รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1150 วัดจิตรกรรมฝาผนัง หรือเป็นโอกาสพลิกตัว!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1150 วัดจิตรกรรมฝาผนัง หรือเป็นโอกาสพลิกตัว!
บทที่ 1150 วัดจิตรกรรมฝาผนัง หรือเป็นโอกาสพลิกตัว!
……….
บทที่ 1150 วัดจิตรกรรมฝาผนัง หรือเป็นโอกาสพลิกตัว!
ตอบตกลงอย่างรวดเร็วอีกแล้ว?
ทรีนิ่งมึนงงไปชั่วครู่ รู้สึกพูดไม่ออก ทุกอย่างประหนึ่งฝันไป
ก่อนมานางได้เตรียมการเอาไว้มากมาย ทว่าตอนนี้ไม่ได้ใช้สักอย่าง กระทั่งโน้มน้าวยังไม่ต้องเสียด้วยซ้ำ พวกหรูเยวียตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
รวดเร็วเกินไปแล้ว เร็วจนทำให้นางไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าไปเถิด หวังว่าเจ้าจะทำสำเร็จ”
หรูเยวียลงมือ สร้างประตูแสงขึ้นมา หลังก้าวผ่านประตูแสงไปคือการออกสู่นอกกระดาน
ทรีไม่ลังเล รีบตรงไปทางประตูแสง ออกไปจากด้านในกระดาน
ระหว่างขั้นตอนนี้ พวกหรูเยวียไม่มีผู้ใดเข้ามาหยุดยั้ง
ออกมาได้เช่นนี้เลย?
ทรีคาดไม่ถึงมาก่อนจริง ๆ ว่าจะง่ายดายและราบรื่นถึงเพียงนี้
หลังออกนอกกระดานแล้ว นางก็ไม่รั้งรอแต่อย่างใด ตรงออกไปรวดเร็วไม่หยุด
“เฮ้อ หวังว่านางจะจำกัดพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ได้!”
หรูเยวียนถอนหายใจ นางรู้ว่าทรีไม่ใช่คนดีแต่อย่างใด จุดประสงค์ที่ร่วมมือกับพวกตนนั้นไม่ได้เรียบง่าย มีความเป็นไปได้มากว่าต้องการหนีออกจากกระดาน
ทว่านางไม่สนใจเรื่องนี้
ทรีไม่ใช่คนโง่ ย่อมตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าปิตาจารย์หลี่เป็นภัยคุกคามใหญ่โตเพียงใด หากไม่กำจัดปิตาจารย์หลี่ออกไปก่อน ท้ายที่สุดผู้ชนะย่อมตกเป็นของปิตาจารย์หลี่
เปรียบเทียบกับปิตาจารย์หลี่แล้ว แม้ทรีจะไม่ได้ธรรมดารับมือได้ยากเช่นกัน แต่พวกเขายังคงเต็มใจจะรับมือกับทรีมากกว่า!
“ปล่อยเหล่าเงาออกไปนอกกระดานเถิด ลองดูว่าสามารถหาโอกาสทำลายพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ให้สิ้นซากได้หรือไม่”
หรูเยวียกล่าว ต้องการส่งเงาทั้งหมดออกไป พลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่น่าสะพรึงกลัวมากจนพวกเขาครั้นคร้าม ไม่อาจสงบใจได้
นางกระทั่งรู้สึกว่าพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่อาจเหนือเสียยิ่งกว่าในกระดาน!
“ไป พวกเราไปล้อมปราบปรามกันอีกครั้งเถิด ดูว่าจะจัดการพลังในกระดานของปิตาจารย์หลี่ได้หรือไม่ ทำลายอันไหนได้ก่อนล้วนนับเป็นเรื่องดี”
พวกเขาเคลื่อนไหว เพิ่มระดับการล้อมปราบปิตาจารย์หลี่ในกระดาน
“ดูเหมือนพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่จะไปถึงระดับน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว!”
หลังออกมานอกกระดาน ทรีก็พลันหยุดนิ่งลง เอ่ยด้วยแววตาล้ำลึก
เห็นได้ชัดว่าพลังนอกกระดานปิตาจารย์หลี่ทำให้พวกหรูเยวียเกิดความหวาดเกรง ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ยอมปล่อยนางออกมาโดยง่าย
นี่ต้องเป็นเพราะพลังนอกกระดานปิตาจารย์หลี่ทำให้พวกหรูเยวียกลัวเกรง จึงได้ยอมปล่อยนางออกมาโดยง่าย หวังว่านางจะกำจัดพลังนอกกระดานปิตาจารย์หลี่ได้
“อ๊า ยากเกินไปแล้ว!”
นางอดโอดครวญออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าอนาคตช่างมืดมนมองไม่เห็นความหวังอะไรเลย
แม้พลังนอกกระดานปิตาจารย์หลี่จะตกหลุมรักร่างเนื้อนาง ทว่าตอนนี้ร่างเนื้อไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับนาง อีกทั้งนางยังไม่กล้าเข้าใกล้ร่างเนื้อตนเอง
กระทั่งพวกหรูเยวียยังเต็มไปด้วยความครั้นคร้ามต่อพลังนอกกระดานปิตาจารย์หลี่ ไฉนเลยนางจะกล้าเข้าใกล้ หนทางดังกล่าวเป็นเพียงเส้นทางแห่งความตาย!
ยามนี้นางหลงเหลือเพียงพลังวิญญาณเท่านั้น คิดจะฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์ แล้วค่อยเข้าร่วมศึกตัดสิ้นครั้งสุดท้ายย่อมไม่เป็นไม่ได้ แต่หากปล่อยให้ศึกตัดสินสิ้นสุดลง ความตายก็คงมาถึงนาง
พระราชวังโบราณลึกลับกำลังเลี้ยงกู่!
นาง พวกหรูเยวีย รวมถึงปิตาจารย์หลี่ล้วนเป็นกู่ที่ถูกพระราชวังโบราณลึกลับเลี้ยง พวกเขาถูกปล่อยทิ้งไว้ที่นี่โดยจำต้องตัดสินหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ผู้แข็งแกร่งที่สุดจะถูกพระราชวังโบราณลึกลับพาตัวไป ขณะที่ผู้แพ้จะถูกทำลายสิ้น
ดังนั้นหากศึกตัดสินสิ้นสุด ผู้แพ้ชนะถูกกำหนดไว้เรียบร้อย นางย่อมพานพบกับความตาย
‘ยอมแพ้ไม่ได้!’
นางกัดฟัน กล่าวกับตนเองภายในใจไม่หยุด นางไม่เต็มใจรอรับจุดจบเช่นนั้น!
นางเชื่อมั่นในตัวเอง เพียงแค่ไม่ยอมแพ้ ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้!
“ไปวัดจิตรกรรมฝาผนังนั่น!”
ดวงตาของนางเปล่งประกาย เตรียมตัวไปยังวัดลับแห่งหนึ่ง
วัดจิตรกรรมฝาผนังแห่งนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก กระทั่งนางยังไม่อาจเข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับภาพจิตรกรรม สถานที่แห่งนั้นนางไปพบเข้าโดยบังเอิญ
ภายในวัดเต็มไปด้วยจิตกรรมฝาผนัง ทั้งหมดล้วนลึกล้ำน่าตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด นางเข้าร่วมเกมกระดานในตอนสุดท้าย ทั้งยังเกือบจัดการปิตาจารย์หลี่และพวกหรูเยวียลงได้ นับว่าวัดจิตรกรรมฝาผนังมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก
นางฝึกฝนในวัดจิตรกรรมฝาผนังเป็นเวลานาน ทำให้นางแข็งแกร่งขึ้นอย่างถึงที่สุด ตรงเข้าร่วมเกมกระดานได้
เดิมทีนางคิดว่าหลังจากผสานรวมกับร่างเนื้อแล้ว ค่อยกลับมาพินิจวัดจิตกรรมฝาผนังเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น
น่าเสียดาย พลังนอกกระดานของนางไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการผสานร่างเนื้อ ยังถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว
ครั้งนี้เหตุผลที่นางต้องการร่วมมือกับพวกหรูเยวีย นอกจากต้องการออกนอกกระดานแล้ว นางยังหมายพึ่งพาวัดจิตรกรรมฝาผนังเพื่อพลิกสถานการณ์กลับมา
จากนั้นนางตรงไปยังวัดจิตรกรรมฝาผนังทันที
“วัดจิตรกรรมฝาผนังเป็นสิ่งที่วิหารโบราณลึกลับทิ้งเอาไว้หรือไม่?”
ระหว่างทาง นางรำพึงกับตนเอง
ยามนางเห็นวัดจิตรกรรมฝาผนังเป็นครั้งแรก นางคิดว่าสถานที่แห่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับวิหารโบราณลึกลับ อย่างไรเสียวัดจิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้ก็พิเศษเกินไป ทุกภาพต่างอยู่เหนือจินตนาการ
ยามนี้ความคิดดังกล่าวแรงกล้ายิ่งขึ้นในใจของนาง
“ต้นกำเนิดของวิหารโบราณลึกลับมีที่มาเช่นใด?”
นางถอนหายใจหนักหน่วง รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิหารโบราณลึกลับน้อยเกินไป แทบไม่มีข้อมูลใดเสียด้วยซ้ำ เหตุใดวิหารโบราณแห่งหนึ่งจึงต้องนำพวกเขามาเลี้ยงดูไว้ด้วย?
“ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น กลับยิ่งรู้สึกไร้พลังมากเท่านั้น!”
นางถอนหายใจอีกครั้ง
ระดับเช่นพวกเขายืนอยู่จุดสูงสุดของโลกนี้นานแล้ว กล่าวได้ว่านอกจากพวกเขาแล้ว ก็ไร้สิ่งมีชีวิตใดสามารถต่อกรได้
พวกเขาไร้เทียมทาน!
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็สูญสิ้นความปรารถนาไปนานแล้ว ไม่คิดต่อสู้แย่งชิงอันใด
ทว่าการต่อสู้ของพวกเขาไม่เคยหยุดลง
ทั้งหมดเป็นเพราะการบีบบังคับจากวิหารโบราณลึกลับ!
ผู้ชนะอยู่รอด ผู้แพ้สิ้นสูญ!
วิหารโบราณลึกลับไม่ปรากฏขึ้นมาเลยสักครั้ง แต่กลับยังคงปกคลุมอยู่ในใจพวกเขาเสมอ ทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงความไร้พลัง!
…
ณ เมืองชิงซาน ในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“ไปแดนพิสุทธิ์จวินเทียนกันเถิด!”
ดวงตาของหลี่จิ่วเต้าเย็นเยียบ เพลิงโทสะในใจเขายังคงไม่ลดลง ถึงกับกล้าเข้ามายังลานเล็กของเขา? อีกทั้งยังทำให้ซีเลือดออก!
เขาไม่มีทางปล่อยไป จ้าวแห่งแดนพิสุทธิ์จำต้องชดใช้!
“อย่าได้หุนหันพลันแล่น!”
ซีรีบปรามหลี่จิ่วเต้าเอาไว้ “พวกเขาไม่อาจรับมือได้ง่ายเพียงนั้น กล่าวได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่อาจกระทำการหุนหันพลันแล่นได้!”
นางจะไม่ปรามได้อย่างไร เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์เป็นผู้เดินหมากสุดท้าย กระทั่งบรรพจารย์ฝูยังเต็มไปด้วยความกริ่งเกรง ซ่อนตัวมาโดยตลอด ไม่กล้าปรากฏตัวเข้าร่วมเกมกระดาน หลี่จิ่วเต้ามีเพียงสมบัติที่บรรพจารย์ฝูทิ้งเอาไว้ช่วยเหลือ เช่นนั้นจะต่อกรกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ได้อย่างไร
หากหลี่จิ่วเต้าไป จะต้องไม่มีแม้แต่สถานที่ฝังศพแน่นอน!
“ผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าส่ายหัว “ไม่แน่นอน!”
เขายอมรับว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ไม่ง่ายแก่การต่อกรอย่างแท้จริง แต่เขาก็ไม่เห็นพ้องว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์เป็นยอดฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในโลก
เขาเชื่อว่าบรรพจารย์ฝูคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก ด้วยสมบัติที่เขาแลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝู ย่อมน่าจะจัดการกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ได้!
บุรุษตัวน้อยคิดว่าบรรพจารย์ฝูผู้นั้นแข็งแกร่งที่สุดในโลกหรือ?
ซีถอนหายใจในใจ นางคาดว่าบุรุษตัวน้อยน่าจะมีความคิดดังกล่าว อย่างไรเสียเขาก็มีสมบัติของบรรพจารย์ฝูอยู่ในมือ ไม่เคยประสบความพ่ายแพ้ คิดว่าบรรพจารย์ฝูคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกย่อมเป็นเรื่องปกติ
ทว่าความจริงนั้นยังห่างไกลออกไป!
บรรพจารย์ฝูแข็งแกร่งไม่ธรรมดาจริง แต่ยังไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังมีศัตรู!
“อย่าไป!”
นางขอร้อง
เมื่อเห็นท่าทางอ้อนวอนของซี ภายในใจของหลี่จิ่วเต้าพลันอ่อนลงทันที เขาตระหนักดีว่านางกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขา
“ตกลง ไม่ไปแล้ว”
เขาพูดเสียงอ่อน
“ดี!”
ซีแย้มยิ้มทันที เขย่งเท้าขึ้นจูบหลี่จิ่วเต้า
“ข้าไม่ไป แต่เรื่องนี้ไม่มีทางจบสิ้นลงเพียงเท่านี้!”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มเย็นชา “กระบี่ฉุนจวินอยู่ในแดนลับ ข้าจะให้กระบี่ฉุนจวินไปยังแดนพิสุทธิ์จวินเทียนสักหน!”
จากนั้นเพียงแค่เขาคิด กระบี่ฉุนจวินก็ได้รับคำสั่งให้ไปยังแดนพิสุทธิ์จวินเทียนสักหน
นี่คือความน่าสะพรึงกลัวเหนือชั้นของกระบี่ฉุนจวิน ต่อให้ห่างไกลอย่างถึงที่สุด เขาเพียงแค่คิด กระบี่ฉุนจวินก็ตอบรับได้ในทันที
ซีเตรียมเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมให้หลี่จิ่วเต้ายอมแพ้ กลัวว่าจะชักนำความยุ่งยากมาสู่ตัวเขาเอง
สมบัติพวกนี้ถูกบรรพจารย์ฝูซ่อนและทิ้งเอาไว้ข้างกายหลี่จิ่วเต้า ยามนี้หลี่จิ่วเต้ากลับใช้สมบัติเช่นนี้ หลังจากบรรพจารย์ฝูรู้จะเกิดความไม่พอใจและตำหนิเขาหรือไม่?
แต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก หลี่จิ่วเต้าก็พูดออกมาเสียก่อน
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม “กระบี่ฉุนจวินไปแล้ว ไม่อาจเรียกกลับมาได้ ไม่เป็นไร เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป”
เขาใช้มือบีบจมูกของซี “เอาละ ไม่ต้องคิดมากเกินไป ข้าจะไปทำอาหารให้เจ้า ครั้งนี้ข้าล่าอสูรร้ายไม่เลวมาได้ตนหนึ่ง คู่ควรกับผักวิเศษของข้า จะต้องอร่อยและมีประโยชน์มหาศาล!”
กล่าวจบเขาก็เดินไปทำอาหาร
ซีมีอารมณ์กินที่ไหน ตอนนี้ในหัวของนางเต็มไปด้วยความกังวลว่าบรรพจารย์ฝูจะกล่าวโทษหลี่จิ่วเต้า นางคิดว่าตนควรพาหลี่จิ่วเต้าหนีไปดีหรือไม่
“หนีไปที่ใดได้?”
นางถอนหายใจ สำหรับตัวตนเช่นบรรพจารย์ฝู ไม่ว่าพวกเขาหนีไปที่ใดก็ไร้ประโยชน์ ต้องถูกบรรพจารย์ฝูพบตัวอย่างแน่นอน
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัยเสียด้วยซ้ำ!
“ทำได้เพียงว่าไปตามสถานการณ์เท่านั้น…” นางส่ายศีรษะ
…
ในแดนลับ
กระบี่ฉุนจวินได้รับคำสั่งจากหลี่จิ่วเต้า ทั่วทั้งกระบี่เปล่งประกายเรืองรองต่อเนื่อง มันกล่าวกับต้นหลิวว่าตนเองจะไปแดนพิสุทธิ์จวินเทียน
“อะไรนะ! มุ่งไปยังลานเล็กของคุณชายหรือ?”
ต้นหลิวตกตะลึงยิ่ง
“ถูกต้อง!”
กระบี่ฉุนจวินตอบกลับ จากนั้นก็ตรงเข้าไปในแดนพิสุทธิ์
ทว่ามันค้นไปทั่วทั้งแดนพิสุทธิ์จวินเทียนก็ไม่พบร่องรอยของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์
มันส่งข่าวนี้ไปให้หลี่จิ่วเต้า
“ยังไม่กลับมาหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าคิด
“เอาละ เจ้ากลับไปยังแดนลับก่อน”
เขาสั่งให้กระบี่ฉุนจิวนกลับไปยังแดนลับ หลังจากเขากลับไปแดนลับค่อยพูดเรื่องนี้กันใหม่
อสูรร้ายถูกเขาเตรียมการอย่างดี หั่นออกเป็นเนื้อชิ้นใหญ่แล้วเริ่มตุ๋น เพียงไม่นานก็ส่งกลิ่นหอมอย่างถึงที่สุดออกมา
“กลิ่นอันใดหอมเช่นนี้?”
จมูกของซีอดขยับไม่ได้ ถูกกลิ่นหอมยั่วยวน ความกังวลในใจถูกนางโยนทิ้งไปชั่วคราว
“บุรุษตัวน้อยตุ๋นเนื้อ!”
นางตื่นตะลึง ใบหน้าราวกับหยกเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ไม่คาดหวังว่าบุรุษตัวน้อยจะมีฝีมือขนาดนี้ สามารถตุ๋นเนื้อที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนได้กระทั่งนางออกมา ทำให้นางอยากกินเนื้อเป็นอย่างมาก!
“หอมเกินไปแล้ว”
นางอดเดินเข้าไปในครัวไม่ได้ เอ่ยกับหลี่จิ่วเต้าอย่างน่าเวทนา “บุรุษตัวน้อย ข้าหิวแล้ว อยากกินเนื้อตอนนี้เลย!”
นางดึงชายเสื้อของหลี่จิ่วเต้าด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด คิดอยากกินตอนนี้เลย
ไม่มีทางเลือกแล้ว ใครใช้ให้นางทนไม่ได้จริง ๆ ความอยากอาหารถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์ น้ำลายเริ่มสอที่มุมปากของนางแล้ว!
“หิวหรือ? แน่ใจนะว่าหิว? ข้าไม่ต้องการเปิดโปงเจ้า!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “อย่าได้รีบร้อน เพิ่งเริ่มทำ เนื้อยังไม่สุกเลย”
“ไม่เป็นไร ฟันข้าดี กระเพาะก็ดี เนื้อไม่สุกก็กินได้!” ซีเอ่ยอย่างน่าเวทนา ราวกับว่าหิวโซมาเป็นเวลานาน
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สุกหรือไม่สุก แต่เป็นอร่อยหรือไม่อร่อย หากเนื้อไม่สุกย่อมไม่อร่อย ต้องรอสุกแล้วจึงอร่อย”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้*[1] รอให้เสร็จดีก่อน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพียงนี้”
“แต่ข้าไม่อยากรอ!”
นางอดทนไม่ไหวจริง ๆ กลิ่นหอมเกินไป น้ำลายไหลตรงมุมปากของนางไม่หยุด
“เจ้าตะกละตัวน้อย!”
หลี่จิ่วเต้าถูกท่าทางน่ารักของซีทำให้หัวเราะออกมา “เอาละ เจ้ากินผลไม้แก้ขัดไปก่อน”
“ไม่เอา! ข้าต้องการกินเนื้อ! ผลไม้จะเหมือนเนื้อได้อย่างไร!”
ซีส่ายหัวสั่นไปมา
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ หยิบผลไม้ที่ถูกปลูกด้วยน้ำและดินล้ำค่าออกมา “เจ้าไม่กินจริงหรือ?”
ผลไม้ละเอียดละออฉ่ำวาวส่งกลิ่นหอมซึ่งไม่ด้อยกว่าเนื้อตุ๋นสักนิดออกมา ดวงตาของซีพลันเบิกกว้างทันที
“ขออภัย ข้ายอมรับว่าเมื่อครู่ปากไวเกินไปแล้ว! ข้าอยากกินผลไม้!”
ซีตะโกน
เหตุใดนางจึงจะคาดคิดมาก่อน ผลไม้ถึงกับน่าดึงดูดใจทำให้ทนอยากกินไม่ได้ถึงเพียงนี้!
“ฮ่า ๆ!”
หลี่จิ่วเต้าอดหัวเราะไม่ได้ เขายื่นผลไม้ให้ซีแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นเชื่อคำพูดก่อนหน้านี้ของข้าเถิด ข้ามีความสามารถมากมาย การทำอาหารเป็นเพียงทักษะเล็กน้อยของข้า วางใจเถิด ติดตามข้า หลังจากนี้เจ้าย่อมไม่ขาดแคลนของอร่อย”
นางรับผลไม้มากินทันทีอย่างอดไม่ได้ ครั้นกัดผิงกั่วผลหนึ่งก่อน ความอร่อยก็ระเบิดออกมาทันที กล่าวตามตรง นางไม่คิดฝันมาก่อนว่าผิงกั่วจะอร่อยได้ถึงเพียงนี้
“นี่…นี่น่าอัศจรรย์ไปแล้ว!”
ขณะเดียวกันนางยังเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง พลังที่ไหลเวียนในผิงกั่วชวนอัศจรรย์และน่ากลัวเกินไปแล้ว ยามนี้นางบรรลุขอบเขตแกนนภา กล่าวได้ว่าหลังจากนี้หากคิดก้าวหน้า ยากเสียยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์!
แต่ตอนนี้นางกลับก้าวหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากกัดผิงกั่วไปเพียงหนึ่งคำ นางสัมผัสได้ว่าร่างกายเปี่ยมด้วยพลังพลุ่งพล่าน ความแข็งแกร่งในทุกด้านพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
“กิน กิน กิน!”
นางกินผิงกั่วคำแล้วคำเล่า หลังจากผิงกั่วหมด นางก็กินผลไม้อื่นต่อ
“อย่ากินมากเพียงนั้น เดี๋ยวถึงเวลาแล้วเจ้าจะอิ่มจนกินเนื้อตุ๋นไม่ได้!” หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
“ไม่เป็นไร ท้องข้าใหญ่มาก กินผลไม้เหล่านี้แล้วยังกินเนื้อตุ๋นได้อีกหม้อใหญ่อย่างไร้ปัญหา!”
ซีเอ่ยออกมาระหว่างกินผลไม้ด้วยเสียงอู้อี้
[1] ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้ (心急吃不了热豆腐) หมายถึง ต้องมีความอดทนรอคอยจึงจะกระทำการสำเร็จ
……….