รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1098 หลี่จิ่วเต้าออกโรง สังหารในเสี้ยวลมหายใจได้ทั้งทาง!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1098 หลี่จิ่วเต้าออกโรง สังหารในเสี้ยวลมหายใจได้ทั้งทาง!
บทที่ 1098 หลี่จิ่วเต้าออกโรง สังหารในเสี้ยวลมหายใจได้ทั้งทาง!
……….
บทที่ 1098 หลี่จิ่วเต้าออกโรง สังหารในเสี้ยวลมหายใจได้ทั้งทาง!
อะไรนะ
นำทางอยู่ด้านหน้า?!
หลังหมีดำได้ยินดังนั้นก็เกือบตายด้วยความตกใจ
มันเอ่ยเสียงร่ำไห้ “คือว่า…ไม่ไปได้หรือไม่”
ชื่อเสียงบรรพมังกรเก้ากรงเล็บกระฉ่อน มันกล้าไปที่ไหน หากไปน่ากลัวว่าคงไม่ได้กลับออกมาอีก
“เจ้าคิดว่าอย่างไร”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มเล็กน้อย “หากไม่ไป ก็ต้องกินเจ้าแทน”
“อย่านะ ข้านำทางเอง!”
หมีดำรีบบอก
“เช่นนั้นเราไปกันเถิด”
หลี่จิ่วเต้าสั่งให้หมีดำโค้งตัว ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังหมีดำ และสั่งให้ที่เหลือกระโดดตามมา
“พวกเจ้าก็ด้วย ปกติพวกเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อยเดินทางเสมอ วันนี้พักผ่อนหน่อยแล้วกัน”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับอสูรลากรถทั้งเก้า
“ได้เลยคุณชาย!”
อสูรลากรถทั้งเก้ากระโดดขึ้นหลังหมีดำอย่างปลื้มปีติ
หมีดำทุกข์ใจเหลือแสน
แม้มันจะไม่ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนนี้ แต่ก็หาใช่พวกปลายแถวไร้ชื่อ เรียกได้ว่ามีกิตติศัพท์อยู่บ้าง อสูรทั่วไปไม่กล้าเสียมารยาทต่อมันแน่นอน
บัดนี้ มันกลับกลายเป็นสัตว์ขี่ แม้แต่อสูรเก้าตัวที่เคยลากรถยังกระโดดขึ้นมาขี่บนหัวมัน จะไม่ให้มันทุกข์ใจได้อย่างไร
ทว่าทุกข์ใจก็ส่วนทุกข์ใจ ชีวิตยังสำคัญที่สุด!
“คนเหล่านั้นเป็นใครกัน อำมหิตยิ่งนัก! เปลี่ยนจ้าวหมีดำให้กลายเป็นสัตว์ขี่เชียวหรือ!”
“น่ากลัวเหลือเกิน!”
ระหว่างทาง อสูรไม่น้อยได้เห็นภาพนี้แล้วพลันต้องตกตะลึง จ้าวหมีดำนับว่าแข็งแกร่งมาก!
“แหม ๆ ๆ หมีดำ เจ้ามีหน้ามีตายิ่ง ได้เป็นสัตว์ขี่เชียวหรือ!”
อสูรตัวหนึ่งเห็นหมีดำตกเป็นสัตว์ขี่รีบออกมาถากถางเย้ยหยัน
มันเป็นจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่ง ตัวยาวประหนึ่งเทือกเขา ประกายอำมหิตสยดสยองวาววามอยู่ทั่วร่าง ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
หลังหมีดำเห็นจระเข้ยักษ์ตัวนี้ก็โมโหจนกัดฟันกรอด จระเข้ยักษ์ตัวนี้เป็นคู่ปรับของมัน ต่อสู้กันไม่รู้จบ
ขณะเดียวกัน มันยิ่งทุกข์ใจเข้าไปใหญ่
คู่ปรับของมันเห็นสภาพมันที่เป็นสัตว์ขี่เข้าแล้ว ขายหน้ายิ่งนัก!
คราวนี้ ต่อให้มันรอดมาได้ก็คงไม่มีหน้าให้อยู่ในบริเวณนี้ต่อ
“เจ้ามันไร้ศักดิ์ศรี ถึงกับยอมเป็นสัตว์ขี่ หากข้าเป็นเจ้าคงปลิดชีพตนเองไปนานแล้ว ยอมตายเสียดีกว่าเป็นสัตว์ขี่!”
จระเข้ยักษ์เย้ยหยันต่อไป ถึงอย่างไรโอกาสเช่นนี้ก็หายากยิ่ง
ทว่าไม่นานมันก็ต้องอึ้งงัน กระบี่ฉุนจวินตวัดมาหามัน พลังสยดสยองไร้ที่สิ้นสุดเล็งเป้ามาที่มัน!
มันรับรู้ถึงภัยร้ายถึงชีวิต!
หากกระบี่ฉุนจวินฟันลงมาที่ร่างมัน มันต้องตายไร้ที่ฝังแน่นอน!
“อย่าฆ่าข้า ข้ายินดีเป็นสัตว์ขี่ให้ท่าน!”
มันรีบร้องบอก ลืมวาจาเมื่อครู่ที่ว่ายอมตายเสียดีกว่าเป็นสัตว์ขี่จนสิ้น
“ขออภัย สายเกินไป ข้ามีสัตว์ขี่แล้ว เลยไม่ต้องการอีก”
หลี่จิ่วเต้าปริปาก กระบี่ฉุนจวินฟันลงไป คร่าชีวิตจระเข้ยักษ์ได้ในบัดดล!
มันเป็นจ้าวตนหนึ่งเหมือนกัน พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง พลังกล้าแกร่ง แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ใต้กระบี่ฉุนจวิน จระเข้ยักษ์ไร้น้ำยาสิ้นดี
‘ฆ่าได้สะใจยิ่ง ผู้ใดใช้ให้เจ้าเย้ยหยันข้าไม่ดูตาม้าตาเรือ!’
หมีดำหัวเราะลั่นในใจ
ทว่ามันยิ่งหวาดกลัวกว่าเดิม ล้มเลิกความคิดก่อนหน้า ไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านอีก
ก่อนหน้านี้มันไม่กล้าไปยังที่พำนักของบรรพมังกรเก้ากรงเล็บ คิดฉวยโอกาสนี้ไปยังที่พำนักของอสูรดุร้ายตนอื่น ให้อสูรดุร้ายตนอื่นจัดการหลี่จิ่วเต้า ส่วนมันอาศัยจังหวะนั้นเผ่นแน่บ
ทว่าบัดนี้มันไม่กล้าคิดเช่นนั้นอีกแล้ว
หลี่จิ่วเต้าน่ากลัวเกินไป ขืนอุบายเล็ก ๆ ของมันถูกเปิดโปง สิ่งที่รอมันอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น!
คิดมาถึงนี่ มันรีบเอ่ยขึ้นว่า “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราต้องผ่านอาณาเขตของอสูรดุร้ายจำนวนหนึ่งก่อนถึงที่พำนักบรรพมังกรเก้ากรงเล็บ พวกเราต้องอ้อมหรือไม่”
มันไม่กล้ามีใจเป็นอื่นอีก สารภาพทุกอย่าง ไม่กล้าจงใจพาหลี่จิ่วเต้าไปยังอาณาเขตของอสูรดุร้ายทรงพลังเหล่านี้
“ไม่ต้องอ้อม ตรงไปได้เลย”
หลี่จิ่วเต้าบอก
แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม ทว่ารอบคอบหน่อยย่อมไม่ส่งผลร้าย เขาต้องการผ่านอาณาเขตของอสูรดุร้ายเหล่านั้นเพื่อใช้ชี้วัดว่าเขาสังหารบรรพมังกรเก้ากรงเล็บได้หรือไม่
“ได้!”
หมีดำตอบ ทำตามคำสั่งเคร่งครัด เดินทางอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงอาณาเขตของอสูรดุร้ายทรงพลังตัวหนึ่ง หมีดำชักกลัว ตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
ที่นี่มีวิหคเพลิงโลหิตจอมพยศอาศัยอยู่ตัวหนึ่ง น่าประหวั่นพรั่นพรึงไร้ใดเปรียบ เป็นอสูรที่สูงกว่ามันหนึ่งขั้น อ้าปากกลืนกินมันเข้าไปได้เลย
“ไม่ต้องกลัว ตรงเข้าไปก็พอ”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
หมีดำกัดฟันก้าวเข้าไปในถิ่นของวิหคเพลิงโลหิตจอมพยศด้วยตัวอันสั่นเทา
ทันทีที่มันเข้ามาก็สัมผัสถึงบารมีดุดันไร้ที่สิ้นสุด วิหคเพลิงโลหิตจอมพยศสังเกตเห็นมันแล้ว ทั้งยังเล็งเป้ามาที่มันแล้วด้วย!
“เยี่ยมยอด เพิ่งบ่นว่าหิวก็มีโลหิตมาให้กินถึงที่”
วิหคเพลิงโลหิตจอมพยศปรากฏ เนื้อตัวแดงฉานไร้ใดเปรียบ ปีกของมันสยายน้อย ๆ ห้วงมิติพลันยุ่งเหยิงบิดเบี้ยวถึงขีดสุด
ตัวของมันบดบังสุริยัน บารมีดุดันน่าเกรงขาม จิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาชวนให้ขวัญผวา!
นี่ต้องเป็นอสูรสุดสยดสยองตัวหนึ่งแน่นอน ลำพังจิตสังหารที่แผ่กำจายออกมาไม่รู้ว่าต้องชุบด้วยโลหิตตั้งเท่าไหร่ถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้
“ท่านราชันวิหคเพลิงอย่าได้…โมโห พวกเราขอเพียงอาศัยผ่านทางเท่านั้น!”
หมีดำเอ่ยเสียงสั่นเครือ กลัวจากใจจริง
วิหคเพลิงโลหิตจอมพยศกระหายเลือดเป็นพิเศษ อสูรในละแวกนี้ถูกวิหคเพลิงโลหิตสังหารแล้วจนสิ้น เป็นอสูรที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุด!
“อ้อ ขออาศัยผ่านทางหรือ ได้สิ ไม่มีปัญหา อาศัยทางผ่านเข้ามาในท้องข้า สมเหตุสมผลยิ่ง”
วิหคเพลิงโลหิตจอมพยศบุกเข้ามาทันที ปากอ้ากวางทำท่าเขมือบ!
ฟึ่บ!
ม่านแสงเจ็ดสีทอประกาย หลี่จิ่วเต้าเรียกต้นวิเศษสัตตะออกมา วิหคเพลิงโลหิตจอมพยศสูญเสียพลังทั้งหมด!
ต้นวิเศษสัตตะลบล้างพลังได้ทั้งปวง!
หลี่จิ่วเต้ากังวลว่ากระบี่ฉุนจวินจะจัดการวิหคเพลิงโลหิตจอมพยศไม่ไหว ถึงได้นำต้นวิเศษสัตตะออกมาด้วย
ถึงอย่างไร กระบี่ฉุนจวินก็ไม่ใช่ของที่แลกมาจากบรรพจารย์ฝู แม้หลังมาอยู่ในมือเขาจะยังไม่เคยพ่ายแพ้ ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังมาก่อน แต่เขายังรู้สึกว่าใช้ของวิเศษที่แลกมาจากบรรพจารย์ฝูดูจะเข้าท่ากว่า
ต้นวิเศษสัตตะเป็นศาสตราที่แลกมาจากบรรพจารย์ฝู
“บัดซบ! สุดยอดจริง!”
เมื่อหมีดำได้เห็นภาพนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริด
แข็งแกร่งดุจวิหคเพลิงโลหิตจอมพยศซึ่งเหนือชั้นกว่ามันหนึ่งระดับยังถูกลบล้างพลังทั้งหมด น่าครั่นคร้ามเกินไปแล้ว!
“เจ้าราชันวิหคเพลิงเส็งเคร็ง!”
มันไม่เหลือความเกรงกลัวอีก กล้าหาญชาญชัยขึ้นมาทันตา ตวาดใส่วิหคเพลิงโลหิตจอมพยศ “เจ้าลูกกระจ๊อก มองข้า!”
วิหคเพลิงโลหิตจอมพยศเคืองขุ่นนักหนา อยากฉีกหมีดำเป็นชิ้น ๆ
แต่ไม่ว่ามันกระเสือกกระสนอย่างไร ก็ไม่อาจรีดเร้นพลังได้สักเศษเสี้ยว!
พลังของมันมลายจนสิ้น!
ลมหายใจนั้น มันกลัวถึงขีดสุด นี่มันได้พบศัตรูระดับใดกัน ถึงได้สยดสยองถึงเพียงนี้!
หากรู้แต่แรก ไม่ว่าอย่างไรมันก็ต้องซ่อนตัวไม่ยอมออกมา!
เวลานั้น หลี่จิ่วเต้ากระดิกนิ้วเบา ๆ กระบี่ฉุนจวินพลันกวัดแกว่งแสงกระบี่อันเจิดจ้าสังหารวิหคเพลิงโลหิตลงอย่างสิ้นเชิง
“เก็บไว้อย่าให้เสียของ วิหคเพลิงโลหิตตัวนี้กินเข้าไปคงบำรุงร่างกายได้ดี” เขาเอ่ย
“ได้เลยคุณชาย!”
ต้าเต๋อตอบรับคนแรก ลงไปเก็บร่างของวิหคเพลิงโลหิตจอมพยศขึ้นมา
จากนั้น หมีดำออกเดินทางต่อ
ที่พำนักของบรรพมังกรเก้ากรงเล็บอยู่ในส่วนลึกที่สุดของพื้นที่นี้ ระหว่างทางต้องผ่านอาณาเขตของอสูรดุดันกล้าแกร่งไม่น้อย
แน่นอนว่าอ้อมได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลานานขึ้น
หมีดำทำตามคำสั่งหลี่จิ่วเต้า ทะลุตรงไปเรื่อย ๆ ไม่ได้อ้อมแต่อย่างใด
อสูรดุร้ายทรงพลังเหล่านี้ย่อมไม่ให้พวกหลี่จิ่วเต้าผ่านไปง่าย ๆ ทันทีที่พวกหลี่จิ่วเต้าก้าวเข้าไปในอาณาเขตก็ถูกโจมตีทันที
พวกมันน่าพรั่นพรึงมากพอ ทว่าเมื่อเผชิญกับหลี่จิ่วเต้าก็หาได้มีน้ำยาใด ๆ ไม่ ทันทีที่ต้นวิเศษสัตตะออกโรง พลังของพวกมันต่างถูกลบล้างทั้งหมด และถูกกระบี่ฉุนจวินสังหาร
‘ดุดันยิ่งนัก! มิน่าถึงกล้าเอ่ยว่าจะกินบรรพมังกรเก้ากรงเล็บ!’
หมีดำเอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้
อสูรดุร้ายทรงพลังเหล่านี้ทวีความน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เหนือชั้นกว่ามันหลายระดับ สุดท้ายก็ยังสู้ไม่ได้ ถูกหลี่จิ่วเต้าสังหารในเสี้ยวลมหายใจ สร้างความสะท้านใจแก่มันอย่างยิ่งยวด!
มันรู้สึกว่าชายผู้นี้มีพลังพอต่อกรกับบรรพมังกรเก้ากรงเล็บจริง ๆ!
ขณะเดียวกัน มันยิ่งมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อมาถึงอาณาเขตของอสูรตนสุดท้าย ผ่านที่นี่ไปจักเป็นที่พำนักของบรรพมังกรเก้ากรงเล็บ มันก็ประกาศศักดาทันทีที่เข้าไป
“กิเลนเก้าหัวรึ พวกเราต้องการผ่านทางที่ของเจ้า หวังว่าเจ้าจะรู้จักแยกแยะ ไม่ออกมาก่อกวน!”
มันเชิดคอ ก้าวเดินอยู่ในถิ่นของกิเลนเก้าหัวอย่างองอาจ
ก่อนหน้านี้มันอับอายกับการเป็นสัตว์ขี่ของหลี่จิ่วเต้า บัดนี้ มันภาคภูมิที่ได้เป็นสัตว์ขี่ของหลี่จิ่วเต้า!
กิเลนเก้าหัวเป็นกิเลนกลายพันธุ์ สยดสยองเป็นที่สุด เป็นอสูรที่เป็นรองเพียงบรรพมังกรเก้ากรงเล็บในเขตแดนนี้!
ลือกันว่า กิเลนเก้าหัวเคยสู้กับบรรพมังกรเก้ากรงเล็บ แม้แต่บรรพมังกรเก้ากรงเล็บยังสยบกิเลนเก้าหัวไม่ได้ กิเลนเก้าหัวสามารถถอนตัวจากการต่อสู้กับบรรพมังกรเก้ากรงเล็บได้อย่างปลอดภัย และเป็นอสูรตัวเดียวที่รอดจากบรรพมังกรเก้ากรงเล็บ
‘ในอดีตข้าสามารถมาเหยียบถิ่นของกิเลนเก้าหัวที่ไหน บัดนี้ข้าเดินวางท่าอยู่ในถิ่นกิเลนเก้าหัวได้โดยไม่ต้องกลัวเกรง!’
หมีดำเอ่ยในใจอย่างทะนง ‘หลังกลับไปคราวนี้ ข้าจะคอยดูว่าพวกสถุนตนใดกล้าเย้ยหยันข้า! ข้าก้าวเดินในถิ่นกิเลนเก้าหัวได้ตามอำเภอใจ ผู้ใดทำได้บ้าง’
กิเลนเก้าหัวปรากฏตัว มันมีทั้งหมดเก้าศีรษะ เป็นกิเลนกลายพันธุ์ น่ากลัวยิ่งกว่ากิเลนปกติ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็เหมือนว่าจะพลิกโฉมผืนนภาเสียอย่างนั้น!
หลังปรากฏตัวออกมา ศีรษะกิเลนทั้งเก้าของมันพินิจพิเคราะห์พวกหลี่จิ่วเต้า
“มดปลวกจากแห่งใด ริอ่านย่างเข้ามาในอาณาเขตของข้า”
หนึ่งในศีรษะของมันเอ่ยเสียงเย็น
ระดับพลังของพวกหลี่จิ่วเต้าต่ำจนน่าสมเพช ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงมันได้ ห่างกันมากโข
“บังอาจ!”
หมีดำแผดเสียง “กิเลนเก้าหัว พวกเราฟันฝ่ามาทั้งทางจนถึงที่นี่ หากรู้จักมองสถานการณ์ก็จงหลีกเสีย หาไม่แล้ว ข้าจักเด็ดหัวทั้งเก้าของเจ้าลงมาตุ๋นแกงกิน!”
ตลอดทั้งทางที่ผ่านมา หลี่จิ่วเต้าสังหารทุกผู้ได้ในเสี้ยวลมหายใจ รวมถึงอสูรในอาณาเขตก่อนหน้ากิเลนเก้าหัวก็ด้วย มาถึงก็ถูกหลี่จิ่วเต้าปลิดชีพในพริบตา เพราะเหตุนี้ มันจึงมั่นใจในตัวหลี่จิ่วเต้าเหลือแสน หาได้เกรงกลัวกิเลนเก้าหัว
“ฟันฝ่ามาตลอดทั้งทางหรือ ด้วยพลังผู้ใด ลูกกระจ๊อกหมีดำอย่างเจ้าน่ะรึ”
กิเลนเก้าหัวแค่นยิ้มพลางเอ่ย
“อะไรเล่า ดูถูกท่านหมีดำของเจ้าหรือ ท่านหมีดำจะบอกเจ้าให้ อย่างเจ้า ท่านหมีดำฟาดตายได้ในอุ้งเท้าเดียว!”
หมีดำตะโกนอย่างโอหัง
“อย่างนั้นหรือ ที่แท้เจ้าเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้ ได้สิ กิเลนเก้าหัวผู้นี้ให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ เอ่ยกับหมีดำ “ไปสิ ห้ามทำให้ข้าผิดหวัง”
“หา”
ใบหน้าหมีดำซีดลงทันใด
……….