รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1106 เตรียมการล่วงหน้าเพื่อแสดงความสามารถของเขาให้เห็น!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1106 เตรียมการล่วงหน้าเพื่อแสดงความสามารถของเขาให้เห็น!
บทที่ 1106 เตรียมการล่วงหน้าเพื่อแสดงความสามารถของเขาให้เห็น!
……….
บทที่ 1106 เตรียมการล่วงหน้าเพื่อแสดงความสามารถของเขาให้เห็น!
ภายในหลุมดำ เสียงคำรามอันเจ็บปวดของจ้าวตี้ดังออกมาไม่หยุดหย่อน พลังด่างพร้อยมากมายหลั่งไหลเข้าไปสู่กายเขา เปลี่ยนแปลงร่างของเขา เทียบเท่ากับการก่อร่างสร้างใหม่
กระบวนการนี้เจ็บปวดเหลือคณา วิญญาณของเขา ร่างกายของเขาถูกฉีกออกและประกอบใหม่เรื่อย ๆ แล้วถูกฉีกออกประกอบใหม่อีกครั้ง
ระยะหนึ่งผ่านไป เขาถูกเปลี่ยนให้เป็นประเภทเดียวกันอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือเค้ามนุษย์ กลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้คำนิยาม
เขามีศีรษะ ทว่าไม่ใช่ศีรษะมนุษย์ ดูคล้ายศีรษะกิ้งก่า แต่ก็ไม่เหมือนกับศีรษะกิ้งก่าทั่วไป เต็มไปด้วยฟองอากาศน่าขยะแขยง น้ำหนองไหลออกมาไม่หยุด
ไหนจะร่างกายที่ไม่เหลือเค้ามนุษย์เช่นกัน เลือดเนื้อแดงฉานเผยให้เห็นโทง ๆ อยู่ภายนอก ปราศจากเปลือกผิว บอกไม่ถูกว่ามีรูปลักษณ์อย่างไร มือเท้าก็หายไปกลายเป็นกรงเล็บคมกล้า เหลือขาเพียงข้างเดียว ซ้ำยังมีหางขนปุกปุยงอกออกมา ส่วนขนนั้นไม่ได้เรียบลื่น หากแต่แห้งกรังดุจเศษหญ้า
เขายกมือเรียกกระจกบานหนึ่งออกมาเพื่อดูสภาพตัวเองในยามนี้ เพียงแวบเดียวก็ต้องอาเจียน ต่อยกระจกระเบิดในหมัดเดียว
อัปลักษณ์ยิ่งนัก อัปลักษณ์จนเขาไม่อาจจ้องมองตรง ๆ ทว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นจริง ๆ แทบอยู่ในจุดสูงสุดของแสวงวิถีวรรณะเก้าแล้ว การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยยังเต็มไปด้วยพลังยิ่งใหญ่
เขาทนสภาพตัวเองในตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ ใช้พลังสารพันเพื่อแปลงรูปลักษณ์เป็นมนุษย์
แต่ไม่ว่าเขาใช้พลังเท่าใดก็ไม่อาจกลายเป็นร่างมนุษย์ได้
“อย่าเปลืองแรงเสียเปล่าอีก”
สัตว์ประหลาดไร้คำนิยามตัวนั้นเอ่ย “เจ้ากลายเป็นหนึ่งในพวกเราแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ง่าย ๆ จำต้องค่อย ๆ จำแลงไปตามพลังที่เพิ่มขึ้น”
มันบอกอย่างชัดแจ้ง รูปร่างอย่างพวกมันเต็มไปด้วยศักยภาพ สามารถหมายมั่นปั้นมือในระดับสูงสุดของใต้หล้านี้
“จำแลงรูปมนุษย์ได้เมื่อใด”
จ้าวตี้ถามอย่างอดไม่ได้
เขาไม่ต้องการหมายมั่นปั้นมือในระดับสูงสุดของใต้หล้า ต้องการเพียงกลับมาอยู่ในรูปมนุษย์อีกครั้ง สภาพเขาในยามนี้แม้แต่ตัวเองเห็นแล้วยังอ้วก รับไม่ได้จริง ๆ
“ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อน พวกเราเองก็กำลังเสาะหาวิธี”
สัตว์ประหลาดไร้คำนิยามตัวนั้นเอ่ย
พวกมันเพิ่งมีสติปัญญาได้ไม่นาน ยังไม่รู้เรื่องของตนเองดีเท่าใด แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังแฝงมหาศาลในตัว คล้อยตามการสำรวจคลำทางไปทีละนิด พวกมันย่อมต้องทรงพลังขึ้นกว่านี้แน่นอน
“กฎวิถีและสิ่งมีชีวิตในแต่ละอาณาจักรของดินแดนใหม่จะกลายเป็น ‘ปุ๋ย’ ของเรา ช่วยให้พวกเราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น บัดนี้เริ่มลงมือได้!”
มันเอ่ยกับจ้าวตี้ “เจ้าชี้แจงให้สหายของเจ้าทราบด้วย บอกพวกเขาว่าอย่าขัดขวางเรา หนนี้ เราจะออกโรงอย่างพร้อมเพรียง!”
พลังด่างพร้อยไม่ได้มีสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามแค่มันตัวเดียว แต่ยังมีอีกมากมายหลายตัว มีทั้งสัตว์ประหลาดที่กล้าแกร่งกว่ามัน และสัตว์ประหลาดตัวเล็กที่เพิ่งพัฒนาสติปัญญา เพิ่งจำแลงรูปร่างออกมา
สัตว์ประหลาดตัวเล็กเหล่านั้นไม่ได้ทรงพลังนัก ไม่อาจบาดเจ็บแม้แต่น้อย ง่ายจะเกิดเรื่อง
“ได้! ข้าจะไปจัดการ!”
จ้าวตี้พยักหน้าพลางเอ่ย
เขาติดต่อปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตนอื่น บอกกล่าวสถานการณ์ด้านเขาให้ทราบ อีกทั้งไถ่ถามถึงสถานการณ์ด้านโน้นจากเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่
“ไม่สู้จะราบรื่นเท่าใด!”
ปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตนอื่นตอบ
ดูเหมือนหยวนอู้จะไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา หรืออาจอยู่ห่างไกลจากทะเลนิโรธจนไม่อาจรับรู้ถึงสถานการณ์ด้านนี้ สุดท้ายพวกเขาก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับ
นอกจากนี้ ทะเลนิโรธยังคงน่าประหวั่นพรั่นพรึงเหลือแสนอย่างเคย ต่อให้พวกเขาคิดหาวิธีนับคณาก็ไม่อาจย่างกรายบนทะเลนิโรธ
“เดี๋ยวก่อน…มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแล้ว!”
เวลานั้นเอง ปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตนหนึ่งเอ่ยเสียงดีใจ ประกายประหลาดพราวระยับอยู่ในส่วนลึกของทะเลนิโรธ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ลมหายใจต่อมา ทั่วทั้งทะเลนิโรธพลันเดือดดาลขึ้นมา คลื่นสยดสยองซัดสาด พลังน่าครั่นคร้ามไหลเวียน
“มาเถิด ข้ารู้จุดประสงค์การมาของพวกเจ้าแล้ว”
เสียงหนึ่งดังในใจเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ ปรมาจารย์ดินแดนใหม่ทั้งหลายพลันตื่นเต้นขึ้นมา
แม้ว่าจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน แต่พวกเขายังจดจำเสียงนี้ได้ เสียงนี้คือเสียงที่เคยบงการพวกเขาในอดีต!
และมันเป็นเสียงของหยวนอู้
หยวนอู้ต้องการพบพวกเขา!
“ได้!”
“พวกเรามาแล้ว!”
พวกเขาดีใจมาก ในที่สุดก็ได้สนทนากับหยวนอู้แล้ว แม้ว่าหยวนอู้จะไม่ใช่คนดี ทว่าศัตรูของศัตรูคือมิตร พวกเขาหวังว่าจะได้เข้าเป็นพวกเดียวกับหยวนอู้
จากนั้น พวกเขาพากันก้าวไปบนทะเลนิโรธ
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้พบเจอกับอุปสรรคใดอีก และมาถึงส่วนลึกทะเลนิโรธได้สบาย ๆ
ในส่วนลึกของทะเลนิโรธ พวกเขาได้เห็นน้ำวนอันน่าสะพรึง ปริภูมิเวลาและห้วงมิติล้วนบิดเบี้ยว พวกเขาจ้องมองวังวนสยดสยอง คล้ายว่าจะเห็นสถานที่อัศจรรย์แห่งหนึ่งราง ๆ ในนั้นมีกฎวิถีสูงส่งพวยพุ่ง จังหวะแห่งเต๋ายิ่งใหญ่ไหลเวียน ทุกอย่างล้วนอยู่เหนือจินตนาการพวกเขา!
ที่นั่นคือสถานที่พำนักของหยวนอู้!
ผู้เดินหมากเบื้องหลังหยวนอู้คือจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลาย!
ที่นั่นเป็นสถานที่ซึ่งเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์เบิกทางก่อตั้งเหนือแดนพิสุทธิ์จวินเทียน!
ในอดีตเขาเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกแดนพิสุทธิ์จวินเทียน ต่อมาได้รับเลือกโดยจ้าวแดนพิสุทธิ์ ถูกพาตัวออกจากแดนพิสุทธิ์จวินเทียน และเข้าร่วมในกระดานหมาก
ต่อมา หลังบรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์ไปจากแดนพิสุทธิ์จวินเทียนเคยพำนักที่นี่อยู่ระยะหนึ่ง
ทว่าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ไม่ได้อยู่นานนักก็ไปจากที่นี่ จนบัดนี้ยังไม่มีข่าวคราวใด
เขาเองก็ได้รับกำลังรบระดับผู้เดินหมากจากจ้าวแดนพิสุทธิ์ที่นี่ จนก้าวสู่ขอบเขตแกนนภา
“ครานั้น ทุกคนขนานนามให้ขอบเขตนี้ว่าแกนนภา และมองว่าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์อยู่ในขอบเขตนี้…”
หยวนอู้พึมพำกับตนเอง
เมื่อครั้งเขายังเป็นสมาชิกแดนพิสุทธิ์ ได้เข้าร่วมวาระตั้งชื่อขอบเขตนี้ด้วย
“หลังข้าบรรลุขอบเขตนี้ ข้าคิดว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ก็อยู่ในขอบเขตนี้เช่นกัน ทว่าความจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ”
หลังศึกใหญ่ปะทะฉินอี๋อินอุบัติ เขาก็คลางแคลงใจอย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้ เขาทึกทักเอาเองว่าเขาได้กลายเป็นผู้เดินหมาก กลายเป็นบุคคลระดับเดียวกับจ้าวแดนพิสุทธิ์ หลังได้ประมือกับฉินอี๋อิน ความคิดนี้ในใจเขาเริ่มสั่นคลอน
บรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์ย่อมต้องสยดสยองกว่านี้ เขายังคงเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง เพียงแต่จากหมากตัวเล็กเป็นหมากตัวสำคัญ
“บางที เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์อาจตั้งใจบ่มเพาะให้ข้าหยิ่งยโส พวกเขาปล่อยให้ข้าทึกทักเอาว่ามีพลังกล้าแกร่งระดับเดียวกับพวกเขา แท้จริงแล้วหาใช่เช่นนั้นไม่!”
เขารู้สึกเอาเองว่าได้ครอบครองพลังระดับผู้เดินหมาก แท้จริงแล้วยังห่างชั้นอีกไกล บรรดาผู้เดินหมาก จ้าวแดนพิสุทธิ์ไม่เคยสำแดงพลังสูงกว่านั้นให้เขาเห็น แต่สำแดงเพียงพลังระดับแกนนภาเท่านั้น จงใจให้เขาเกิดความรู้สึกคิดไปเองแบบผิด ๆ
“ขอบเขตของเหล่าผู้เดินหมาก จ้าวแดนพิสุทธิ์ต้องสูงกว่าขอบเขตแกนนภาแน่นอน”
เขาเอ่ยด้วยความแน่ใจ
โดยเฉพาะหลังเขาเข้าใจแล้วว่าบัดนี้เขายังคงเป็นหมากตัวหนึ่ง ก็ยิ่งมั่นใจในความคิดนี้
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ พวกเรายินดีเป็นพรรคพวกของท่าน รับใช้ท่านด้วยกำลังทั้งหมดที่มี!”
“ขอท่านโปรดให้โอกาสพวกเราด้วย!”
ในส่วนลึกของทะเลนิโรธ เหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่พากันคุกเข่ารำ่ร้อง
หลังหยวนอู้ได้ยินเสียงของบรรดาปรมาจารย์ดินแดนใหม่ก็หยุดความคิดฟุ้งซ่าน
เขามองปรมาจารย์ดินแดนใหม่ทั้งหลายผ่านน้ำวน สายตาเต็มไปด้วยความดูแคลน
ปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านี้อ่อนแอเกินไป แข็งแกร่งไม่สู้สิ่งมีชีวิตในแดนลับภายใต้แดนพิสุทธิ์จวินเทียนด้วยซ้ำ
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตตัวใดในแดนลับต่าง ๆ ล้วนสังหารปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านี้ได้ง่ายดาย
ทว่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านี้อ่อนแอส่วนอ่อนแอ แต่อย่างไรก็ยังมีประโยชน์
อย่างเช่นในอดีต ปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านี้ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ ลากปิตาจารย์หลี่ลงเหวในช่วงเวลาสำคัญ จนพ่ายแพ้ในการเดินหมากครานั้น
เวลานี้ เหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ก็ยังเป็นประโยชน์ได้บ้าง
และนี่เป็นเหตุผลที่เขายอมพบเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่
“ในอดีตพวกเจ้าช่วยข้า ข้าย่อมไม่ทอดทิ้งพวกเจ้า”
เขาปริปาก เสียงนั้นดังออกจากน้ำวน “ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้นกำลังหวนคืน เรื่องนี้พวกเจ้าคงทราบกันแล้ว เขาไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง”
“แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”
“เขายังอยูในการเดินหมาก สถานการณ์ก็เป็นเฉกเช่นวันวาน มีหลายเรื่องที่เหนือการควบคุม!”
“ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าสักอย่าง!”
เขาเอ่ยอีกว่า “ข้าต้องการให้พวกเจ้าไปยังดินแดนเก่า หาร่างจริงของเขาให้เจอ แล้วทำลายร่างจริงของเขาอีกครั้ง!”
ดินแดนเก่าเป็นแดนกำเนิดของปิตาจารย์หลี่ หากปิตาจารย์หลี่หวนคืนกลับมาย่อมต้องเริ่มจากดินแดนเก่า
เป็นเช่นที่เขาว่า ปิตาจารย์หลี่ในยามนี้ย่อมเป็นเหมือนวันวาน เขากำลังเล่นเดินหมากกับบรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์ หลาย ๆ เรื่องยังอยู่เหนือการควบคุม
และเวลาเช่นนี้ หากหาร่างจริงของปิตาจารย์หลี่เจอ และสังหารร่างจริงปิตาจารย์หลี่ดั่งครั้งอดีต ย่อมเพิ่มความได้เปรียบให้กับการเดินหมากด้านจ้าวแดนพิสุทธิ์
ถึงอย่างไร ในอดีตพวกเขาก็ทำเช่นนั้น
“พวกเรา…ทำได้หรือ?!”
ปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านี้ถามเสียงสั่นเครือ ไม่แน่ใจเลยจริง ๆ
พวกเขาได้เห็นความน่าพรั่นพรึงของฉินอี๋อินมาแล้ว ร่างจริงไม่ได้มา ลำพังเสียงฉินเสียงหนึ่งยังเปี่ยมไปด้วยพลังแสนสยอง เกินกว่าที่พวกเขาจะสู้ไหว
“แน่นอนว่าได้!”
หยวนอู้เอ่ย “พวกเจ้าไม่ต้องกลัว ทำตามที่ข้าบอกก็พอ! ข้าไม่ได้สั่งให้พวกเจ้าสังหารร่างจริงของเขาเสียเดี๋ยวนี้ แต่ให้รอจนถึงเวลาแล้วค่อยลงมือ”
ในอดีต เขาสั่งให้ปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหล่านี้ลงมือกับปิตาจารย์หลี่ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเดินหมาก
แน่นอนว่าเวลานั้น เขาได้รับคำสั่งจากบรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์
หากไม่มีคำสั่งจากบรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์ เขาก็ไม่รู้ว่าการเดินหมากไปถึงขั้นไหนแล้ว
“ช่วงเวลาที่ต้องลงมือข้าจะบอกพวกเจ้าทีหลัง!” เขาเอ่ย
ตามหาร่างจริงปิตาจารย์หลี่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เขามองว่า ถึงคราวสำคัญอีกครั้งของการเดินหมากนี้ เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์อาจต้องการกำจัดร่างจริงปิตาจารย์หลี่อีกครั้ง
เขาจำต้องเตรียมการให้พร้อมล่วงหน้า!
เช่นนี้แล้วจึงจะเป็นการแสดงความสามารถของเขาให้ประจักษ์ ช่วยให้เขาเป็นที่ยอมรับของบรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์ กลายเป็นหนึ่งในจ้าวแดนพิสุทธิ์และผู้เดินหมากหลังฉากจริง ๆ
……….