รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1140 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้ามีความสามารถมากมาย!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1140 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้ามีความสามารถมากมาย!’
บทที่ 1140 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้ามีความสามารถมากมาย!’
……….
บทที่ 1140 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้ามีความสามารถมากมาย!’
บุรุษตัวน้อยยังคงเป็นเฉกเช่นวันวาน หล่อเหลาสดใส รอยยิ้มอ่อนโยนชวนหลงใหล แล้วก็…หลงตัวเอง!
ซียิ้มหวานยิ่งขึ้น ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนไป นางคิดว่ายามนางได้พบหลี่จิ่วเต้าอีกคราอาจรู้สึกห่างเหินกันไปบ้าง ทว่าไม่เลย ทุกอย่างยังเป็นเหมือนวันวานที่นางได้อยู่กับหลี่จิ่วเต้า
“ไม่ใช่หลงตัวเอง นี่เรียกว่ามั่นใจในตัวเอง เจ้ากล้าว่าทิวทัศน์ในแววตาของเจ้าไม่งามหรือ” หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ
“งาม งาม ต้องงามอยู่แล้ว!”
“บอกแล้วอย่างไรว่าไม่ได้หลงตัวเอง หากแต่มั่นใจในตัวเองต่างหาก!”
ชายหนุ่มเชิดศีรษะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“กลับมาคราวนี้ต้องไปไหนอีกหรือไม่”
เขาถามซี
“ไม่ไปแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว”
ซีเอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนจะมองหลี่จิ่วเต้าพลางกล่าว “ทว่าหากเจ้าอยากให้ข้าอยู่ข้างกาย ก็ต้องดูความสามารถเจ้าแล้ว”
ได้ยินซีเอ่ยว่าทุกอย่างจบแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็เบาใจลงได้ในที่สุด
เขากลัวว่าซีแค่กลับมาเยี่ยมแล้วไปจากเขาอีก
“ชิ ผู้ใดอยากให้เจ้าอยู่กัน เจ้าควรกล่าวว่า ต้องดูตัวเจ้าเองว่ามีความสามารถพอจะอยู่ข้างกายข้าหรือไม่!”
“เก่งกาจเพียงนี้เชียว เช่นนั้นช่างเถิด ข้าไม่อาจเอื้อม ลาก่อน”
เอ่ยจบ ซีก็ก้าวเท้ายาว ๆ หมายจะไปจากที่นี่
หลี่จิ่วเต้าร้อนใจขึ้นมาทันที ร้องเรียกว่า “อย่าเพิ่งไปสิ ข้าหยอกเจ้าเล่นเท่านั้น ไยเจ้าต้องเห็นเป็นจริงเป็นจังเล่า!”
เหอะ ข้าหรือจะกำราบเจ้าไม่อยู่!
ซีลอบหัวเราะในใจไม่หยุด ชะงักฝีเท้าพลางเอ่ยว่า “ไม่ไปก็ได้ ขอดูหน่อยว่าเจ้ามีความสามารถพอจะรั้งข้าหรือไม่”
“ข้ามีความสามารถมากมาย กลัวแต่เจ้าจะดูไม่ทัน!”
น้ำเน่า…จริง แต่ข้าชอบ!
ใบหน้าซีแดงระเรื่อ เอ่ยเสียงแผ่วว่า “หากเจ้ามีความสามารถตั้งมากตั้งมายจริง ข้าก็ยินดีใช้เวลาดูทั้งชีวิต”
“วางใจได้ รับรองว่าชีวิตนี้เจ้าก็ดูไม่หมด!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยอย่างยินดีปรีดา “ไปเถิด เข้าไปในห้อง เจ้าจะได้เห็นความสามารถของข้า”
ดูความสามารถ…ในห้อง?
บุรุษตัวน้อยไยจึงเสเพลเช่นนี้!
หน้าซีแดงในบัดดล นึกไปถึงความสามารถด้านอื่น สบถออกไปว่า “เหอะ บุรุษตัวน้อย เจ้ามันไม่รักดี เจอหน้ากันก็ชวนข้าเข้าห้องแล้ว!”
“หา?”
หลี่จิ่วเต้ามึนงง เขาชวนซีเข้าห้องเพราะต้องการให้ซีประจักษ์ถึงความสามารถด้านการวาดเขียนของเขา ไยต้องว่าเขาไม่รักดี นี่นาง…คิดไปถึงไหนกัน!
อ้อ เข้าใจแล้ว!
ลมหายใจต่อมา เขาคลี่ยิ้มด้วยรู้ว่านางคิดไปถึงไหน
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “เป็นเพราะเจ้าต้องการเช่นนั้นใช่หรือไม่ หาไม่แล้วเหตุใดถึงคิดว่าที่ข้าลากเจ้าเข้าห้องก็เพื่อเรื่องอย่างว่า ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้าได้เห็นความสามารถด้านวาดเขียนของข้าเท่านั้น! แต่หากเจ้าต้องการก็ใช่ว่าไม่ได้ ข้าสามารถแสดงความสามารถด้านนั้นของข้าให้เจ้าดูได้!”
ดวงหน้าของซียิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่ จนลามไปทั้งตัว!
ช่างน่ากระอักกระอ่วนเสียนี่กระไร!
นางดันคิดไปเป็นอื่น!
“ผู้ใดอยากเห็นความสามารถด้านนั้นของเจ้ากัน!”
นางเอ่ยทั้งที่หน้าแดง “การวาดเขียนข้าก็ไม่อยากดู!”
เพื่อคลายความอึดอัดนี้ นางรีบเบี่ยงประเด็น หันไปถามหลี่จิ่วเต้าว่า “บุรุษตัวน้อย เจ้าก้าวสู่เส้นทางฝึกตนหรือยัง”
“ยัง”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวโดยไม่ปิดบัง “ข้าไม่มีพรสวรรค์ด้านฝึกฝน จึงไม่อาจก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้ หลายปีมานี้แม้ได้พบผู้ฝึกตนมาบ้าง แต่ก็ไม่ไหว ไร้วาสนาด้านฝึกตน”
“เช่นนั้นแล้วเจ้าอยากก้าวสู่เส้นทางฝึกตนหรือไม่”
หน้าซีหายแดงแล้ว เอ่ยอย่างทะนงว่า “บุรุษตัวน้อย ขอเพียงเจ้าเรียกข้าว่าท่านอาจารย์ ฝากตัวเป็นศิษย์ข้า ข้าจะพาเจ้าก้าวเดินบนเส้นทางฝึกตนเอง”
หลี่จิ่วเต้าเหยียดยิ้ม เอ่ยกับซี “คิดไม่ถึงเลย ไม่พบกันหลายปี รสนิยมเจ้าลามกขนาดนี้เชียว!”
“ลามก? ลามกอะไร” ซีมีสีหน้างงงวย
“เจ้าอยากให้ข้านับถือเจ้าเป็นอาจารย์ ไม่ใช่เพราะอยากอยู่ในสัมพันธ์สวาทระหว่างอาจารย์และศิษย์กับข้าหรือ!”
ซีรีบปฏิเสธ นางเพียงต้องการให้หลี่จิ่วเต้าเรียกนางว่าอาจารย์เพราะอยากแกล้งเท่านั้น ไม่ได้คิดเป็นอาจารย์ของหลี่จิ่วเต้าจริง ๆ!
“ไม่ต้องเรียกท่านอาจารย์แล้ว เรียกพี่สาวก็พอ ยอมเรียกพี่สาวแล้วข้าจะพาเจ้าก้าวเดินบนเส้นทางฝึกตน!” นางเอ่ย
“ย่อมได้ เพียงแต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะมีความสามารถไม่พอ ไม่อาจพาข้าก้าวเดินสู่เส้นทางฝึกตนได้ เอาอย่างนี้ เจ้าพาข้าก้าวเดินบนเส้นทางฝึกตนก่อน สำเร็จเมื่อใดข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่สาว!”
“เจ้าดูถูกข้า!”
ซีถลึงตาใส่หลี่จิ่วเต้า “เจ้ารู้บ้างหรือไม่ว่าเดี๋ยวนี้ข้าเก่งกาจเพียงใด เป็นสุดยอดผู้ฝึกตนในสุดยอดผู้ฝึกตน เมื่ออยู่เบื้องหน้าข้า เซียนยังไร้ตัวตน ไม่อาจก่อกรรมทำเข็ญอันใดได้!”
“หืม เก่งกาจปานนั้นเชียว”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ
ซีจะเก่งกาจแค่ไหนทว่าเก่งสู้บรรพจารย์ฝูได้หรือ
เขาใช้ดินวิเศษที่แลกมาจากบรรพจารย์ฝูปลูกมหาโอสถออกมาได้นานัปการ มหาโอสถเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อเหล่าผู้ฝึกตนอย่างใหญ่หลวง ช่วยผู้ฝึกตนทั้งปวงให้บรรลุได้
ทว่าโอสถเหล่านี้กลับไม่ส่งผลอันใดต่อเขา เขากินมาไม่น้อยแล้ว กลับยังไม่อาจก้าวสู่เส้นทางฝึกตน ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้
“เจ้ายังไม่ยอมเชื่อข้า!”
ซีโกรธจนตาถลน นางดูจากท่าทีบุรุษตัวน้อยก็รู้ได้ว่าเขาไม่เชื่อนาง
“เจ้าวางใจเถิด ข้าช่วยเจ้าก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้แน่!”
นางตบหน้าอกพลางเอ่ย
อย่าล้อเล่นหน่อยเลย นางอยู่ในขอบเขตไร้กั้นแล้ว อย่าว่าแต่พาหลี่จิ่วเต้าก้าวสู่เส้นทางฝึกตนเลย ต่อให้ช่วยหลี่จิ่วเต้าจนบรรลุเซียน บรรลุนิรันดร์ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่ายสำหรับนาง ทำได้ในพริบตาเดียว!
“ข้าเป็นพยาน!”
เวลานั้น เต่าชราทนดูไม่ไหวอีกต่อไป วิ่งออกมาจากห้อง
หลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงปุถุชน แต่กลับไม่ยอมเชื่อซี มันทนไม่ได้จริง ๆ!
“ให้ตายสิ!”
สีหน้านักพรตอู๋เหลียงเปลี่ยนไป เมื่อครู่เขามัวแต่มองดูคุณชายกับซี ไม่ทันเห็นเต่าชรา ปล่อยให้เต่าชราวิ่งออกไปได้
เขารีบไล่ตามออกไป กระชากคอเต่าชราไว้กลัวมันล่วงเกินคุณชาย
“คุณชายเชิญต่อได้เลย!”
เขาหัวเราะในลำคอ ลากเต่าชราออกไปข้างนอก
“เต่าชราตัวนี้มาจากไหน”
หลี่จิ่วเต้าเรียกนักพรตอู๋เหลียงไว้ เขาเลี้ยงเต่าไว้ตัวหนึ่ง ทว่าไม่ใช่เต่าชราตัวนี้ ทั้งสองต่างกันมาก
“ข้าพามาเอง” ซีเอ่ย
“สัตว์เลี้ยงของเจ้าหรือ”
หลี่จิ่วเต้ารีบบอกนักพรตอู๋เหลียง “วางลง วางลง อย่าได้เสียมารยาทต่อเต่าชรา”
“ได้เลยคุณชาย!”
นักพรตอู๋เหลียงรีบวางเต่าชราบนพื้นตามคำสั่งหลี่จิ่วเต้า
เต่าชรานึกในใจ นักพรตอู๋เหลียงผู้นี้พิลึกกึกกือนัก ทั้งที่เป็นผู้ฝึกตนทรงพลัง กลับเชื่อฟังปุถุชนคนหนึ่งทุกอย่าง!
ผู้ฝึกตนมีหลายสิ่งต้องเรียนรู้จากปุถุชน?
เรียนกับผีน่ะสิ!
ปุถุชนมีตรงไหนให้ผู้ฝึกตนเรียนรู้บ้าง!
มันรู้สึกว่านักพรตอู๋เหลียงคงฝึกฝนจนธาตุไฟเข้าแทรก หาไม่แล้วไยจึงพูดจาโง่ ๆ เหมือนละเมอเพ้อพก!
“ซี เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลย ยังชอบเลี้ยงสัตว์เล็กสัตว์น้อย!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับซี “ข้าเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้ให้เจ้าสองตัวเช่นกัน เป็นจิ้งจอกงดงามสองตัว ตัวหนึ่งเป็นจิ้งจอกขาวเย็นชา ตัวหนึ่งเป็นจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิง”
“หืม พวกนางอยู่ที่ใด” ซีตาเป็นประกาย ถามกับหลี่จิ่วเต้า
“ไม่ได้อยู่ในลาน สายหน่อยข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมพวกนาง”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “ยังมีสหายอีกหลายคน สายหน่อยค่อยไปพบพวกเขาด้วยกัน”
“สหาย สหายหญิงกระมัง!”
ซีเหลือบมองหลี่จิ่วเต้า “ข้าได้ยินจากป้าหวังข้างบ้านแล้ว ดวงเจ้าเด่นด้านนารียิ่ง มักมีเด็กสาวรูปงามวนเวียนอยู่รอบตัวเจ้าเสมอ บ้างยังพำนักอยู่ในลานของเจ้าด้วย มิหนำซ้ำแม้แต่นางเซียนผู้ฝึกตนยังหลงเสน่ห์เจ้า มาหาเจ้าได้ไม่เว้นวัน”
พูดมาถึงนี่ นางยังจงใจยกระดับเสียง “ได้ยินว่ายังมีคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันแล้วด้วย!”
หลี่จิ่วเต้ารีบบอก
ป้าหวังปากสว่างนัก เหตุใดถึงเอาเรื่องเช่นนี้ไปป่าวประกาศ มียันคู่หมั้น!
เขานับถือป้าหวังยิ่งนัก!
“อ้อ ปฏิเสธเพียงเรื่องคู่หมั้น ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องอื่น แสดงว่าที่เหลือล้วนเป็นความจริง”
ซีนั้นปฏิภาณเฉียบแหลม หันไปถามหลี่จิ่วเต้า
“เรื่องนั้น…คงใช่กระมัง ข้ามีสหายที่เป็นสตรีเพศอยู่ไม่น้อยจริง ๆ ทว่าสหายที่เป็นบุรุษเพศก็มีอยู่มากเหมือนกัน!”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว ลากนักพรตอู๋เหลียงเข้ามาพลางเอ่ย “เจ้าดู นี่คือหลักฐานชั้นดีที่สุด สหายบุรุษเพศของข้า!”
“อย่างนั้นหรือ…”
ซีจ้องมองหลี่จิ่วเต้า เอ่ยยิ้ม ๆ “ดี ข้าตั้งตารอการพบหน้ากับสหายของเจ้า!”
“พวกเขาล้วนยอดเยี่ยม เชื่อข้าเถอะ พวกเจ้าต้องเป็นมิตรต่อกันแน่!”
หลี่จิ่วเต้าไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “จริงสิ พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องพาข้าก้าวสู่เส้นทางฝึกตนไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงลากมาเรื่องนี้ได้ พวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า”
เขาหันมองซีด้วยรอยยิ้ม “เจ้าว่าเจ้าพาข้าก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้แน่ หากไม่ได้เล่า”
“ไฉนเลยจะไม่ได้! อย่าว่าแต่ซีเลย แม้แต่ข้าก็พาเจ้าก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้สบาย!”
ซีไม่ทันปริปาก เต่าชรากลับร้องขึ้นมาก่อน
พับผ่าสิ!
เจ้าเต่าชราเวรนี่ คุณชายกำลัง…กระเง้ากระงอดซีอยู่เห็น ๆ เต่าชราผู้นี้แทรกอยู่ได้!
นักพรตอู๋เหลียงขบกรามด้วยความโกรธเคือง เต่าชราผู้นี้ไม่น่าสุงสิงด้วยเสียเลย!
“คุณชาย พวกเราก็เลี้ยงเต่าตัวหนึ่งไว้เช่นกันไม่ใช่หรือ ข้าว่าพาเต่าชราไปที่นั่นดีกว่า ถึงอย่างไรเผ่าพันธุ์เดียวกันคงสนทนาถูกคอ มีเรื่องให้คุยกันมากกว่า!”
นักพรตอู๋เหลียงเอ่ย นึกอยากพาเจ้าตัวป่วนไปที่อื่น ไปหาเต่าในลานเล็ก ให้เต่าในลานเล็กสั่งสอนเต่าชราเหมือนกับเขา!
อันที่จริง แม้ว่าขอบเขตของเขาจะสูงกว่าเต่าชรา ทว่าสูงไม่เท่าซี ที่ซีมองเขาไม่ออกล้วนเป็นเพราะลานเล็กเสริมพลังในตัวเขา หาไม่แล้วซีย่อมมองเขาออกทะลุปรุโปร่ง
“โฮ่ง ข้าก็คิดเช่นนั้น ไม่เคยได้ยินคำโบราณว่าไว้หรือ เต่าชราพบเต่าชรา ขอบตารื้นด้วยหยดน้ำตา เต่าในลานของเราก็เป็นเต่า ย่อมสนทนากับมันได้ และถูกคอกันด้วย!”
สุนัขดำวิ่งออกมาเอ่ยสำทับ
นักพรตอู๋เหลียงกับสุนัขดำเข้าใจเขาดีจริง!
หลี่จิ่วเต้าก็รู้สึกว่าเต่าชราผู้นี้เกะกะ จึงเอ่ยขึ้นว่า “ก็จริง ข้าเคยได้ยินคำโบราณนี้เช่นกัน เช่นนั้นพวกเจ้าพามันไปที่นั่นเถิด”
คำโบราณกับผี!
ไยเขาจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน
เต่าชราโกรธจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน มันไม่อยากสนทนากับเต่าในลาน!
มันอยู่ในฐานะอะไร เต่าตัวนั้นอยู่ในฐานะอะไร เทียบเทียมมันได้หรือ
เต่าที่ปุถุชนเลี้ยงจะดีเด่นได้เพียงใด น่ากลัวว่าพูดไม่เป็นด้วยซ้ำ!
“ข้า…”
มันอ้าปากหมายจะเอ่ยว่าไม่ไป หารู้ไม่ เพิ่งเปล่งเสียงได้เพียงพยางค์เดียวนักพรตอู๋เหลียงก็หิ้วมันขึ้นด้วยมือเดียว ไม่ให้โอกาสมันได้พูดจาสักนิด
“ได้เลยคุณชาย!”
นักพรตอู๋เหลียงลากเต่าชราไปยังสระน้ำทันที แล้วโยนเต่าชราลงไป
“ได้ยินที่คุณชายสั่งแล้วใช่หรือไม่ เจ้าต้องสนทนากับมันให้ดี!”
นักพรตอู๋เหลียงเอ่ยกับเต่าในสระน้ำยิ้ม ๆ
เต่าในสระน้ำพยักหน้าให้นักพรตอู๋เหลียงด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “วางใจได้ พวกเราต่างเป็นเต่ากันทั้งคู่ ย่อมสนทนากันถูกคอ”
“ได้ ให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้วกัน!”
นักพรตอู๋เหลียงจากไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ต้องกังวลว่าเต่าชราจะทะเล่อทะล่าเอ่ยแทรกอีก
ยามอยู่ข้างนอก กำลังรบระดับล้ำขีดของเต่าชราอาจแกร่งกล้า ทว่าในลานเล็กแห่งนี้ กำลังรบระดับล้ำขีดของเต่าชราไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ว่าสิ่งใดในลานเล็กล้วนกำราบเต่าชราได้สบาย!
รวมถึงเต่าในสระน้ำตัวนี้ด้วย!
เต่าในสระน้ำเมื่อคราวยังอยู่ข้างนอกไม่เท่าไหร่ ทว่าหลังได้คุณชายนำมาเลี้ยงในสระ เต่าตัวนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างกลับตาลปัตร ไม่ใช่เต่าในอดีตอีกแล้ว
เต่าในยามนี้มีขอบเขตสูงส่ง เต่าชราล้ำขีดไร้น้ำยาสิ้นดีเมื่ออยู่ต่อหน้าเต่าในสระน้ำ เต่าในสระน้ำกำราบเต่าชราได้สบาย!
“คุณชาย ข้ากับสุนัขดำออกไปเดินเล่นก่อนนะขอรับ!”
หลังจัดการปัญหาเต่าชราได้แล้ว นักพรตอู๋เหลียงก็เอ่ยกับคุณชาย
เขาไม่อยากอยู่รบกวนการพลอดรักของคุณชายกับซีที่นี่!
“ได้ พวกเจ้าไปเถิด”
หลี่จิ่วเต้าเข้าใจความหมายของนักพรตอู๋เหลียง นึกในใจว่านักพรตอู๋เหลียงรู้จักมองสถานการณ์ยิ่งนัก สมแล้วที่อยู่ข้างกายเขามาตลอด
จากนั้นนักพรตอู๋เหลียงและสุนัขดำก็ออกไปจากลานเล็ก
“สหาย มีตาแล้วเจ้าต้องหัดมีแววบ้าง!”
ภายในสระน้ำ เต่าส่งคลื่นพลังจิตไปหาเต่าชรา
“ผู้ใด…”
เต่าชราอ้าปากหมายจะตะโกน ผู้ใดเป็นสหายของเจ้าวะ ผู้ใดมีตาหามีแววไม่!
“เงียบ!”
ทว่ามันเอ่ยไม่ทันจบ เต่าตัวนั้นก็ส่งคลื่นพลังจิตหามัน ปากของมันอ้ากว้างทว่าไม่อาจเปล่งเสียงได้สักแอะ!
เป็นไปได้อย่างไร?!
เต่าชราตกตะลึงอย่างแท้จริง ขนลุกไปทั้งตัว เกิดอะไรขึ้น มันถูกปิดเสียงหรือ! นี่ผิดจากที่มันคาดอย่างสิ้นเชิง!
ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ เท่าที่มันเข้าใจ เต่าที่ปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้าเลี้ยงจะเก่งกาจสักเพียงใด อย่างมากก็เป็นเพียงเต่าธรรมดาตัวหนึ่ง
ทว่าเต่าในสระนี้กลับไม่ใช่อย่างที่มันคิดเลย!
นี่ใช่เต่าธรรมดาที่ไหน เป็นเต่าที่ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้วชัด ๆ มิหนำซ้ำขอบเขตที่มียังสยดสยองเหลือแสน สูงกว่ามันตั้งไม่รู้เท่าใด!
หาไม่แล้วเต่าตัวนี้ไม่มีทางสั่งปิดเสียงมันได้ในการตั้งจิตครั้งเดียว จนมันไม่อาจส่งเสียงได้อีก!
“พับผ่าสิ เจ้าคงไม่ได้เป็นอย่างนักพรตอ้วนผู้นั้น เอาเช่นอย่างและเรียนรู้จากปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้ากระมัง!”
มันส่งกระแสจิตหาเต่าตัวนั้นอย่างอดไม่ได้
“หืม ไยจะไม่ได้ พี่อู๋เหลียงพูดถูก ปุถุชนคือรากฐาน พวกเราไม่ควรลืมรากของตนเอง ควรต้องเอาเช่นอย่างและเรียนรู้จากพวกเขา เช่นนี้จึงจะก้าวสู่ระดับที่สูงกว่านี้ได้!”
เต่าส่งกระแสจิตตอบ
“…”
เต่าชราหมดคำพูดอย่างสิ้นเชิง นี่มันเข้ามาในรังคนวิกลจริตหรือไร?
เหตุใดถึงพานพบพวกละเมอเพ้อพกอีกแล้ว!
……….