รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1159 เข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยว หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ปั่นหัวเขา!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1159 เข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยว หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ปั่นหัวเขา!
บทที่ 1159 เข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยว หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ปั่นหัวเขา!
…………….
บทที่ 1159 เข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยว หลี่จิ่วเต้าไม่ได้ปั่นหัวเขา!
หลี่จิ่วเต้าอธิบายเกี่ยวกับสุดยอดลูกกลอนบำรุง บอกว่าสุดยอดลูกกลอนบำรุงนี้ทรงพลังกว่าโอสถวิเศษทั้งปวง สามารถยกระดับขอบเขตขึ้นในเวลาอันสั้น
พวกลั่วสุ่ยฟังแล้วตาวาว มีสุดยอดลูกกลอนบำรุงเช่นนี้อยู่จริงหรือ
พวกเขาที่ติดตามข้างกายคุณชายเคยกินของดีมานับคณา ทว่าของดีเหล่านี้ล้วนเป็นจำพวกตกตะกอน ตกตะกอนผลประโยชน์และพลังมากมายไว้ในกายพวกเขา ไม่ใด้ให้ผลแบบพุ่งทะยาน
ทว่าบัดนี้ สุดยอดลูกกลอนบำรุงที่คุณชายว่าต่างจากของดีอื่น ๆ ในอดีตอย่างเห็นได้ชัด!
นี่คุณชายตั้งใจช่วยให้พวกเขาไปถึงจุดสูงสุดทันทีหรือ!
‘กำลังจะต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับแน่!’
จวินอีคิดในใจ
เหตุใดหลี่จิ่วเต้าต้องกลั่นสุดยอดลูกกลอนบำรุงเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตรียมการสำหรับการจุติกะทันหันของวิหารโบราณลึกลับ!
วิหารโบราณลึกลับใกล้ถึงแล้ว เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้าต้องการให้คนข้างกายก้าวหน้าขึ้นโดยไว แล้วค่อยร่วมต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับ
‘นี่หรือคือความสามารถของผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด คิดจะยกระดับผู้ติดตามก็ยกได้เลย!’
เขาสะท้อนใจนักหนา ไม่นึกเคลือบแคลงในสุดยอดลูกกลอนบำรุงที่หลี่จิ่วเต้าบอกสักนิด แน่ใจว่าพลี่จิ่วเต้าสามารถกลั่นสุดยอดลูกกลอนบำรุงเช่นนี้ออกมา
เพราะเขาคือตัวอย่างที่ดีที่สุด เพียงได้กินดื่มไปหนึ่งมื้อ ก็ยกระดับพลังขอบเขตอัครได้หนึ่งขั้นในยามหลับฝัน เหลือเชื่อยิ่งกว่าเหลือเชื่อ!
มิหนำซ้ำ เขายังรู้สึกว่าพวกลั่วสุ่ยอาจไล่ตามเขาทันได้ด้วย!
“กลั่นสุดยอดลูกกลอนบำรุงเช่นนี้ออกมาได้จริงหรือ”
ซีถาม รู้สึกกังขาอย่างยิ่ง
บุรุษตัวน้อยเป็นเพียงปุถุชน สามารถกลั่นสุดยอดลูกกลอนบำรุงชนิดยกระดับพลังแบบพุ่งทะยานได้จริงหรือ
“ได้”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า ตอบด้วยความมั่นใจ
“ทว่าข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า ช่วยข้ารวบรวมตำรับสำหรับกลั่นลูกกลอนให้ได้มากที่สุด”
เขาปริปาก
ต้องใช้ตำหรับลูกกลอนด้วยหรือ
จวินอีฉงนเล็กน้อย ตัวตนระดับหลี่จิ่วเต้าต้องใช้ตำรับในการกลั่นลูกกลอนด้วยหรือ ไม่ใช่ว่าง่ายเหมือนปอกกล้วยรึ
‘ไม่สิ ที่เขาต้องการไม่ใช่ตำรับลูกกลอนธรรมดา หากแต่เป็นตำรับลูกกลอนชั้นเลิศ นี่เขาหมายตา…ตำรับลูกกลอนนั้นหรือ!’
ทันใดนั้น เขานึกบางอย่างขึ้นได้ สูดปากและเข้าใจจุดประสงค์ของหลี่จิ่วเต้า
“ใช่แค่ไล่ตามข้าทันที่ไหน นี่ตั้งใจเหนือกว่าข้าไปอย่างสิ้นเชิงเห็น ๆ!”
เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้
หากกลั่นลูกกลอนตามตำรับแผ่นนั้น ลูกกลอนที่กลั่นออกมาได้ต้องเหลือเชื่อสุดขีดแน่นอน หลังพวกลั่วสุ่ยกินลงไปแล้วต้องเหนือชั้นกว่าเขาได้อย่างง่ายดายแน่!
ต้องรู้ว่า ตำรับลูกกลอนนั้นไม่ใช่ตำรับดาษดื่น หากแต่มีต้นกำเนิดจากวิหารโบราณลึกลับ เป็นตำรับลูกกลอนที่สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งลอบบันทึกเมื่อคราวยังอยู่ที่วิหารโบราณลึกลับก่อนถูกส่งมา!
ต่อมา สิ่งมีชีวิตตนนี้ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยตำรับลูกกลอนนี้ กลายเป็นตำนานในหมู่ตำนาน และเป็นผู้ที่มีหวังกลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกเขา!
ตามที่เล่าลือกันมา สิ่งมีชีวิตตนนั้นยังไม่ได้รู้แจ้งถึงตำรับลูกกลอนนี้อย่างลึกซึ้ง ลูกกลอนที่กลั่นออกมาจึงไม่สมบูรณ์
หากกลั่นฉบับสมบูรณ์ออกมาได้ สิ่งมีชีวิตตนนี้จักต้องแข็งแกร่งกว่านี้ ไม่แน่ว่าอาจบรรลุเหนือขึ้นไปจากขอบเขตอัครก็เป็นได้!
ทว่าน่าเสียดาย จากนั้นมาสิ่งมีชีวิตตนนี้หายสาบสูญ ลือกันว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับสิ่งมีชีวิตตนนี้ ตำรับลูกกลอนนั้นมีปัญหา หลังรู้แจ้งถึงปรมัตถ์ของตำรับก็เกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น สงสัยว่าอาจตายอย่างอนาถาไปแล้ว
ในอดีต พวกเขาต่างเคยเสาะหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตตนนี้ และพบเบาะแสมาบ้าง จากที่พวกเขาคาดการณ์ โอกาสที่สิ่งมีชีวิตตายอนาถไปแล้วสูงมาก
เป็นผลให้พวกเขาสะท้อนใจ ดูเหมือนของจากวิหารโบราณลึกลับไม่ควรนำออมาโดยพลการ นำมาด้วยต้องเกิดปัญหา
พวกเขารู้สึกได้ราง ๆ ว่าอาจเป็นฝีมือของวิหารโบราณลึกลับ สิ่งมีชีวิตตนนั้นได้ตำรับลูกกลอนไปเป็นการทำลาย ‘ความยุติธรรม’ บางอย่างอย่างเห็นได้ชัด เพราะอย่างนั้น วิหารโบราณลึกลับจึงสังหารสิ่งมีชีวิตตนนี้ ริบตำรับลูกกลอนคืน
‘เขากล่าวถึงตำรับลูกกลอน หรือเขารู้ที่อยู่ของตำรับลูกกลอน ตำรับลูกกลอนไม่ได้ถูกวิหารโบราณลึกลับเก็บไป’
จวินอีคิดในใจอย่างอดไม่ได้
“ได้เลยคุณชาย!”
“รับรองว่าจะทำภารกิจให้ลุล่วง!”
พวกลั่วสุ่ยพากันตอบรับขึ้นมา
“ดี”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม สังเกตเห็นว่าสีหน้าจวินอีแปลกไป จึงเอ่ยถาม “เป็นอันใดไป มีปัญหาใดหรือ”
“ข้ารู้ว่ามีตำรับลูกกลอนฉบับหนึ่ง ไม่รู้ว่าใช่ตำรับที่คุณชายต้องการหรือไม่” จวินอีกล่าว
“ไม่ว่าตำรับลูกกลอนใดข้าต้องการหมด” หลี่จิ่วเต้ายิ้ม
เขาจะผสมผสานข้อดีทั้งปวงไว้ด้วยกัน ไม่ว่าตำรับลูกกลอนใดล้วนต้องการหมด จะนำมาศึกษาให้ถ่องแท้
นี่คือต้องการตำรับลูกกลอนนั้น!
จวินอีคิดอย่างแน่ใจ ไม่เหลือความกังขาอีก
ได้ยินเพียงหลี่จิ่วเต้าเอ่ยว่า “เจ้านำตำรับลูกกลอนนั้นมา”
“หา”
เขาอึ้งงัน เขาจะนำตำรับลูกกลอนนั้นมาได้อย่างไร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ที่ใด!
“ข้าไม่รู้ว่าตำรับลูกกลอนฉบับนั้นอยู่ที่ใด!”
เขาอยากร่ำไห้ อยากบอกเหลือเกินว่าพี่ชาย อย่าล้อข้าเล่นเลย ต่อให้ฟันข้าให้ตายข้าก็นำตำรับลูกกลอนนั้นมาไม่ได้!
“ตำรับลูกกลอนนั้นสุดยอดมากหรือ” หลี่จิ่วเต้าถาม
สุดยอดแน่นอน!
แสร้งถามชัด ๆ!
จวินอีอยากร่ำไห้เข้าไปใหญ่ “สุดยอดอย่างยิ่ง เรียกว่าเป็นตำรับลูกกลอนอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็ไม่เกินไปนัก!”
เขารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าอาจปั่นหัวเขาเล่น!
หาไม่แล้วไยต้องถามเขาเช่นนี้!
หลี่จิ่วเต้าฟังแล้วตาเป็นประกายทันที
“เช่นนี้นี่เอง”
เขาหัวเราะ หมายมั่นปั้นมือต่อตำรับลูกกลอนนี้อย่างยิ่งยวด เอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “เข็มทิศล่าสมบัติได้เวลาออกโรงแล้ว”
พูดจบ เขาก็นำเข็มทิศอันหนึ่งออกมา
ทว่าบอกตามตรง เข็มทิศนี้ดูไม่เท่าไหร่เลย บนนั้นมีลวดลายยั้วเยี้ยวาดเอาไว้ เหมือนไก่เขี่ยทุกประการ ดูเหมือนเด็ก ๆ ขีดเขียนไปเรื่อย ไม่มีระเบียบแบบแผนและความน่าเกรงขามสักนิด
อันที่จริง นี่เป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ขีดเขียนไปเรื่อยจริง ๆ เฉกเช่นเรือกระดาษนั้น เป็นสิ่งที่บรรพจารย์ฝูแย่งมาจากมือเด็กผู้หนึ่งเมื่อครั้งอดีต
บัดซบ ปั่นหัวเขาจริงหรือ!
จวินอีเห็นเข็มทิศลายเด็กวาดนี้แล้วยิ่งมั่นใจว่าหลี่จิ่วเต้าปั่นหัวเขา!
เขาไม่เห็นว่าเข็มทิศนี้มีความพิเศษตรงไหน!
“เข็มทิศล่าสมบัติสามารถพยากรณ์ตำแหน่งของสมบัติทั้งปวง เจ้านำมันไปด้วย ย่อมหาตำรับลูกกลอนนั้นเจอแน่นอน”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม นำใบหญ้าใบหนึ่งออกมา “เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด เจ้านำใบหญ้านี้ไปด้วย ใบหญ้านี้จะช่วยเจ้าจากศัตรูทั้งปวง!”
ใบหญ้านี้ดูแล้วก็ไม่เท่าไหร่ ไม่ใช่ใบหญ้าสีเขียวด้วยซ้ำ หากแต่เป็นใบหน้าเหลือบเหลือง ดูเหมือนใบไม้ที่ร่วงโรยตามพื้นและเก็บขึ้นมา
‘ปั่นหัวข้าก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย!’
จวินอีอยากร้องไห้ โหยหวนในใจอย่างอดไม่ได้
ผลงานที่เด็กน้อยขีดเขียน ใบไม้แห่งเหี่ยวหนึ่งใบ แล้วจะให้เขานำตำรับลูกกลอนฉบับนั้นกลับมาอย่างนั้นหรือ
สวรรค์ ฆ่าเขาเถิด!
ทว่ายามมันรับเข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยวมาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ความคิดก่อนหน้านี้หายไปจนสิ้น!
เข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยวที่ดูไม่เท่าไหร่กลับแฝงไว้ด้วยพลังเกินหยั่ง!
เขานั้นกล้าแกร่งปานใด บัดนี้ก้าวสู่ขอบเขตอัครขั้นสิบเก้าแล้ว ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น พลังของเข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยวยังชวนให้เขาสะท้านใจ!
‘ไม่ใช่ปั่นหัวข้า!’
เขาคิดด้วยความแน่ใจ
เข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยวที่หลี่จิ่วเต้านำออกมาไม่ได้เป็นการปั่นหัวเขาอย่างเห็นได้ชัด พลังที่แฝงไว้ในใบไม้แห้งเหี่ยวนี้แม้แต่เขายังอกสั่นขวัญแขวน เขาไม่เคลือบแคลงเลยว่าใบไม้แห้งเหี่ยวเช่นนี้สังหารเขาได้ไม่มีปัญหา!
เข็มทิศล่าสมบัตินั้นยิ่งมหัศจรรย์ เขาเพียงนึกถึงตำรับลูกกลอนแผ่นนั้นในใจ เข็มทิศล่าสมบัติก็มีปฏิกิริยาทันที ยันต์ไก่เขี่ยเสมือนรอยขีดเขียนของเด็กทอประกาย พลังพิเศษไหลเวียน บ่งชี้ทิศให้เขา
เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ปั่นหัวเขา หากแต่ต้องการให้เขานำตำรับลูกกลอนนั้นกลับมาจริง ๆ!
‘ข้าตกใจแทบแย่ ที่แท้ก่อนนี้หยอกข้าหรือ!’
เขานึกในใจอย่างอดไม่ได้
ก่อนนี้หลี่จิ่วเต้าแสร้งถามทำเป็นไม่รู้จักตำรับลูกกลอนเป็นการหยอกเขาเห็น ๆ หลี่จิ่วเต้ารู้ทุกอย่าง และรู้ว่าเขานำตำรับลูกกลอนกลับมาไม่ได้ และหลี่จิ่วเต้าเตรียมการไว้แล้ว เตรียมเข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยวเพื่อช่วยนำตำรับลูกกลอนกลับมาให้เขา
“ยังมีปัญหาอีกหรือไม่”
หลี่จิ่วเต้าถามจวินอีด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“ไม่มีแล้ว!”
รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าจวินอี ตบหน้าอกรับประกัน “วางใจได้ ข้าจะนำตำรับลูกกลอนกลับมาให้ได้!”
มีเข็มทิศล่าสมบัติและใบไม้แห้งเหี่ยวในมือ เขามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถนำตำรับลูกกลอนกลับมา
“ดี”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า “เช่นนั้นทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวได้ จริงสิ นำยันต์เหล่านี้ไปด้วย ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด”
เขานำยันต์ออกมาจำนวนหนึ่งไว้ให้ป้องกันตัว เขากลัวว่าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ไร้คุณธรรม ทำการลอบโจมตี
ถึงอย่างไรเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ก็ยอมทำทุกอย่าง ก่อนนี้ถึงขั้นบุกเข้ามาในบ้านเขา
ยันต์เหล่านี้ไม่ธรรมดา ได้จากบรรพจารย์ฝู ไม่เพียงแต่แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล แต่ยังสะท้อนสถานการณ์กลับมาหาเขาได้ทันที มียันต์เหล่านี้อยู่ต้องไม่เป็นไรแน่
หากเกิดเรื่องจริง ๆ เขาก็บุกไปช่วยได้ในทันที
นอกจากนี้ เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ไม่มีทางมาด้วยตนเอง เพราะเขารู้ว่าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์กำลังวุ่นกับเรื่องอื่น เพราะอย่างนั้นจนบัดนี้ยังไม่กลับไปยังแดนพิสุทธิ์ หากเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ลอบโจมตี คงเป็นเหมือนก่อนหน้าที่ส่งเงามาจำนวนหนึ่ง เช่นนี้ยิ่งปลอดภัยหายห่วง
จากนั้น ทุกคนแยกย้ายกันไปตามหาตำรับลูกกลอน ซีเองก็ไปด้วย ไม่ได้อยู่ที่นี่
ที่นี่จึงเหลือเพียงหลี่จิ่วเต้าและจั่วเหยียน
จั่วเหยียนอยากไปด้วย อยากรับใช้หลี่จิ่วเต้า ทว่าถูกหลี่จิ่วเต้าปฏิเสธ เขาสั่งให้จั่วเหยียนอยู่ข้างกาย
สิ่งสำคัญคือหลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่านิสัยใจคอจั่วเหยียนยังไม่ผ่าน จึงไม่กล้าปล่อยจั่วเหยียนออกไปง่าย ๆ เพราะกลัวจั่วเหยียนจะก่อกรรมทำเข็ญอีก
ถึงอย่างไรจั่วเหยียนยอมทำแม้กระทั่งตอนตัวเอง นิสัยใจคอของจั่วเหยียนนั้นยังอีกยาวไกลว่าจะผ่าน
“อยู่สวดมนต์กับข้าเถิด”
หลี่จิ่วเต้าตบบ่าจั่วเหยียน ให้จั่วเหยียนอยู่สวดมนต์เป็นเพื่อนเขา บ่มเพาะนิสัยใจคอของจั่วเหยียน
“ได้เลยคุณชาย!”
จั่วเหยียนรับปากทั้งน้ำตา ไม่อยากสวดมนต์จริง ๆ!
เขาก็อยากออกไปตามหาตำรับลูกกลอนเช่นกัน และถือโอกาสขณะตามหาลูกกลอนวางมาดเสียให้หนำใจ!
อนิจจา ทุกอย่างไม่เป็นไปตามหวัง!
…
“ทิศทางชัดเจนมาก!”
จวินอีมือถือเข็มทิศล่าสมบัติ ตาเป็นประกาย คล้อยตามการนึกถึงตำรับลูกกลอนไม่หยุดหย่อนของเขา ทิศทางที่เข็มทิศล่าสมบัติชักนำก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ!
สุดท้าย ทิศทางที่เข็มทิศล่าสมบัติบ่งชี้หยุดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง!
เขาแข็งแกร่งเหลือแสน สายตาเบนไปตามทิศที่เข็มทิศล่าสมบัติชี้และได้เห็นสถานที่หนึ่ง
‘ที่นั่นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!’
เขาขมวดคิ้วมุ่น สถานที่นั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึง แม้แต่เขายังมองไม่ออก
‘สิ่งมีชีวิตตนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?!’
เขาคิดอย่างอดไม่ได้ รู้สึกว่ามีโอกาสสูงที่สิ่งมีชีวิตตนนั้นยังรอดอยู่ และอยู่ในดินแดนนั้น
เป็นผลให้เขากลัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
สิ่งมีชีวิตตนนั้นดุร้ายอย่างแท้จริง หากยังรอดอยู่ ที่เขาคิดนำตำรับลูกกลอนกลับมาคงไม่ง่ายแน่
‘ไม่เป็นไรหรอก’
เขากำใบไม้แห้งเหี่ยวในมือ ไม่รู้สึกกลัวอีก
หลี่จิ่วเต้ายกระดับพลังอัครของเขาขึ้นมาขั้นหนึ่งได้ง่ายดาย เป็นความไร้เทียมทานอันอัศจรรย์อย่างแท้จริง เขาเชื่อใจหลี่จิ่วเต้า!
‘มีแมลงคอยแอบมองในที่ลับ ควรลงมือจัดการให้หมดหรือไม่’
เขาแค่นยิ้มในใจ พบว่าด้านนอกแดนลับหมายเลขหกสิบแปดมีแมลงซ่อนตัวลอบสังเกตการณ์ในที่มืดไม่น้อย
ซ้ำแมลงเหล่านี้ยังกระจายกันออกไป แยกกันจับตาดูพวกซีในที่ลับด้วย
รวมถึงเขาก็ถูกสะกดรอยเช่นกัน
เขาคิดอยู่ว่าควรลงมือกำจัดแมลงเหล่านี้ให้สิ้นซากดีหรือไม่
‘ช่างเถิด กำจัดเฉพาะแมลงที่ตามข้ามาแล้วกัน พวกซีมียันต์บนตัว แมลงเหล่านี้คงทำอันตรายพวกซีไม่ได้’
เขาคิดในใจ รู้สึกว่าไม่ลงมือดีกว่า
แมลงเหล่านี้อ่อนแอเกินไป เขายังรู้สึกได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหลี่จิ่วเต้า
เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้ารับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกแมลง ถึงได้มอบยันต์เหล่านั้นให้พวกซีเพราะเหตุนี้ ในเมื่อหลี่จิ่วเต้ารู้แล้ว เขาก็ไม่ควรยื่นมือแทรกแซง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า
คิดมาถึงนี่ ร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม
“เหตุใดถึง…หายไป!”
ในมุมมืด เงาทั้งสองตระหนก จู่ ๆ จวินอีก็หายไปใต้จมูกพวกเขา ร่องรอยทั้งหมดอันตรธาน!
จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียส่งเงาทั้งหมดออกมา หลี่จิ่วเต้าปรากฏตัวในแดนพิสุทธิ์ พวกมันทั้งหมดจึงมารวมตัวกันในแดนพิสุทธิ์ รอโอกาสลงมือ
“พวกเจ้าตามหาข้าอยู่หรือ”
ขณะที่เงาทั้งสองตามหาจวินอีไปทั่ว ทันใดนั้น จวินอีก็โผล่ออกมาเบื้องหน้าเงาทั้งสอง เกือบทำพวกมันตกใจจนปัสสาวะราด!
“ฆ่า!”
เงาทั้งสองไม่ได้ลังเล บุกไปหาจวินอีทันที พวกมันเก่งกาจไม่น้อย คือเงาหมายเลข 15 และ 16 มีพลังระดับอัครขั้นหนึ่ง
ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าจวินอี เงาทั้งสองเสมือนแมลงตัวน้อยอย่างแท้จริง ไม่อาจเทียบเทียมได้เลย จวินอียื่นมือข้างเดียวก็สังหารเงาทั้งสองได้
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียเลย…”
จวินอีส่ายหน้า ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ภูมิหลังของเงาทั้งสอง ต้องถูกจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียส่งมาแน่นอน
“พวกเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเป็นปฏิปักษ์กับผู้ใด!”
เขาหัวเราะอย่างดูแคลน จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียไม่รู้จักแยกแยะจริงเชียว คิดจริงหรือว่ามีฝีมือเทียบเท่าหลี่จิ่วเต้า
ช่างน่าขันยิ่งนัก พลังที่หลี่จิ่วเต้ามีไม่รู้ว่าทรงพลังกว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียตั้งกี่เท่า
จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียเป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น
“ไปละ”
สุดท้าย เขาไปจากที่นี่ เดินทางตามทิศที่เข็มทิศล่าสมบัติชี้ มุ่งหน้าไปยังจุดที่เข็มทิศล่าสมบัติหยุด
เขาจะไปเอาตำรับลูกกลอน
…………….