รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1155 หลี่จิ่วเต้า ‘น่าสะพรึงกว่าเจอกับศัตรูแกร่งกล้าเสียอีก!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1155 หลี่จิ่วเต้า ‘น่าสะพรึงกว่าเจอกับศัตรูแกร่งกล้าเสียอีก!’
บทที่ 1155 หลี่จิ่วเต้า ‘น่าสะพรึงกว่าเจอกับศัตรูแกร่งกล้าเสียอีก!’
…………….
บทที่ 1155 หลี่จิ่วเต้า ‘น่าสะพรึงกว่าเจอกับศัตรูแกร่งกล้าเสียอีก!’
“เร้นกายแล้วกัน!”
ทรีเลือกเร้นกาย ยังไม่โผล่ออกไป ถึงอย่างไรสถานการณ์ในยามนี้ยังไม่สู้จะชัดเจนเท่าใด อาจมีศัตรูสยดสยองมากมายรออยู่ ไม่ควรอยู่ในที่แจ้ง
นางลองแยกจากรูปปั้นหินดูแล้ว ทว่าอย่างไรก็ทำไม่ได้ รูปปั้นหินหลอมรวมเป็นหนึ่งกับนางอย่างสมบูรณ์
“ไป”
นางเตรียมไปจากที่แห่งนี้และเร้นกาย
ทว่าขณะที่ทรีกำลังจะไป การโจมตีน่าพรั่นพรึงก็พุ่งตรงมาหานาง!
นั่นคืออสนีบาตมหาศาล ปรากฏออกมากะทันหัน ปกคลุมผืนฟ้าเหนือหัวนางทันที สายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดผ่าลงมาหานาง!
ตู้ม!
ตัวทรีเปล่งแสงเจิดจ้า ยกมือลบล้างอสนีบาตทั้งหมด นางในยามนี้แข็งแกร่งเป็นที่สุด มีพลังระดับอัครขั้นสิบหก
“เป็นไปได้อย่างไร!”
เสียงอุทานตกใจดังอยู่ในมุมลับ เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตผู้ลงมือคิดไม่ถึงว่าทรีจะทรงพลังปานนี้!
เขาไม่ได้ลังเล หมุนกายจากไป ผู้มาทีหลังอย่างทรีสยองเกินคาด!
“เจ้าเป็นใคร”
โดยไร้สุ้มไร้เสียง ทรีปรากฏอยู่เบื้องหน้าสิ่งมีชีวิตตนนี้และหยุดมันไว้ นางเล็งเป้าสิ่งมีชีวิตตนนี้ไว้นานแล้ว
“ฆ่า!”
สิ่งมีชีวิตตนนี้ไม่ได้เอ่ยอันใดให้มากความ บุกไปหาทรีทันที เขาเรียกแผ่นบดสีดำออกมา แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้าง สยดสยองถึงขีดสุด!
เสียงดังตึง ทรีฟาดแผ่นบดสีดำกระเด็นในฝ่ามือเดียว ความห่างชั้นของฝีมือนั้นมากเกินไป!
ทรียื่นมือไปบีบคอสิ่งมีชีวิตตนนี้ พลังกล้าแกร่งหลั่งไหล สะกดพลังทั้งหมดในสิ่งมีชีวิตตนนี้
นัยน์ตาของนางเปล่งประกายพิเศษ กวาดมองความทรงจำวิญญาณของสิ่งมีชีวิตผ่านหน้าผาก
นางตัวสั่นสะท้าน ได้รับรู้หลายอย่างจากความทรงจำวิญญาณของสิ่งมีชีวิตตนนี้ ที่นางคาดเดาก่อนหน้านี้ไม่ผิด
วิหารโบราณลึกลับไม่ได้ส่งเพียงพวกเขามา ก่อนหน้าพวกเขาวิหารโบราณลึกลับยังส่งสิ่งมีชีวิตมาอีกมากมาย
และสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนบำเพ็ญจนแกร่งกล้า ก่อนนี้เอาแต่ซ่อนตัวไม่เคยโผล่ออกมา บัดนี้ศึกใหญ่ใกล้ปะทุแล้วถึงเริ่มมีสุ้มเสียงขึ้นมาบ้าง
สิ่งมีชีวิตผู้ถูกนางบีบคออยู่ก็เป็นเช่นนั้น ก่อนนี้ซ่อนกายมาตลอด เพิ่งฟื้นสภาพเพราะยามนี้ศึกใหญ่กำลังอุบัติ
สิ่งมีชีวิตตนนี้ไม่ได้อ่อนแอ กำลังรบอยู่ในระดับอัครขั้นสิบตอนปลาย เนื่องจากนางระบายความแค้นในที่แห่งนี้จึงถูกสิ่งมีชีวิตตนนี้จับได้ ไล่ตามเข้ามา
และสิ่งมีชีวิตตนนี้ไม่รู้ว่านางมีหินแก่ชั่วช้าอยู่เบื้องหลัง นึกว่านางคือผู้มาทีหลัง ไม่ได้เก่งกาจเท่าใด ทึกทักว่าสามารถกำจัดนางได้ง่าย ๆ สุดท้ายกลับถูกนางจับกุมเสียเอง
“ข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้าต้องการเป็นพันธมิตรกับเจ้า”
ทรีคลายมือข้างที่บีบคอสิ่งมีชีวิตตนนี้ไว้ อยากร่วมมือกับเขา นางต้องการสังหารหินแก่ชั่วช้าโดยมีพันธมิตรร่วม
“ได้!”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นตอบตกลงทันที ทว่าทันทีที่เขาตอบตกลง ฝ่ามือข้างหนึ่งของทรีได้แพ่นลงกลางศีรษะของเขา!
“เจ้า!”
ร่างกายและวิญญาณของสิ่งมีชีวิตตนนั้นแหลกสลายอย่างรวดเร็ว ร่องรอยทั้งหมดกำลังหายไป!
เขาบันดาลโทสะ เพราะเหตุใด เขายอมตกลงเป็นพันธมิตรแล้วแท้ ๆ เหตุใดทรีถึงยังฆ่าเขาอีก
เขาเจ็บใจนัก!
ทว่าทั้งหมดล้วนเปล่าประโยชน์ เพียงครู่เดียวเขาก็ตายไปอย่างสิ้นเชิง อันตรธานจนสิ้น!
“ไม่ใช่ข้า!”
ทรีคำราม ดวงตาพ่นไฟ ไม่ใช่นางจริง ๆ นางไม่ได้คิดฆ่าสิ่งมีชีวิตตนนี้ เมื่อครู่ฝ่ามือของนางสังหารสิ่งมีชีวิตนนี้อย่างควบคุมไม่อยู่!
“เจ้าหินแก่ชั่วช้า!”
นางเดือดดาล ไฉนเลยจะไม่เข้าใจ เมื่อครู่ต้องเป็นเจ้าหินแก่ชั่วช้าที่ควบคุมฝ่ามือนางแน่!
“เจ้าออกมาสิ!”
นางแผดเสียง ต้องการสนทนากับหินแก่ชั่วช้า ทว่าหินแก่ชั่วช้าไม่เคยปรากฏตัว นางไม่เคยได้รับการตอบกลับ
หินแก่ชั่วช้าเห็นนางเป็นดาบจริง ๆ ใช้นางสังหารสิ่งมีชีวิตตนอื่น!
“ไป!”
ทรีตัดสินใจเร้นกาย ไม่ให้หินแก่ชั่วช้าสมหวัง ไม่ยอมเป็นดาบให้หินแก่ชั่วช้า
ทว่านางกลับค้นพบด้วยความผวาว่านางไม่อาจเร้นกายได้เลย ไม่อาจสะกดพลังปราณในตัว ทุกอย่างล้วนรั่วไหลออกไปโดยที่นางควบคุมไม่อยู่!
นี่หมายความว่านางกลายเป็นเป้า ต้องกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของสิ่งมีชีวิตตนอื่น หินแก่ชั่วช้าไม่ใช่เพียงเห็นนางเป็นดาบ หากแต่ยังเห็นนางเป็นเหยื่อไว้ล่อสิ่งมีชีวิตตนอื่นอีกด้วย แล้วค่อยทำหน้าที่ดาบหลังจากนั้น!
“บัดซบ!”
นางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โมโหจนแทบระเบิด นางกลายเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งแล้วจริง ๆ
“อย่ายอมแพ้ อย่ายอมแพ้ ตราบใดที่ไม่ตายต้องมีความหวังแน่นอน!”
นางปลอบใจตนเองไม่หยุด บอกให้ตนเองใจเย็น ขอเพียงนางยังไม่ตาย ทั้งหมดก็ยังไม่จบ!
ทรีเริ่มเคลื่อนไหว ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อ เพราะกลัวจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตตนอื่นเข้ามา
หากมีสิ่งมีชีวิตสยดสยองระดับหินแก่ชั่วช้ามาพบนางเข้าต้องแย่แน่ นางต้องตายอย่างแน่นอน!
…
ณ สถานที่หนึ่งในอวกาศ
วัดจิตรกรรมฝาผนังเผยออกมา
“มีพวกโหดเหี้ยมซ่อนอยู่อีกมากจริง ๆ!”
เสียงแค่นหัวเราะดังออกมา ไม่หยั่งเชิงยังดี พอได้หยั่งเชิงมันเองยังต้องตกใจ
ก่อนหน้านี้เพิ่งมีสิ่งมีชีวิตน่าครั่นคร้ามไล่ตามมา ยังดีที่มันรู้ตัวล่วงหน้าและไปจากตรงนั้น หาไม่แล้วน่ากลัวว่ามันต้องเจอปัญหาใหญ่แน่
“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ใช้ทรีเพื่อให้มองเห็นศัตรูทั้งหมดก่อน สอดส่ายสายตาให้ทั่ว แล้วค่อยทยอยโจมตีทีละคน!”
มันคือหินแก่ชั่วช้าที่หลอกใช้ทรีเป็นเหยื่อ หลอกล่อให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นปรากฏตัว หากเป็นพวกอ่อนแอให้ฆ่าทิ้งทันที หากแข็งแกร่งให้จำไว้ก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีจัดการทีหลัง
…
ณ เมืองชิงซาน
หลี่จิ่วเต้าหนีออกจากบ้านหลิงอินด้วยความยากลำบาก เดิมทีเขาตั้งใจไปรายงานสถานการณ์ของหลิงอินให้มารดาหลิงอินทราบ ให้นางไม่ต้องห่วงกังวลมาก สุดท้ายมารดาหลิงอินกลับรั้งเขาไว้ไม่ให้ไป ขอให้เขากำหนดวันแต่งงานกับหลิงอิน!
ที่สำคัญป้าหวังก็อยู่ด้วย!
ให้ตายสิ เขาเหมือนเข้าไปในโพรงมรณะ สุดท้ายก็ต้องลอกคราบหนีออกมาโดยการหลอกว่านี่อย่างไรหลิงอินกลับมาแล้ว ฉวยโอกาสที่มารดาหลิงอินและป้าหวังหันเหความสนใจเผ่นออกมา
“โอ๊ย คุณชายหลี่นี่!”
ป้าหวังโมโหจนกระทืบเท้า หลี่จิ่วเต้าเจ้าเล่ห์จริงเชียว!
ชายหนุ่มสาวเท้าวิ่งกลับลานเล็กของตนไม่กล้าหยุดยั้ง จนซีตกอกตกใจ
นางคิดว่าหลี่จิ่วเต้าพบศัตรูฉกาจเข้าแล้ว
“เปล่า น่าสะพรึงกว่าเจอกับศัตรูแกร่งกล้าเสียอีก ปากของป้าหวังน่ากลัวยิ่งนัก!”
เหงื่อเย็นผุดพรายบนหน้าผากหลี่จิ่วเต้า จนบัดนี้ยังไม่หายกลัว เมื่อคราวอยู่บ้านหลิงอิน ป้าหวังสาธยายไม่หยุด ดุดันเหลือแสน เขาต้านไม่ไหวจริง ๆ
“หนี้ความสำราญ คู่หมั้นใช่หรือไม่!”
ซีเอ่ยด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม นางรู้จักป้าหวัง รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจับคู่หลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินเรื่อยมา
“อย่าได้พูดเหลวไหล ข้าหลี่จิ่วเต้าไม่เคยเป็นหนี้ผู้ใด!”
ชายหนุ่มร้อง แต่เห็นได้ชัดว่ามีชนักติดหลัง เขาหรือไม่เคยติดหนี้
ลั่วสุ่ย หลิงอิน เซี่ยเหยียน…ล้วนเป็นหนี้ที่เขาติด!
หากจะบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกอันใดกับพวกลั่วสุ่ยคงเหลวไหลทั้งเพ เขาหลอกตนเองไม่ได้ ในใจเขามีพวกลั่วสุ่ยอยู่
“ไยเจ้าต้องเสียงดัง ไม่เป็นไรหรอก หากข้ารู้ว่าเจ้าไปติดหนี้ความสำราญไว้ที่ใด ข้าจะลงมือตัดไอ้จ้อนของเจ้าเสีย!”
ซียิ้มอ่อน
หลี่จิ่วเต้าผวา อดหนีบขาเข้าด้วยกันไม่ได้ หนาวไปทั้งสันหลัง
ซีไม่ได้วกวนอยู่กับหัวข้อนี้ นางเอ่ยกับหลี่จิ่วเต้าด้วยท่าทางจริงจังว่า “เจ้าตั้งใจไปยังแดนลับลำดับหกสิบแปดจริงหรือ ต้องสู้กับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ให้ถึงที่สุดเชียวหรือ”
ก่อนหลี่จิ่วเต้าไปบ้านหลิงอินได้บอกนางว่าหลังกลับมา จะให้ไปยังแดนลับหมายเลขหกสิบแปดด้วยกัน ต่อสู้กับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ให้ถึงที่สุด
“พวกเขาบุกมาถึงบ้านข้าแล้ว เรื่องนี้จะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
“ทว่า…อันตรายเกินไป!”
ซีเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ อยากเกลี้ยกล่อมหลี่จิ่วเต้าให้ละทิ้งความคิดนี้
ต่อกรอย่างไรไหว อันตรายเกินไป!
“อันตรายก็ต้องต่อกรให้ถึงที่สุด!”
หลี่จิ่วเต้ามองซีและเอ่ยท่าทางจริงจัง “เจ้าคิดว่าต่อให้เราไม่สู้ถึงที่สุดแล้วพวกเขาจะยอมปล่อยเราหรือ บุกมาถึงบ้านแล้ว พวกเขาไม่มีทางปล่อยเราไป”
จริงสิ…
ซีทอดถอนใจ ที่บุรุษตัวน้อยกล่าวมาไม่ผิด แม้นางจะไม่รู้ว่าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ต้องการสิ่งใด ทว่าเงาที่เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ส่งมาบุกมาถึงที่นี่แล้ว ทุกอย่างย่อมไม่จบง่าย ๆ ภายหน้าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ต้องเคลื่อนไหวอีกแน่
ส่วนเรื่องซ่อนตัวหลีกเลี่ยงการต่อสู้นั้น นางไม่ได้คิด
ในเมื่อเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ตามมาถึงนี่ได้ ย่อมมีวิธีตามตัวพวกเขา หนีคงหนีไม่พ้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เป็นฝ่ายรุกเสียเอง
พอดีเลย หยั่งเชิงท่าทีของบรรพจารย์ฝูด้วยการนี้ ดูว่าบรรพจารย์ฝูคิดการใดไว้กันแน่!
“ได้!”
คิดมาถึงนี่ นางก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมอีก แต่พยักหน้าพลางตอบหลี่จิ่วเต้า
“ไปกันเถอะ”
หลี่จิ่วเต้านำเรือกระดาษออกมา กระโดดขึ้นพร้อมซี
ก่อนจากมา เขาบอกนักพรตอู๋เหลียงและสุนัขดำว่า “ในลานมีศาสตราวิเศษอยู่ พวกเจ้าไม่ต้องกังวล หากมีศัตรูบุกมาอีกสังหารได้เลย! หากมีศัตรูที่จัดการไม่ไหวให้รายงานข้าทันที!”
เขาทิ้งศาสตราวิเศษไว้ในลาน เพราะกลัวจะเกิดเรื่องเหมือนก่อน
“ได้เลยคุณชาย!”
นักพรตอู๋เหลียงและสุนัขดำตอบ
จากนั้น หลี่จิ่วเต้าก็แล่นเรือกระดาษพาซีไปจากลานเล็ก
หลังพวกหลี่จิ่วเต้าไปแล้ว เสียงของลานเล็กดังขึ้น
“พลังของข้ากำลังฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว ว่องไวกว่าก่อน ไอ้พวกเวร หากมีศัตรูมีตาหามีแววไม่บุกมาอีก ไม่ว่าผู้ใด ฆ่าไม่เลี้ยง!”
…
หลี่จิ่วเต้าควบคุมเรือกระดาษ เพียงไม่นานก็มาถึงแดนลับหมายเลขหกสิบแปด
“คุณชาย!”
“คุณชายกลับมาแล้ว!”
ทันทีที่หลี่จิ่วเต้ากลับมาถึง ก็ได้ยินเสียงหวานใสจากสตรีจำนวนมาก
จักรพรรดินีหนานกงและหงส์โลหิตรัตติกาลรวมถึงสตรีทั้งหลายรุมล้อมเข้ามาต้อนรับ กลบแม้กระทั่งเสียงของต้นหลิว พวกนางมีกันเยอะไป
“นี่ข้ามาอยู่ในแคว้นนารีหรือไร?!”
ซีตาโต เอ่ยกับหลี่จิ่วเต้าอย่างอดไม่ได้ “บุรุษตัวน้อย เจ้านี่ใช้ได้เลย ข้าก็ว่าเหตุใดเจ้าถึงอยากกลับแดนลับหมายเลขหกสิบแปดถึงเพียงนี้ ที่แท้มีสตรีรอเจ้าอยู่ตั้งมากมายนี่เอง!”
“ใช่ที่ไหน!”
หลี่จิ่วเต้ารีบบอก “พวกนางทั้งหมดคือผู้ที่ข้าช่วยไว้ได้จากแดนลับหมายเลขหกสิบแปด ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”
เขาบอกทุกอย่างกับซี
จักรพรรดินีหนานกงและหงส์โลหิตรัตติกาลคือผู้ที่เขาช่วยไว้จากสมาชิกแดนพิสุทธิ์ ส่วนสตรีนางอื่นเขาช่วยไว้จากบรรพมังกรเก้ากรงเล็บ
ระหว่างที่เขาเล่าเรื่องนี้ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป
“ผู้ฝึกตนที่นิสัยไม่เลวผู้นั้น!”
เขาเห็นจวินอีบนฟากฟ้า เวลานี้กำลังหนีเอาเป็นเอาตาย เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลน่าหวาดหวั่น โลหิตไหลไม่หยุด
เขามีความรู้สึกผิดต่อจวินอี ถึงอย่างไรก็เป็นความผิดของเขาจริง ๆ เข้าใจผิดใหญ่โต หาว่าจวินอีทั้งบอดทั้งใบ้ นับว่าเสียมารยาท
ต่อมาเขาอยากเชิญจวินอีไปดื่มในลานสักจอกเพื่อชดใช้ความผิด ทว่าจวินอีกลับหันหลังไป
“แย่แล้ว!”
เวลานั้น เขาเห็นจวินอีร่วงลงจากฟ้าราวกับไม่ได้สติ!
ชายหนุ่มไม่ได้ลังเล กระโดดขึ้นเรือกระดาษ แล่นไปรับจวินอี
“บัดซบ ข้านี่ซวยจริง ๆ!”
จวินอีเห็นหลี่จิ่วเต้าแล้วอย่าให้เอ่ยเลยว่าตรอมตรมเพียงใด เขายังไม่พ้นจากอันตรายก็มาเจอถ้ำเสืออีกแห่ง!
เป็นสิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมาเหมือนกัน หลี่จิ่วเต้าไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่
เมื่อครั้งอยู่เมืองชิงซาน หลี่จิ่วเต้าอาจรู้สึกว่าเขานั้นใช่ว่าจัดการได้ง่าย หรืออาจรู้สึกว่าหากจัดการเขาอาจเปิดโอกาสให้สิ่งมีชีวิตตนอื่น จึงไม่ได้ลงมือ
ทว่าบัดนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เขาบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจรีดเร้นพลังได้สักนิด หลี่จิ่วเต้าไม่มีทางปล่อยเขาไป
ใช่แล้ว เขายังมีสติ เพียงแต่บาดเจ็บหนักเกินไป พลังไม่เหลือถึงได้ตกลงจากฟ้า
เขาถูกไล่ฆ่าจนอเนจอนาถ สิ่งมีชีวิตตนนั้นไม่คิดปล่อยเขาไปเลย ไล่ตามเขามาจนถึงบัดนี้!
หลี่จิ่วเต้าแล่นเรือกระดาษพาจวินอีจรดลงไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง
‘ยังดีที่คนผู้นี้เจ้าระเบียบ คิดฆ่าข้าแต่ยังหาที่ฝังศพไม่เลวให้ข้า’
จวินอีเอ่ยในใจ
เขามองไปรอบ ๆ ทิวทัศน์ไม่เลวทีเดียว หากเขาได้ตายที่นี่ก็ไม่แย่นัก
“ผู้ใดไล่ล่าเจ้ามา”
เขาไม่ได้พาจวินอีกลับไปหาพวกซี เพราะกลัวว่าผู้ที่ไล่ล่าจวินอีจะยังอยู่
จวินอีไม่ทันได้ตอบ ก็ได้ยินเสียงดังตู้ม ลำแสงสยดสยองเหลือแสนถล่มลงมาหาพวกเขา
“ยังอยู่จริงด้วย!”
หลี่จิ่วเต้าแค่นยิ้มในใจ ไม่ได้เกรงกลัว เขายกมือเรียกร่มคันใหญ่ออกมาปกป้องยอดเขาแห่งนี้ สกัดลำแสงสยดสยองที่ถล่มลงมา
‘เกิดอันใดขึ้น เขาช่วยข้าหรือ’
เมื่อเห็นภาพนี้ จวินอีก็ชะงักงัน
ทว่าไม่นานเขาก็ลอบส่ายหัว คิดในใจ ‘ข้าคิดอะไรอยู่ เขาช่วยข้าที่ไหน เขาเองก็อยู่ในรัศมีการโจมตี ที่ทำไปเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น’
“วางใจได้ มีร่มคันนี้อยู่ ไม่มีพลังใดโจมตีเราได้”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้มพลางเอ่ยกับจวินอี
ทว่ารอยยิ้มของเขาน่าสะพรึงกลัวเหลือแสนในสายตาจวินอี!
ที่หลี่จิ่วเต้ากล่าวมาหมายความว่าอย่างไร
ไม่มีพลังใดโจมตีที่นี่ได้?
จะบอกว่าเขาตายแน่แล้ว ไม่มีผู้ใดขัดขวางไม่ให้หลี่จิ่วเต้าฆ่าเขาได้หรือ
จวินอีรู้สึกแย่มาก หากรู้อย่างนี้ เมื่อคราวอยู่ที่เมืองชิงซานเขาควรสู้กับหลี่จิ่วเต้าเสีย บัดนี้น่ะหรือ เขาไม่อาจรีดเร้นพลังได้สักนิด ได้แต่ยอมให้หลี่จิ่วเต้าย่ำยี
‘ช่างเถิด ทั้งหมดเป็นเพราะชะตา ข้าไม่ตายในมือเขาก็ต้องตายในมือสิ่งมีชีวิตที่ไล่ฆ่าข้า’
เขาหลับตา ยอมรับชะตากรรม นึกในใจ ‘ตายในมือผู้ที่ไล่ฆ่าข้าไม่สู้ตายในมือเขา อย่างน้อยเขายังดี หาที่ฝังศพที่ไม่เลวให้ข้า’
…………….