รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1126 หลี่จิ่วเต้า ‘จั่วเหยียนกลายเป็นเสี่ยวเหยียนจื่อแล้วจริง ๆ หรือ?!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1126 หลี่จิ่วเต้า ‘จั่วเหยียนกลายเป็นเสี่ยวเหยียนจื่อแล้วจริง ๆ หรือ?!’
บทที่ 1126 หลี่จิ่วเต้า ‘จั่วเหยียนกลายเป็นเสี่ยวเหยียนจื่อแล้วจริง ๆ หรือ?!’
……….
บทที่ 1126 หลี่จิ่วเต้า ‘จั่วเหยียนกลายเป็นเสี่ยวเหยียนจื่อแล้วจริง ๆ หรือ?!’
ดาบล่วงลับมีความหมายพิเศษซึ่งบ่งบอกถึงความตาย บ่งบอกถึงการเก็บเกี่ยว ผู้ล่วงลับปลุกพลังดาบล่วงลับเต็มกำลัง ห้วงมิติพลั่นสั่นสะเทือน ภาพร่างเลือนรางปรากฏ แฝงไว้ด้วยแรงกดดันรุนแรง พลังปราณที่คลี่แผ่ออกมาชวนให้ขวัญผวา!
แม้แต่นักพรตเจวี๋ยเฉินยังอดตัวสั่นไม่ได้ ชักจะรับแรงกดดันนี้ไม่ไหว
แม้ว่าเป็นสมาชิกแดนพิสุทธิ์กันทั้งหมด ทว่าความห่างชั้นนั้นมากโข เขาสั่นเทิ้มไปทั้งดวงวิญญาณ อดไม่ได้อยากคุกเข่าคำนับดาบล่วงลับ
ขณะเดียวกัน เขายังรู้สึกว่าขุมปราณชีวิตในร่างตนเองกำลังเหือดหายอย่างรวดเร็ว ถูกดาบล่วงลับดูดกลืนไป!
เขารู้ดีว่าดาบล่วงลับไม่ได้ตั้งใจ หากแต่เมื่อดาบล่วงลับสำแดงพลานุภาพจักเป็นเช่นนี้ บริเวณที่ดาบล่วงลับปกคลุม ทุกชีวิตจักถูกสังหาร!
“ฆ่า!”
สีหน้าผู้ล่วงลับเย็นเยียบขณะฟาดดาบออกไป
เหนือนภาขึ้นไป ภาพร่างเลือนรางนั้นเคลื่อนไหว มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหาหงส์โลหิตรัตติกาล
ฟึ่บ!
หงส์โลหิตรัตติกาลเคลื่อนไหวเช่นกัน ตวัดกระบี่ฉุนจวินฟาดฟันเข้าไป!
แสงกระบี่ผ่องอำไพ เจตจำนงกระบี่สูงส่งกู่ร้อง คราวนี้กระบี่ฉุนจวินเอาจริงแล้ว พลังที่ปะทุออกมานั้นยิ่งทวีความกล้าแกร่ง ภาพร่างเลือนรางนั้นสยดสยองถึงขีดสุด กระนั้นก็ยังไม่ไหว ถูกแสงกระบี่เจิดจ้าบดขยี้แหลกลาญ อันตรธานอย่างสิ้นเชิง!
เสียงดังพรวด ผู้ล่วงลับกระอักเลือดคำโต รอยร้าวคืบคลานทั่วร่าง ก่อนจะระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด!
ดาบล่วงลับแหลกลาญเช่นกัน เศษดาบกระจายไปทั่วอวกาศ!
ภาพร่างเลือนรางนั้นเชื่อมต่อกับดาบล่วงลับ เมื่อภาพร่างเลือนรางแหลกเหลว ดาบล่วงลับและผู้ล่วงลับจึงได้รับผลกระทบไปด้วย บาดเจ็บสาหัส!
“พ่ายแพ้…หรือนี่”
ผู้ล่วงลับสร้างร่างใหม่ขึ้น ดาบล่วงลับก็ประกอบร่างอีกครั้ง ทว่าเขาไม่เหลือความคิดต่อสู้อีก เงาร่างเต็มไปด้วยความโศกศัลย์
การโจมตีเมื่อครู่เป็นการโจมตีรุนแรงที่สุดของเขา แม้แต่การโจมตีนี้ยังไม่ไหว ถูกกระบี่ฉุนจวินทลายลงอย่างง่ายดาย เขารู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่มือของกระบี่ฉุนจวิน
เขาแทบเชื่อไม่ลงเลย ตัวเขาพ่ายแพ้ไม่เท่าไหร่ ทว่าแม้แต่ดาบล่วงลับที่จ้าวแดนพิสุทธิ์ประทานให้ยังสู้ไม่ไหว เรื่องนี้เหนือความคาดหมายเขาไปไกล ชวนให้เขาต้องขบคิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกระบี่ฉุนจวินเป็นใครกันแน่ แล้วก้าวเดินในขอบเขตไร้กั้นไปไกลเท่าใดแล้ว
“แพ้แล้ว…”
ผู้ที่โศกเศร้าเช่นกันยังมีนักพรตเจวี๋ยเฉิน
เขาไม่สนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกระบี่ฉุนจวินเป็นใคร ต้องการเพียงเก็บเกี่ยวเพื่อค้นคว้าเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้ น่าเสียดาย ทั้งหมดนี้แตกดับไปแล้ว
ผู้ล่วงลับพ่ายแพ้ เขาก็ไม่สามารถเก็บเกี่ยวอีก
“แข็งแกร่งปานนี้ เจ้านายเบื้องหลังเจ้าคงไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตไร้กั้นจนได้สัมผัสขอบเขตเหนือกว่านั้นแล้วกระมัง ต่อให้ยังบุกเบิกเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้ไม่ได้ ทว่าก็คงอีกไม่นานแล้ว…”
ผู้ล่วงลับจ้องมองกระบี่ฉุนจวิน “อย่าได้ตั้งความหวังว่าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์อาจมีเมตตา นั่นเป็นความคิดที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง การกระทำที่ถูกต้องคือแบ่งปันเคล็ดการฝึกฝน ร่วมแรงร่วมใจบุกเบิกเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้ เช่นนี้พวกเราถึงมีโอกาสอยู่รอดต่อไป มีโอกาสควบคุมโชคชะตาตนเอง!”
กระบี่ฉุนจวินลากตัวถ่วงอย่างหงส์โลหิตรัตติกาลมาด้วยยังระเบิดพลังน่าสะพรึงกลัวปานนี้ได้ เขารู้สึกว่าต่อให้เจ้านายเบื้องหลังกระบี่ฉุนจวินยังบุกเบิกเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้ไม่ได้ก็คงอีกไม่ไกลแล้ว
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกเสียดายอย่างยิ่งยวด
หากเจ้านายเบื้องหลังกระบี่ฉุนจวินยอมร่วมมือกับพวกเขา แบ่งปันเคล็ดการฝึกฝน พวกเขาย่อมบุกเบิกเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้และก้าวขึ้นไปได้แน่
ทันทีที่พวกเขาก้าวสู่เส้นทางฝึกตนหลังจากนี้ ย่อมบรรลุขอบเขตเหนือกว่าไร้กั้น…ขอบเขตแกนนภา เช่นนี้ พวกเขาจึงจะมีต้นทุนให้ต่อกรกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์
“ไปได้แล้ว อย่าให้ข้าต้องส่งเจ้ากลับเลย”
กระบี่ฉุนจวินเอ่ยเสียงราบเรียบ
ผู้ล่วงลับรับรู้ได้ถึงท่าทีเด็ดเดี่ยวของกระบี่ฉุนจวิน ปริปากเอ่ย “วันหนึ่งเจ้านายเบื้องหลังเจ้าต้องเสียใจ! ฝากความหวังไว้กับความเมตตาของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์เป็นการตัดสินใจที่โง่งมที่สุด!”
จากนั้น เขาตวัดดาบล่วงลับไปจากที่นี่ กลับไปยังแดนพิสุทธิ์จวินเทียน
“เหตุใดเจ้ายังไม่ไป”
กระบี่ฉุนจวินทอดมองนักพรตเจวี๋ยเฉิน พบว่านักพรตเจวี๋ยเฉินไม่ได้ขยับเขยื้อน ยังคงอยู่ที่เดิม “หรือเจ้าอยากให้ข้าส่งเจ้ากลับ”
“ขอเจรจาด้วยหน่อย ข้าอยากพานางไปด้วย!”
นักพรตเจวี๋ยเฉินโอบจั่วเหยียนไว้และเอ่ยกับกระบี่ฉุนจวิน
ได้พบหน้าคราเดียวลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต นี่คือความรู้สึกที่เขามีต่อจั่วเหยียน เขาอยากพาจั่วเหยียนไปที่แดนพิสุทธิ์
“ผู้ใดกัน?”
กระบี่ฉุนจวินจ้องมองจั่วเหยียน น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจ
เหตุใดสตรีนางนี้ถึง…หน้าตาพิลึก?
ดูแล้วคล้ายคลึงจักรพรรดินีหนานกงอย่างยิ่งยวด และคล้ายคลึงกับหงส์โลหิตรัตติกาลด้วย จนมันยังรู้สึกแปลกใจ
“เขาคือ…จั่วเหยียน”
จักรพรรดินีหนานกงเหินไปอยู่ข้างกระบี่ฉุนจวินและบอกเล่าสถานการณ์
“หา?”
กระบี่ฉุนจวินอึ้งงัน นี่มันอะไรกัน? เป็นบุรุษเพศดี ๆ ไม่ชอบ เหตุใดจั่วเหยียนต้องแปลงกายเป็นสตรีเพศ ซ้ำยังถูกนักพรตเจวี๋ยเฉินกอดไว้ด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน
หรือว่าจั่วเหยียนมีรสนิยมพิเศษ ชื่นชอบบุรุษ? ชื่นชอบการเป็น…สตรี?!
“จั่วเหยียนอะไร”
นักพรตเจวี๋ยเฉินได้ยินแล้วคิ้วขมวดมุ่น เหตุใดชื่อนี้ถึงฟังดูเหมือนชื่อของบุรุษ
“ฮิ ๆ ขอบคุณเจ้าที่ชอบข้า ทว่าข้าตามเจ้าไปไม่ได้”
จั่วเหยียนในอ้อมกอดนักพรตเจวี๋ยเฉินหัวเราะเบา ๆ สีหน้าท่าทางเหมือนสตรีเพศทุกประการ
“ข้าเป็นผู้ติดตามของคุณชาย”
เขาบอกกับนักพรตเจวี๋ยเฉิน
“คุณชาย? ‘คนทรยศ’ ของแดนพิสุทธิ์หรือ”
นักพรตเจวี๋ยเฉินเอ่ยกับจั่วเหยียน “เจ้าอย่าไปคลุกคลีกับพวกเขานัก ต้องไม่ดีแน่ วันหน้าหากเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์กลับมา พวกเขาต้องเป็นกลุ่มแรกที่ตายแน่!”
เขาเอ่ย “ข้าหวังให้เจ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา! แม้ว่าฝ่ายเราก็ไม่ได้มีความหวังมากนัก กระนั้นยังพอเห็นความหวังอยู่บ้าง! แต่ฝ่ายพวกเขาไม่มีความหวังอยู่เลย”
“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้”
จั่วเหยียนสั่นศีรษะ เอ่ยเสียงแน่วแน่ “ข้าไม่มีวันทรยศคุณชาย ข้าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณชายตลอดไป”
ไม่ใช่ว่าเขาภักดีกับคุณชายนักหนา หากแต่เพราะเขาไม่กล้า
เขารู้ดีว่าคุณชายนั้นวิเศษสูงส่งเพียงใด ให้เขากล้ากว่านี้อีกหมื่นเท่าก็ไม่กล้า!
“เฮ้อ…”
นักพรตเจวี๋ยเฉินรู้สึกได้ถึงท่าทีเด็ดขาดของจั่วเหยียน อดไม่ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ทว่าข้าไม่ต้องการแยกจากกับเจ้า!”
เขาใคร่ครวญไปมา ลงท้ายก็ตัดสินใจครั้งใหญ่หลวง!
“ไม่อย่างนั้น ขอข้าเข้าร่วมฝ่ายคุณชายด้วยดีหรือไม่”
เขาปริปาก
ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา เขาไม่เคยใจเต้นเช่นนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าความรักเป็นความรู้สึกเช่นไร บัดนี้ เขารู้สึกใจเต้นกับจั่วเหยียน ต่อให้เขาต้องเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างก็ยอม ขอเพียงได้อยู่กับจั่วเหยียน
เขาอยู่มานานเกินพอแล้ว บัดนี้นับว่าปลงตกแล้ว หนทางเบื้องหน้าต่อให้กระเสือกกระสนสักเพียงใดความหวังก็ยังริบหรี่ เช่นนั้นเขาเลิกดิ้นรนแล้วดื่มด่ำกับชีวิตหลังจากนี้ดีกว่า
ไม่สิ ดื่มด่ำกับชีวิตของเขาและจั่วเหยียนหลังจากนี้
“พอที! เลิกพูดได้แล้ว! ข้าใกล้อ้วกแล้วจริง ๆ!”
กระบี่ฉุนจวินเอ่ยกับนักพรตเจวี๋ยเฉินอย่างอดไม่ได้ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร เอาแต่เอ่ยเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ! เขาคือจั่วเหยียน เป็นบุรุษผู้หนึ่ง! บุรุษที่เดินทางมากับพวกเรา!”
“อะไรนะ!”
นักพรตเจวี๋ยเฉินเด้งตัวขึ้น โมโหจนแทบเป็นลม ผู้ที่เขาโอบกอดไว้ในอ้อมอกเป็นบุรุษหรือนี่?!
ซ้ำยังเป็นบุรุษหยาบกระด้างเหลือแสนเสียด้วย!
เขาจำรูปโฉมจั่วเหยียนที่เดินทางมาได้!
“ไม่จริงกระมัง!”
เขาเชื่อไม่ลง เป็นไปได้อย่างไร สตรีงดงามเฉินฉันปานนี้ ทุกอิริยาบถล้วนอ้อนแอ้นยิ่งกว่าอะไร ยั่วยวนถึงขีดสุด ไฉนเลยจะเป็นบุรุษจำแลงมา?!
นอกจากนี้ เขาเคยจับสัมผัสพลังปราณในตัวจั่วเหยียน สอดคล้องกับรูปลักษณ์สตรีโฉมสะคราญของจั่วเหยียนนี่!
พลังปราณนั้นปลอมไม่ได้ และไม่มีทางตบตาตัวตนระดับเขาได้
“มันกล่าวไม่ผิด ข้าคือจั่วเหยียนจริง ๆ และเป็นบุรุษจริง ๆ”
จั่วเหยียนนำเรือกระดาษออกมา ให้เรือกระดาษยกเลิกม่านพลังปิดกั้นพลังปราณของเขา และเพราะพลังของเรือกระดาษ นักพรตเจวี๋ยเฉินถึงจับสัมผัสรูปโฉมและพลังปราณเดิมของเขาไม่ได้
“ทว่าข้าต้องแถลงไขสักเรื่อง นั่นเป็นข้าในอดีต! บัดนี้ข้าตวัดมีดตอนตัวเอง ตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างของข้าในฐานะบุรุษไปแล้ว ข้าในยามนี้คือสตรีอย่างแท้จริง!”
จั่วเหยียนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
หลังพลังของเรือกระดาษหายไป นักพรตเจวี๋ยเฉินสัมผัสถึงดวงหน้าเดิมของจั่วเหยียนได้ทันที
“ไอ้&*##@!”
เขาด่ากราดทันที ต่อยจั่วเหยียนเข้าที่ศีรษะ “ไอ้เวรตะไลนี่ เจ้าเป็นสตรีกับผีน่ะสิ!”
นี่เขาถูกหลอกหรือ ถึงกับโอบกอดบุรุษหยาบกระด้างผู้หนึ่งไว้ในอ้อมกอด ซ้ำยัง…แสดงความรักออกไป!
แค่คิดเขาก็ทนไม่ไหว คลื่นไส้ถึงขีดสุด!
“&*##@!!!”
เขากระชากคอจั่วเหยียนขึ้นมาอัดอย่างหนัก ยิ่งคิดยิ่งแค้น เล่นงานจั่วเหยียนจนแทบชีวาวาย
“สมควร”
กระบี่ฉุนจวินไม่ได้ห้าม “เป็นบุรุษดี ๆ ไม่ชอบ กลับอยากเป็นสตรี สมควรต้องถูกสั่งสอน”
ทว่าลงท้ายมันก็ลงมือแทรกแซง นักพรตเจวี๋ยเฉินพิโรธ ลงมือหมายเอาชีวิต หากเขาไม่ยื่นมือช่วยจั่วเหยียนต้องถูกนักพรตเจวี๋ยเฉินสังหารแน่
“เจอเจ้าคราวหน้า ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ!”
นักพรตเจวี๋ยเฉินเอ่ยลอดไรฟัน
เขาอุตส่าห์รู้สึกใจเต้น อีกฝ่ายกลับเป็นบุรุษ!
บอกตามตรง หทัยเต๋าของเขาใกล้แตกสลายเต็มที ใต้หล้านี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน เขาไปจากที่นี่ด้วยความเคียดแค้น
“แปลงกายกลับมา”
กระบี่ฉุนจวินตวาดใส่จั่วเหยียน ไม่อาจทนมองรูปลักษณ์สตรีของจั่วเหยียนได้จริง ๆ
“ไม่! ต่อให้เจ้าฆ่าข้า ข้าก็ไม่แปลงกาย! จั่วเหยียนในอดีตตายไปแล้ว บัดนี้ข้าเป็นคนใหม่ ข้าคือ…จั่วเยว่!”
จั่วเหยียนเอ่ยเสียงแน่วแน่
“โอ๊ย!”
กระบี่ฉุนจวินเดือดดาล จั่วเหยียนอยากเป็นสตรีจนเสียสติไปแล้วหรือ แม้แต่ชีวิตก็ยอมละทิ้งหรือ
ทว่ามันไม่คิดตามใจจั่วเหยียน ปล่อยพลังสายหนึ่งใส่ เปลี่ยนจั่วเหยียนให้กลับมาเป็นรูปโฉมเดิม
“เจ้าอยากเป็นสตรีเป็นเรื่องของเจ้า ข้าไม่คิดยุ่ง และไม่อยากยุ่ง! ทว่าเจ้าอยู่ข้างกายคุณชาย ข้าจึงไม่อนุญาตให้เจ้าทำเช่นนี้! รอจนเจ้าไปจากคุณชายเมื่อใด เจ้าอยากเป็นสตรีเช่นไรข้าล้วนไม่แทรกแซง!”
กระบี่ฉุนจวินแผดเสียง มันไม่ยอมให้จั่วเหยียนทำให้ดวงตาคุณชายต้องเปื้อนมลทินแน่!
จากนั้น มันใช้ม้วนพลังไปรอบตัวจั่วเหยียนแล้วพาขึ้นไปบนเรือกระดาษ ไปจากที่นี่พร้อมจักรพรรดินีหนานกงและหงส์โลหิตรัตติกาล กลับไปยังที่พำนักของคุณชาย
แน่นอนว่านำสิ่งมีชีวิตแดนลับที่นักพรตเจวี๋ยเฉินเลือกไว้ไปด้วย
“เหตุใดข้าอยากเป็นสตรีก็ยังเป็นไม่ได้เล่า!”
ระหว่างทาง จั่วเหยียนร่ำไห้ไม่หยุด เขาตอนตัวเองก็แล้ว แต่ยังไม่สมปรารถนาเสียที ใจชอกช้ำตรอมตรมเหลือเกิน
กระบี่ฉุนจวินหงุดหงิดกับเสียงร้องไห้ของจั่วเหยียน ใช้พลังปิดปากเขาเพราะไม่ต้องการฟังเสียงจั่วเหยียนร่ำไห้อีก
ผ่านไปไม่นาน พวกเขากลับไปถึงที่พำนักคุณชาย
จักรพรรดินีหนานกงและหงส์โลหิตรัตติกาลเล่าเรื่องของผู้ล่วงลับให้ฟัง
“อืม ดี!”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า พึงพอใจกับสถานการณ์นี้มาก สมาชิกแดนพิสุทธิ์ยอมหยุดเรื่องเก็บเกี่ยวไว้ชั่วคราวแล้ว
ทว่าเขาเองรู้ดี สมาชิกแดนพิสุทธิ์หาได้ถอดใจ เพียงแต่ยอมแพ้ชั่วคราวเท่านั้น ภายหน้าต้องลงมืออีกแน่
‘ไม่เป็นไร ภายหน้าพวกอ้ายฉานคงเก่งกล้าเอาตัวรอดได้จนสามารถต่อกรกับสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านี้แล้ว ถึงเวลานั้น ให้พวกอ้ายฉานไปจัดการสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านี้…’
เขาคิดในใจ
“เสี่ยวเหยียนจื่อ เหตุใดข้ามองดูแล้วรู้สึกว่าเจ้าแปลกไป เกิดอันใดขึ้น”
เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าจั่วเหยียนผิดปกติ ดูเหมือนประสบเหตุพลิกผันบางอย่าง
จักรพรรดินีหนานกงและหงส์โลหิตรัตติกาลไม่ได้เล่าเรื่องที่จั่วเหยียนตอนตัวเอง พวกนาง…กระดากจะปริปากจริง ๆ!
“คุณชาย ข้าอยากเป็นสตรี…”
จั่วเหยียนเอ่ยเสียงร่ำไห้ บอกว่าเขานั้นตวัดมีดตอนตัวเองและตัดขาดทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างบุรุษไปแล้ว
“เจ้ากลายเป็นเสี่ยวเหยียนจื่อแล้วจริง ๆ หรือ?!”
หลี่จิ่วเต้าพูดไม่ออกในบัดดล ตวัดมีดตอนตัวเอง จั่วเหยียนกลายเป็นขันทีไปแล้ว!
“อย่าทำเป็นเล่น รีบฟื้นสภาพกลับมาเสีย ข้ารู้ว่าเจ้าฟื้นสภาพได้”
เขาบอกกับจั่วเหยียน
นอกจากนี้เขายังถามต่อ “บอกข้ามา เหตุใดเจ้าถึงตวัดมีดตอนตัวเองต้องการเป็นสตรี”
มีที่ไหนจู่ ๆ ก็อยากเป็นสตรีโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ต้องมีเหตุผลบางอย่าง เขาอยากรู้ว่าสาเหตุใดทำให้จั่วเหยียนอยากเป็นสตรี
อยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า จั่วเหยียนไม่กล้าปิดบัง บอกทุกอย่างไปตามตรง “สตรีที่ได้มาอยู่ข้างกายคุณชายล้วนได้รับการปฏิบัติอย่างดี ข้าก็อยากได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นบ้าง…”
สีหน้าหลี่จิ่วเต้าพลันพิลึก นึกไปว่าที่แท้ในใจจั่วเหยียน เขาเป็นเพียงพวกหื่นกามหรือนี่
เลิกล้อเล่นเสียทีเถิด หากเขาหื่นกาม น่ากลัวว่าป่านนี้ลูกคงโตทันใช้งานแล้ว!
จนป่านนี้เขายังเป็นชายบริสุทธิ์อยู่เลย!
“อย่าทำตัวตื้นเขินเช่นนี้ได้หรือไม่”
หลี่จิ่วเต้าบอกกับจั่วเหยียน “ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด ใช่ว่าจำแลงกายในรูปสตรีแล้วข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างดี ต่อให้เจ้างดงามเพียงใดก็เป็นเช่นเดิม”
สุดท้าย เขาตบบ่าจั่วเหยียน “พอเถอะ เลิกคิดแต่จะหาทางโดยไม่ชอบเสียที ช่วงนี้เจ้าประพฤติตนได้ไม่เลว ต่อจากนี้เจ้าได้รับอนุญาตให้กินข้าวบนโต๊ะ”
ท่าทีจั่วเหยียนที่เคยสลดพลันมลาย ยิ้มจนหุบไม่ลง
“ยังอยากเป็นสตรีอยู่หรือไม่”
หลี่จิ่วเต้าถามยิ้ม ๆ
“ไม่อยากแล้ว! ผู้ใดอยากเป็นสตรีกันเล่า! ต้องกระมิดกระเมี้ยน ไม่อาจวางตัวอย่างเปิดเผย ทรมานเกินไป!”
จั่วเหยียนเอ่ย
“เช่นนั้นก็ดี”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “ทว่าข้าอยากเห็นรูปลักษณ์สตรีของเจ้า มาเถิด ขอข้าดูหน่อย”
“ได้!”
จั่วเหยียนไม่ได้ลังเล รีบแปลงกายเป็นสตรี ผมยาวสีแดงสยาย รูปโฉมไร้ที่ติ ในความสง่าแฝงไว้ด้วยความยั่วยวน เฉิดฉันจับตา
หลี่จิ่วเต้าเห็นแล้วชะงัก
เขานึกในใจ สมแล้วที่จั่วเหยียนติดตามข้างกายเขามานาน จับจุดที่เขาชอบได้อย่างถ่องแท้ ร่างสตรีที่จำแลงมาตรงกับความชอบของเขายิ่งนัก
……….
เ