า ต่อไปนี้ต่อให้หิวเพียงใดก็ต้องเลาะกระดูกออกก่อน หาไม่แล้วฟันคงทนไม่ไหว!”
“เจ็บกับผีน่ะสิ!”
จวินอีเดือดดาล ตวัดกระบี่ใบไม้แห้งเหี่ยวบุกเข้าไป จ่อกระบี่แนบคอคนบ้า เอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม “อยู่เฉย ๆ มิฉะนั้นข้าจักฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!”
“นี่อะไร กินได้หรือไม่”
หารู้ไม่ คนบ้าไม่ได้เกรงกลัว กลับหมายตากระบี่แห้งเหี่ยว น้ำลายไหลไม่หยุดด้วยความอยากกิน
“ให้ตาย!”
กระบี่ใบไม้แห้งเหี่ยวตกใจแทบแย่ มันไม่อยากถูกคนฟั่นเฟือนกัด ถึงแม้คนฟั่นเฟือนกัดมันไม่เข้า แต่หากถูกกัดเข้าให้คงต้องขยะแขยงไปตลอดชีวิต!
เสียงดังฟึ่บ มันฟาดหัวคนฟั่นเฟือน พลังสยดสยองพวยพุ่งจนคนฟั่นเฟือนสลบ
“รีบพาเขาไปพบคุณชาย!”
มันเร่งจวินอี
ต้องยอมรับว่าคนบ้านั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ หากไม่ใช่ว่าเขาเสียสติอยู่ ไม่ได้อยู่ในภาวะเรืองอำนาจที่สุด ไม่แน่ว่ามันจะฟาดคนบ้าจนหมดสติได้
มิหนำซ้ำ ต่อให้ยามนี้คนบ้าฟั่นเฟือนวิกลจริตก็ยังน่าประหวั่นพรั่นพรึง คนบ้าสลบไปได้ไม่นานก็คงตื่น
“ได้!”
อันที่จริง ไม่ต้องให้กระบี่ใบไม้แห้งเหี่ยวเร่งเร้า จวินอีก็เคลื่อนไหว พาคนบ้าออกเดินทางอย่างรวดเร็วแล้ว
เขาก็กลัวคนบ้าฟื้นเช่นกัน!
คนบ้านั้นบ้าดีเดือดเกินไป สงสารไม่ลงจริง ๆ ขืนฟื้นมาจริง ๆ คงพาไปหาคุณชายไม่ง่ายแน่
เขาฝ่าทะลวงอย่างรวดเร็ว กระบี่ใบไม้แห้งเหี่ยวและเข็มทิศล่าสมบัติก็แบ่งพลังไปช่วยจวินอี เพียงไม่นานพวกเขาก็กลับมาถึงแดนพิสุทธิ์ อยู่ในที่พำนักของหลี่จิ่วเต้า
เวลานั้น หลี่จิ่วเต้ากำลังสวดมนต์กับจั่วเหยียนอยู่ พวกซียังไม่กลับ จวินอีเป็นคนแรกที่กลับมา
“กลับมาแล้วหรือ”
หลี่จิ่วเต้าสังหรณ์ใจ ลืมตาและหยุดสวดมนต์
‘ในที่สุดก็จบเสียที!’
จั่วเหยียนร่ำไห้เอ่ยในใจ
ช่วงที่ผ่านมา เขาสวดมนต์กับหลี่จิ่วเต้าเรื่อยมา อย่าให้เอ่ยเลยว่าน่าเบื่อและทุกข์ทนเพียงใด เขาคิดไม่ตกจริง ๆ เหตุใดเรื่องน่าเบื่อทุกข์ทนเช่นนี้หลี่จิ่วเต้ากลับทำต่อไปได้อย่างสงบ ไม่เห็นความงุ่นง่านสักนิด
‘นี่คงเป็นความแตกต่างระหว่างตัวตนระดับสุดยอดกับตัวละครต่ำต้อยอย่างข้ากระมัง!’
เขาขบคิดเงียบ ๆ ในใจ
“กลับมาแล้ว!”
อีกด้าน จวินอีตอบหลี่จิ่วเต้า “ตำรับลูกกลอนที่ข้ากล่าวถึงอยู่ในหัวเขา น่าเสียดาย ตำรับที่ว่ามีปัญหาบางอย่าง ทรมานเขาจนเสียสติ”
“หืม?”
หลี่จิ่วเต้าฟังมาถึงนี่สนอกสนใจขึ้นมาทันที มีตำรับลูกกลอนเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ ถึงขั้นทรมานกันจนเสียสติเชียวหรือ!
เวลานั้น คนบ้าตื่น ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความฉงน เอ่ยเสียงพึมพำ “เอ๋ เหตุใดเมื่อครู่ข้าถึงหลับไป?!”
เอ่ยจบ เขาหันไปเห็นมือจวินอี รีบพุ่งเข้าไปกอดมือจวินอีแล้วแทะ
“ขาวิหคเพลิง ขาวิหคเพลิงของข้า!”
เขาแทะไปบ่นพึมพำไป
“บัด…ซบ!”
จวินอีสบถ ไยคนบ้าถึงไม่ลืมมือเขาเสียที?!
เขาสะบัดมืออย่างแค้นเคือนเพื่อสลัดคนบ้า แต่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
หลี่จิ่วเต้าเห็นแล้วมีสีหน้าแปลกใจ ฟั่นเฟือนจริง ๆ หรือนี่ เห็นมือคนเป็นขาวิหคเพลิง!
“เจ้าหิวหรือ”
เขาหัวเราะ นำเนื้อย่างชิ้นหนึ่งออกมาพลางเอ่ยกับคนบ้า “มากินเนื้อกับข้า”
“อร่อย ๆ!”
คนบ้ากินไปตะโกนไป หน้าตาเปี่ยมสุข พูดไม่หยุดปาก “อร่อยเกินไปแล้ว นี่คือเนื้อที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกิน!”
“ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ กินไป เนื้อย่างยังมีอีกมาก”
หลี่จิ่วเต้านำเนื้อย่างมาเพิ่ม เป็นที่เหลือจากการย่างคราวก่อน เขาเก็บไว้ในคลังมิติ รสชาติไม่เปลี่ยน
ขณะเดียวกัน เขานำน้ำผลไม้ออกมาให้คนบ้าดื่มด้วยกลัวจะติดคอ
คนบ้านั้นบ้าคลั่งถึงขีดสุด ทว่ายามดื่มกินเขาสงบมาก ไม่ได้มีท่าทีวิกลจริต
‘ปัญหาร้ายแรงมากจริง ๆ!’
จวินอีนึกในใจอย่างอดไม่ได้!
เนื้อย่างและน้ำผลไม้ที่หลี่จิ่วเต้านำออกมาล้วนไม่ใช่ของสามัญ แฝงไว้ด้วยพลังสูงสง
ทว่าหลังคนบ้าได้ดื่มกินแล้วกลับไร้วี่แววดีขึ้น ปัญหาของคนบ้าร้ายแรงจริง ๆ รักษาไม่ง่ายเลย
“ให้เขากินดื่มไปก่อนแล้วกัน”
หลี่จิ่วเต้าไม่ได้รบกวนการกินของคนบ้า เขาอยู่รอข้าง ๆ จนกว่าคนบ้าจะกินเสร็จ
ขณะเดียวกัน เขาก็ประเมินคนบ้าขึ้นลง เสียสติเพราะตำรับลูกกลอนหรือ
เขาคำนวณในใจ พอใช้ก้านหลิวชะล้างรักษาอาการวิกลจริตของคนบ้าได้หรือไม่
‘คงได้’
เขาคิดในใจ
ก้านหลิวชะล้างมีพลังที่สามารถชำระได้ทุกสิ่ง ครั้นจะชะล้างความวิกลจริตของคนฟั่นเฟือนย่อมไม่ครณามือ
“ข้าจุกเหลือเกิน แต่ข้าอยากกินอีก!”
หลังคนบ้าสวาปามไปสักพักก็เริ่มไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด ท้องป่องรุนแรง ทรงพลังระดับเขายังกินต่อไม่ไหว พลังในเนื้อย่างและน้ำผลไม้มหาศาลเกินไป
“เช่นนั้นพักก่อน สายหน่อยค่อยกิน” หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ
“ได้!”
คนบ้าฉีกยิ้ม มองหลี่จิ่วเต้าพลางเอ่ย “ขอบคุณเจ้าที่มอบของกินอันโอชะเช่นนี้ให้ข้า เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าจะยกขาวิหคเพลิงของข้าให้เจ้า!”
เอ่ยจบ เขาก็ตัดสองมือของจวินอีด้วยความเร็วแสง
“???”
จวินอีตั้งตัวไม่ทันเลย กว่าเขาจะได้สติก็เสียสองมือไปแล้ว เลือดสาดไม่หยุด!
บัดซบ!
เขาอึ้งงันไปในบัดดล ด่ากราดในใจไม่หยุด อยากบอกคนบ้าเหลือเกินว่าเจ้านี่เปี่ยมคุณธรรม เจ้านี่สุดยอด เจ้าใช้มือข้าเป็นของกำนัลผู้อื่น!
ช่าง…หยาบช้านัก!
ไยคนบ้าจึงไม่ตัดมือตนเองเป็นของกำนัลให้คุณชายเล่า
อ๊ากกก!
เขาอยากจะบ้าจริง ๆ!
“โอ้ เสียสติเกินไปแล้ว!”
หลี่จิ่วเต้าตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยสักนิด เขาเห็นคนบ้านำมือสองข้างของจวินอีเดินมาหาเขาแล้วคลื่นไส้พะอืดพะอม!
เขารีบเรียกก้านหลิวชะล้างออกมา ตวัดไปทางคนบ้า
ชั่วขณะนั้น คนบ้าชะงักทุกอย่าง ราวกับถูกสะกดไว้ ไม่ไหวติงสักนิด
จากนั้น หมอกดำชวนผวาแผ่ซ่านออกจากตัวคนบ้า ส่งเสียงคำรามชั่วร้าย เข้าพัวพันกับพลังของก้านหลิวชะล้าง หมายจะกลืนกินพลังของก้านหลิวชะล้าง!
จวินอีตกตะลึง พลังในหมอกดำน่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง ลำพังเสียงคำรามที่ดังออกจากหมอกดำเมื่อครู่ก็เกือบทำให้หทัยเต๋าของเขาแตกสลาย!
ยังดี ช่วงเวลาคับขันมีพลังไหลออกจากเข็มทิศล่าสมบติและปกป้องเขาไว้ หาไม่แล้วหทัยเต๋าของเขาคงแหลกเหลวในเสี้ยวลมหายใจ กลายเป็นเหมือนคนฟั่นเฟือน!
“ไม่ใช่ตำรับลูกกลอนที่มีปัญหา หากแต่เป็นพลังชั่วร้ายบนตำรับลูกกลอน…”
หลี่จิ่วเต้าหรี่ตาลงกึ่งหนึ่ง ใกล้เข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว พลังชั่วร้ายบนตำรับลูกกลอนแทรกซึมเข้าไปในกายคนบ้า เขาถึงได้วิกลจริต
“พลังชั่วร้ายนี้แกร่งกล้ายิ่งนัก”
หลี่จิ่วเต้าอึ้งไปนิดหน่อย คาดไม่ถึงว่าพลังของก้านหลิวชะล้างจะถูกหมอกดำกลืนกิน!
เสียงอึมครึมชวนขนลุกดังขึ้นอีกครั้ง หมอกดำหลอมรวมเป็นหน้าผี จดจ้องหลี่จิ่วเต้าพร้อมตะครุบใส่
“นี่คิดจะกลืนกินข้าด้วยหรือ”
หลี่จิ่วเต้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตวาดเสียงว่า “เจ้าคิดอะไรอยู่!”
จากนั้น เขาหยิบก้านหลิวชะล้างและเคาะลงไป!
ก้านหลิวชะล้างเปล่งแสง กฎระเบียบพิเศษไหลเวียน ยามเคาะลงบนใบหน้าผีหมอกดำก็ได้ยินผีหมอกดำร้องเสียงโหยหวน รีบหดเข้าไปในกายคนบ้า!
“ชะล้างบริบูรณ์!”
หลี่จิ่วเต้าแผดเสียง ก้านหลิวชะล้างถูกเขาขว้างออกไป ชะงักค้างเหนือศีรษะคนบ้า ม่านแสงมหาศาลอาบไล้ลงจากก้านหลิวชะล้าง ทอดลงบนตัวคนบ้า
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องโหยหวนดังออกจากตัวคนบ้า ก้านหลิวชะล้างระเบิดพลัง ชำระพลังชั่วร้ายในตัวคนบ้า
“เจ้าทำอะไร! นี่ไม่ใช่ตำรับลูกกลอนที่พวกเจ้ายุ่งด้วยได้ ทันทีที่แตะต้อง พวกเจ้าจะสูญเสียสิทธิ์ทุกอย่าง!”
เสียงหนึ่งดังออกจากตัวคนบ้า เป็นเสียงแสนโบราณ หลี่จิ่วเต้าฟังไม่รู้เรื่องสักนิดว่าภาษาอะไร
กระนั้นเขาพอเดาความหมายออก จะเป็นอันใดได้นอกจากขู่เขา
“เป็นเพียงสัมภเวสีกระจอกงอกง่อย ริอ่านขู่ข้าหรือ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว!”
หลี่จิ่วเต้าคำราม ตั้งจิตให้ก้านหลิวชะล้างเพิ่มพูนกำลัง
“ข้าหาได้เกรงกลัวต่อคำขู่ของเจ้า ข้าจะกำจัดเจ้าให้สิ้นซาก!”
เขาเอ่ยเสียงเย็น
แน่ใจแล้ว นี่เขากำลังท้าทายอำนาจวิหารโบราณลึกลับจริง ๆ!
เมื่อจวินอีเห็นภาพนี้ก็อดคิดในใจไม่ได้ หลี่จิ่วเต้าตั้งใจต่อต้านวิหารโบราณลึกลับให้ถึงที่สุดจริง ๆ!
ก้านหลิวชะล้างส่องแสง พลังสยดสยองยิ่งขึ้นปะทุ เสียงคำรามที่ทวีความเจ็บปวดดังออกจากกายคนบ้า
สุดท้ายทุกอย่างจบลง ไม่มีเสียงใดดังออกจากตัวคนบ้าอีก สงบลงในบัดดล
จากนั้น ดวงตาคนบ้าเริ่มเป็นประกาย ไม่ได้ขมุกขมัวอีก
เขาไม่ได้วิกลจริตอีก สติสัมปชัญญะกลับมาแล้ว!
เขาหันมองหลี่จิ่วเต้า มองแล้วมองอีกด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ ลงท้าย เขาโค้งคำนับหลี่จิ่วเต้าพลางกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านที่ช่วยข้า!”
หลังได้สติคืนมา ความทรงจำทั้งหมดของเขาก็กลับมาด้วย แม้ว่าก่อนนี้เขาวิกลจริตไม่รู้ความ ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นบ้าง กระนั้นทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่เขาประสบมา ย่อมมีความทรงจำหลงเหลือ
สิ่งมีชีวิตทั่วไปคงไม่สามารถจำเรื่องราวช่วงนี้ได้ ทว่าเขาไม่เหมือนกัน ระดับอย่างเขาจำทุกอย่างได้ในชั่วพริบตา
“ขออภัย!”
จากนั้น เขาหันไปโค้งคำนับขอโทษจวินอี เทิดสองมือของจวินอีคืนให้
เขารู้สึกผิดต่อจวินอีเหลือคณา ยามยังไม่ได้สติทำร้ายจวินอีเสียแย่
มือของจวินอีคืนสภาพ ในใจเปี่ยมไปด้วยความสะท้อน
นี่หรือคือพลังของคุณชาย
น่ากลัวจริง ๆ!
พลังบนตำรับลูกกลอนนั้นมาจากวิหารโบราณลึกลับแน่นอน ยอดฝีมือระดับคนบ้ายังรับไม่ไหว ต้านไม่อยู่ ถูกเล่นงานจนเสียสติ
สุดท้ายเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชาย พลังนี้กลับสิ้นฤทธิ์เดช คุณชายลบล้างพลังนี้ได้ง่ายดาย!
เขาสะท้านใจเหลือแสน คุณชายแข็งแกร่งเหลือเกิน!
“ท่านไม่เอ่ยวาจา เป็นเพราะยังโกรธข้าอยู่หรือ จริงสิ ศักดิ์ศรีของบุรุษถูกข้าเล่นงานจนเสียหายถึงสองครา ท่านโกรธ ไม่ยอมให้อภัยข้านับว่าสมควรแล้ว”
คนบ้าอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นที่สุด ใช้วาจาเคารพจวินอีอย่างยิ่งยวด
เขากล่าวต่อ “เอาอย่างนี้ เพื่อให้ท่านยอมอภัย ท่านบีบศักดิ์ศรีของข้าให้แหลกเถิด”
เอ่ยจบ เขากางขาให้จวินอีบีบไอ้จ้อนเขาให้ระเบิดด้วยท่าทางจริงใจ
“หืม…มีเรื่องราวน่าสนใจแฮะ!”
หลี่จิ่วเต้าเห็นภาพนี้แล้วนึกในใจว่าระหว่างจวินอีกับคนบ้ามีสัมพันธ์บางอย่างใช่หรือไม่ เหตุใดถึงวกวนอยู่กับไอ้จ้อนไม่เลิก
“ไม่ต้อง ช่างเถิด!”
จวินอีปฏิเสธ เอ่ยว่าเขาไม่ได้โกรธ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้คนบ้าก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่
“ขอบคุณ!”
คนบ้าโค้งขอบคุณจวินอีที่ยอมอภัยให้เขา
“สำเร็จก็ตำรับลูกกลอน ล้มเหลวก็ตำรับลูกกลอน!”
เขาถอนหายใจด้วยสีหน้าหลากหลายอารมณ์ ที่เขามีพลังกล้าแกร่งเพียงนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับตำรับลูกกลอน ทว่าที่เขากลายมาเป็นคนบ้าก็มีสาเหตุจากตำรับลูกกลอน
“ท่านอยากได้ตำรับลูกกลอนนี้หรือ”
เขาหันกลับไปมองหลี่จิ่วเต้า ถามด้วยท่าทีจริงจัง
ความทรงจำทั้งหมดกลับคืน เขารู้ว่าจวินอีมาหาเขาก็เพื่อขอตำรับลูกกลอนที่เขานำออกจากวิหารโบราณลึกลับ
เอ่ยว่านำออกมาคงไม่ถูกเท่าใด ตำรับลูกกลอนนี่ไม่ใช่รูปธรรม เขาเพียงแต่จดจำเอาไว้
“อืม ใช่”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า “ข้าสนใจในตำรับลูกกลอนนี้มาก”
จวินอีเคยบอกเขาว่าตำรับลูกกลอนนี้อัศจรรย์เหลือแสน เรียกว่าเป็นตำรับลูกกลอนอันดับหนึ่งในใต้หล้ายังไม่เกินไปนัก เขาต้องการกลั่นสุดยอดลูกกลอนบำรุงเพื่อยกระดับพลังของพวกซีให้อยู่ในจุดสูงสุด หากได้ตำรับลูกกลอนนี้มา ย่อมเป็นประโยชน์มหาศาลต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านช่วยข้าไว้ ช่วยให้ข้าได้สติจากสภาวะวิกลจริต ตามหลักแล้วข้าควรบอกเกี่ยวกับตำรับลูกกลอนแก่ท่านอย่างละเอียด!”
คนบ้าเอ่ยด้วยท่าทีขึงขัง “ทว่าข้าไม่ต้องการบอกเกี่ยวกับตำรับลูกกลอนนี้แก่ท่าน! แน่นอนว่าข้าไม่ใช่พวกเนรคุณ ข้าเพียงแต่กลัวเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับท่าน! หากข้าบอกเกี่ยวกับตำรับลูกกลอนแก่ท่าน ท่านต้องพบปัญหาใหญ่แน่!”
การมีอยู่ของตำรับลูกกลอนถูกวิหารโบราณลึกลับมองว่าทำลายสมดุล เพราะเหตุนี้ เขาถึงถูกวิหารโบราณลึกลับเล่นงานจนเสียสติ
สิ่งมีชีวิตผู้ได้ตำรับลูกกลอนไปแล้วจักไม่ได้รับการยอมรับจากวิหารโบราณลึกลับ ต่อให้ได้เป็นผู้ทรงพลังที่สุดก็ไร้ความหมาย วิหารโบราณลึกลับจักเพิกถอนสิทธิ์ทุกอย่าง
และเพราะเหตุนี้ เขาถึงไม่ต้องการบอกเกี่ยวกับตำรับลูกกลอนแก่หลี่จิ่วเต้า
เขารู้ซึ้งถึงความน่าพรั่นพรึงของวิหารโบราณลึกลับ ไม่ใช่สิ่งที่ต้านได้ง่าย ๆ เลย ตำรับลูกกลอนที่เขาจำมาไม่สมบูรณ์ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
แต่ต่อให้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เนื่องจากอัศจรรย์เหลือแสน จึงช่วยให้เขาได้ครอบครองพลังเกินจินตนาการ
หากเป็นตำรับลูกกลอนอันสมบูรณ์ ย่อมต้องสยดสยองกว่านี้แน่!
วิหารโบราณลึกลับมีตำรับลูกกลอนนี้ในครอบครอง เพียงพอจะสะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวของมัน
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือตำรับลูกกลอนนี้หาได้สลักสำคัญอันใดในวิหารโบราณลึกลับ ไม่ใช่ตำรับลูกกลอนยิ่งใหญ่ ถูกสลักบนกำแพงอย่างไม่ใส่ใจ ไม่มีพลังคอยคุ้มกันด้วยซ้ำ
เช่นนี้ยิ่งบ่งบอกถึงความน่าสะพรึงของวิหารโบราณลึกลับ!
…………….