รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1095 หลี่จิ่วเต้า ‘ไป พาเจ้าไปล่าสัตว์ในที่แห่งนั้น!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1095 หลี่จิ่วเต้า ‘ไป พาเจ้าไปล่าสัตว์ในที่แห่งนั้น!’
บทที่ 1095 หลี่จิ่วเต้า ‘ไป พาเจ้าไปล่าสัตว์ในที่แห่งนั้น!’
……….
บทที่ 1095 หลี่จิ่วเต้า ‘ไป พาเจ้าไปล่าสัตว์ในที่แห่งนั้น!’
จั่วเหยียนอัดอั้นตันใจยิ่งนัก ต้องการกลับไปเกิดใหม่และกลายเป็นหญิงงามที่สุดในโลกหล้า
การปฏิบัติแตกต่างกันเกินไปแล้ว!
บนยอดเขาพืชพรรณเขียวขจีเรียงรายหนาแน่น ปักษาส่งเสียง บุปผาปล่อยกลิ่นหอมโชย ประหนึ่งอยู่ในแดนสรวง หลี่จิ่วเต้านั่งอยู่ตรงข้ามมู่อวี่ กลิ่นชาหอมกำจาย เขายังคงต้อนรับนางด้วยมาตรฐานสูงสุด ใช้ใบชาที่ปลูกจากดินและของเหลวที่แลกเปลี่ยนจากบรรพจารย์ฝูมาชง มอบผลประโยชน์มหาศาลให้กับผู้ฝึกตน
“ขอบคุณ!”
ทันทีที่นั่งลง มู่อวี่ก็เอ่ยขอบคุณหลี่จิ่วเต้าอย่างจริงจังสำหรับความช่วยเหลือ
หากไม่มีเขา นางคงตายไปนานแล้ว ถูกพวกจ้าวเทียนจับกลับไปยังโลกใหม่
แม้จะเป็นลานเล็กที่นำเหล่าสมบัติมาช่วยเหลือ แต่นางก็กระจ่างแจ้งดีว่านี่น่าจะต้องเป็นคำสั่งจากหลี่จิ่วเต้า
อย่างไรเสียนั่นก็เป็นลานเล็กที่เขาอาศัยอยู่ สมบัติเหล่านั้นก็เป็นของใช้เขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นอีกฝ่ายที่ช่วยเหลือนาง!
ชายหนุ่มแย้มยิ้ม คิดว่าเป็นเพราะเขาชวนมู่อวี่ดื่มชา ทำให้นางประสบความก้าวหน้าครั้งใหญ่ จึงได้เอ่ยขอบคุณเขา
เขาแสดงท่าทางว่ามู่อวี่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้ ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ไม่มีอันใดสำหรับเขา
เรื่องเล็ก?!
ไม่มีอันใด!?
มู่อวี่ถูกคำพูดของหลี่จิ่วเต้าทำให้ตะลึงงัน
คนผู้นี้มั่นใจในตนเองถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
นางอดคิดขึ้นมาไม่ได้
จัดการกับจ้าวเทียน ย่อมนับว่าไม่มีอันใด เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ
ทว่าเรื่องราวทั้งหมดหาได้ธรรมดาเท่านั้น!
หลี่จิ่วเต้าลงมือในครั้งนี้ แสดงจุดยืนของเขาให้เห็นชัด ไม่ยอมให้คนนอกลงมือในดินแดนเก่า และยังหมายความว่าเขากำลังยืนอยู่ข้างพี่ใหญ่!
หลังจากแสดงจุดยืนออกไปเช่นนี้แล้ว เขาก็จำต้องเผชิญหน้ากับศัตรูของพี่ใหญ่
นี่…ยังเป็นเรื่องเล็กอีกหรือ?
‘หรือว่าเขาแข็งแกร่งกว่าพี่ใหญ่ ถึงได้ไร้ความกลัวเกรงต่อศัตรูของพี่ใหญ่กัน?’
นางอดคิดในใจไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง หลี่จิ่วเต้าเห็นมู่อวี่เงียบไป ก็เข้าใจว่ามู่อวี่ยังคงรู้สึกติดค้างอยู่
ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่ดื่มชา ไม่จำเป็นต้องกังวลอันใด!”
เขามีใบชาจำนวนมาก หมดแล้วก็ยังปลูกใหม่ได้ อีกทั้งยังใช้เวลาไม่นานในการเติบโต การเชิญให้มู่อวี่ดื่มชา สำหรับเขาแล้วไม่ส่งผลกระทบอันใดเลย
ไม่จำเป็นต้องกังวลอันใด!
หลังได้ยินประโยคนี้แล้ว มู่อวี่ยิ่งคิดว่าหลี่จิ่วเต้าอาจเหนือยิ่งกว่าพี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นเขาจะเอ่ยวาจาออกมาอย่างมั่นคงเช่นนี้ได้อย่างไร!
สำหรับบุคคลเหนือสามัญน่าสะพรึงกลัวเช่นเขา กระทั่งลานเล็กที่อาศัยอยู่และของใช้ในชีวิตประจำวันยังล้วนแข็งแกร่งชวนพรั่นพรึง เขาจะต้องตระหนักรู้เรื่องของพี่ใหญ่และศัตรูของพี่ใหญ่เป็นอย่างดีแน่นอน!
รู้เรื่องราวสถานการณ์ทั้งหมดเป็นอย่างดี แต่หลี่จิ่วเต้ายังสามารถเอ่ยให้นางไม่จำเป็นต้องกังวล เห็นได้ชัดว่าเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและเชื่อในตนเอง!
สิ่งนี้ทำให้นางทอดถอนใจด้วยอารมณ์มากมาย ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบบุคคลเหนือสามัญเช่นเขาในดินแดนเก่า ทำให้นางพบจุดเปลี่ยนแปลง มองเห็นความหวัง!
“ตกลง!”
นางพยักหน้า ร่วมจิบชากับหลี่จิ่วเต้า ไม่เอ่ยอันใดมากมายอีก
หลี่จิ่วเต้ากล่าวเช่นนี้แล้ว นางไม่จำเป็นต้องพูดอันใดให้มากความอีก เขาจะต้องเตรียมการทั้งหมดเอาไว้แล้วแน่นอน
นางรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร ทั้งยังยับยั้งชั่งใจตนเองได้ จึงไม่ได้ซักไซ้อันใดให้มากความ
หมากกระดานระหว่างตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จะต้องชวนหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด เป็นการดีที่นางจะไม่ถามไถ่อันใดมากมาย หากถามมากเกินไป อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลต่อสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าเตรียมการเอาไว้
นางค่อย ๆ จิบชา สัมผัสถึงรสชาติอันคุ้นเคย นี่ยังคงเป็นชาเดียวกับที่นางดื่มครั้งที่แล้ว เมื่อจิบไปกลิ่นหอมของชาพลันกระจายเต็มปาก รสเลิศเป็นอย่างยิ่ง
หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม เชื้อเชิญให้มู่อวี่อยู่ร่วมทานข้าวเย็น ไม่ต้องรีบจากไปหลังจิบชาเหมือนครั้งที่แล้ว
“ตกลง!” มู่อวี่พยักหน้าตอบรับ
สำหรับมู่อวี่แล้ว หลี่จิ่วเต้ามีความรู้สึกถูกคออย่างบอกไม่ถูก ประหนึ่งเคยสนิทสนมใกล้ชิดกันมาก่อน เขาจึงต้อนรับนางเป็นอย่างดี
“ท่านเซียนอวี่ รู้หรือไม่ว่าที่ใดมีอสูรร้ายที่ดูจะทรงพลัง?”
เขาถามมู่อวี่ด้วยรอยยิ้ม
ยิ่งอสูรร้ายแข็งแกร่งมากเท่าใด หลังผู้ฝึกตนทานไปยิ่งได้รับผลประโยชน์มากเท่านั้น เขาต้องการล่าอสูรร้ายค่อนข้างทรงพลังให้มู่อวี่ได้ทาน
อสูรร้ายที่ค่อนข้างทรงพลัง?
นี่หมายความว่าอย่างไร?
มู่อวี่อดครุ่นคิดพิจารณาในใจ ไม่คาดคิดอย่างสิ้นเชิงว่าหลี่จิ่วเต้าเพียงต้องการล่าอสูรร้ายที่ค่อนข้างทรงพลังให้นางทาน
นางเชื่อว่าคำพูดของหลี่จิ่วเต้าจะต้องเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง จึงไม่กล้าตอบกลับไปอย่างลวก ๆ
ทว่าพิจารณาอย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าต้องการจะทำได้
นางยอมแพ้ในจุดนี้ มุ่งความสำคัญไปยังคำว่า…อสูรร้ายทรงพลัง!
อสูรร้ายทรงพลังหมายถึงสิ่งใดกัน?
นางใช้สมองขบคิด
สุดท้ายก็นึกออก!
“ข้ารู้จักดินแดนลับแห่งหนึ่ง ภายในนั้นมีอสูรร้ายที่ทรงพลังอย่างมาก!”
มู่อวี่กล่าว
ที่นั่นคือดินแดนลับแห่งหนึ่งในโลกใหม่
ยามนั้นโลกใหม่เพิ่งก่อตั้งขึ้น ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ พี่ใหญ่ได้พานางเข้าไปยังโลกใหม่เป็นหนแรก ปล่อยให้นางได้เที่ยวเล่นด้านในนั้น
นางบังเอิญเข้าไปยังดินแดนลับแห่งหนึ่งของโลกใหม่ ภายในนั้นเห็นอสูรร้ายน่าสะพรึงกลัวมากมาย นี่เป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกตัวต่างน่ากลัวสะท้านฟ้า
กระทั่งนางในตอนนี้หวนคิดกลับไป ภายในใจยังคงมีความหวาดผวา ความแข็งแกร่งของอสูรร้ายที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น เกรงว่านางในใจตอนนี้ยังไม่อาจเทียบได้!
ยามนั้นพี่ใหญ่รีบเร่งเข้ามาได้ทันกาล ช่วยพานางออกจากดินแดนลับแห่งนั้น
พี่ใหญ่บอกกับนางว่าสถานที่อันเหมือนกับดินแดนลับแห่งนี้ยังมีอยู่จำนวนมาก เป็นเรื่องง่ายที่จะหลงเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หลังจากนี้จะไม่เกิดขึ้นแล้ว พี่ใหญ่จะจัดการดินแดนลับเหล่านี้ ตัดการเชื่อมต่อออกจากโลกใหม่ แลจะไม่มีผู้ใดพลัดหลงเข้าไปโดยบังเอิญอีก
นางถามกับพี่ใหญ่ว่าดินแดนลับแห่งนั้นคือที่ใด พี่ใหญ่เป็นผู้สร้างออกมาหรือ
พี่ใหญ่ตอบว่าไม่ใช่ และกล่าวว่าดินแดนลับเหล่านั้นเกี่ยวพันกับเรื่องใหญ่ยิ่ง ไม่อาจอธิบายรายละเอียดให้กับนางได้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเรื่องขึ้นได้โดยง่าย
ต่อมาผลออกมาเป็นไปตามที่พี่ใหญ่กล่าว ดินแดนลับเหล่านั้นไม่ถูกพบเจออีกแล้ว อย่าได้กล่าวถึงการหลงเข้าไปเลย กระทั่งตั้งใจตามหายังไม่พบเสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้หลี่จิ่วเต้าถามนางว่าที่ใดมีอสูรร้ายทรงพลัง นางจึงได้เล่าถึงดินแดนลับดังกล่าวให้ฟัง
สำหรับนาง อสูรร้ายในดินแดนลับเป็นอสูรร้ายทรงพลังสุดเท่าที่นางเคยพบมา
“ดินแดนลับนั่น ข้าเคยเข้าไปเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปอีก ไม่รู้ว่าตอนนี้ดินแดนลับนั่นอยู่ใดที่ สามารถเข้าไปได้อย่างไร…”
นางกล่าว
หลี่จิ่วเต้าเพียงถามออกมาว่า “อสูรร้ายในที่แห่งนั้นแข็งแกร่งเพียงพอหรือ?”
หาไม่พบก็ไม่เป็นอันใด เขามีวิธีตามหา ขอเพียงแค่อสูรร้ายด้านในนั้นแข็งแกร่งเพียงพอ
“อืม!”
มู่อวี่พยักหน้า “แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด! อสูรร้ายด้านในที่ข้าพบเห็นน่าสะพรึงกลัวและทรงพลังอย่างถึงที่สุด ด้านในกระทั่งผีเสื้อที่อยู่ก็แข็งแกร่งจนไม่อาจหยั่งถึงได้!”
“เช่นนั้นก็ดี”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูที่นั่นกันเถิด”
กล่าวจบ เขาก็หยิบเรือกระดาษลำหนึ่งออกมา ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือ ทั้งยังดูเก่ายิ่ง ราวกับผ่านกาลเวลามาหลายปีจนไม่อาจนับ
เขายื่นเรือกระดาษให้กับมู่อวี่ “เจ้าถือมันเอาไว้ ตั้งมั่นคิดถึงดินแดนลับแห่งนั้นในใจ”
เรือกระดาษลำนี้เป็นสิ่งที่เขาแลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝู ถูกเรียกว่า…เรือเซียวเหยา สามารถไปได้ทุกหนแห่ง ขอเพียงแค่ตั้งมั่นคิดถึงสถานที่แห่งนั้นในใจ เรือเซียวเหยาก็จะพาไปยังสถานที่นั่นโดยตรง
แน่นอน ความจริงนี่เป็นเพียงเรือกระดาษธรรมดา
ยามนั้นบรรพจารย์ฝูเดินผ่าน เห็นเด็กน้อยผู้นี้กำลังพับเรือกระดาษ เขาจึงแย่งชิงมาทันทีหลังเด็กน้อยพับเสร็จ ทำให้เด็กน้อยร้องไห้น้ำมูกไหลออกมาเสียงดังลั่น
ส่วนความเก่าแก่นั้น ถูกบรรพจารย์ฝูจงใจสร้างขึ้นมาในภายหลัง
นี่ก็ได้หรือ?
เมื่อเห็นหลี่จิ่วเต้าส่งเรือกระดาษแสนสามัญธรรมดาให้ มู่อวี่อดรู้สึกสงสัยไม่ได้
ในสายตาของนาง นี่เป็นเพียงเรือกระดาษธรรมดาไม่มีอันใดให้สนใจ ทั้งยังเก่ายังโทรมอีกด้วย
ทว่าเมื่อคิดถึงความเหนือชั้นไร้ผู้เทียบเคียงของหลี่จิ่วเต้า ขนาดลานเล็กที่อาศัยอยู่และของใช้ในชีวิตประจำวันยังมีพลังน่าสะพรึงกลัวไม่อาจหยั่งถึง นางจึงยังคงรับเรือกระดาษมาตั้งมั่นคิดถึงดินแดนลับแห่งนั้นในใจตามที่หลี่จิ่วเต้ากล่าว
“ดีมาก”
นางลืมตาขึ้น ส่งเรือกระดาษกลับไป เรือกระดาษยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเก่าโทรมและธรรมดายิ่ง
นี่ทำให้นางบังเกิดความสงสัยมากขึ้น หลี่จิ่วเต้ากำลังล้อนางเล่นใช่หรือไม่!
แต่ในไม่ช้า ความสงสัยในใจของนางก็ถูกขจัดสิ้นจนไม่เหลืออีกต่อไป!
เพียงเรือกระดาษกลับถึงมือของหลี่จิ่วเต้าก็พลันเกิดแสงสว่างเจิดจ้าเปล่งประกายออกมา เต๋าพิเศษเหนือชั้นไหลเวียน เรือกระดาษธรรมดายามนี้กลับสำแดงพลังของสมบัติล้ำค่าออกมาอย่างเห็นได้ชัด!
ระดับอันใดกัน?!
มู่อวี่ไม่กระจ่างชัด เต๋าที่หลั่งไหลออกจากเรือกระดาษเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของนาง เห็นได้ชัดว่าอยู่เหนือยิ่งกว่าขอบเขตแสวงวิถี!
“ไปที่นั่นได้หรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้ามองดูเรือกระดาษในมือแล้วเอ่ยถามขึ้น
เรือกระดาษในมือของเขาทะยานออกไปทันที เมื่อถึงกลางอากาศพลันกลายเป็นเรือลำใหญ่ ประหนึ่งตอบสนองคำของเขา สั่นขึ้นลงคล้ายเป็นการพยักหน้า
“เยี่ยม!”
เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่จิ่วเต้าพลันคลี่ยิ้ม รู้สึกว่าบรรพจารย์ฝูช่างสมกับเป็นบรรพจารย์ฝู แข็งแกร่งทรงพลังอย่างแท้จริง ทุกสิ่งที่แลกเปลี่ยนมาล้วนมีพลังท้าทายสวรรค์!
“ไป ไปล่าสัตว์ที่นั่นให้เจ้าได้ทานกัน!”
หลี่จิ่วเต้ายืนขึ้นพลางเอ่ยกับมู่อวี่ด้วยรอยยิ้ม
นี่…ใช่หรือ? ถามนางว่าที่ใดมีอสูรร้ายทรงพลัง ก็เพียงเพราะต้องการล่าสัตว์ให้นางได้ทาน…หรือ?
มู่อวี่สับสนขึ้นมาบ้างแล้ว
‘จะเป็นไปได้อย่างไร! น่าจะมีความหมายลึกซึ้งอื่นแฝงอยู่ เพียงแต่ข้าไม่อาจตระหนักถึงได้!’
นางรีบปฏิเสธในใจ แค่อยากให้ทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่ง จำเป็นต้องเคลื่อนไหวใหญ่โตเพียงนี้เชียว? นางคิดเช่นใดก็ไม่รู้สึกว่าจะเป็นเช่นนั้น หลี่จิ่วเต้าน่าจะยังมีจุดมุ่งหมายอื่นในการพานางไปยังดินแดนลับแห่งนั้น
จั่วเหยียนที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความริษยา แทบจะปล่อยโฮออกมาอยู่รอมร่อ
มารดาเจ้าเถิด การเปรียบเทียบคนช่างน่าโมโหหนัก!
คุณชายไม่เพียงต้อนรับมู่อวี่ด้วยชาดีเท่านั้น ยังเตรียมจะล่าสัตว์ด้วยตนเองเพื่อทำอาหารให้มู่อวี่กินด้วย นี่เป็นการปฏิบัติอย่างดีถึงดีที่สุดแล้ว!
ส่วนเขาเล่า?
ดื่มน้ำแกงสักอึกได้หรือไม่?
‘ได้ก็บ้าแล้ว!’
เขาร้องไห้อย่างเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม น้ำตาไหลออกมาระหว่างตะโกนก้องอยู่ในใจ
ด้วยสถานะของเขา กระทั่งน้ำแกงเหลือยังไม่มีให้!
‘ชีวิตที่น่าสังเวชของข้ารีบจบเร็ว ๆ เถิด ให้ข้าได้กลับสู่การเกิดใหม่ ชาติหน้าข้าจะได้เป็นสตรี!!!’
จั่วเหยียนร้องโหยหวนในใจ
……….