รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1152 วัดจิตรกรรมฝาผนังพิศวงเหลือเกิน!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1152 วัดจิตรกรรมฝาผนังพิศวงเหลือเกิน!
บทที่ 1152 วัดจิตรกรรมฝาผนังพิศวงเหลือเกิน!
……….
บทที่ 1152 วัดจิตรกรรมฝาผนังพิศวงเหลือเกิน!
วัดจิตรกรรมฝาผนังนี้อัศจรรย์ ทุกภาพล้วนเปี่ยมไปด้วยวิถีลึกล้ำ ในอดีตที่ทรีสามารถฝ่าเข้าไปในการเดินหมากล้วนเกี่ยวข้องกับจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ นางเคยได้รับประโยชน์มหาศาลจากจิตรกรรมฝาผนัง!
บัดนี้ ทรีได้มาอยู่ในวัดจิตรกรรมฝาผนังอีกครั้ง แม้ว่านางจะพยายามข่มความในใจแล้ว แต่ก็ยังอดสะท้อนใจไม่ได้
วัดที่เคยช่วยให้นางฝ่าเข้าไปในการเดินหมาก บัดนี้สามารถช่วยนางฝ่าเข้าไปในศึกตัดสินสุดท้ายอีกครั้งได้หรือไม่
จิตรกรรมฝาผนังทั้งหลายล้วนมหัศจรรย์สูงส่ง ผู้ใดกันที่ทิ้งภาพเหล่านี้ไว้ ในใจของทรีเต็มไปด้วยข้อกังขา
“วัดลึกลับแห่งนี้ทิ้งไว้หรือ”
นางพึมพำกับตนเอง สงสัยว่าวัดจิตรกรรมฝาผนังอาจเกี่ยวข้องกับวิหารโบราณลึกลับ หาไม่แล้วนางคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าผู้ใดสามารถทิ้งวัดจิตรกรรมฝาผนังเช่นนี้ไว้ได้อีก
แกรก!
เวลานั้นเอง เสียงประตูเปิดดังขึ้น ทรีรีบมองเข้าไปในวัด เห็นว่าประตูใหญ่ของวัดเปิดออกแล้ว!
นางตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าประตูอุโบสถด้านในจะเปิด!
ในอดีต นางเคยคิดหาวิธีสารพันเพื่อเปิดประตูใหญ่ของอุโบสถ ทว่าอย่างไรก็ไม่สำเร็จ บัดนี้ประตูอุโบสถกลับเปิดออกเสียเอง!
นางเดินเข้าไปทันทีโดยไม่ได้ป้องกันตัวแต่อย่างใด บัดนี้นางไม่เหลือสิ่งใดแล้ว ย่อมไม่ต้องเกรงกลัว
นอกจากนี้ วัดนี้เคยช่วยนางฝ่าเข้าไปในการเดินหมาก นางรู้สึกว่าวัดนี้น่าจะปลอดภัย คงไม่ทำร้ายนาง
ภายในอุโบสถสะอาดสะอ้าน ไม่เปื้อนฝุ่นแม้แต่น้อย ภายในมีรูปปั้นไร้โฉมหน้ารูปหนึ่ง ไม่รู้ว่าบุรุษหรือสตรี มีกายเป็นมนุษย์ สวมใส่ชุดนักพรต ให้ความรู้สึกองอาจน่าเกรงขาม
บนชุดนักพรตมีลวดลายเต๋าอยู่มากมาย มองแวบแรกดูดาษดื่นไร้สิ่งใดพิเศษ ยามได้มองอีกครากลับน่าทึ่งสุดขีด ลายเต๋าทั้งหมดล้วนลึกล้ำเป็นที่สุด เกินจะจินตนาการ!
“อ๊า!”
จู่ ๆ สีหน้าทรีเปลี่ยนไปมหันต์ หวาดผวาเหลือแสน ร้องออกมาอย่างอดไม่ได้
เดิมนางกำลังจ้องมองรูปปั้นไร้โฉมหน้านี้อยู่ ทว่าเพียงครู่เดียวรูปปั้นไร้โฉมหน้านี้ก็กลายเป็นนาง!
ใช่แล้ว มันจำแลงเป็นนาง รูปโฉม เรือนร่าง นอกจากอาภรณ์แล้วที่เหลือเหมือนนางทุกประการ!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”
นางอึ้งงัน รู้สึกว่านางกับรูปปั้นที่จำแลงเป็นนางสื่อถึงกันได้ ราวกับรูปปั้นนี้ผสานเป็นหนึ่งกับนาง!
นางลองทดสอบ พบว่ารูปปั้นที่จำแลงเป็นนางผสานเป็นหนึ่งกับนางจริง ๆ นางคิดอะไรรูปปั้นจะทำตามนั้น!
ด้วยความนึกคิดของนาง รูปปั้นก้าวมาเบื้องหน้า นางยื่นมือออกไปสัมผัส ความรู้สึกคล้ายสัมผัสมนุษย์ตัวเป็น ๆ ผิวนุ่มเด้งนวลเนียน!
นี่ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือ นางรู้สึกได้ว่าภายในรูปปั้นเต็มไปด้วยพลังมหาศาล แม้แต่นางในช่วงทรงพลังที่สุดยังไม่อาจเทียบเทียม!
“นี่ต้องเป็นรูปปั้นเช่นไรกัน!”
นางสูดปาก ชาไปทั้งหนังศีรษะ หนาวสันหลังไม่หยุด เสื้อผ้าชุ่มด้วยเหงื่อ!
ทั้งหมดนี้พิศวงเหลือเกิน ทั้งที่เป็นรูปปั้นไร้โฉมหน้าปราศจากชีวิต หลังนางเข้ามากลับกลายเป็นนางตัวเป็น ๆ ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยพลัง!
“นี่คือของวิเศษชั้นเลิศ!”
ไม่นานนัก นางก็สงบจิตใจวิเคราะห์ด้วยความสุขุม มองว่ารูปปั้นนี้คือของวิเศษชั้นเลิศ หลังนางเข้ามาทอดสายตาบนรูปปั้น นางก็กลายเป็นเจ้าของรูปปั้น!
ทว่าใต้หล้านี้มีเรื่องประเสริฐเยี่ยงนี้จริงหรือ
นางได้ของวิเศษชั้นเลิศเช่นนี้มาง่าย ๆ และกลายเป็นเจ้าของมัน ครอบครองพลังที่แทบไร้เทียมทานหรือ
เรื่องเช่นนี้เสมือนเงินทองหล่นจากฟ้า นางไม่อาจสบายใจได้ รู้สึกว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยความพิศวง!
‘ผู้ใดต้องการล่อลวงข้าหรือ’
นางคิดในใจ รู้สึกว่านี่อาจเป็นกับดัก ใครบางคนกำลังล่อลวงนาง หรืออาจใช้นางเป็นหมาก!
หาไม่แล้วเหตุใดจู่ ๆ นางถึงได้รับของวิเศษชั้นเลิศเช่นนี้
“ใคร่ครวญดูแล้ว เรื่องทั้งหมดอาจเป็นกับดักจริง ๆ และข้าคือเหยื่อที่ตกลงมาในกับดัก!”
นางเรียบเรียงความคิด หวนนึกถึงสถานการณ์ที่นางมาเยือนวัดจิตรกรรมฝาผนังคราแรก
เวลานั้น นางเผลอเข้ามายังวัดแห่งนี้ ตัวนางเองยังไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น นางเพียงแต่ออกเดินทางในอวกาศไปเรื่อย ก่อนจะหันมาเห็นวัดจิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้ ต่อมา ไม่รู้อะไรเข้าสิงถึงก้าวเข้ามา
บัดนี้คิดดูแล้ว น่ากลัวว่านางในอดีตไม่ได้เผลอเข้าไป คงเพราะนางถูกชักนำโดยไม่รู้ตัว พาเข้ามายังวัดจิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้!
เป็นไปได้สูงว่าทั้งหมดทั้งมวลคือหลุมพราง!
“ควรไปจากที่นี่หรือไม่”
นางสับสน ไม่รู้ว่าควรรีบไปหรือควรอยู่ต่อ
ถึงอย่างไรที่นี่ก็น่าจะเป็นกับดัก ขืนนางอยู่ต่อรังแต่จะยิ่งถลำลึก ยากจะคาดเดาจุดจบสุดท้าย!
“ไปหรือ ไปที่ใดเล่า”
นางสั่นศีรษะอย่างขมขื่น บัดนี้นางเหลือเส้นทางใดให้เดินอีก ไม่เหลือทางเลือกสักนิด นางได้แต่ก้าวเดินต่อไป!
วิหารโบราณลึกลับมีเค้าลางว่ากำลังจะมา บ่งบอกว่าศึกตัดสินสุดท้ายใกล้อุบัติ นางไม่เหลือทางถอยอีก ศึกตัดสินสุดท้ายมีเพียงผู้เดียวที่รอด สิ่งมีชีวิตที่เหลือจักต้องถูกฆ่าหมด!
นางไม่เหลือทางถอย หากไปจากที่นี่มีแต่ต้องตาย!
ถึงอย่างไรนางก็อ่อนแอเกินไป บัดนี้เหลือเพียงพลังวิญญาณ คิดจะฟื้นพลังสูงสุดก่อนศึกตัดสินสุดท้ายเริ่มเป็นไปไม่ได้เลย!
ยามนี้นางได้แต่เดินหน้าแม้นรู้ว่าอันตราย เลยตามเลยไปเรื่อย ๆ!
เช่นนี้แม้ว่าโอกาสรอดก็ยังน้อยนิด กระนั้นยังดีกว่าไปจากที่นี่และรอตายอย่างเดียว อย่างน้อยยังมีหวังรอด
“เลิกเอาแต่คิดในแง่ร้ายว่าเป็นกับดัก เป็นหมากเบี้ย หากนี่คือวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่วิหารโบราณลึกลับทิ้งไว้และข้าได้มาโดยบังเอิญจริง ๆ เล่า!”
นางปลอบตัวเองในใจไม่หยุด ให้ตัวเองไม่ต้องสิ้นหวัง ไม่ต้องมองในแง่ลบ ให้ตัวเองมองด้านดีเอาไว้ บางทีนางอาจถูกโชคหล่นทับและได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงในวิหารโบราณลึกลับจริง ๆ ก็ได้!
นางไม่กล้าคิดต่อ ได้แต่จดจ้องรูปปั้นตรงหน้า
“กำจัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ก่อน หรือกำจัดจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายก่อนดี”
นางหรี่ตาพลางเอ่ย
บัดนี้นางมีรูปปั้นที่เคลื่อนไหวแทนนางได้ รูปปั้นมีพลังกล้าแกร่ง นางทำได้หลายสิ่งผ่านรูปปั้นนี้
อย่างเช่นกำจัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่!
หรือไปหาจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวีย ใช้พลังรูปปั้นสังหารพวกเขา!
พลังที่แฝงไว้ในรูปปั้นน่าทึ่งอย่างยิ่งยวด นางมองว่าด้วยพลังของรูปปั้นสามารถลบล้างพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ และสังหารจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียได้แน่นอน!
“นี่เป็นเพียงความทึกทักของข้าเท่านั้น!”
ไม่นานนัก นางก็สั่นศีรษะ รู้สึกว่าเดินทางไปสังหารจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียเสี่ยงเกินไป ง่ายจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด
เป็นอย่างที่นางว่า ทั้งหมดนี้เป็นความทึกทักของนาง นางไม่อาจแน่ใจได้ว่าพลังของรูปปั้นสามารถปลิดชีพจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวีย!
และหากรูปปั้นไม่อาจปลิดชีพจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียต้องยุ่งแย่ นางจะไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์อีก ถึงอย่างไรยามนี้นางมีไพ่ตายในมือเพียงอย่างเดียวก็คือรูปปั้นนี้ ไม่อาจปล่อยให้เกิดปัญหา
หากไพ่ตายอย่างรูปปั้นเกิดปัญหา นางจะไม่มีวันพลิกสถานการณ์ได้อีก!
“เริ่มจากกำจัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ก่อน!”
สุดท้ายนางก็ตัดสินใจได้ว่าจะกำจัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ก่อน
ปิตาจารย์หลี่นั้นเหนือความคาดหมายถึงขีดสุด จัดการยากยิ่งกว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวีย หากปล่อยให้พลังในและนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ผสานเป็นหนึ่งจริง ๆ ปิตาจารย์หลี่ต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้จนกวาดล้างทุกสิ่งอย่างได้แน่!
เรื่องนี้ดูได้จากการที่จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียยอมปล่อยนางออกจากกระดานง่าย ๆ
หากไม่ใช่ว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียกลัวปิตาจารย์หลี่ถึงระดับหนึ่ง จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียย่อมยอมปล่อยนางออกมาง่าย ๆ!
นางรู้สึกได้ว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียฝากความหวังไว้ที่นางจริง ๆ หวังว่านางจะสามารถกำจัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ได้
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความน่าครั่นคร้ามของปิตาจารย์หลี่อย่างไม่ต้องสงสัย บ่งบอกว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียหวาดกลัวต่อปิตาจารย์หลี่เพียงใด พิสูจน์แล้วว่าภัยคุกคามจากปิตาจารย์หลี่ใหญ่หลวงปานใด!
นางไม่มีทางปล่อยให้พลังในและนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่สมานเป็นหนึ่ง!
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ปิตาจารย์หลี่อยู่ตัวคนเดียว จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียอยู่กันเป็นกลุ่ม!
คนคนเดียว นางไม่มีโอกาสเท่าใด จำต้องห้ำหั่นซึ่งหน้า ทว่าคนกลุ่มหนึ่งต่างออกไป
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมีเพียงคนเดียว จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียย่อมไม่ได้เป็นปึกแผ่นเหล็กกล้า ต้องแก่งแย่งกันเองแน่ นั่นเป็นโอกาสของนาง ได้ลงมือเมื่อสบโอกาส ก็ไม่จำเป็นต้องห้ำหั่น และหมายความว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียจัดการง่ายกว่าปิตาจารย์หลี่!
นอกจากนี้ บัดนี้พลังในและนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ยังไม่ได้ผสานเป็นหนึ่ง จัดการได้ง่ายกว่า นางใช้รูปปั้นกำจัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ปลอดภัยกว่าไปสังหารจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวีย ไม่น่าเกิดเรื่องเท่าใด
เพราะอย่างนั้น ด้วยเหตุผลทั้งมวลนี้ การเลือกจัดการปิตาจารย์หลี่ก่อนจึงเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด!
“ไปเถิด กำจัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ ชิงกายเนื้อของข้ากลับคืนมา!”
นางทอดมองรูปปั้นและออกคำสั่ง ไม่ได้ลังเล ไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้
ปิตาจารย์หลี่เหนือความคาดหมายถึงขีดสุด นางกลัวว่าชักช้าอาจมีเหตุเปลี่ยนผันอีก กำจัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ออกไปก่อนนางจึงจะสบายใจได้
ทันทีทันใดรูปปั้นเคลื่อนไหว หายไปจากตรงนั้น!
“ข้าต้องเพิ่มพูนพลังวิญญาณ รอการกลับมาของกายเนื้อ สร้างกายเนื้อขึ้นใหม่ และนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน…”
บ่วงกรรมกายเนื้อของนางถูกตัดสะบั้น กายเนื้อในยามนี้ถือเป็นร่างกายใหม่สำหรับนาง หากนางต้องการประสานกับกายเนื้ออีกคราย่อมต้องถูกต่อต้าน
และกายเนื้อของนางก็ไม่ธรรมดา ทรงพลังถึงขีดสุด บัดนี้นางเหลือเพียงพลังวิญญาณ มิหนำซ้ำยังบั่นทอนไปมหาศาลจากในกระดาน การจะประสานกับกายเนื้ออย่างรวดเร็วอย่างน้อยต้องฟื้นพลังวิญญาณให้เต็มที่ก่อน หรืออาจต้องแข็งแกร่งกว่านี้จึงจะทำได้!
“ที่นี่ช่วยให้ข้าฟื้นตัวรวดเร็ว หรืออาจแข็งแกร่งกว่านี้ก็ได้!”
จิตรกรรมฝาหผนังที่นี่น่าทึ่งกันถ้วนหน้า เมื่อมีมันคอยเกื้อกูล การที่นางต้องการฟื้นพลังวิญญาณหรือแม้กระทั่งแข็งแกร่งขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
นางก้าวมาอยู่เบื้องหน้าภาพวาดและเริ่มบำเพ็ญ ฟื้นพลังวิญญาณของตน!
จะเห็นได้ว่าหลังนางเริ่มบำเพ็ญ จิตรกรรมฝาผนังเหล่านั้นต่างถ่ายทอดพลังพิเศษบางอย่างเข้าไปในวิญญาณของนาง วิญญาณของนางยกระดับด้วยความเร็วเกินจินตนาการ
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อ เพียงไม่นานนางจักกลับคืนสู่พลังสูงสุด หรืออาจทรงพลังยิ่งขึ้น!
…
อีกด้าน ทันทีที่รูปปั้นออกจากวัดจิตรกรรมฝาผนังก็สัมผัสถึงเงาที่แอบดูในมุมมืด รวมแล้วสองตน เป็นเงาหมายเลข 19 และ 20
นี่คือเงาที่จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียส่งมา นับแต่ทรีออกจากกระดานก็แอบสะกดรอยตามซีมาตลอด
ก่อนหน้านี้พลังวิญญาณของซีอ่อนแอเกินไปจึงไม่ทันรับรู้ถึงเงาทั้งสองที่ตามมาในที่มืด
ทว่ารูปปั้นในยามนี้ไม่เหมือนกัน
รูปปั้นในยามนี้จับสัมผัสตัวตนของเงาทั้งสองได้ทันทีที่ออกจากวัดจิตรกรรมฝาผนัง!
ยามนี้นางเหมือนกับทรีทุกประการ เพียงแต่สวมใส่อาภรณ์ต่างกัน มันยังคงใส่ชุดนักพรตอัศจรรย์น่าทึ่งตัวนั้น
มันทอดมองเงาหมายเลข 19 และ 20 ผ่านห้วงอากาศ จนเงาหมายเลข 19 และ 20 ตกตะลึง!
“แย่แล้ว! นางจับพวกเราได้!”
“ไป!”
เงาหมายเลข 19 และ 20 ไม่ได้ลังเล หนีไปจากที่นี่ทันที
พวกมันก็ไม่รู้เพราะเหตุใด ทรีในยามนี้ให้ความรู้สึกอันตรายถึงขีดสุด พวกมันรู้สึกเหมือนความตายมาเยือนแล้ว ไม่อาจรวบรวมความกล้าสู้กับทรีได้แม้สักเศษเสี้ยว!
เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
ต้องรู้ว่าก่อนนี้ทรีหาได้มีน้ำยาอันใดสำหรับพวกมัน พวกมันฆ่าทรีได้ง่ายดาย
ทว่าหลังทรีเข้าไปในแดนลึกลับแห่งหนึ่งก็เปลี่ยนไปอย่างมหันต์ สยดสยองขึ้นเหลือแสน!
แดนลึกลับแห่งนี้น่าพรั่นพรึงเหลือเกิน!
พวกมันไม่เคยเห็นวัดจิตรกรรมฝาผนัง มีม่านหมอกบดบังทุกอย่างไว้ พวกมันไมอาจมองผ่านเข้าไป และไม่อาจก้าวทะลุเข้าไปได้
“เปล่าประโยชน์…”
รูปปั้นปริปากเสียงเรียบ มันเชื่อมโยงกับทรีอย่างแนบแน่น ยามนี้ไม่ใช่รูปปั้นที่เอ่ยวาจา หากแต่เป็นทรีที่เอ่ยวาจาผ่านรูปปั้น
ระดับอย่างทรี ต่อให้ต้องบำเพ็ญก็ไม่กระทบต่อการอื่นของนาง
เงาหมายเลข 19 และ 20 ทรงพลังอย่างแท้จริง ลำดับของพวกมันเกี่ยวข้องกับความสามารถ ยิ่งอยู่ลำดับต้น ๆ ยิ่งแข็งแกร่ง
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ารูปปั้น พวกมันสู้ไม่ได้เลย ห่างชั้นไกลโข ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน!
พวกมันพากันหนี ทะลุผ่านระบบดวงดาวนับไม่ถ้วน สุดท้าย มือขาวนวลผ่องข้างหนึ่งไล่ตามเข้ามา คว้าพวกมันเข้าไปกำ!
พวกมันถูกมือขาวนวลเนียนนี้ลากกลับมา!
นี่มันพลังอะไร?!
ทรีฟื้นพลังเต็มที่แล้วหรือ?!
เงาหมายเลข 19 และ 20 อกสั่นขวัญแขวน แตกตื่นเป็นที่สุด พวกมันระเบิดพลังทั้งหมด สำแดงทุกพลังฝีมือที่มี แต่ก็ยังไม่อาจแผ้วพานฝ่ามือที่กำพวกมันไว้แม้สักนิด
รูปปั้นมีสีหน้าราบเรียบ มืออีกข้างโบกเบา ๆ ความทรงจำวิญญาณของเงาหมายเลข 19 และ 20 พลันปรากฏ
มันตรวจสอบความทรงจำของเงาหมายเลข 19 และ 20 อย่างรวดเร็ว จากนั้นมือที่กำเงาหมายเลข 19 และ 20 ออกแรงน้อย ๆ ลบล้างพวกมันได้อย่างสิ้นเชิง!
“จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียจัดการไม่ง่ายจริง ๆ…”
มันพึมพำเสียงเบา ได้รู้หลายเรื่องจากความทรงจำวิญญาณของเงาหมายเลข 19 และ 20 จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียทุ่มเทแรงใจอบรมเงาขึ้นมาจำนวนหนึ่ง เงาเหล่านี้ล้วนทรงพลังกล้าแกร่ง มิหนำซ้ำเงาหมายเลข 1 ยังไม่ได้ด้อยไปกว่านางในยามแข็งแกร่งที่สุดเท่าใด!
“ไปละ”
มันเยื้องย่างหายไปจากที่นี่ ต้องไปจัดการพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่แล้ว
จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียเคยเล่าสถานการณ์ของพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ให้นางฟังมาบ้าง นางรู้ว่าพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่อยู่ที่ใด
……….